φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ



[E×E] ตอนที่ ๑๑ อุปสรรค (障り)
เขียนเมื่อ 2009/12/13 18:47
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42

[E×E] Empty×Embryo ~ ตอนที่ ๑๑ อุปสรรค (障り) 

>> กลับไปตอนที่ ๑๐
>> อ่านต่อตอนที่ ๑๒
>> กลับไปหน้าแนะนำเรื่อง
>> กลับไปหน้าสารบัญ

 

 

 

 

หยุดได้แล้ว ไอ้เจ้าพวกบ้าเอ๊ย

เสียงตวาดได้ดังขึ้น เมื่อผมกับโนมิยะซังหันกลับไปทางเสียงนั้น ก็พบผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ ทั้งที่อยู่ในช่วงปลายหน้าร้อนแท้ๆแต่ชายคนนี้กลับใส่เสื้อโค้ทสีดำ ที่ปากมีคาบบุหรี่ ใบหน้าเคร่งเครียด ท่าทีดูเย็นชา

พอกันได้แล้ว นี่มัวทำอะไรกันอยู่น่ะ

แต่ว่าเด็กพวกนี้ดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง โดยเฉพาะสาวน้อยคนนี้ต้องรู้อะไรแน่นอน

เธอน่ะเงียบไปเลย... นี่ชั้นอุจิงามิ คาเงโอมิเอง ได้รับสารมาจากเบื้องบนแล้วสินะ

ชายคนนั้นหันไปพูดกับโคโนะ แต่เธอก็ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร

งั้นเด็กคนนี้ก็คือ คนที่จะมาเข้าร่วม?

คิฟุเนะ มิโอะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูตกใจ

ไอ้ระบบที่ไม่ให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักหน้ากันเนี่ย มันควรจะเปลี่ยนได้แล้วนะ

เขาถือกระดาษสีขาวแสดงให้โคโนะดู เท่าที่มองเห็นจากตรงนี้แม้จะไม่ชัดเจนแต่ก็เข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นเอกสารอะไรบางอย่าง โคโนะมองไปยังทั้งสองคนนั้นสลับกันไปมาด้วยท่าทีที่ยังเคลือบแคลงสงสัย แต่แล้วก็เริ่มคลายความหวาดระแวงลง

แล้วเจ้าพวกเด็กที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะมันอะไรกัน?

ชายคนนั้นหันสายตามามองทางผมกับโนมิยะซัง

นั่นเพื่อนร่วมชั้นของฉันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องคราวนี้

โคโนะตอบ

สรุปง่ายๆก็คือต่างฝ่ายต่างคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูกัน แค่นั้นสินะ

ถ้าให้พูดสั้นๆก็ประมาณนั้นล่ะ

อื้อ ตามนั้น

คิฟุเนะ มิโอะตอบ ตามด้วยโคโนะช่วยเสริม

ไอ้เจ้าพวกงี่เง่าเอ๊ย หยุดเรื่องไร้สาระกันไว้แค่นี้แหละ ไปกันได้แล้ว

จากนั้นเขาก็หันไปทางโคโนะ

เอ็งก็ตามมาด้วย อยากจะคุยเกี่ยวกับความเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็แนวทางต่อจากนี้สักหน่อย

อื้อ ทราบแล้ว

โคโนะตอบ จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับคิฟุเนะ มิโอะและชายคนนั้น พอผมเห็นดังนั้น จึงรีบส่งเสียงออกไป

เดี๋ยวสิ! รอเดี๋ยวก่อน!”

...มีอะไร? เจ้าหนู

จะไม่ช่วยอธิบายอะไรหน่อยเลยเหรอ?

ให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปซะ คิดซะว่าไม่ได้เห็นอะไร ไม่ได้ยินอะไร แค่นั้นล่ะ

เดี๋ยวสิ! นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ!”

ล้อเล่นหรือเปล่า ใครมันจะไปลืมเรื่องแบบนั้นลงได้ล่ะ แถมเรื่องคุณแม่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเลยด้วย จะปล่อยให้จบลงแบบนี้ไปได้ยังไงกัน

ก็ตามที่บอกไปไง

แล้วทำไมผมต้องฟังคำสั่งของคุณด้วยล่ะ

เพื่อตัวของตัวเองไงล่ะ

ก็แล้วมันอะไรกันล-...

อยากตายเหรอ?

หา?

ถ้าไม่อยากตายละก็ อย่าได้เข้ามาสอด หากอยากตายละก็ไปตายด้วยวิธีอื่นไป น่ารำคาญ

อุ...!!”

ยังคงชอบใช้คำพูดโดยไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นเหมือนเคยเลยนะ

คิฟุเนะ มิโอะพูดแทรกขึ้น

นั่นก็เพื่อเจ้าตัวเองนั่นแหละ

อื้อ มันก็ใช่ล่ะนะ

เธอแสดงสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อยและหันมามองผมด้วยสายตาเคร่งเครียด

หนุ่มน้อย ถึงเขาจะใช้คำพูดแรงไปหน่อยก็เถอะ แต่ที่พูดมานั่นก็ถูกต้องแล้ว อย่าได้ยุ่งมากไปกว่านี้เลย ถือว่าเป็นคำเตือนของพี่สาวละกันนะ

ไปกันได้แล้ว

ค่ะ ค่ะ งั้นไปก่อนล่ะนะ หนุ่มน้อย

เราเองก็คิดว่าให้ลืมไปซะจะดีกว่านะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้

โคโนะเองก็ยืนยันเช่นเดียวกัน

เดี๋ยวสิ!”

ผมยังคงพยายามตะโกนเพื่อจะรั้งทั้งสามคนเอาไว้ไม่ให้เดินจากไป

เจ้าหนู อยู่นิ่งๆ หุบปากด้วย

เขาหันมาพูดขึ้นพร้อมมองผมด้วยสายตาที่ให้ความรู้สึกกดดัน จนทำให้ผมรู้สึกเกร็งจนไม่อาจส่งเสียงใดๆออกไปได้ แม้แต่ขยับตัวก็ทำไม่ได้ ได้แต่ยืนเงียบๆรอดูท่าทีต่อไปเท่านั้น

ลืมเรื่องวันนี้ไปแต่โดยดีซะ

พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไป ผมได้แต่ยืนมองดูแผ่นหลังนั้นอยู่โดยที่ไม่อาจจะขัดขืนอะไรได้เนื่องจากแรงกดดัน

 

--------------------

 

ที่ห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาล หญิงสาวได้เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้นาโอยุกิฟัง หลังจากที่เธอเดินออกไปแล้ว โมมิจิก็ได้เข้ามาและพูดขึ้น

ดูท่าจะกลายเป็นเรื่องยุ่งเข้าแล้วสิ

ตกลงนึกออกว่าหญิงสาวถือดาบญี่ปุ่นนั่นเป็นใครงั้นเหรอ?

นาโอยุกิถามด้วยสีหน้าที่ดูจะเคร่งเครียดไม่น้อยในตอนนี้

อื้อ พูดง่ายๆก็คือ ดูเหมือนจะเป็นองค์กรอะไรบางอย่างน่ะ องค์กรพิเศษ

องค์กรพิเศษ?

ใช่ และการที่ปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้ล่ะก็ คงทายวัตถุประสงค์ได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ

...เพื่อจะหยุดยั้งการวิจัยงั้นเหรอ?

ถูกต้อง พวกองค์กรนั้นมองว่าการปลูกถ่ายวิญญาณซึ่งเป็นใจความหลักของการทดลองนี้จะเป็นอันตรายไงล่ะ ก็แหงล่ะนะ

อย่างนี้นี่เอง

แล้วจะทำยังไงล่ะ? จะเลิกล้มมั้ย?

ถ้าจะยอมแพ้ง่ายๆแค่นี้ละก็ ฉันคงไม่ทำเรื่องแบบนี้มาแต่แรก ว่าแต่ไอ้องค์กรที่ว่านี่มันอะไรกัน?

เป็นองค์กรของเหล่าจอมเวทย์น่ะ พวกเขารู้ถึงความอันตรายของไสยเวท จึงมีเป้าหมายที่จะปกปิดมัน เป็นแหล่งรวมของพวกคนดีจอมปลอมที่คิดว่าวิชาเล่นแร่แปรธาตุหรือไสยเวทอะไรพวกนี้มีเพื่อช่วยเหลือผู้คนน่ะ

องค์กรของจอมเวทย์? มันมีของแบบนี้บนโลกนี้ด้วยเหรอ?

ถึงตอนนี้แล้วจะยังปฏิเสธอีกเหรอ ฉันเองก็เป็นจอมเวทย์นะ ที่สำคัญคือการปลูกถ่ายวิญญาณน่ะก็ทำโดยใช้ไสยเวท

............

นาโอยุกิทำท่าขมวดคิ้วแล้วจ้องหน้าโมมิจิ ท่าทียิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาของเธอนั้น ยังไงก็ไม่อาจจะมองออกได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เอาเถอะ ยังไงก็ช่าง ถ้าจะทำให้เธอตื่นขึ้นมาได้ละก็ จะไสยเวทหรือว่าเวทมนตร์อะไรก็ช่าง

ใช่แล้ว มันต้องแบบนี้สิ

แล้วองค์กรที่ว่านี้น่ะมันใหญ่แค่ไหน?

ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอก แต่ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงอยู่พอสมควรในหน่วยงานของรัฐ แม้ตอนนี้จะเป็นองค์กรที่จืดจางไม่ได้มีอิทธิพลอะไร แต่ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รู้สึกว่าจะมีมาตั้งแต่สมัยยุคกลางเลยน่ะ ทั้งบุคลากร ข้อมูล ขนาด ไม่ว่าจะด้านไหนโรงพยาบาลนี้ก็เทียบไม่ติดเลยเนอะ

อย่าเอาเรื่องแบบนี้ไปเปรียบเทียบกันเลย ว่าแต่สรุปก็คือต้องทำอะไรบางอย่างก่อนที่พวกนั้นจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างจริงจังสินะ

ว่าแต่จะดีเหรอ? ที่จะยังคงดำเนินงานวิจัยต่อไปแบบนี้

ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเธอเท่านั้น ถ้าเพื่อเธอแล้วละก็ ต่อให้ต้องให้เสียสละยังไงก็ไม่เป็นไร

โดยไม่สนว่าเธอคนนั้นจะดีใจหรือไม่กับเรื่องนี้สินะ

ต่อให้ไม่ดีใจ... หรือต่อให้เสียใจก็ตาม... ขอเพียงได้เห็นผลแล้วละก็ สำหรับฉันนั่นก็คือความสุขที่สุดแล้ว

ฮึๆๆ ฉันล่ะชอบจริงๆ ไอ้ความรู้สึกที่วิปริตกับความยึดมั่นในตัวเองโดยไม่สนอะไรแบบนี้ ช่างวิเศษสุดยอดไปเลย

 

--------------------

 

หลังจากนั้นผมก็เดินกลับมาพร้อมกับโนมิยะซัง แล้วก็แยกกันกลางทาง จากนั้นก็เดินต่อมาเรื่อยๆด้วยความรู้สึกที่เลื่อนลอย พอรู้สึกตัวอีกทีก็มาถึงหน้าบ้านตัวเองแล้ว พอลองดูที่โทรศัพท์มือถือก็พบว่ามีเมลเข้ามาเต็มไปหมด นั่นต้องเป็นข้อความจากซายะซังกับมากินะแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

กลับมาแล้วครับ

เมื่อกลับมาถึงซายะซังมีท่าทีน่ากลัวเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีของผมตอนนี้จึงเปลี่ยนท่าทีกลายเป็นรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที

 

โทวยะซัง... เป็นอะไรไปงั้นหรือคะ?

เปล่า ไม่มีอะไรหรอกครับ ทำไมหรือครับ?

ผมปั้นหน้ายิ้มแล้วตอบกลับไป แต่ซายะซังก็ยังคงมีปฏิกิริยาเหมือนไม่สังเกตถึงรอยยิ้มนี้

มีเรื่องอะไรกังวลอยู่งั้นหรือคะ? ถ้ายังไงช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย?

ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่ต้องเป็นห่วง

โทวยะซัง...

มากินะนอนแล้วหรือครับ?

ค่ะ ก่อนหน้านี้สักพัก เธอพยายามจะรอโทวยะซังกลับมาแต่สุดท้ายก็ไม่ไหว

งั้นหรือครับ

คือว่านะ โทวยะซัง ฝืนไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะคะ

ซายะซังเข้ามาจับมือผมอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้น

...ซายะซัง?

แทนที่จะเก็บไว้คนเดียว ปลดปล่อยมันออกมาจะสบายใจกว่านะ

ขอบคุณมากครับ แต่ว่าผมไม่เป็นอะไรจริงๆ

โทวยะซัง...

ผมปั้นหน้ายิ้ม แล้วก็คลายมือของซายะซังออกอย่างช้าๆ เธอจ้องหน้าผมอย่างเป็นห่วง นี่ผมเก็บอาการไม่อยู่ขนาดนั้นเลยหรือนี่...

วันนี้เหนื่อยแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ โทวยะซัง

จากนั้นผมก็ขึ้นไปยังตัวเอง ก่อนนอนก็ยังคงวนเวียนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แต่ก็ไม่ได้เข้าใจอะไรขึ้นมาเลย

 

--------------------

 

รุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมา เช้านี้ก็ไม่ได้ฝันเห็นอะไรอีกแล้วสิ ตอนทานมื้อเช้าด้วยกันยังคงเห็นซายะซังแสดงท่าทีเป็นห่วงอยู่เช่นเคย

เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จผมก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อจะไปเรียนตามปกติ แต่พอเดินแยกจากมากินะกลางทาง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเท้ามันถึงได้เดินไปคนละทางกับโรงเรียน พอรู้สึกตัวอีกทีตัวเองก็มาอยู่ที่ลานกว้างที่มาเมื่อคืนนี้ซะแล้ว แต่ก็ไม่เหลือร่องรอยของเมื่อคืนเลย

ผมมองไปที่นาฬิกาอีกทีก็พบว่าถึงเวลาเริ่มเข้าเรียนแล้ว จึงรีบเดินออกไปเพื่อจะกลับไปเข้าเรียน เมื่อเห็นว่ายังไงก็ไปไม่ทันคาบเรียนแรกแน่แล้ว ผมจึงตัดสินใจว่าจะไปตอนคาบเรียนที่สองแทน แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่ระหว่างทางนั้น...

......!?”

หญิงสาวคนเดียวกับเมื่อวานปรากฏตัวขึ้น ทำให้ผมรีบแอบหลบซ่อนตัวทันที... ทำไมคุณแม่ถึงออกมาเดินอยู่ในที่แบบนี้ตามปกติล่ะนี่

ผมตัดสินใจแอบตามไปเงียบๆ แม้ว่าจะอยากส่งเสียงเรียก อยากที่จะคุยด้วยก็ตาม แต่ในหัวผมก็ยังนึกถึงภาพสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจปล่อยไปเฉยๆได้

 

--------------------

 

ผมตามมาจนถึงบริเวณหน้าหลุมศพ เห็นคุณแม่หยุดยืนคุยอยู่กับชายคนหนึ่ง

 “เจอตัวจนได้ มีเรื่องสำคัญต้องคุยกันสักหน่อยน่ะ

เรื่องสำคัญ?

อื้อ คือว่านะ อยากให้ช่วยกลับไปด้วยกันหน่อยน่ะ

ทำไมกันหรือครับ?

อันที่จริงก็คือ พวกเราพบข้อผิดพลาดบางอย่างขึ้นน่ะ

ข้อผิดพลาด?

ใช่ ถ้าปล่อยให้อยู่ข้างนอกแบบนี้อาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นก็ได้น่ะ ยังไงก็คงต้องให้กลับไปด้วยกันล่ะนะ

อย่าล้อเล่นน่ะครับ ผมไม่อยากจะไปยุ่งกับเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว

เสียใจด้วยนะ ชั้นไม่ยอมให้ปฏิเสธหรอก

คุณเข้าใจดีหรือเปล่า ว่าถ้ายังทำต่อไปแล้วจะเป็นยังไง มีแต่จะเพิ่มผู้ป่วยหมดสติไม่ทราบสาเหตุ มันมีความหมายอะไรถึงขนาดต้องเอาชีวิตผู้คนมาสังเวยกับเรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย

อย่างน้อยมันก็มีความหมายสำหรับชั้นละกัน แล้วอีกอย่าง ยังไงชีวิตคนอื่นมันก็เป็นแค่ชีวิตของคนอื่นอยู่วันยังค่ำ ความก้าวหน้ากับการพัฒนาน่ะมันต้องมีการเสียสละเสมอนั่นล่ะ ถ้าเป็นมนุษย์ที่ทุ่มเทให้กับการวิจัยละก็ เรื่องแค่นี้น่าจะเข้าใจดีไม่ใช่เหรอ

คุณมันบ้าไปแล้ว

เอาสิ จะว่ายังไงก็ช่าง ถึงยังไงชั้นก็ขอจัดการก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นก็แล้วกัน

พูดจบคุณแม่ก็เข้าไปปิดปาดชายคนนั้นไว้แล้วจับกดลงกับพื้น จากนั้นก็ใช้เข็มฉีดยาฉีดเข้าที่ลำคอ

ฝันดีนะ

จากนั้นคุณแม่ก็เดินลากผู้ชายคนนี้และกำลังเดินกลับไปยังเส้นทางที่เดินมา นี่มันอะไรกันเนี่ย? คุณแม่กำลังทำอะไรอยู่? แล้วทำให้ชายคนนี้หลับลงแบบนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันนะ? ชายคนนี้จะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่รู้สิ แต่คงถูกพาไปยังที่ที่ไม่อยากไปแน่ ว่าแต่ว่า ที่พูดถึงตะกี้ ที่ว่าทำให้เกิดผู้ป่วยหมดสติอย่างไม่ทราบสาเหตุ แสดงว่าคุณแม่ก็มีส่วนในเรื่องนี้หรือนี่ ไม่น่าเชื่อเลย

ทั้งรู้สึกกังวลและสับสน ปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปคงจะไม่ไหวแน่ ผมต้องตัดสินใจที่จะตะโกนถามออกไปให้รู้แล้วรู้รอด มาถึงตรงนี้แล้วจะให้ถอยกลับง่ายๆได้ยังไงกันล่ะ

คุณแ-...

ในจังหวะนั้นก็มีอะไรบางอย่างผลักผมให้กระเด็นออกไป จากนั้นก็โดนจับรัดไม่ให้ขยับและยังปิดปากเอาไว้

อื้อ... อื้อออ...!”

ผมพยายามที่จะดิ้นหลุดออกไป แต่กลับยิ่งไม่สามารถออกแรงได้เลย ทำได้เพียงแค่ทำท่าพยายามยื่นมือออกไป แต่ก็ได้แค่คว้าอากาศเท่านั้น

...ต้องหยุดคุณแม่ ...ต้องรีบหยุด ...คุณแม่...

 

--------------------

 

...อือ อืออ....

...อ๊ะ รู้สึกตัวแล้วเหรอ? ค่อยยังชั่ว ทำให้หลับได้ก็ดีอยู่หรอก แต่เล่นไม่ตื่นแบบนี้เลยนี่ตกใจแทบแย่แน่ะ

คิฟุเนะ มิโอะ?

ช่วยหยุดเรียกชื่อเต็มๆแบบนี้จะได้มั้ยนะนี่

พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็มาอยู่ที่แถวชายหาดแล้ว ทั้งที่เมื่อครู่นี้ยังอยู่ที่หน้าหลุมศพเห็นคุณแม่อยู่เลย ถ้าดูจากสถานการณ์แล้วก็พอเข้าใจได้ว่าคนที่จับผมไว้ตอนนั้นนั่นก็คือคิฟุเนะ มิโอะนั่นเอง

นี่มันอะไรกันน่ะ?

ก็หนุ่มน้อยน่ะกำลังจะทำอะไรไม่เข้าท่าน่ะสิชั้นก็เลยต้องใช้กำลังหยุดเอาไว้ ให้ตายสิ... ทำไมต้องพยายามที่จะรนหาที่ขนาดนั้นด้วยนะ

...ผมมีเรื่องที่อยากถามคนคนนั้น

ลืมเรื่องเมื่อวานแล้วหรือไง ถ้าเธอออกไปละก็ ได้กลายเป็นว่าโดนยายนั่นพาตัวไปแน่ เพราะฉะนั้นชั้นจึงต้องห้ามไว้ไงล่ะ

............

ทำไมถึงต้องพยายามเอาตัวเข้าไปยุ่งขนาดนั้นด้วยล่ะ

ผมอยากรู้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น... ที่เจอตอนนั้นที่นั่น

เพื่ออะไรกันล่ะ?

พอถูกถามคำถามนี้เข้าทำให้ผมเริ่มพูดไม่ออก จะตอบออกไปดีหรือเปล่านะ แต่ว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ก็จะไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะฉะนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะพูดออกไปดู ตามความรู้สึกของตัวเองตอนนี้

คนคนนั้นคือ... แม่ของผมเองน่ะ

แม่ของเธองั้นเหรอ?

รู้เรื่องอุบัติเหตุไฟไหม้เมื่อ ๑๐ ปีก่อนหรือเปล่าล่ะ?

......อืม รู้สิ ถ้าเรื่องในตอนนั้นละก็ชั้นจำมันได้ดีอย่างสุดๆเลยล่ะ

พอพูดถึงเรื่องนี้คิฟุเนะ มิโอะเริ่มตอบผมด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าหมองลง

คุณแม่น่ะตายไปแล้วตอนอุบัติเหตุเมื่อ ๑๐ ปีก่อน แต่ว่านี่กลับยังอยู่ ทั้งที่คิดว่าตายไปแล้วแต่กลับยังมีชีวิตอยู่

...หนุ่มน้อย...

นี่มันเกิดอะไรขึ้น คนคนนั้นใช่คุณแม่ของผมจริงๆน่ะหรือ และถ้าหากเป็นคุณแม่จริงๆละก็ ทำไมถึงต้องเข้ามาทำร้ายผมด้วย ทำไมถึงต้องพยายามจับชายคนนั้น  แถมยังเกี่ยวข้องกับเรื่องผู้ป่วยหมดสติอย่างไม่ทราบสาเหตุนั่นอีก คุณแม่ทำให้ผู้คนต้องมาเสียสละจริงๆน่ะหรือ?

นั่นน่ะไม่ใช่คุณแม่ของเธอหรอก

หมายความว่ายังไง?

ความหมายตามที่พูดนั่นล่ะ นั่นเป็นคนละคนกัน

......?

ผมพยายามที่จะตีความหมายของคำพูดนั้น

อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้อีกเลยจะดีกว่า เมื่อวานก็พูดแบบนี้ไปทีนึง ลืมไปแล้วเหรอ?

เรื่องแบบนั้นผมทำไม่ได้หรอก ก็คุณแม่น่ะทำให้เกิดผู้ป่วยหมดสติอย่างไม่ทราบสาเหตุนั่น อย่างกับเป็นผู้ร้ายลักพาตัวเลย เรื่องแบบนั้นจะให้ลืมไปได้ยังไง

ถ้างั้นแล้ว... ตั้งใจจะทำยังไง?

ผมอยากจะรู้... ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากคุณแม่ทำเรื่องแบบนี้จริงๆละก็ อยากจะช่วยหยุดมัน

แล้วจะห้ามได้เหรอ?

ก็เป็นคุณแม่ของผมนี่นา เป็นคนสำคัญที่ดูแลผมมา ดังนั้น...

หนุ่มน้อย ชั้นไม่อาจจะรู้สึกเศร้าร่วมไปกับเธอได้ แต่อย่างน้อยชั้นก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะ จะบอกว่าอยากที่จะช่วยคนสำคัญของตัวเองงั้นสินะ แต่ว่านะ ในโลกใบนี้น่ะมีลูกระเบิดที่ไม่อาจจะจัดการได้โดยที่ไม่รู้อะไรอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากจะหนี ไม่อยากจะหนีอีกแล้ว

ตอนที่ไฟไหม้คราวนั้นผมก็หนีมา ถึงจะแก้ตัวว่าเพราะตัวเองไม่มีพลังก็เถอะ มันก็แค่หนีความจริงที่ว่าหนีเพราะความกลัว กลัวที่จะคิดแบบนั้น ครั้งนี้ต่อให้เมินหน้าหนีไปอีกผมก็ไม่อาจลืมมันได้ลงแน่นอน รู้สึกว่าถ้าผมหนีออกไปคราวนี้ละก็ จะต้องหนีไปตลอด รู้สึกว่าตัวเองจะต้องกลายเป็นคนที่เอาแต่หนีไป

หนุ่มน้อย ไม่ใช่ว่าชั้นไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอนะ แต่ถึงยังไงชั้นก็คงยอมให้เธอไปไม่ได้

หมายความว่ายังไงกัน?

ความหมายตามที่พูดนั่นล่ะ เธอน่ะอ่อนแอเกินไป ถ้าแบบนี้ก็มีแต่จะโดนผู้หญิงคนนั้นพาตัวไป แล้วก็จบกันพอดี

คำพูดนั้นได้เสียดแทงกลางใจผม บางทีผมอาจจะไร้พลังและไม่สามารถทำอะไรได้เลยจริงๆนั่นล่ะ ถึงอย่างนั้น...

ถึงอย่างนั้น ผมก็...

อย่าได้ก้าวเข้าไปมากกว่านี้เลย ข้างหน้านี้ไม่ใช่โลกที่เธอจะเข้าไปยุ่งด้วยได้ ถ้าก้าวเข้าไปแล้วละก็ ชั้นคงไม่อาจปล่อยเธอเอาไว้ได้

............

ความกดดันในความเงียบนั้นได้เริ่มถาโถมเข้ามา ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อาจยอมแพ้ง่ายๆแค่นี้ ผมพยายามที่จะก้าวเท้าออกไปโดยหนีจากแรงกดดันที่ถูกจ้องอยู่นั้น รวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปหาเธอ

แต่ในพริบตานั้นร่างของเธอก็พลันหายไปจากตรงหน้า ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไร ในชั่วพริบตานั้นร่างกายก็ถูกโจมตีปะทะเข้ามาจนล้มลง

อ๊อก! อ๊อก!”

ยอมแพ้ซะเถอะ หนุ่มน้อย

ถึงยังไงผมก็...

ผมยังคงพยายามยืนขึ้นและก้าวต่อไปอีก แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นได้นั้นเธอก็เอาเท้ามาเหยียบเข้าที่หน้าท้องของผม

อ๊อก!”

ร่างกายเริ่มรู้สึกชาไปหมดจากการโจมตี อากาศในปอดไหลออกมาหมด ตอนนี้ผมไม่อาจจะขยับไปไหนได้อีกแล้ว

หนุ่มน้อย เธอทำได้ดีแล้วล่ะ

เธอมองลงมาแล้วพูดขึ้น

...ทำได้ ...ดี?

ชั้นเข้าใจความรู้สึกของเธอดี แต่ว่าเธอน่ะมีพลังไม่พอ ที่เหลือให้พวกชั้นจัดการเถอะ ชีวิตของคนน่ะไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้หรอก ต่อให้เพื่อคนในครอบครัวก็ตาม ดังนั้นให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเองไว้เถอะ

น้ำเสียงอ่อนโยนของเธอซึ่งช่างต่างจากท่าทีที่แสดงออกอยู่นั้น ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาภายในใจ

ถ้าเธอตายไปก็มีคนที่จะต้องเสียใจอยู่ใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นให้ความสำคัญกับมันซะ เธออาจจะคิดว่าชีวิตเป็นของตัวเองคนเดียว แต่ว่ามันไม่ใช่หรอก ชีวิตของเธอน่ะเป็นทั้งของตัวเธอเองและก็คนที่เป็นห่วงเธอ ไม่ใช่ของที่จะเอามาทิ้งง่ายๆ

ถ้าอย่างนั้นคุณแม่เองก็เหมือนกัน ไม่ใช่อะไรที่จะยอมให้สูญเสียไปง่ายๆ

...หนุ่มน้อย...

ผมไม่ได้อยากได้คำปลอบที่ว่าพยายามแล้ว หรือว่าทำได้ดีแล้ว เพราะว่าไม่อยากจะหนีจากคำพูดเหล่านั้น ผมถึง...

ทั้งที่รู้ว่าไร้พลัง ทำไมถึงพยายามเอาตัวเข้ามายุ่งล่ะ ถึงเธอจะตายไปโลกก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก ความตายน่ะมันน่าเจ็บปวด ทั้งกับเจ้าตัวเอง และกับคนรอบข้าง ไม่ใช่สิ่งสวยงามเลย อย่าได้จินตนาการอะไรเลยเถิดไปหน่อยเลย

จะให้ร้องไห้ให้กับความไร้พลังของตัวเอง แล้วก็ไม่ทำอะไรเลยงั้นเหรอ? ต่อให้ปิดหูปิดตา ปิดปากเอาไว้มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เหรอ ถ้าได้แต่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วหนีจากความเป็นจริงมาพอใจอยู่กับโลกของตัวเองแค่นั้นล่ะก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

...ถึงอย่างนั้น ...ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าตายไปเลยนะ

พูดจบเธอก็ลุกขึ้นแล้วก็ทำท่าจะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก

ตอนนี้กำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น? คุณแม่กำลังพยายามจะทำอะไรอยู่?

ลืมมันซะ

เธอส่งเสียงตอบกลับโดยไม่พูดอะไรและค่อยๆเดินจากไป ผมได้แต่มองแผ่นหลังนั้นอยู่เงียบๆโดยไม่อาจพูดอะไรได้ต่อ ทั้งที่อยากจะตามไปเพื่อที่จะถามอะไรๆต่อแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกไม่มีแรงเหลือเลย

จากนั้นความเงียบก็เริ่มเข้าปกคลุมและสติของผมก็เริ่มมืดเลือนลงอย่างไม่อาจฝืนได้อีกต่อไป ร่างกายเริ่มล้มตัวลงแต่สิ่งที่สัมผัสได้เบื้องล่างนั้นกลับไม่ใช่พื้นแข็งๆ แต่เป็นสัมผัสอะไรบางอย่างที่ดูนิ่มๆ แต่ผมก็ไม่มีสติเหลือพอที่จะคิดว่ามันคืออะไรแล้ว

 

====================

 

รวมศัพท์ท้ายตอน
秘匿 ひとく ซ่อน,ปกปิด
顔が利く かおがきく รู้จักกันเป็นอย่างดี,มีอิทธิพล,มีชื่อเสียง
薄っぺら うすっぺら บางมาก,เจือจางมาก,อ่อนมาก
独善 どくぜん การยึดมั่นในตนเอง ไม่รับฟังทฤษฎีผู้อื่น
付き物 つきもの เครื่องประดับ,ส่วนเพิ่มเติม,ส่วนที่ขาดไม่ได้
真意 しんい ความตั้งใจจริง,เจตนาที่แท้จริง,ความหมายที่แท้จริง
人攫い ひとさらい ลักพาตัว,โจรลักพาตัว

 

--------------------

 

หลังจากที่หายไปนานมากก็พอจะมีเวลากลับมาแปลต่อจนได้ ช่วงนี้สอบอะไรเสร็จก็พอจะมีเวลาว่างอยู่บ้าง แต่สอบกลางภาคก็รออยู่ในอีกไม่นาน ดังนั้นตอนต่อไปก็อาจต้องเว้นไปอีก แต่ก็จะหาเวลามาแปลอีกแม้ว่าอาจจะไม่ถี่เท่าเมื่อก่อนแล้วก็ตาม



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- บันเทิง >> เกม >> vn

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目次

日本による名言集
モジュール
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
機械学習
-- ニューラル
     ネットワーク
javascript
モンゴル語
言語学
maya
確率論
日本での日記
中国での日記
-- 北京での日記
-- 香港での日記
-- 澳門での日記
台灣での日記
北欧での日記
他の国での日記
qiita
その他の記事

記事の類別



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  記事を検索

  おすすめの記事

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文