อูชิว ดินแดนห่างไกล ด้านมืดของไต้หวันที่หลายคนไม่รู้
เขียนเมื่อ 2017/08/18 10:17
แก้ไขล่าสุด 2021/10/26 13:49
ไต้หวันถูกแบ่งแยกการปกครองออกจากจีนแผ่นดินใหญ่มาตั้งแต่ปี 1949 แล้ว ไม่ว่าปัจจุบันคนจะยอมรับว่าไต้หวันเป็นประเทศหรือเปล่าก็ตาม แต่ที่แน่นอนอย่างหนึ่งก็คือไต้หวันมีการปกครองที่แบ่งแยกจากแผ่นดินส่วนอื่นของจีนอย่างเด็ดขาดในอดีตตอนที่เพิ่งแบ่งการปกครองใหม่ๆนั้นการไปมาระหว่างแผ่นดินใหญ่กับไต้หวันเป็นเรื่องยาก เราจึงอาจได้ฟังเรื่องราวของการพรากจากในสมัยนั้นมากมาย เช่นเดียวกับกรณีเกาหลีเหนือและใต้แต่ในปี 1987 สถานการณ์ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น สองฝ่ายเริ่มกลับมาเจรจาติดต่อกัน ตั้งแต่นั้นมาก็มีคนจากแผ่นดินใหญ่ที่ติดอยู่ไต้หวันมากมายได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด รวมทั้งยังมีคนไต้หวันบางส่วนที่ไปติดอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยอย่างไรก็ตาม ยังคงมีคนส่วนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และบ้านก็ยังไม่ได้หายไปไหน
เช่น ชาวเกาะอูชิว เป็นต้นอูชิวอยู่ที่ไหน?เวลาพูดถึงไต้หวันคนส่วนใหญ่ก็คงจะนึกถึงแต่เกาะไต้หวัน แต่ความจริงแล้วยังมีเกาะริมชายฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่อีกจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ในการปกครองของไต้หวันด้วยเรื่องนี้ได้มีกล่าวถึงโดยย่อไปบ้างแล้วใน https://phyblas.hinaboshi.com/20170808ย้อนไปเมื่อปี 1949 ผลของสงครามกลางเมืองคือรัฐบาลสาธารณรัฐจีนพ่ายแพ้ต่อกองทัพปลดแอกของพรรคคอมมิวนิสต์แล้วหนีไปตั้งหลักที่ไต้หวัน1 ตุลาคม ปีนั้น พรรคคอมมิวนิสต์ได้ประกาศก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้นสงครามก็ยังไม่จบ นอกจากเกาะไต้หวันแล้วยังมีหมู่เกาะต่างๆตามชายฝั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ยังยึดไม่ได้ทางสาธารณรัฐจีนพยายามปกป้องหมู่เกาะเหล่านั้นอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังค่อยๆสูญเสียเกาะไปเรื่อยๆ เกาะเซี่ยเหมินถูกตีได้วันที่ 17 ตุลาคม แต่พอพยายามบุกเกาะจินเหมินที่อยู่ข้างๆกันต่อในวันที่ 25 ตุลาคมกลับไม่สำเร็จหลังจากนั้นสุดท้ายแล้วหมู่เกาะใกล้แผ่นดินใหญ่จึงเหลืออยู่แค่ ๓ ส่วนที่รักษาไว้ได้แล้วอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
- จินเหมิน (金门, 金門) ประกอบด้วยเกาะจินเหมินขนาด 134 ตร.กม. อยู่ใกล้กับเมืองเซี่ยเหมิน- หมาจู่ (马祖, 馬祖) เป็นหมู่เกาะ พื้นที่รวม 28.8 ตร.กม. อยู่ใกล้กับเมืองฝูโจว- อูชิว (乌丘, 烏坵) ประกอบด้วยเกาะต้าชิว (大坵) ขนาด 0.71 ตร.กม. และเสี่ยวชิว (小坵) 0.4 ตร.กม. อยู่ใกล้กับเมืองผูเถียนทั้ง ๓ อยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน พื้นที่นี้มักถูกเรียกรวมๆว่าจินหม่าตี้ชวี (金马地区, 金馬地區) เมื่อก่อนเป็นพื้นที่ที่มีทหารคุมอย่างเข้มงวด การเดินทางไปไหนมาไหนลำบากแผนที่แสดงตำแหน่ง เส้นประแสดงเขตทั้ง ๓ ซึ่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ปกครองหลังจากที่ปี 1987 ความสัมพันธ์ระหว่าง ๒ ฝั่งเริ่มดีขึ้น ความเข้มงวดทางการทหารก็ลดลง ในที่สุดปี 1992 จินเหมินและหมาจู่ก็ได้ถูกประกาศยกเลิกการควบคุม ค่อยๆเปิดให้คนภายนอกเข้ามาง่ายขึ้น มีเที่ยวบินไปกลับสม่ำเสมอ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดให้ทั้งคนไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาเที่ยวได้ แม้จะยังมีการตั้งค่ายทหารอยู่เยอะก็ตามแต่ว่าสำหรับกรณีของอูชิวนั้นต่างออกไป อูชิวนั้นยังไม่เคยได้รับการปลดปล่อยอูชิวเป็นเกาะเล็กๆที่เมื่อสมัยก่อนถูกใช้เป็นแค่ที่พักพึงสำหรับเรือประมง ไม่มีคนอาศัยอยู่ถาวรจริงๆแต่ในปี 1842 เกิดสงครามฝิ่นครั้งแรกซึ่งจีนแพ้ให้กับชาติตะวันตกจนทำให้ต้องเปิดท่าเรือเพื่อทำการค้า ๕ แห่ง เมืองเซี่ยเหมินและฝูโจวได้ถูกเลือกเป็นท่าการค้าที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เคยมีเขียนไว้ในนี้ https://phyblas.hinaboshi.com/20150531เนื่องจากอูชิวตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างฝูโจวและเซี่ยเหมิน เป็นทางผ่านสำคัญ จึงมีคำสั่งให่้สร้างประภาคารขึ้น ปี 1874 ประภาคารอูชิว (乌丘屿灯塔, 烏坵嶼燈塔) จึงได้ถูกสร้างขึ้น พร้อมกันนั้นจึงได้สั่งให้ประชาชนจำนวนหนึ่งไปอาศัยอยู่เพื่อเฝ้าประภาคารดังนั้นเกาะเล็กๆอย่างอูชิวจึงเริ่มมีคนไปอาศัยอยู่ ชาวเกาะอูชิวก็คือลูกหลานของชาวบ้านที่ย้ายไปตอนนั้นสมัยนั้นชาวเกาะอูชิวจะไปๆมาๆระหว่างเกาะเหมย์โจว (湄洲) ซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ ๒๐ ไมล์ทะเล มีเรือไปมาหากันได้สะดวกเกาะเหมย์โจวเป็นเกาะสำคัญที่เป็นบ้านเกิดของพระแม่มาจู่ (马祖) เทพธิดาแห่งท้องทะเลที่ชาวฮกเกี้ยนและชาวไต้หวันเคารพนับถือภาพเกาะเหมย์โจว (ปี 2012) เป็นสถานที่เที่ยวขึ้นชื่อที่ชาวจีนโพ้นทะเลและชาวไต้หวันนิยมมาแผนที่แสดงตำแหน่งอูชิวและเกาะเหมย์โจว รวมถึงเกาะต่างๆมากมายใกล้ชายฝั่งผูเถียน แสดงให้เห็นว่าอูชิวก็เป็นแค่เกาะหนึ่งที่แทบไม่ต่างอะไรกับเกาะต่างๆเหล่านั้นพอปี 1949 กองทัพปลดแอกได้เข้ามายึดเกาะเหมย์โจวและเกาะอื่นๆ แต่กลับยึดอูชิวไม่สำเร็จ ทำให้ถูกแยกจากกัน ชาวอูชิวที่บังเอิญข้ามไปยังเกาะอื่นในขณะนั้นพอดีจึงไม่อาจกลับบ้านได้ตั้งแต่นั้นมา อูชิวก็กลายเป็นฐานทัพทหาร เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สาธารณรัฐจีนต้องปกป้องไว้อย่างเต็มที่ ดังนั้นนอกจากชาวบ้านดั้งเดิม บนเกาะจึงเต็มไปด้วยทหารในระยะแรกที่นั่นมีการตั้งโรงเรียนประถมเพื่อให้เด็กที่เกิดที่นั่นได้เรียนกัน แต่พอจะเรียนสูงขึ้นทุกคนก็ต้องข้ามไปยังจินเหมินหรือไต้หวันเพื่อเรียนต่อแต่พอเวลาผ่านไปไม่มีเด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นที่นั่นแล้ว โรงเรียนประถมเองก็ปิดไป ในที่สุดตอนนี้จึงแทบจะเหลือแต่คนแก่ๆ กับพวกทหารเท่านั้นการเดินทางไปมาระหว่างอูชิวกับไต้หวันนั้นลำบาก เพราะต้องนั่งเรือเป็นเวลาหลายชั่วโมง แล้วเรือก็มีแต่เรือทหารเท่านั้น อาหารเสบียงต่างๆก็ต้องให้เรือทหารเป็นคนนำมา เพราะบนเกาะเล็กๆนั้นไม่สามารถผลิตอะไรได้จากเดิมทีที่อูชิวเป็นแค่เกาะใกล้ชายฝั่งที่นั่งเรือจากแผ่นดินใหญ่มาได้อย่างรวดเร็ว เที่ยวเรือจากเกาะเหมย์โจวมีเรื่อยๆแต่พอถูกตัดการเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่เลยกลายเป็นเกาะโดดเดี่ยวห่างไกลไปทั้งที่อยู่แค่ใกล้ชายฝั่งแค่นี้ ถูกตั้งฉายาว่าเกาะห่างไกลในหมู่เกาะห่างไกล (离岛中的离岛, 離島中的離島)ภาษาที่ใช้ในอูชิวเองก็ต่างจากที่คนไต้หวันและจินเหมินใช้ คนไต้หวันและจินเหมินใช้ภาษาหมิ่นหนาน (闽南语, 閩南語) หรือก็คือฮกเกี้ยน แต่ที่อูชิวใช้ภาษาผูเซียน (莆仙语) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในเมืองผูเถียนและบริเวณรอบๆ ทั้ง ๒ ภาษาแม้มีความใกล้เคียงกันมากเพราะเป็นภาษาในตระกูลหมิ่น (闽语, 閩語) เหมือนกัน แต่ก็ไม่อาจสื่อสารกันรู้เรื่องได้เรื่องราวของชาวอูชิวที่ไม่สามารถกลับบ้านได้
รายการนี้เล่าเรื่องราวของ เกาย่าเหม่ย์ (高亚美, 高亞美, ที่ไต้หวันอ่านเป็น "เกาหยาเหม่ย์") และเกาตานหัว (高丹华, 高丹華) ลุงกับหลานคู่หนึ่งซึ่งเป็นชาวอูชิวเกาย่าเหม่ย์ เป็นชาวอูชิวโดยกำเนิด ตระกูลของเขามีประวัติที่ผูกพันกันอูชิวมายาวนาน ปู่ของเขาชื่อเกาเจิน (高珍) เป็นชาวเกาะเหมย์โจว แต่ปี 1874 ได้ย้ายมาอยู่ที่อูชิวเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลประภาคารต่อมาปี 1904 เขาได้มอบหมายงานให้ผู้สืบทอดคือลูกชาย ชื่อเการุ่ยเวิง (高瑞翁, ที่ไต้หวันอ่านเป็น "เการุ่ยอง") ซึ่งก็คือพ่อของเกาย่าเหม่ย์ช่วงวัยเด็กเกาย่าเหม่ย์ข้ามไปยังเกาะเหมย์โจวเพื่อเรียนหนังสือ แต่ในปี 1949 เกิดการแบ่งแยกขึ้น ทำให้ไม่สามารถกลับไปยังอูชิวได้ แต่ทั้งพ่อแม่และน้องชายของเขาต่างก็ยังอยู่ที่อูชิว ทำให้เขาต้องพรากจากกันกลายเป็นเด็กกำพร้า พอโตขึ้นมาก็ต้องแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงเขาไม่มีโอกาสได้เจอกับคนในครอบครัวอีกเลยเป็นเวลานาน จนในที่สุดปี 1995 เขาจึงได้มีโอกาสพบกับน้องชายของเขา คือ เกาจินเจิ้น (高金振)ก่อนหน้านั้นพ่อของพวกเขาก็ได้ตายไปแล้ว งานดูแลประภาคารก็มีเกาจินเจิ้นเป็นผู้สืบทอดต่อ แต่เขาก็เกษียณไปในปี 2001 แล้วก็เสียชีวิตในปี 2007 เหลือไว้เพียงลูกสาว คือเกาตานหัวเกาตานหัวเกิดและโตที่อูชิว แต่ต้องไปเรียนหนังสือที่จินเหมินตั้งแต่เด็ก พอจบก็ทำงานในไต้หวัน นานๆได้กลับอูชิวที แต่ก็ผูกพันกับอูชิวที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก บอกว่าหากเกษียณแล้วจะกลับไปอยู่อูชิวในรายการตอนนี้ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่เล่าผ่านเกาตานหัว ซึ่งในครั้งนี้ได้มาเยี่ยมเกาย่าเหม่ย์พร้อมญาติๆที่เหลืออยู่ที่เกาะเหมย์โจวในปี 2014 ได้เล่าอะไรต่างๆให้ได้รู้มากมายตอนนี้ญาติที่พลัดพรากได้กลับมาพบกันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่าเสียดายที่เกาย่าเหม่ย์ยังคงไม่มีทางได้กลับไปเยี่ยมบบ้านเกิด เพราะอูชิวเป็นเกาะปิด นอกจากคนในพื้นที่และทหารยังไงก็เข้าไปไม่ได้ ยิ่งเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ยิ่งแล้วใหญ่ปัจจุบันเขาอายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว ไม่รู้จะมีโอกาสได้อยู่ถึงวันที่สามารถข้ามไปอูชิวได้หรือเปล่าเขาเปรียบเทียบระยะห่างระหว่างเกาะเหมย์โจวกับอูชิวว่า "ระยะทางที่ทั้งใกล้และไกล" (又近又远的距离, 又近又遠的距離) คือระยะทางจริงๆใกล้กันแค่นี้ แต่กลับไม่สามารถไปได้ เลยดูเหมือนห่างไกลกันเหลือเกินอูชิวเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ หากสักวันได้รับการปลดปล่อยก็สามารถเปิดเป็นสถานที่เที่ยวได้เช่นเดียวกับจินเหมินและหมาจู่ประภาคารอูชิวเอง ตั้งแต่ปี 2006 ก็ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญการที่ไต้หวันแยกจากแผ่นดินใหญ่ทำให้เกิดเรื่องราวพรากจากมากมาย แม้ความสัมพันธ์จะเริ่มดีขึ้นจนถึงขั้นที่มีการติดต่อกันอย่างอิสระแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดหากวันหนึ่งยุติความขัดแย้ง ปัญหามากมายอาจคลี่คลายลงได้ดีกว่านี้ก็เป็นได้อ้างอิงhttp://uegu.blogspot.tw/2016/09/blog-post.htmlhttp://www.kmdn.gov.tw/1117/1271/4189/273877/?cprint=pthttps://www.peopo.org/news/45126http://www.storm.mg/article/157819https://zh.wikipedia.org/wiki/烏坵鄉https://zh.wikipedia.org/wiki/烏坵嶼燈塔https://zh.wikipedia.org/wiki/福建省_(中華民國)
-----------------------------------------
囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧
ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ