# ศุกร์ 16 ส.ค. 2019หลังจากที่เมื่อวานไปชมสถานีสังเกตการณ์ฉีไถ และแวะเที่ยวเจียงปู้ลาเค่อมาแล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20190822เข้าสู่วันสุดท้ายในการเยือนซินเจียง และเป็นวันเดินทางกลับ
ในการเดินทางกลับครั้งนี้กลับจากอูหลู่มู่ฉีไปยังไทเปไม่มีเที่ยวบินตรงไป ต้องเดินทางโดยต่อเครื่อง โดยที่ที่ต้องไปต่อเครื่องในครั้งนี้คือ
เมืองเจิ้งโจว (郑州市) ใน
มณฑลเหอหนาน (河南省)
โดยระหว่างต่อเครื่องนั้นต้องรอ ๕ ชั่วโมงที่นั่น จึงมีเวลาพอที่จะแวะเที่ยว เลยสามารถถือโอกาสแวะเที่ยวในเจิ้งโจวไปด้วย
เที่ยวบินที่จะบินจากอูหลู่มู่ฉีไปเจิ้งโจวเป็นรอบเวลา 9:30 จึงต้องออกจากโรงแรมเพื่อไปสนามบินแต่เช้า
คนของหอดูดาวซินเจียงได้จ้างให้รถมารับตอนเวลา 7:30 เราตื่นเช้าแล้วออกมาเช็กเอาต์ก่อนเวลานิดหน่อย แล้วเขาก็มารับตามเวลา
จากนั้นเดินทางมาถึง
สนามบินนานาชาติอูหลู่มู่ฉีตี้วอพู่ (乌鲁木齐地窝堡国际机场)แค่เช็กอินเพื่อฝากของก็ใช้เวลารอนานมากพอดูเลยทีเดียว อันนี้เป็นส่วนของสายการบินในประเทศ ดูชื่อเมืองต่างๆที่บินไปได้แล้วมีมากมายนัก และแต่ละจุดเช็กอินก็มีคนมาเข้าแถวรอแน่นหนา
อนึ่ง ครั้งนี้เราเดินทางไปเปลี่ยนเครื่องที่เจิ้งโจว จึงถือเป็นเที่ยวบินในประเทศ แต่ถ้าหากเที่ยวบินที่ไปไต้หวันมักจะถูกไปรวมกับสายการบินระหว่างประเทศ แม้ในจีนเขาจะไม่นับว่าไต้หวันหรือฮ่องกงมาเก๊าเป็นต่างประเทศก็ตาม
แต่ทีนี้เจอปัญหาเล็กน้อยตอนที่ฝากกระเป๋า คือเจอพนักงานที่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวนัก
คือครั้งนี้เรามากับเพื่อนคนไต้หวันอีกคน แล้วปกติแล้วคนไต้หวันเวลานั่งเครื่องบินสายการบินภายในจีนแผ่นดินใหญ่จะต้องใช้บัตรประจำตัวคนไต้หวัน เรียกว่า ไถเปาเจิ้ง (
台胞证) เป็นเหมือนบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับคนไต้หวัน สำหรับใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่นี่ไม่สามารถใช้หนังสือเดินทางได้
แต่ว่าพนักงานที่เช็กอินเขาไม่รู้เรื่อง ไปใช้หนังสือเดินทางแทนตอนลงทะเบียน พอจะเดินเข้าไปยังห้องรอเครื่องจึงโดนทักว่าให้กลับมาลงทะเบียนเช็กอินใหม่ เสียเวลาไปอีก
เรื่องเกี่ยวกับไต้หวันนั้นเป็นอะไรที่ซับซ้อนละเอียดอ่อน คนไต้หวันจะมาจีนแผ่นดินใหญ่ได้ต้องมีทั้งหนังสือเดินทางและไถเปาเจิ้ง แต่ก็สะดวกกว่าคนต่างชาติตรงที่ไม่ต้องทำวีซ่า อีกทั้งตอนตรวจคนเข้าออกเมืองก็ได้ใช้ช่องเดียวกับคนจีน ซึ่งสะดวกกว่าช่องของคนต่างชาติ
สุดท้ายก็เข้ามาถึงในห้องรอเครื่องสำหรับสายการบินในประเทศ มีขนาดใหญ่มาก มีร้านค้ามากมาย
ได้เวลาขึ้นเครื่อง
แล้วเครื่องก็ออก
ระหว่างทางชมทิวทัศน์แล้วถ่ายรูปจากหน้าต่างเป็นระยะ
บินออกมาได้ไม่นานก็พบว่าพื้นที่ด้านล่างกลายเป็นทะเลทราย
ภูมิทัศน์ที่ดูแห้งแล้งแต่ก็สวยงามแปลกตา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้จริงๆ แต่ทะเลทรายไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมนัก หากต้องให้ลงไปเดินเที่ยวในทะเลทรายจริงๆก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
แต่ก็เห็นว่ามีผืนนาสีเขียวอยู่ท่ามกลางพื้นที่อันแห้งแล้งนั้นด้วย
เครื่องยิ่งขึ้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆและเริ่มจะอยู่เหนือเมฆ และมองเห็นด้านล่างไม่ชัดแล้ว
แล้วเวลาก็ผ่านไปอีกสักพัก อาหารก็มาส่ง เวลาตอนนั้นคือสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว เลยถือว่าเป็นมื้อเที่ยงได้เลย
จากนั้นพอลองมาดูทิวทัศน์อีกทีก็เห็นภูเขาหิมะปะปนไปกับหมู่เมฆสีขาว ดูสวยงาม ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นบริเวณไหนแล้ว แต่เวลาผ่านมาชั่วโมงกว่าตั้งแต่ออกเดินทางมา น่าจะไม่ได้อยู่ในบริเวณซินเจียงแล้ว อาจเป็นบริเวณ
มณฑลชิงไห่ (青海省) หรือ
มณฑลกานซู่ (甘肃省) ซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทางบิน
แล้วเวลาบนเครื่องบินก็ผ่านไปอีกสักพัก จนในที่สุดก็ใกล้มาถึงที่หมาย บริเวณนี้เต็มไปด้วยสีเขียวอุดมสมบูรณ์ ต่างจากแถบซินเจียงที่แห้งแล้ง
ทิวทัศน์ขณะใกล้ลงจอดที่สนามบิน
แล้วก็มาถึงเจิ้งโจว ลงเครื่องที่
สนามบินนานาชาติเจิ้งโจวซินเจิ้ง (郑州新郑国际机场) ตั้งอยู่ใน
เมืองซินเจิ้ง (新郑市) ซึ่งเป็นเมืองในสังกัดของเมืองเจิ้งโจวอยู่ห่างไปจากใจกลางเมืองเจิ้งโจวทางใต้
สนามบินนี้เริ่มใช้งานตั้งแต่ปี 1997 เป็นสนามบินหลักของเมืองเจิ้งโจวและทั้งมณฑลเหอหนาน เป็นศูนย์กลางคมนาคมที่สำคัญของมณฑล
ลงเครื่องมาก็มีงวงมารับ เดินเข้าอาคารสนามบินได้เลย
เสร็จแล้วก็ต้องมารอรับกระเป๋า
ที่จริงครั้งนี้แค่มาเปลี่ยนเครื่อง บางครั้งเราอาจจะไม่จำเป็นต้องมารับกระเป๋าแต่ให้เขาส่งกระเป๋าต่อไปยังเครื่องที่ต่อได้เลย ในที่นี้คือส่งจากเครื่องที่บินจากอูหลู่มู่ฉีไปเจิ้งโจว ไปยังเครื่องที่บินจากเจิ้งโจวไปยังไทเป
แต่สาเหตุที่เราต้องมารับกระเป๋าไปขึ้นเครื่องใหม่เองก็เพราะว่าเที่ยวบินที่จะขึ้นกลับไปไทเปนั้นเป็นเครื่องบินของคนละสายการบินกัน เขาจึงไม่บริการต่อเครื่องให้
เที่ยวบินกลับไทเปนี้เป็นของสายการบินจีน (
中华航空) ของไต้หวัน หรือที่เรียกย่อๆว่า "หัวหาง" (
华航) ซึ่งคนละสายการบินกันกับที่นั่งจากไทเปไปอูหลู่มู่ฉีในวันแรก และที่นั่งจากอูหลู่มู่ฉีมา ซึ่งเป็นสายการบินจีนใต้ (
中国南方航空)
รับกระเป๋าเสร็จก็ออกมา
แล้วก็ขึ้นไปตรงชั้นขาออก ตอนแรกตั้งใจจะไปเช็กอินแล้วเอาสัมภาระไปฝากขึ้นเครื่องที่ไปไทเปเลย แต่ว่าเนื่องจากยังเร็วไป เพราะก่อนเวลามากกว่า ๔ ชั่วโมง ยังไม่สามารถเช็กอินได้ เลยลองหาที่ฝาก แล้วก็เจอที่รับฝากสัมภาระอยู่ตรงชั้นเดียวกับที่เช็กอินนั่นเอง เสียค่าฝาก ๑๐ หยวน
เมื่อฝากสัมภาระเสร็จก็ได้เวลาเที่ยว โดยลงไปนั่งรถไฟใต้ดินเพื่อเข้าเมือง เวลามีไม่มากจึงต้องรีบ
ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องราวการเที่ยวในเมืองเจิ้งโจวด้วยเวลาแค่ ๕ ชั่วโมง
https://phyblas.hinaboshi.com/20190825