# เสาร์ 1 ก.ค. 2023
ต่อจากตอนที่แล้วที่เข้ามาชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองเซนไดโดยเริ่มจากส่วนชั้น ๓
https://phyblas.hinaboshi.com/20230701ตอนนี้เราขึ้นมาส่วนชั้น ๔ ซึ่งมีอะไรมากกว่าชั้น ๓ และใช้เวลาในการชมนานกว่า
ภาพส่วนจัดแสดงชั้น ๔ หลังจากเดินขึ้นบันไดมา
จากชั้นนี้มองออกไปดูทิวทัศน์ข้างนอก กำลังฟ้าครึ้ม แต่ก็ไม่ได้มีฝนตกลงมา
แผนที่ชั้น ๔ แสดงให้เห็นว่าแบ่งเป็ฯ ๒ ส่วนชัดเจน สำหรับส่วนที่กำลังอยู่ตรงนี้คือส่วนสีฟ้า เรียกว่าเป็นส่วนจัดแสดงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (
理工系) ส่วนอีกส่วนคือที่พื้นสีเขียวเป็นส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (
自然史系)
ภายในส่วนจัดแสดงนี้จะเห็นเสาที่ประกอบด้วยชื่อธาตุและตัวอย่างธาตุที่วางอยู่ภายในแบบนี้เรียงตัวอยู่กระจัดกระจาย ส่วนใหญ่ธาตุหมู่เดียวกันจะวางอยู่ข้างๆกัน แต่ก็ไม่เสมอไป ไม่แน่ใจหลักการเรียงที่แน่ชัด
ในตู้นี้มีแบบจำลองรูปทรงต่างๆที่เกิดจากการประกอบรูปต่างๆ
ตรงส่วนนี้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการขนถ่ายพลังงานแบบไร้สาย
เรื่องวัตถุนำไฟฟ้าและฉนวนไฟฟ้า
ตรงนี้แสดงการทดลองด้วยแบบจำลองยานฮายาบุสะ (はやぶさ) ซึ่งลงจอดบนดาวเคราะห์น้อยอิโตกาวะ (イトカワ) โดยในการลงจอดนั้นจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งในขณะนั้นของยาน ซึ่งทำโดยใช้หลักการสะท้อนแบบรีโทรทีเฟลกเตอร์ (リトロリフレクター) คือการสะท้อนที่ทำให้แสงที่กระทบถูกสะท้อนกลับมายังทิศเดิม โดยยานส่งแสงไปแล้ววัดเวลาที่แสงสะท้อนกลับมายังตัวยาน
เครื่องส่งคลื่นไมโครเวฟ
เครื่องให้ขึ้นไปนั่งปั่นเพื่อสร้างสนามแม่เหล็กให้วัตถุภายในตู้วิ่งไปตามราง
เสาของแมงกานีสกับรีเนียมถูกตั้งคู่กันแยกเดี่ยวดูเด่น
ภายในหลอดบนเสาแมงกานีส
ชุดทดลองเกี่ยวงานวิจัยของทานากะ โควอิจิ (
田中 耕一) นักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 2002 เขาจบการศึกษาปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยโทวโฮกุ แล้วก็หางานทำโดยไม่ได้ศึกษาต่อ แต่ก็ทำงานวิจัยสร้างผลงานเด่นจนถึงขนาดได้รับรางวัลโนเบลได้
แผ่นป้ายอธิบายงานที่เขาทำ
หน้าจอให้กดอ่านประวัติของเขา
ตู้นี้แสดงเกี่ยวกับผลงานของฮนดะ โควตาโรว (
本多 光太郎, ปี 1870-1954) นักฟิสิกส์คนสำคัญอีกคนที่จบจากมหาวิทยาลัยโทวโฮกุ เขาเป็นผู้ประดิษฐ์โลหะผสม เรียกว่า เหล็กกล้า KS
โครงสร้างโมเลกุลแบบต่างๆ
ชุดทดลองความเป็นกรดและเบส มีให้กดปุ่มควบคุมความเป็นกรดและเบสของน้ำภายในขวดตรงกลางได้แล้วดูความเปลี่ยนแปลง
พอเพิ่มความเป็นกรดน้ำก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง
กลับกัน พอทำให้เป็นเบสก็จะเป็นสีน้ำเงิน
โต๊ะนี้แสดงตารางธาตุเป็นแบบวงกลม
ตู้นี้ก็เป็นเรื่องการทดสอบน้ำ
ตู้ทดลองสร้างเอสเทอร์ซึ่งมีกลิ่นหอม
ทดลองการทรงตัวของลูกบอลโดยกระแสลมจากด้านล่าง
ลูกโป่งสำหรับทดลองเป็นเลนส์เสียง ถ้าส่งเสียงจากตรงนี้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะได้ยินเสียงชัดเหมือนกับที่แสงถูกขยายผ่านเลนส์
อุปกรณ์ทดสอบเรื่องแรงต้านของกระแส ในที่นี้ใช้น้ำแต่หลักการก็ใช้ได้กับในเครื่องบินด้วย
เปิดอุปกรณ์ให้เกิดกระแสไหลวนในนี้แล้วลองหมุนส่วนปีกดูจะเห็นว่าเกิดน้ำวนต่างกันไป ให้ดูว่าแบบไหนเกิดกระแสวนน้อยที่สุด ซึ่งเป็นกรณีเครื่องบินจะบินได้โดยมีแรงต้านน้อยที่สุด
อุปกรณ์ดูเกลียวคลื่น
ท่อดูคลื่นนิ่ง
อุปกรณ์แสดงการทดลองของตอร์รีเชลลีเรื่องความดันอากาศ โดยภายในมีหลอดบรรจุปรอท จะเอียงทำมุมยังไงระดับปรอทก็อยู่สูงเท่าเดิม
ทดลองเรื่องการสั่นพ้อง (
共振) ในวัตถุที่แขวนอยู่กับสปริง สามารถปรับความถี่ในการสั่นเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงได้
ทดลองเรื่องความเสียดทาน โดยลองเลื่อนวัตถุที่วางอยู่บนพื้นแบบต่างๆ
เปรียบเทียบการนำความร้อนของวัตถุชนิดต่างๆ โดยมีวัตถุที่ต่างอุณหภูมิให้ลองจับดูเทียบว่าวัตถุไหนรู้สึกถึงความต่างได้ชัดเจน ซึ่งจะพบว่าถ้าจับไม้หรือยางไม่ว่าจะอันไหนก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่ถ้าจับอลูมิเนียมกับสแตนเลสจะเห็นความต่างชัด นั่นเพราะความสามารถในการนำความร้อนที่ต่างกัน
ชุดทดลองสัมผัสถึงความหนักของอากาศ
ทดลองเรื่องแรงลอยตัวของอากาศ
ถังที่ถูกบดขยี้ด้วยความดันบรรยากาศจากการทดลอง ข้างๆนั้นมีคลิปฉายตอนที่ถังถูกขยี้ให้ดูด้วย
หลอดสำหรับดูแรงแม่เหล็กที่สร้างจากไฟฟ้า สามารถเปิดปิดแม่เหล็กในนี้แล้วเลื่อนขึ้นลงให้ลองดูดลูกเหล็กข้างในได้
หลังจากที่เดินวนดูรอบๆห้องแล้ว สุดท้ายจึงมาดูตรงส่วนที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง
ในนี้มีอุปกรณ์ต่างๆวางอยู่แออัด
อันนี้ให้ไปนั่งแล้วเอาหัวไปอยู่ตรงกลางระหว่างท่อเขียนทั้งสองแล้วเอาหูฟังดูความแตกต่างของเสียงที่มาจากแหล่งต่างๆเพื่อแสดงเรื่องความเร็วเสียง
มีกาน้ำที่แขวนอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วถามว่าอันไหนหนักที่สุด
แผ่นที่ทำจากวัสดุที่เปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ ให้ทดลองแตะดูได้
เท่านีก็ดูจนทั่วส่วนจัดแสดงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของชั้น ๔ โดยเราได้ใช้เวลาในส่วนนี้ไปประมาณชั่วโมงครึ่ง จากที่เข้ามาตอน 11 โมง ตอนนี้ก็เที่ยงครึ่งแล้ว พอมองออกไปก็ยังเห็นส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ซึ่งก็น่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักในการชม
ยังดีว่าภายในนี้มีร้านอาหารอยู่ด้วย เราจึงตัดสินใจเดินข้ามส่วนสุดท้ายนี้ออกมาก่อนเพื่อไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านด้านนอก เสร็จแล้วค่อยกลับมาชมต่อ
เมนูเลือกโดยเครื่องขายอัตโนมัติ
บรรยากาศภายในร้าน
หลังจากสั่งแล้วก็นั่งรอสักพักก็ทำเสร็จ ร้านนี้ใช้ถ้วยกระดาษ ที่สั่งไปคือคิตสึเนะโตะทานุกิโซบะโนะบากะชิไอ (きつねとたぬきのばかしあいそば) คือโซบะที่ใส่อาบุราอาเงะ (
油揚げ) และเทงกาสึ (
天かす) ราคา ๖๒๐ เยน
หลังจากกินมื้อเที่ยงและได้นั่งพักเอาแรงเสร็จแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาไปชมในส่วนสุดท้ายของพิพิธภัณฑ์นี้ต่อ
https://phyblas.hinaboshi.com/20230715