φυβλαςのβλογ
phyblasのブログ

#พุธ 18 ก.ย. 2013

กลับมาถึงปักกิ่งได้ครึ่งเดือนแล้ว ตั้งแต่กลับมาก็มัวแต่ยุ่งกับเรื่องอ่านเปเปอร์ทำวิจัยอยู่ตลอด ไม่ได้ไปไหนเท่าไหร่ จนมาถึงวันนี้ก็ได้มีโอกาสออกไปเที่ยวเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมา

ที่มาของแผนการเที่ยววันนี้ก็คือ จากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวเรื่องเป็ดเหลืองยักษ์ที่มีการจัดแสดงไปทั่วโลกหลายประเทศ แล้วก็จะมาจัดที่ปักกิ่งในช่วงนี้ เพื่อนเราสนใจอยากไปดู เราเองก็อยากเที่ยวก็เลยมาด้วยกัน

อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเป็ดนี่ได้ใน http://thai.cri.cn/247/2013/09/04/121s213210.htm



ที่ญี่ปุ่นเองก็มีจัดแสดงอยู่ที่เมืองโอซากะ แล้วก็เมืองโอโนมิจิ (尾道) จังหวัดฮิโรชิมะ ซึ่งเป็นเมืองที่เราเคยไปมาเหมือนกัน แต่ไม่ได้ไปในช่วงที่เป็ดอยู่ https://phyblas.hinaboshi.com/20130405

ก่อนหน้าจะมาที่ปักกิ่ง เจ้าเป็ดนี่มีไปปรากฏตัวที่ฮ่องกง ซึ่งก็ทำให้เกิดกระแสเลียนแบบเป็ดสีเหลืองนี้ไปทั่วจีนตามเมืองต่างๆ

และตอนนี้ในที่สุดเป็ดเหลืองยักษ์ที่ว่านั้นได้มาจัดอยู่ที่ปักกิ่ง ถ้าหากไม่นับฮ่องกงแล้วก็ถือ่วาเป็นเมืองแรกที่เป็ดเหลืองยักษ์ของแท้มาปรากฏตัว ส่วนที่ปรากฏตัวตามเมืองต่างๆก่อนหน้านี้ล้วนเป็นของปลอม

กำหนดการของเป็ดเหลืองยักษ์ในปักกิ่งก็คือจะอยู่ที่สวนจัดแสดงสวน หยวนปั๋วหยวน (园博园) ตั้งแต่วันที่ 6 ถึง 23 กันยายน แล้วหลังจากนั้นก็จะไปจัดที่พระราชวังฤดูร้อน อี๋เหอหยวน (颐和园) วันที่ 26 กันยายน ถึง 26 ตุลาคม

มีคนวิจารณ์ว่าทำไมเป็นยักษ์มาปักกิ่งแล้วต้องไปตั้งอยู่แต่ในที่ที่ต้องเสียเงินถึงจะชมได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้จัดที่อื่นก็วางอยู่ในแม่น้ำซึ่งทุกคนเข้าถึงได้ฟรี ซึ่งเรื่องนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่าเนื่องจากปักกิ่งเป็นเมืองที่ไม่มีแม่น้ำอยู่กลางเมือง จึงต้องจัดตามทะเลสาบ ซึ่งทะเลสาบในปักกิ่งก็มีอยู่เพียงเล็กน้อย ยิ่งที่มีขนาดใหญ่ยิ่งน้อย แถมแต่ละที่ก็เก็บตังเข้าทั้งนั้นด้วย



 อันที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกสนใจเป็ดเหลืองนี้เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่าก็เป็นแค่เป็ดเหลืองๆธรรมดา แค่ตัวใหญ่ๆ เพียงแต่คิดว่าถ้ามาดูแล้วถือโอกาสมาเที่ยวชมสถานที่ด้วยก็ถือว่าไม่เลว

เนื่องจากว่าพระราชวังฤดูร้อนก่อนหน้านี้เคยไปมาแล้วจึงไม่คิดว่าจะอุตส่าห์ไปอีกเพื่อแค่ไปดูเป็ด แต่หยวนปั๋วหยวนนั้นเป็นสถานที่เที่ยวที่เพิ่งเปิดขึ้นใหม่ ยังไม่เคยไป เราจึงคิดว่าถ้าจะไปดูจริงๆก็น่าจะไปดูที่หยวนปั๋วหยวน

สถานที่นี้อยู่ค่อนข้างจะออกนอกตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ในเขตเฟิงไถ (丰台区) แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก และมีรถไฟฟ้าไปถึง คือสาย 14 ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จเปิดใช้เมื่อพฤษภาคม 2013 ที่ผ่านมานี้เอง ยังใหม่ๆอยู่เลย

ก่อนการไปนั้นเราได้ทำการจองตั๋วผ่านเว็บไซต์ โดยจะทำให้ซื้อตั๋วได้ราคาถูกลง จากที่ปกติแพงมากถึง ๑๐๐ หยวนก็เหลือคนละ ๖๖ ซึ่งก็ยังถือว่าแพงอยู่ดีแต่ก็ลดลงไปได้เยอะ แล้วถ้ายิ่งจองคนเยอะก็จะยิ่งได้ลด เราไปด้วยกันกับเพื่อน รวมแล้วสองคนก็ลดลงไปอีกหน่อยเป็นตกคนละ ๖๕ หยวน แต่ถ้าไปสามคนก็จะเหลือคนละ ๖๔ หยวน

เว็บที่ใช้จองครั้งนี้คืออันนี้ http://www.lvmama.com

แต่ที่จริงเห็นว่ามีหลายเว็บที่คล้ายๆแบบนี้ ถ้าค้นหาดูก็จะเจออีก

ขั้นตอนการจองตั๋วนั้นเป็นอะไรที่ยุ่งยากพอดู ต้องจองในเว็บ โดยต้องจ่ายเงินล่วงหน้า เสร็จแล้วก็ยังต้องโทรไปยืนยันอีกด้วย เสร็จแล้วก็รอเขาส่งเมสเสจมาทางโทรศัพท์แล้วก็ไปยืนยันผ่านทางเว็บอีกรอบ วุ่นวายพอดู แต่สุดท้าย

ปัญหาคือตอนจองต้องจ่ายเงินผ่านทางเว็บไปเลย และถ้าเกิดอะไรผิดพลาดก็คืนเงินไม่ได้ด้วย ถ้าใครคิดจะจองผ่านเว็บละก็ต้องมั่นใจว่าทำถูกขั้นตอนไม่มีพลาด และที่สำคัญเวลาที่จะไปต้องแน่นอนด้วย เพราะต้องกำหนดว่าเข้าไปวันไหนเวลาไหน แล้วถ้าเลือกวันแล้วต่อให้วันนั้นฝนตกอากาศไม่ดีทำให้ไม่น่าเที่ยวก็ตาม ก็ต้องไปเท่านั้น ไม่งั้นก็เสียฟรี



เราจองตั้งแต่วันที่ 15 เพื่อเที่ยววันที่ 18 ที่เลือกวันนี้เพราะเป็นวันธรรมดา ไม่ใช่วันหยุด ถ้าเป็นวันที่ 19-21 ละก็ ที่จีนจะเข้าสู่เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ซึ่งเป็นวันหยุด คนเที่ยวน่าจะเยอะ ดังนั้นเราเที่ยวันธรรมดาดีที่สุด

แล้วก็ถึงวัน สิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ คืออากาศแย่มากเลย ตั้งแต่เช้ามีแต่หมอก ดูเหมือนฝนจะตกมาตั้งแต่ตอนกลางคืนจนถึงเช้า ยังโชคดีว่าตอนที่กำลังจะออกไปนั้นฝนหยุดตกแล้ว แต่หมอกก็ยังคงเต็มฟ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ยังมีฝนปรอยๆตกลงมาเป็นช่วงๆระหว่างที่เที่ยวอยู่

เราไปขึ้นรถไฟฟ้าสาย 14 โดยการนั่งสาย 10 ไปต่อที่สถานีซีจวี๋ (西局站) ซึ่งเป็นสถานีที่เปิดใหม่เมื่อ 30 ธันวาคม 2012 ก่อนที่สาย 14 จะสร้างเสร็จแล้วกลายมาเป็นสถานีเชื่อมต่อ



ภายในรถไฟฟ้าสายนี้คนค่อนข้างโล่ง เพราะเป็นสายที่มีสถานีแค่ ๗ สถานีเอง แต่ระยะทางไม่ได้สั้นมาก เพียงแต่เพราะค่อนข้างจะออกนอกเมือง ระยะห่างระหว่างแต่ละสถานีก็เลยห่างมาก



พอใกล้จะถึงสถานีหยวนปั๋วหยวนซึ่งเป็นที่หมายก็พบว่ารถไฟฟ้าจากที่มุดดินอยู่ดีๆมาโผล่เหนือดินแล้ว พอเห็นทิวทัศน์ข้างนอกก็พบว่าเต็มไปด้วยหมอกอย่างที่เห็น



ถึงแล้ว สถานีหยวนปั๋วหยวน



เมื่อถึงก็ต้องนั่งรถเมล์ฟรีของสวนแห่งนี้เพื่อจะไปเข้าที่ประตู ๔ ที่จริงแล้วที่นี่มี ๖ ประตู จะเข้าที่ประตูไหนก็ได้ เพียงแต่สถานทีรับตั๋วสำหรับคนที่จองผ่านเว็บไซต์อยู่ที่ประตู 4



แล้วก็มาถึงหน้าประตู 4 จากตรงประตูนี้เรายังต้องเดินออกไปอีกหน่อยประมาณ ๑๕๐ เมตรเพื่อไปยังที่รับตั๋ว



ระหว่างทางมีร้านที่ขายเป็ดเหลืองเต็มเลย แต่แพงเกินเหตุ โดยส่วนตัวไม่ได้สนเท่าไหร่อยู่แล้วก็เลยไม่ได้ซื้ออะไร



เข้าไปรับตั๋วตรงนี้ โดยบอกรหัสที่จองผ่านทางเว็บก็เรียบร้อย ได้ตั๋วมาในราคาคนละ ๖๕ หยวน ลดลงจากราคาเดิม ๑๐๐ หยวนไปเยอะ



ได้แล้วตั๋ว ช่วงที่ไปนี้เป็นช่วงที่จัดงานนิทรรศการสวนนานาชาติ (国际园林博览会) โดยจัดช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2013



แล้วก็กลับมาเข้าประตู ๔



เมื่อเข้ามาถึง คนเยอะพอดูเลย ขนาดไม่ใช่วันหยุดแถมอากาศยังแย่แบบนี้ด้วย




เข้ามาด้านในจะเป็นบริเวณที่จัดแสดงสวนของที่ต่างๆมากมาย แต่ที่เรามุ่งความสนใจไปอย่างแรกคือเป็ดเหลืองยักษ์ ซึ่งลอยอยู่ในแม่น้ำ ผู้คนมากมายก็มุ่งไปทางเดียวกัน



ไม้ประดับระหว่างทางสวยลานตาเต็มไปหมด




แล้วก็ได้เห็นเป็ดเหลืองยักษ์แล้ว แต่มองจากตรงนี้ยังดูเล็กอยู่เพราะไกล



ใกล้เข้ามาอีกหน่อย เข้าใกล้สุดได้แค่นี้ มันวางอยู่ในแม่น้ำ เขาไม่ให้คนเข้าไปใกล้ด้วย



พอดูเสร็จแล้วยังไง? ก็ไม่อะไร มันก็แค่เป็ดเหลืองๆ ใหญ่ๆ ลอยอยู่บนน้ำ ดูเสร็จก็จบ...



แต่การเที่ยวที่นี่ไม่จบแค่นั้น เราไปเที่ยวชมสวนต่อ บริเวณแรกที่เราเดินคือส่วนของสวนปักกิ่ง



ทั้งดอกไม้ทั้งน้ำตก ประดับสวยมาก






อีกบริเวณ ยังอยู่ภายในสวนปักกิ่ง







พวกเด็กนักเรียน เรามีแอบถ่ายเขา แต่ก็มีคนนึงหันมามองด้วย
 


ตรงนี้เป็นสวนของเมืองอิ๋นชวาน (银川) ซึ่งอยู่ในเขตปกครองตัวเองหนิงเซี่ย (宁夏) ซึ่งเป็นของพวกเผ่าหุย (回族) ซึ่งพวกนี้นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลัก ดังนั้นสถาปัตยกรรมก็เลยออกมาแปลกกว่ามณฑลอื่น







เดินไปก็เจอขบวนพาเหรดด้วย





ตรงนี้เป็นสวนของเมืองหนิงปัว (宁波) มณฑลเจ้อเจียง เมืองนี้เคยไปเที่ยวมา เล่าไปใน https://phyblas.hinaboshi.com/20120419




สวนของเมืองอู่ฮั่น (武汉) มณฑลหูเป่ย์



ส่วนอันนี้เป็นของเมืองหางโจว (杭州) ซึ่งก็คือซีหูนั่นเอง เป็นทิวทัศน์ที่คุ้นเคยดีเพราะเคยไปเที่ยวมาแล้ว https://phyblas.hinaboshi.com/20120222




ข้างในมีตู้ปลาด้วย



แล้วก็สวนเมืองลาซ่า (拉萨) ของเขตปกครองตัวเองทิเบต เท่าที่ดูก็เห็นมีแค่อาคารเดียวซึ่งดูเป็นเอกลักษณ์ดี



สวนฉงชิ่ง (重庆)



ข้างในมีรูปวาดเต็มเลย




ตรงนี้เป็นสวนของมณฑลฝูเจี้ยน



อาคารสวยๆเต็มเลย



 

มีที่ขายของที่ระลึก มีเป็ดเหลืองอีกเช่นเคย



รูปปั้นเทพีมาจู่ (妈祖) เทพแห่งท้องทะเล ซึ่งบูชากันมากทางแถบมณฑลฝูเจี้ยนเนื่องจากมีถิ่นกำเนิดที่นั่น



มุมสวย




ต่อไปเป็นสวนหลิ่งหนาน (岭南) ซึ่งหลิ่งหนานก็เป็นชื่อเรียกอีกชื่อของมณฑลกวางตุ้งนั่นเอง





 

การเที่ยวชมสวนของเมืองต่างๆก็หมดเท่านี้ ที่จริงมีอีกหลายที่เลยแต่ว่าไม่ไหว เดินเท่านี้ก็ใช้เวลามากแล้ว ที่นี่กว้างมากถ้าจะเดินให้ทั่วก็อาจต้องอยู่ทั้งวัน แล้ววันนี้อากาศไม่ได้ดีน่าเดินอะไรนักก็เลยคิดว่าเดินผ่านแค่ไหนก็ชมเท่านั้น

ต่อไปมาที่พิพิธภัณฑ์สวนจีน (中国园林博物馆)




ด้านในจัดแสดงเกี่ยวกับสวนต่างๆมากมาย กว้างไม่ใช่น้อยเลย แต่บางส่วนไม่ให้ถ่ายรูปก็เลยเก็บรูปข้างในมาน้อย







มีสวนในอาคารด้วย




จำลองสวนท่ามกลางหิมะ



เครื่องฉายภาพโฮโลแกรม เลือกภาพสิ่งก่อสร้างที่อยากให้แสดงจากในคอมแล้วภาพก็จะลอยอยู่ภายในพีรามิดตรงหน้า ดูสมจริงทีเดียว



ภายในมีร้านอาหารเล็กๆอยู่



ข้างในดูไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกมาก แต่แพงมากทุกอย่าง แต่ตอนนั้นเดินมาเยอะจนเหนื่อยแล้วเลยยังไงก็ต้องตัดใจเลือกทางสักอย่าง ก็เลือกอันนี้เรียกว่าตงพัวโร่วฟ่าน (东坡肉饭) เห็นอย่างนี้ราคาถึง ๓๐ หยวนเชียว แพงสมเป็นของในที่เที่ยว แต่ปัญหาอีกอย่างคือพบว่ามันเผ็ดมาก แต่สั่งมาแล้วตั้งแพงจะทิ้งก็เสียดายก็เลยต้องทนกินจนหมด ทรมานมากทีเดียว



พอออกมาจากพิพิธภัณฑ์แล้วต่อมาก็จะเป็นป่าเขา (คนที่ยืนอยู่ในภาพนี้เป็นใครไม่รู้ดันยืนอยู่แล้วหันหน้าให้กล้องเฉยเลย)



เป้าหมายที่ปีนขึ้นเขามาก็เพื่อไปยังหอคอยที่เห็นอยู่ลางๆตรงหน้า (ขวาบนจางๆแทบมองไม่เห็น) ที่จริงมันไม่ได้ไกลอะไร แต่เพราะหมอกหนาเลยแทบมองไม่เห็น



ก็ต้องปีนเขาขึ้นมาเหนื่อยเหมือนกันกว่าจะไปถึง แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก สุดท้ายก็มาถึงตัวหอคอยแล้ว หอคอยนี้ชื่อว่าหอคอยหย่งติ้ง (永定塔) เห็นลักษณะเป็นแบบโบราณแบบนี้แต่ความจริงแล้วเป็นอาคารที่เพิ่งสร้างมาใหม่พร้อมกับสวนแห่งนี้ ด้วยความสูง ๖๙.๗ เมตร ถือว่าเป็นอาคารทรงโบราณที่สูงที่สุดในปักกิ่ง ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีคุณค่าอะไรทางประวัติศาสตร์อยู่ดีเพราะเป็นของที่สร้างมาใหม่ ดูเหมือนข้างในจะมีลิฟต์ด้วย



อย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังไม่เปิดให้เข้าไป ได้แต่ดูจากข้างนอกเฉยๆ เศร้าเลยอุตส่าห์เดินมาเหนื่อย แต่ถึงจะได้ขึ้นไปบนหอคอยก็คงมองลงมาไม่เห็นอะไรในสภาพหมอกหนาแบบนี้



พอได้เห็นหอคอยนี้เสร็จก็พอแล้ว แถวๆที่หอคอยตั้งอยู่นั้นเป็นเขาที่ค่อนข้างว่าง ไม่ได้มีอะไร เดินต่อไปอีกสักหน่อยก็จะเป็นประตูทางเข้าออกหมายเขต ๖



พอออกไปก็สามารถนั่งรถเมล์ฟรีเพื่อกลับไปยังสถานีรถไฟฟ้าได้ เป็นอันจบการเดินทางเท่านี้



ที่จริงแล้วยังมีอีกหลายบริเวณเลยในนี้ที่ไม่ได้ไป แต่ว่าเดินต่อไม่ไหวแล้ว มันกว้างเหลือเกิน แต่เท่านี้ก็ได้เห็นอะไรสวยๆมากพอ ก็ถือว่าไม่ได้ผิดหวัง จะผิดหวังก็เพียงแต่เรื่องสภาพอากาศที่แย่จนไม่อาจถ่ายภาพได้สวยนัก ทั้งๆที่สวนเขาอุตส่าห์จัดซะสวยแท้ๆเลย แถมบางจังหวะต้องกางร่มเดิน ก็เป็นการเที่ยวที่ลำบากอยู่

ถ้าใครชอบสวนจีนละก็ แนะนำเที่ยวที่นี่ได้เลย มีสวนหลากหลายจริงๆ แม้ว่าค่าเข้าจะแพงไปสักหน่อย แล้วก็ต้องเตรียมกำลังขามาให้พร้อมที่จะเดินไกลๆ ที่เราได้เห็นมาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง แล้วก็ไม่ได้มีแค่สวนจีนด้วย ยังมีสวนนานาชาติ เพียงแต่เราไม่ได้เดินไปส่วนนั้น

ช่วงนี้คงไม่ได้เที่ยวอะไรมากแล้ว แต่หวังว่าจะโอกาสได้ไปบ้างแล้วกลับมาเล่าอีก

-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ