φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ



[E×E] ตอนที่ ๗ ตะวัน (陽)
เขียนเมื่อ 2009/09/18 18:36
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42

 

 

[E×E] Empty×Embryo ~ ตอนที่ ๗ ตะวัน (陽)

>> กลับไปตอนที่ ๖
>> อ่านต่อตอนที่ ๘
>> กลับไปหน้าแนะนำเรื่อง
>> กลับไปหน้าสารบัญ

 

 

 

หลังจากเดินออกจากโรงพยาบาลมาผมกับมากินะก็มาเดินเล่นกันต่อจนมาถึงบริเวณชายหาด

ว้าว ทะเล...!

เมืองนี้เป็นเมืองท่าอยู่แล้ว ดังนั้นแค่เดินมาไม่ไกลก็สามารถมองเห็นทะเลได้ ถึงอย่างนั้นแต่เมืองนี้ก็มีทางลาดเขาอยู่เยอะทีเดียว นับว่าเป็นลักษณะพิเศษของเมืองนี้เลย

ท่านพี่ ท่านพี่ มีแมงกะพรุนด้วยล่ะ แมงกะพรุน!

ก็ทะเลนี่นะ

เมื่อมองลงไปยังผิวทะเลก็มองเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวใสๆลอยอยู่มากมาย เวลานี้เป็นเดือนกันยายน ก็คงจะได้เวลาที่มันจะออกมากันไม่แปลกล่ะนะ

ท่านพี่รู้หรือเปล่า? แมงกะพรุนน่ะมีพิษด้วยล่ะ

รู้อยู่แล้วล่ะ

แมงกะพรุนไฟกับแมงกะพรุนกล่องน่ะมีพิษที่เป็นอันตรายถึงชีวิตเลยนะ *

หือ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะนี่ แมงกะพรุนที่อันตรายขนาดนี้ก็มีด้วยสินะ

แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่มีถุงพิษไงล่ะ ร่างกายประกอบกันเป็นโคโลนีด้วยเจลาตินน่ะ

โห รู้ละเอียดจังเลยนะ

จากนั้นมากินะก็ค่อยๆอธิบายเกี่ยวกับแมงกะพรุนให้ฟังอย่างละเอียด

แล้วก็นะ แล้วก็...

มากินะ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่ไม่รู้อยู่มากเลย พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ไว้พี่เรียนรู้มามากกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีนะ

อื้อ เข้าใจแล้ว ไว้ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็มาถามได้เลย

อื้อ ไว้ถ้าเวลานั้นมาถึงละก็จะมาถามมากินะก่อนเลย

ว่าแต่มากินะไปเรียนรู้ไอ้เรื่องที่ดูมองไม่เห็นประโยชน์แบบนี้มาจากไหนกันน่ะ ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย

นี่ๆ เราเลี้ยงแมงกะพรุนไว้ที่บ้านได้มั้ย?

ไม่ได้

ถึงจะแค่คิดก็เถอะ แต่ว่าการเลี้ยงแมงกะพรุนเนี่ยดูท่าจะเป็นเรื่องยากแน่นอน คงเปลืองทั้งเงินและเวลา อีกอย่างถ้าจะเลี้ยงทั้งทีน่าจะหาสัตว์เลี้ยงที่ดูเหมาะกับเด็กผู้หญิงหน่อยนะ

ท่านพี่ขี้เหนียว

บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้

พอบอกไปอย่างนั้น มากินะก็ทำท่าเสียดายมองมา จากนั้นสักพักก็หันกลับไปทางแมงกะพรุนต่อ

มากินะ อาการไม่เป็นอะไรแล้วนะ?

อื้อ สบายมาก

งั้นเดี๋ยวพี่ไปซื้ออะไรดื่มสักหน่อย มากินะอยากได้อะไรมั้ยล่ะ?

งั้นขอน้ำบาวารัวส์

...นี่ก็แปลกอีกแล้ว น้ำบาวารัวส์ที่ว่านี่ มันมีขายอยู่ทั่วไปด้วยเหรอ? *

งั้นเดี๋ยวจะไปซื้อมา รออยู่นี่อย่าไปไหนนะ

จากนั้นผมก็เดินออกไปเพื่อซื้อน้ำ ระหว่างทางก็โทรศัพท์ไปหาซายะซัง ดูเหมือนซายะซังจะยังคงกำลังงานยุ่งอยู่ตอนนี้เลยกลับมาไม่ได้ แต่ก็ยืนยันว่าเย็นนี้จะกลับมาทันแน่นอน

 

--------------------

 

ผมถือชาฝรั่งของตัวเองเดินกลับมาจากตู้ขายน้ำอัตโนมัติ

มีอยู่จริงด้วยสิ น้ำบาวารัวส์ที่ว่านี่

เห็นข้างขวดมีเขียนว่าโปรดเขย่าก่อนดื่ม ผมก็เลยลองเขย่าดูเบาๆ แต่กลับไม่รู้สึกถึงศูนย์ถ่วงที่ขยับไปมาเหมือนอย่างของเหลวเลย ไม่เป็นไรจริงๆแน่หรือนี่ ระหว่างที่กำลังคิดไปเรื่อยๆ ก็เดินกลับมาถึงพอดี

เอ๋? มากินะไม่อยู่แล้วหายไปไหนกันน่ะ แปลกจัง

นี่ มากินะ?

จากนั้นผมก็ลองมองไปรอบๆเพื่อตามหามากินะ... นั่นไงอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนจะกำลังคุยกับใครอยู่

คือว่า สถานีอยู่ตรงโน้นน่ะ

ตรงโน้น? ตรงไปเลยได้เหรอ?

อื้อ ใช่แล้วล่ะ

นั่นมันโนมิยะซังไม่ใช่หรือนี่?

งั้นเหรอ ขอบใจนะ

อื้อ แล้วเจอกันนะ พี่สาวหลงทาง

พี่สาวหลงทาง?

ผมเริ่มส่งเสียงออกไป

เอ๋? ท..ทำไมฟุชิมิคุงถึงได้มาอยู่ที่นี่...?

อ๊ะ ท่านพี่...!

บอกแล้วไงว่าอย่าไปไหน ตามหาแทบแย่

ขอโทษนะท่านพี่ แต่ว่าพี่สาวคนนี้เขากำลังหลงทางน่ะ

ท่านพี่? ฟุชิมิคุงเป็นท่านพี่?

เอ๋? ท่านพี่รู้จักกับพี่สาวคนนี้ด้วยเหรอ?

เป็นเพื่อนร่วมชั้นน่ะ

เห็นเรียกว่าท่านพี่มาตั้งแต่ตะกี้แล้ว เด็กคนนี้...

น้องสาวของเราเองน่ะ

หนูชื่อฟุชิมิ มากินะค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย

โนมิยะซังมองมาที่ผมกับมากินะแล้วก็ทำหน้าไม่สบายใจและถอนหายใจขึ้น

หืม? เป็นอะไรไปเหรอ พี่สาวหลงทาง?

ทันทีมากินะพูดขึ้น โนมิยะซังก็หันไปจ้องอย่างไม่พอใจทันที แต่เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก ก็เลยเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที

คือว่านะ... แบบว่า ช่วยเลิกเรียกว่าพี่สาวหลงทางแบบนี้จะได้มั้ย?

เอ๋... แล้วจะให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ?

โนมิยะ ยู พี่ชื่อโนมิยะ ยู

โนมิยะ ยู? งั้นขอเรียกว่าพี่ยูละกันนะ

เอ่อ...... เอาเถอะ ก็คงได้ล่ะ

อื้อ งั้นขอเรียกแบบนี้นะ

มากินะยิ้มขึ้นอย่างดีใจโดยไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าที่ดูลำบากใจของโนมิยะซัง

ว่าแต่ มาทำอะไรที่นี่น่ะ?

แค่เดินเล่นน่ะ แล้วโนมิยะซังล่ะ?

เราก็มาเดินเล่น

งั้นเองเหรอ

อะไร? อยากจะพูดอะไรงั้นเหรอ?

เปล่า ไม่มีอะไรนี่

เราจะมาเดินเล่นที่ไหนมันก็เรื่องของเราไม่ใช่เหรอ

บอกแล้วไงว่ายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย

......ฮึ่ม...

แล้วโนมิยะซังก็หันมาจ้องผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ ...อะไรกันน่ะสายตาแบบนี้ ไม่เห็นจะเข้าใจเหตุผลเลยสักนิด

ในตอนนั้นมากินะก็มาทวงน้ำบาวารัวส์จากผม เมื่อผมยื่นให้ มากินะก็เอาขวดไปเขย่าเล่นอย่างสนุกสนาน ระหว่างนั้นโนมิยะซังก็ได้พูดขึ้น

งั้นเราขอตัวก่อนนะ

เดี๋ยวสิ

ผมเรียกโนมิยะซังที่กำลังจะเดินออกไปให้หยุด

มีอะไรงั้นเหรอ

ให้ไปส่งถึงสถานีให้เอามั้ย?

รู้ทางอยู่แล้วน่ะไม่ต้องห่วง

ทีตะกี้เห็นยังต้องถามมากินะอยู่-...

ตะกี้ว่าไงนะ...?

ป..เปล่า ไม่มีอะไรครับ

ผมรีบหยุดคำพูดที่ตัวเองกำลังจะพูดเอาไว้ ขืนพูดออกไปโนมิยะซังคงได้โกรธเอาแน่

ที่จริงแล้ว ทำไมถึงต้องมาสนใจเราขนาดนี้ด้วยล่ะ?

ก็ธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แถมยังเป็นคนที่เมื่อก่อนเคยรู้จักกันด้วยสิ

พอพูดถึงตรงนี้แล้วก็ทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างออกขึ้นมา

จะว่าไปแล้ว ไอ้ที่เหมือนบาร์โค้ดนั่น... หวา!

ขณะที่ผมยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นก็มีหมัดพร้อมเสียงคำรามลอยแหวกอากาศตรงเข้ามา

บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ลืมไปซะ

ถึงจะว่างั้นก็เถอะ แต่ว่ามันไม่สบายใจ...

จะขอพูดอีกเพียงครั้งเดียว ลืมมันไปซะ ยิ่งเร็วยิ่งดี เข้าใจมั้ย?

ร..รับทราบครับผม จะดำเนินการให้เรียบร้อย

รู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันแรงกล้าออกมาจากตาคู่นั้น ผมจึงต้องตอบรับไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดูเหมือนว่าไม่พูดเรื่องเมื่อวันเสาร์นี่อีกเลยจะดีกว่าแฮะ

ในจังหวะนั้นมากินะที่เพิ่งดื่มน้ำบาวารัวส์เสร็จ ก็หันมาทางนี้

ท่านพี่ เห็นคุยอะไรอยู่กับพี่ยูมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ?

 “อ่อ ได้เวลารีบกลับแล้วล่ะ เมื่อกี้กำลังชวนอยู่ว่าจะกลับด้วยกันมั้ยน่ะ

ผมตอบมากินะ

งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว งั้นไปกับมากินะเถอะ จะช่วยแนะนำให้

เอ๋? เดี๋ยวสิ

มากินะพูดขึ้น จากนั้นก็จับมือโนมิยะซังแล้วดึงลากพาไปทางสถานี

“เอ๊ะ? เอ่อ เดี๋ยวสิ”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

“ไม่ใช่อย่างนั้น...”

“ทางนี้ ทางนี้”

“เดี๋ยวสิ ปล่อยมือเถอะ...”

แล้วโนมิยะซังก็ถูกมากินะลากไปอย่างไม่อาจขัดได้

 

--------------------

 

หลังจากเดินไปสักพัก มากินะถึงได้ยอมปล่อยมือลง

เฮ้อ...

เป็นอะไรไปเหรอ? ถอนหายใจ

เป็นน้องสาวที่ตื๊อจริงๆเลยนะ

โนมิยะซังแอบบ่นขึ้นอย่างเหนื่อยใจ ในขณะที่มากินะกำลังเดินนำอยู่ข้างหน้า

นี่ คุณแม่ของฟุชิมิคุงก็ตายด้วยอุบัติเหตุสินะ?

อื้อ ก็ งั้นเหรอ หมายความว่าโนมิยะซังเองก็...

ใช่ คุณพ่อเราตายในอุบัติเหตุไฟไหม้ครั้งนั้น

แล้วคุณพ่อของฟุชิมิคุงล่ะ?

ตายไปแล้วล่ะ ตายด้วยโรคน่ะ ก่อนคุณแม่อีก ก่อนที่เราจะเข้าจะเข้าโรงพยาบาล

......งั้นเองเหรอ

เพราะฉะนั้นตอนที่คุณแม่ตายไปนี่ก็ถึงกับไม่รู้จะทำยังไงเลยล่ะ รู้สึกมืดแปดด้านไปหมด

เรื่องแบบนั้นไม่ใช่แค่เรา แต่โนมิยะซังเองก็เหมือนกันงั้นสินะ

ฟุชิมิคุงอยู่เมืองนี้มาตลอดเหรอ?

ใช่ แต่ว่าบ้านก็ขายไปแล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่ห้องเช่าขนาดกลางน่ะ

กับน้องสาวน่ะเหรอ?

เปล่า มีอีกคนนึงที่อยู่ด้วยกัน เป็นคนที่จะว่าไปก็เหมือนกับเป็นพี่สาวน่ะ

อืม......

แล้วโนมิยะซังล่ะ? ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

มันออกจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อน่ะ ตั้งแต่เราจำความได้คุณแม่ก็ไม่อยู่แล้ว ดังนั้นพอคุณพ่อตายไปก็เลยต้องไปอยู่สถานรับเลี้ยง เพราะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเลยนี่นะ ก็ต้องเป็นอย่างนั้นเป็นธรรมดาล่ะ มันน่าเบื่อจริงๆเลย แล้วฟุชิมิคุงล่ะ ช่วง ๑๐ ปีมานี้เป็นยังไงบ้าง ดำเนินชีวิตอยู่กับน้องสาวแล้วก็คนที่ว่าเหมือนกับเป็นพี่สาวนั่นมาได้อย่างปกติเลยเหรอ?

เอ่... จะว่าไปมันก็คงปกติล่ะมั้งนะ

สำหรับเราแล้ว มันเป็น ๑๐ ปีที่น่าเบื่อจริงๆ

เธอพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ราวกับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ไปก็ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานสิ

ถ้าทำแบบนั้นได้ก็คงจะดีอยู่หรอกนะ

การใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานน่ะเป็นกำไรชีวิตนะ

โนมิยะซังหันมาจ้องหน้าผมแล้วทำท่าหรี่ตาลง

แบบนั้นน่ะมันคำพูดของคนที่ใช้ชีวิตเสเพลกับการพนันไปเรื่อย

งั้นเหรอ...

เธอเนี่ยดูมีความสุขจริงๆเลยนะ

...หมายความว่าไงกัน

ความหมายตามที่พูดนั่นล่ะ อย่างน้อยเราคงไม่อาจจะคิดอะไรแบบนี้ได้ เพราะไม่อยู่ในฐานะแบบนั้น แค่นั้นล่ะ

พูดจบเธอก็เริ่มเดินแยกออกไปอีกทาง

บ้านเราอยู่ทางนี้ ขอตัวก่อนล่ะ

อื้อ แล้วเจอกันพรุ่งนี้

บ๊ายบาย พี่ยู

ผมกับมากินะ กล่าวลาโนมิยะซัง

ท่านพี่ กลับบ้านกันเถอะ จัดปาร์ตีกัน ปาร์ตี!

จากนั้นผมกับมากินะก็เดินจูงมือกันกลับบ้าน

 

--------------------

 

มากินะจัง สุขสันต์วันเกิด

เมื่อกลับมาถึงบ้าน พวกเราก็จัดงานเลี้ยงวันเกิดมากินะขึ้น

เอ้า มากินะจัง นี่จ้ะของขวัญ

ขอบคุณมาก พี่ซายะ

เมื่อรับกล่องของขวัญมากินะก็ขอเปิดดูทันที ข้างในนั้นเป็นกระจกขนาดมือถือที่ประดับลวดลายสวยงาม มากินะจ้องของที่อยู่ตรงหน้านั้นอยู่สักพัก

นี่ๆ แล้วท่านพี่ล่ะ?

แน่นอนต้องมีอยู่แล้ว แต่อาจจะธรรมดาไปหน่อยนะ

ระหว่างที่พูด ผมก็ยื่นกล่องของขวัญให้

เอ้านี่

ขอเปิดนะ

จากนั้นมากินะก็เปิดกล่องของขวัญออก มากินะจ้องมองตุ๊กตาแมวยัดนุ่นซึ่งอยู่ข้างในแล้วตะโกนขึ้นอย่างดีใจ

ว้าว แมว! ขอบคุณมากท่านพี่

ว่าแต่ว่า แล้วฮิซาชิล่ะ หมอนั่นให้ของขวัญอะไรมางั้นเหรอ

อ้าว ยังมีคนอื่นให้ของขวัญมาอีกเหรอ?

ซายะซังถามขึ้น

อ๋อ พอดีเจอกันระหว่างทางน่ะ ดูเหมือนมันจะจำวันเกิดมากินะได้ด้วย ก็เลยฝากมา

งั้นหรือจ๊ะ แบบนี้ไว้เจอกันครั้งหน้าคงต้องขอบคุณสักหน่อยแล้ว

จะขอบคุณหรือไม่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าของที่อยู่ข้างในนั้นเป็นอะไรด้วยล่ะ แล้วตกลงว่ามันให้อะไรมากันนะ

อ๋อ คือว่านะ งั้นขอไปเตรียมตัวสักหน่อยนะ

อ้าว มากินะจัง?

พูดจบมากินะก็รีบเดินกลับไปยังห้องตัวเอง... เตรียมตัวเหรอ? หมายความว่ายังไงกัน?

โทวยะซังก็ไม่รู้ว่าของที่ได้รับมาคืออะไรงั้นหรือคะ?

ไม่รู้เหมือนกันครับ

คืออะไรกันนะ ของขวัญที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวเนี่ย

...ผมเองก็ชักสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเหมือนกัน

สักพักก็เห็นมากินะเดินออกมา

แต่น แต๊น

มากินะกำลังอยู่ในชุดวันพีซบาง สวมหมวก มีหลอดบางอย่างห้อยอยู่ หรือจะพูดให้ชัดก็คือ... ชุดนางพยาบาล ดูๆไปแล้วก็เป็นชุดนางพยาบาลที่สั้นมากด้วย แถมไม่ใช่สีขาวแต่เป็นสีชมพู

ที่จริงแล้วมากินะเป็นนางพยาบาลล่ะ

............

ท่านพี่ พี่ซายะ มากินะน่ารักมั้ย?

เดี๋ยวนะ สวมชุดอย่างนี้หมายความว่าไงกันน่ะ?

หืม? ก็นี่เป็นของขวัญที่ฮี้ตันให้มาไงล่ะ

ไอ้เจ้าบ้านั่น

ท่านพี่ มากินะดูไม่น่ารักเหรอ? ไม่เข้ากันเหรอ?

ก็เข้ากันอยู่หรอก...

ไม่ใช่อย่างนั้นสินะ โทวยะซัง คำตอบที่คนเป็นพี่ควรจะตอบน่ะ คงไม่ใช่อย่างนั้นสินะจ๊ะ

จู่ๆ  ซายะซังก็พูดแทรกขึ้น

เอ๋!? ค..ครับ!

ท่านพี่เป็นอะไรเหรอ? ให้พยาบาลมากินะช่วยรักษาให้เอามั้ย?

เปล่าไม่มีไข้หรอก จะว่าเข้าก็เข้าอยู่หรอก แต่ช่วยถอดออกก่อนเถอะ

ทำไมอ่า มากินะใช้ไม่ได้เหรอ หรือว่าไม่เข้ากันงั้นเหรอ?

ไม่ใช่อย่างนั้น.... อ่อใช่... ก็เดี๋ยวต้องทานข้าวอีก เดี๋ยวชุดจะเลอะเอานะ

อื้อ นั่นสินะ

ที่สำคัญชุดแบบนี้เอาไว้สวมใส่ตามโอกาสน่าจะมีประโยชน์มากกว่าใช่มั้ยล่ะ

อ่อ จริงด้วย ท่านพี่ฉลาดมาก

งั้นก็รีบเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิมได้แล้ว

อื้อ

จากนั้นมากินะก็เดินกลับไปยังห้องตัวเอง

โทวยะซัง

พอหันกลับไปก็เจอซายะซังกำลังมีออร่าพวยพุ่งออกมาอยู่

ขอถามเผื่อไว้ก่อน โทวยะซังตอนที่มองมากินะจังเมื่อตะกี้น่ะไม่มีความรู้สึกแปลกๆอะไรงั้นสินะคะ?

ความรู้สึกแปลกๆ?

กระสับกระส่ายหรือว่ารุ่มๆร้อนๆอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ

ไม่มีอยู่แล้วล่ะครับ

อาจจะมีความรู้สึกคล้ายๆแบบนั้นอยู่บ้าง แต่ถึงยังไงก็น้องสาว ยังไงก็ไม่อาจคิดแบบนั้นได้หรอก

แน่ใจนะคะ?

ครับ

งั้นก็ดีแล้วล่ะจ้ะ ถ้าหากว่าโทวยะซังเกิดมีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ช่วยบอกด้วยนะคะ

เอ๋? เอ่อ... คือว่า...

จะช่วยจับไปลอยทะเลเป็นการสั่งสอนจนกว่าความรู้สึกแบบนั้นจะหายไปเลย

...โปรดเมตตาด้วยเถอะครับ

จากนั้นมากินะที่ออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็เดินกลับมา และพวกเราก็จัดงานเลี้ยงกันต่อ

 

--------------------

 

นาโอยุกิกำลังนั่งอยู่คนเดียวภายในห้องผู้อำนวยการ ในขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหา เป็นหญิงสาวสวมแว่นตาและสวมชุดกาวน์ทับชุดไปรเวทธรรมดาๆข้างในไว้

“อาการเป็นยังไงบ้างล่ะ”

นาโอยุกิถามหญิงสาวตรงหน้า

“สติยังเลือนๆอยู่เลยค่ะ ภายในหัวตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนมีหมอกขาวบางๆปกคลุมอยู่ตลอดเวลา แต่ก็น่าจะอยู่ในขอบเขตที่พอทนได้”

“แล้วอาการของคนอื่นล่ะ?”

“ทุกคนกำลังวิตกกันอยู่ คงฝืนไม่ไหว”

“แล้วเธอล่ะไม่เป็นอย่างนั้นบ้างเหรอ?”

“ก็เป็นแบบนั้นอยู่หรอก แต่ว่าความรู้สึกดีใจมันคงจะมีมากกว่าล่ะมั้งคะ ก็ประสบการณ์แบบนี้น่ะแทบไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเจอได้ง่ายๆเลยนี่คะ”

หญิงสาวยิ้มให้กับคำพูดของนาโอยุกิ นาโอยุกิเองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่น่ากลัวจากรอยยิ้มนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและยิงคำถามต่อ

แล้วเรื่องการแปลงดิจิทัลล่ะ มีใครบอกไม่เห็นด้วยที่จะทำต่อบ้างมั้ย?

ไอ้เรื่องที่จะทำตอนนี้น่ะเป็นการวิจัยที่น่าสนใจมาก ไม่ใช่แค่ดีเอ็นเอ แต่การที่จะได้มองเห็นวิญญาณจริงๆเนี่ย ดูเหมือนจะต่างจากรุ่นก่อนเลยนะคะ

นาโอยุกิเริ่มมีท่าทีสนใจต่อสิ่งที่หญิงสาวพูดขึ้นมาเล็กน้อย แต่พอได้ยินการเอ่ยพาดพิงถึงบุคคลที่แทบไม่อยากพูดถึงขึ้น ก็มีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็พ่ายแพ้ต่อความอยากรู้อยากเห็นจึงถามออกไป

“...๑๐ ปีก่อน คุณพ่อทำการวิจัยไปเพื่ออะไรกันน่ะ?”

“ไม่ทราบงั้นหรือคะ? มันเป็นความปรารถนาที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยฝันถึงอย่างน้อยสักครั้งไงล่ะคะ ...ความไม่แก่ไม่ตาย คือถ่ายทอดวิญญาณของตัวเองไปสู่คนที่อายุน้อยกว่า แล้วก็มีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ชายคนนั้นทำการวิจัยขึ้นแค่เพื่อสิ่งนั้นไงล่ะคะ”

“ฮึ เป็นการวิจัยที่ไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ แถมยังเป็นเรื่องที่สมกับเป็นชายคนนั้นจริงๆ”

นาโอยุกิทำหน้าเหมือนเสียดายที่ต้องมาฟังเรื่องแบบนี้

“แต่ว่าวิญญาณงั้นเหรอ... ราวกับเป็นเรื่องของพระเจ้าเลยนะคะ ชักรู้สึกใจเต้นขึ้นมาแล้วสิ”

“นั่นเป็นความคิดของเธอสินะ แล้วคนอื่นๆล่ะ?”

“ไม่รู้สิคะ ชั้นไม่อาจรู้ความรู้สึกของคนอื่นหรอก รู้แต่ว่ามีการทดลองที่น่าสนใจอยู่ เพียงแค่นั้นก็พอ ...อ่อ แต่จะว่าไปก็มีออกมา ๒-๓ คนแล้วล่ะค่ะ”

“แล้วมีอุปสรรคอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงยังไงก็มีบุคลากรอยู่พร้อมดี”

“งั้นก็ดี งานเป็นไงบ้าง? ดำเนินไปได้ราบรื่นดีมั้ย?”

“ค่ะ ก็มีข้อมูลที่ยังขาดๆไปอยู่บ้าง แต่โดยหลักๆแล้วก็ถือว่าพร้อม ยิ่งถ้ารวมกับข้อมูลในครั้งนี้”

“ฝากจัดการทางนั้นด้วย ทำอะไรก็ได้ตามสบาย แล้วมีอะไรไม่พออีกมั้ย?”

“ด้านเครื่องไม้เครื่องมือน่ะเพียงพอแล้วค่ะ ยิ่งรวมข้อมูลของ ๑๐ ปีก่อนเข้ากับของครั้งนี้ แต่ไม่คิดเลยนะคะว่าคอมพิวเตอร์จะพัฒนาไปได้ไกลขนาดนี้”

“ถ้าหากว่ามีอะไรไม่พอ บอกฉันได้”

“ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรที่เกินกำลังแต่ที่อยากได้มากกว่าก็คือตัวอย่างทดลองน่ะค่ะ”

“ตัวอย่างทดลอง?”

“เพราะว่าไม่มีคนที่จะเสียสติถึงขนาดเอาร่างกายของพวกตัวเองไปทำการทดลองน่ะสิคะ”

“งั้นเหรอ รอแป๊บนะ”

พูดจบนาโอยุกิก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วโทรออกไปที่ไหนสักแห่ง

กำลังจะมาแล้วล่ะ

อะไรหรือคะ? มีผู้ป่วยที่จะรับมาเป็นตัวอย่างทดลองให้งั้นหรือคะ?

เดี๋ยวก็รู้

......หืม?

สักพักก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

มาเร็วจังเลยนะคะ

เอ้า พามาแล้ว

ชิโอริเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถือแมวเข้ามาด้วย แล้วหันมาทางหญิงสาว

...แมว?

 “ใช้นี่เป็นตัวอย่างทดลองนะ

ใช้แมวเนี่ยเหรอ?

หญิงสาวมีสีหน้าเคลือบแคลงสงสัยต่อแมวที่ชิโอริกอดอยู่นั้น

 

--------------------

 

หลังจากงานเลี้ยงเสร็จ ผมก็กลับเข้าห้องจะมานอน ก่อนอื่นก็ต้องจัดเตรียมของสำหรับเรียนวันพรุ่งนี้ก่อน ว่าแต่เอ... รู้สึกเหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง จะว่าของที่ใช้ในคาบเรียน...ก็ไม่ใช่ การบ้านก็ไม่ใช่ หรือว่าของที่ยืมมาจากใคร? ก็ไม่ใช่

จะว่าไป ยืมของงั้นเหรอ? ...อ้อ นึกออกแล้ว สัญญากับโคโนะไว้ว่าจะเอาเกมไปให้นี่นา ใช่แล้ว ต้องเอาไปด้วย ว่าแต่เจ้าตัวคงมีตัวเครื่องเกมอยู่แล้วสินะไม่อย่างนั้นคงไม่มาขอยืม

...แต่ยังไงก็เอาไปเผื่อละกัน ยิ่งเป็นโคโนะอยู่ด้วยสิ

เอาล่ะ นอนดีกว่า

จากนั้นผมก็ปิดไฟแล้วเข้านอน

 

====================

 

* แมงกะพรุนกล่อง(ハコクラゲ) ที่มากินะพูดถึงคือแมงกะพรุนฮาบุ(ハブクラゲ) ซึ่งพบมากในแถบหมู่เกาะโอกินาวะหรือหมู่เกาะอามามิ มีพิษร้ายแรงถึงตายได้

* บาวารัวส์ (bavarois ) หรือ บาแยริเชอ เครเมอ(Bayerische Creme) เป็นชื่อเรียกขนมฝรั่งชนิดหนึ่ง ชื่อมีที่มาจากชื่อแคว้นบาวาเรีย(Bavaria) หรือ บาเยิร์น(Bayern) ของเยอรมนิ

--------------------

รวมศัพท์ท้ายตอน
鰹の烏帽子 カツオノエボシ แมงกะพรุนไฟ
波布海月 ハブクラゲ แมงกะพรุนฮาบุ
群体 ぐんたい โคโลนี(ในทางชีววิทยา)
善処 ぜんしょ การจัดการให้เรียบร้อย,การดำเนินมาตรการที่เหมาะสม
進み出る すすみでる ก้าวไปข้างหน้า,อาสาสมัคร
羽織る はおる สวบทับ,คลุม
靄 もや หมอกบาง ๆ
許容範囲 きょようはんい ขอบเขตที่ยอมรับได้
逡巡 しゅんじゅん การลังเลใจ
機材 きざい อุปกรณ์,เครื่องจักร,ส่วนที่เป็นเครื่องจักร



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- บันเทิง >> เกม >> vn

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目次

日本による名言集
モジュール
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
機械学習
-- ニューラル
     ネットワーク
javascript
モンゴル語
言語学
maya
確率論
日本での日記
中国での日記
-- 北京での日記
-- 香港での日記
-- 澳門での日記
台灣での日記
北欧での日記
他の国での日記
qiita
その他の記事

記事の類別



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  記事を検索

  おすすめの記事

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文