เที่ยวชมเจดีย์โอะปาตาธานดีและห้างที่ใหญ่ที่สุดในเนปยีดอ
เขียนเมื่อ 2015/09/06 17:37
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#อังคาร 28 ก.ค. 2015
จากตอนที่แล้วได้ไปเที่ยวสวนสัตว์และท้องฟ้าจำลองของเนปยีดอกันมาแล้ว https://phyblas.hinaboshi.com/20150904
จากนั้นคราวนี้ก็ถึงสถานที่เที่ยวสุดท้ายในวันนี้ นั่นคือเจดีย์โอะปาตาธานดี (ဥပ္ပါတသန္တိစေတီတော်) หรือเรียกในภาษาบาลีว่า "อุปปาตะสันติ" ซึ่งแปลว่า "ระงับเหตุร้าย" ชื่อในภาษาอังกฤษเขียนเป็น Uppatasanti ก็เป็นการเขียนตามภาษาบาลี
เจดีย์แห่งนี้ไม่ใช่เจดีย์โบราณแต่อย่างใด เพราะเมืองนี้ก็เพิ่งถูกสร้างขึ้นเอง และเจดีย์นี้ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำคัญของเมือง เริ่มสร้างในปี 2006 และเสร็จในปี 2009 รูปร่างเจดีย์เลียนแบบเจดีย์ชเวดะโกน (ရွှေတိဂုံစေတီတော်, ชื่อในภาษาไทยมักเขียนว่า "ชเวดากอง") อันโด่งดังในเมืองหลวงเก่าย่างกุ้ง สูง ๙๙ เมตร
เที่ยวนี้เราไม่ได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวย่างกุ้งก็เลยไม่ได้ชมเจดีย์ชเวดะโกน
คนขับมาจอดรถตรงที่จอดรถข้างๆ
จากนั้นเราก็เดินมาทางเจดีย์ ก็เห็นว่ามีลิฟต์สำหรับขึ้นไปยังเจดีย์ได้ด้วย
แต่ก็เห็นว่ามันก็ไม่ได้สูงอะไรเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจเดินขึ้นไป
ระหว่างทางเนื่องจากฝนที่ตกลงมาเรื่อยๆทำให้น้ำไหลลงจากบันได เห็นบันไดทางเดินบรรยากาศเหมือนน้ำตกเลย
พอขึ้นไปได้สักครึ่งทางก็มีคนมาทักว่าเราลืมถอดรองเท้าออก เราก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามัก็เหมือนกับในวัดที่มัณฑเลย์คือเข้าศาสนสถานต้องถอดรองเท้า ดังนั้นเราจึงต้องถอดรองเท้าออกตรงนั้นเลย โชคดีที่เตรียมถุงเปล่ามาด้วยเผื่อว่าจะต้องถอดแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่เดียวของวันนี้ที่ต้องถอดรองเท้า
เมื่อถอดแล้วต่อจากนี้ก็เดินเท้าเปล่าขึ้นบันไดมาจนถึงด้านบน เจดีย์สีทองอร่ามสวยงามอยู่ตรงหน้าแล้ว
บริเวณด้านบนนี้ก็กว้างไม่ใช่น้อย
ทิวทัศน์ที่มองเห็นจากบนนี้ มองลงไปข้างล่างทิวทัศน์สวยงามมาก
เข้าไปด้านใภายในเจดีย์
ในนี้สวยงามอลังการมาก ราวกับอยู่ในวัง
เพดานสวยมาก
แผ่นพวกนี้สลักชีวประวัติเอาไว้
บัตรเข้าชมท้องฟ้าจำลอง เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ถ่ายรูปก็เลยเอามาถ่ายที่นี่สักหน่อย
จากนั้นก็ออกข้างนอก
ขาลงเราลงโดยใช้ลิฟต์
มองเจดีย์อีกทีก่อนที่จะลงไป
ลงมาด้านล่าง บอกลาเจดีย์แต่เพียงเท่านี้ เท่ากับว่าการเที่ยวของวันนี้จบลงแล้ว แต่ว่ายังมีที่ที่ต้องแวะอีก เราขอให้คนขับรถช่วยพาไปห้างอีกครั้งเพื่อจะซื้อร่มอันใหม่และจะซื้อเสบียงอาหารด้วย
ระหว่างทางเขาหยุดเติมน้ำมันก่อน
แล้วเขาจึงพาไปห้างอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคนละแห่งกับอีกแห่งที่ไปมาเมื่อตอนเที่ยง ห้างนี้มีชื่อว่า Junction Centre เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ ถึงอย่างนั้นมันก็ตั้งอยู่โดดเดี่ยวไม่ใช่ย่านชุมชนและดูแล้วยากจะเข้าถึง
ภายในมีของขายมากมาย
ร้านตัดผม
เข้าไปเดินในซูเปอร์ กว้างพอๆกับแห่งที่ไปมาตอนเที่ยง มีของไทยขายอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
มีขนมขายอยู่มากมาย เราจะมาซื้อเพื่อเป็นเสบียงและเป็นของฝากกลับบ้านด้วย
ซื้อขนมมา ๓ อย่าง ราคา ๗๕๐ + ๔๐๐ + ๓๐๐ = ๑๔๕๐ จ๊าด
ลองหาดูร่มภายในซูเปอร์แล้วไม่เจอร่มแบบที่พับให้เล็กๆได้ก็เลยไม่ซื้อ แต่เดินออกมาดูตามร้านอื่นๆ สุดท้ายก็เจอร่มแบบที่ต้องการที่ร้านนี้ ซื้อร่มใหม่ เสียไปอีก ๕๔๐๐ จ๊าด
หลังจากนั้นเราเดินสำรวจห้างจนทั่ว ดูแล้วก็ไม่ใหญ่อะไรสักเท่าไหร่ แต่ถึงจะทำใหญ่ไปก็คงไม่มีประโยชน์เพราะตั้งอยู่ในที่แบบนี้
มีโรงหนังด้วย
จากนั้นกลับมายังโรงแรมเพื่อผักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น คืนนี้ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะเหนื่อยล้าจากการเที่ยวทั้งวัน
การเที่ยวเนปยีดอจบลงเท่านี้วันต่อไปจะต้องเดินทางไกลไปยังเมืองต่อไปคือพุกาม https://phyblas.hinaboshi.com/20150908
จากตอนที่แล้วได้ไปเที่ยวสวนสัตว์และท้องฟ้าจำลองของเนปยีดอกันมาแล้ว https://phyblas.hinaboshi.com/20150904
จากนั้นคราวนี้ก็ถึงสถานที่เที่ยวสุดท้ายในวันนี้ นั่นคือเจดีย์โอะปาตาธานดี (ဥပ္ပါတသန္တိစေတီတော်) หรือเรียกในภาษาบาลีว่า "อุปปาตะสันติ" ซึ่งแปลว่า "ระงับเหตุร้าย" ชื่อในภาษาอังกฤษเขียนเป็น Uppatasanti ก็เป็นการเขียนตามภาษาบาลี
เจดีย์แห่งนี้ไม่ใช่เจดีย์โบราณแต่อย่างใด เพราะเมืองนี้ก็เพิ่งถูกสร้างขึ้นเอง และเจดีย์นี้ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สำคัญของเมือง เริ่มสร้างในปี 2006 และเสร็จในปี 2009 รูปร่างเจดีย์เลียนแบบเจดีย์ชเวดะโกน (ရွှေတိဂုံစေတီတော်, ชื่อในภาษาไทยมักเขียนว่า "ชเวดากอง") อันโด่งดังในเมืองหลวงเก่าย่างกุ้ง สูง ๙๙ เมตร
เที่ยวนี้เราไม่ได้มีโอกาสแวะไปเที่ยวย่างกุ้งก็เลยไม่ได้ชมเจดีย์ชเวดะโกน
คนขับมาจอดรถตรงที่จอดรถข้างๆ
จากนั้นเราก็เดินมาทางเจดีย์ ก็เห็นว่ามีลิฟต์สำหรับขึ้นไปยังเจดีย์ได้ด้วย
แต่ก็เห็นว่ามันก็ไม่ได้สูงอะไรเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจเดินขึ้นไป
ระหว่างทางเนื่องจากฝนที่ตกลงมาเรื่อยๆทำให้น้ำไหลลงจากบันได เห็นบันไดทางเดินบรรยากาศเหมือนน้ำตกเลย
พอขึ้นไปได้สักครึ่งทางก็มีคนมาทักว่าเราลืมถอดรองเท้าออก เราก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามัก็เหมือนกับในวัดที่มัณฑเลย์คือเข้าศาสนสถานต้องถอดรองเท้า ดังนั้นเราจึงต้องถอดรองเท้าออกตรงนั้นเลย โชคดีที่เตรียมถุงเปล่ามาด้วยเผื่อว่าจะต้องถอดแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่เดียวของวันนี้ที่ต้องถอดรองเท้า
เมื่อถอดแล้วต่อจากนี้ก็เดินเท้าเปล่าขึ้นบันไดมาจนถึงด้านบน เจดีย์สีทองอร่ามสวยงามอยู่ตรงหน้าแล้ว
บริเวณด้านบนนี้ก็กว้างไม่ใช่น้อย
ทิวทัศน์ที่มองเห็นจากบนนี้ มองลงไปข้างล่างทิวทัศน์สวยงามมาก
เข้าไปด้านใภายในเจดีย์
ในนี้สวยงามอลังการมาก ราวกับอยู่ในวัง
เพดานสวยมาก
แผ่นพวกนี้สลักชีวประวัติเอาไว้
บัตรเข้าชมท้องฟ้าจำลอง เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ถ่ายรูปก็เลยเอามาถ่ายที่นี่สักหน่อย
จากนั้นก็ออกข้างนอก
ขาลงเราลงโดยใช้ลิฟต์
มองเจดีย์อีกทีก่อนที่จะลงไป
ลงมาด้านล่าง บอกลาเจดีย์แต่เพียงเท่านี้ เท่ากับว่าการเที่ยวของวันนี้จบลงแล้ว แต่ว่ายังมีที่ที่ต้องแวะอีก เราขอให้คนขับรถช่วยพาไปห้างอีกครั้งเพื่อจะซื้อร่มอันใหม่และจะซื้อเสบียงอาหารด้วย
ระหว่างทางเขาหยุดเติมน้ำมันก่อน
แล้วเขาจึงพาไปห้างอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคนละแห่งกับอีกแห่งที่ไปมาเมื่อตอนเที่ยง ห้างนี้มีชื่อว่า Junction Centre เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ ถึงอย่างนั้นมันก็ตั้งอยู่โดดเดี่ยวไม่ใช่ย่านชุมชนและดูแล้วยากจะเข้าถึง
ภายในมีของขายมากมาย
ร้านตัดผม
เข้าไปเดินในซูเปอร์ กว้างพอๆกับแห่งที่ไปมาตอนเที่ยง มีของไทยขายอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
มีขนมขายอยู่มากมาย เราจะมาซื้อเพื่อเป็นเสบียงและเป็นของฝากกลับบ้านด้วย
ซื้อขนมมา ๓ อย่าง ราคา ๗๕๐ + ๔๐๐ + ๓๐๐ = ๑๔๕๐ จ๊าด
ลองหาดูร่มภายในซูเปอร์แล้วไม่เจอร่มแบบที่พับให้เล็กๆได้ก็เลยไม่ซื้อ แต่เดินออกมาดูตามร้านอื่นๆ สุดท้ายก็เจอร่มแบบที่ต้องการที่ร้านนี้ ซื้อร่มใหม่ เสียไปอีก ๕๔๐๐ จ๊าด
หลังจากนั้นเราเดินสำรวจห้างจนทั่ว ดูแล้วก็ไม่ใหญ่อะไรสักเท่าไหร่ แต่ถึงจะทำใหญ่ไปก็คงไม่มีประโยชน์เพราะตั้งอยู่ในที่แบบนี้
มีโรงหนังด้วย
จากนั้นกลับมายังโรงแรมเพื่อผักผ่อนและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น คืนนี้ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะเหนื่อยล้าจากการเที่ยวทั้งวัน
การเที่ยวเนปยีดอจบลงเท่านี้วันต่อไปจะต้องเดินทางไกลไปยังเมืองต่อไปคือพุกาม https://phyblas.hinaboshi.com/20150908