มองเขาโยวเตย์และเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่เมืองคุจจัง
เขียนเมื่อ 2023/11/30 13:08
แก้ไขล่าสุด 2023/12/02 19:33
# พฤหัส 23 พ.ย. 2023
ต่อจากตอนที่แล้วได้ไปเที่ยวเมืองเคียวโงกุมา https://phyblas.hinaboshi.com/20231129
เป้าหมายต่อไปคือเมืองคุจจัง (倶知安町) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเขาโยวเตย์ (羊蹄山) ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องทิวทัศน์ซึ่งสามารถมองเห็นเขาโยวเตย์ได้ และยังเป็นที่เล่นสกีในฤดูหนาวด้วย
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองคุจจังในกิ่งจังหวัดชิริเบชิ แสดงเป็นสีเหลืองเข้ม
นอกจากทิวทัศน์แล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีสถานที่เที่ยวโดดเด่นอะไรมาก ที่พอจะมีอยู่คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติคุจจัง (倶知安風土館) ซึ่งเป็นสถานที่เดียวที่เราได้แวะในเมืองนี้ แต่ก็ถือว่าดีเกินคาดมาก พิพิธภัณฑ์นี้แม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็ทำออกมาได้ดีมาก มีสิ่งจัดแสดงหลากหลายมาก บอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองนี้รวมถึงธรรมชาติในบริเวณนี้ ดังนั้นโดยรวมแล้วจึงถือเป็นสถานทีเที่ยวที่น่าแนะนำมาทีเดียว สำหรับใครที่มีโอกาสได้แวะมาแถวนี้ ค่าเข้าชมก็ถูก แค่ ๒๐๐ เยนเท่านั้น
แต่น่าเสียดายว่าการเดินทางมาที่พิพิธภัณฑ์นี้ค่อนข้างลำบาก แม้ว่าเมืองคุจจังจะมีสถานีรถไฟอยู่คือสถานีคุจจัง (倶知安駅) แต่ว่าที่นี่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปมาก ถ้าจะมาต้องนั่งรถเมล์ต่อจากสถานีรถไฟอีกที แต่ป้ายรถเมล์ก็ไม่ได้ใกล้ที่นี่มาก ยังไงก็ต้องเดินมาอีกที
ครั้งโชคดีที่มีเพื่อนคนญี่ปุ่นขับรถพามาจึงสามารถมาเที่ยวชมที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นหากมาเองคงไม่ได้แวะมา
ทิวทัศน์ระหว่างทางตอนช่วงที่เดินทางนั่งรถมาถึงบริเวณเมืองคุจจัง เมฆที่บดบังเขาโยวเตย์อยู่เริ่มน้อยลง ทำให้ค่อยๆมองเห็นได้ชัดขึ้นมา จากตรงนี้จึงได้ถ่ายภาพบ้านเมืองแถวนี้ที่มีฉากหลังเป็นเขาสวยมาหลายภาพ
เมื่อเริ่มเข้าใกล้ตัวเมือง เห็นฟ้ากำลังสวย และเมฆที่บดบังเขาก็น้อยลงมาก จึงหาที่จอดรถข้างทางเพื่อแวะถ่ายรูป
ในภาพนี้ยังมองเห็นเขานิเซโกะอันนุปุริ (ニセコアンヌプリ) ซึ่งสูง ๑๓๐๘ แม้จะไม่สูงเท่าเขาโยวเตย์แต่ก็เป็นสถานที่เที่ยว มีที่เล่นสกีอยู่
ภาพที่ถ่ายจากตรงนี้ ยังเห็นเมฆบดบังอยู่ ไม่เห็นยอด แต่ก็เห็นได้เยอะ แค่นี้ก็สวยมากแล้วเห็นหิมะที่ปกคลุมอยู่ในบริเวณที่สูงๆด้วย
หลังจากนั้นขึ้นรถแล้วไปต่ออีกหน่อยแวะจอดดูอีกจุด
ตรงนี้ก็ได้ภาพทิวทัศน์สวยเหมือนกัน
เห็นมีคนฝรั่งกำลังนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ เหมือนกำลังนั่งสมาธิในขณะที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปด้วย ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติดีๆ
หลังจากนั้นก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
เมื่อเข้ามาด้านในสิ่งทีเห็นก่อนเลยก็คือรถเต่ารุ่นเก่า สึบารุ 360 อยู่ในโถงชั้น ๑
หน้าประตูจัดแสดงพวกเครื่องตักหิมะ และมองไปด้านหลังคือส่วนจัดแสดงชั้น ๒
จากตรงนี้ก็ขึ้นไปส่วนจัดแสดงหลักซึ่งอยู่ชั้น ๒ การจะเข้าไปต้องเสียค่าเข้า ๒๐๐ เยน
ตรงนี้เป็นภาพถ่ายดาวเทียมขนาดใหญ่ของบริเวณเขาโยว์เตย์ สามารถขึ้นไปยืนบนนั้นเพื่อดูได้ และด้านหลังห็นที่นั่งอ่านหนังสือ
ตรงนี้จัดแสดงเกี่ยวกับธรรมชาติของที่นี่ ทั้งพวกสัตว์และพืช
เดินเข้ามาด้านใน ตรงนี้เป็นห้องเล็กๆที่จัดแสดงเกี่ยวกับสกีของที่นี่ เพราะเมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องที่เล่นสกี
ห้องนี้จัดแสดงประวัติศาสตร์ของที่นี่ตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงใกล้ปัจจุบัน
ห้องนี้จำลองสภาพห้องเรียนเก่าๆ
ห้องนี้แสดงเกี่ยวกับรถไฟสายอิบุริ (胆振線) ซึ่งเคยเปิดใช้งานในช่วงปี 1919 จนถึงปี 1986 โดยวิ่งสถานีคุจจังไปจนถึงสถานีดาเตะมมเบตสึ (伊達紋別駅) ในเมืองดาเตะ (伊達市) โดยระหว่างทางผ่านทั้งเมืองเคียวโงกุ และเมืองคิโมเบตสึ แต่ว่าได้ถูกปิดให้บริการไปแล้ว ทำให้เมืองเหล่านี้ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านในปัจจุบัน
ห้องนี้จัดแสดงเกี่ยวกับร้านค้าของที่นี่ มีทั้งพวกถ้วยชามและของต่างๆวางอยู่มากมาย
ห้องนี้จำลองห้องต่างๆภายในบ้าน
ห้องนี้แสดงพวกงานฝีมือ
จากนั้นส่วนจัดแสดงชั้นบนก็หมดเพียงเท่านี้ ถือว่ามีอะไรให้ดูมากจริงๆ ที่จริงถ้ามีเวลาก็อยากค่อยๆดูให้ละเอียด แต่ว่าตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้วอยากรีบเดินทางไปต่อก่อนจะมืด
จากนั้นลงมาชั้นล่างยังมีอะไรให้ดูอีกนิดหน่อย นั่นคือโกดังที่เก็บพวกอุปกรณ์ต่าง
หลังจากชมเสร็จแล้วก็เดินกลับออกมา
หน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ตอนที่ออกมา เวลาตอนนั้นจริงๆเพิ่งจะ 15:28 แต่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเต็มที เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวและที่นี่ก็อยู่ละติจูดสูง ทำให้กลางวันสั้นมาก
จากตรงนี้ยังมองไปเห็นเขาโยวเตย์ ซึ่งก็ยังคงถูกเมฆบดบัง ไม่ได้ชัดขึ้นไปกว่าเดิม ยังไงวันนี้คงเห็นเต็มที่ได้แค่นี้ ยังไงโอกาสที่จะได้เห็นเขานี้โดยไม่มีเมฆบดบังนั้นเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว
จากนั้นก็นั่งรถมุ่งหน้าสู่เมืองโอตารุซึ่งเป็นปลายทางของวันนี้ ระหว่างทางก็ใช้เวลาไปอีกชั่วโมง ระหว่างนั้นดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆตกดิน เริ่มมืดลงเรื่อยๆ https://phyblas.hinaboshi.com/20231201
ต่อจากตอนที่แล้วได้ไปเที่ยวเมืองเคียวโงกุมา https://phyblas.hinaboshi.com/20231129
เป้าหมายต่อไปคือเมืองคุจจัง (倶知安町) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเขาโยวเตย์ (羊蹄山) ที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องทิวทัศน์ซึ่งสามารถมองเห็นเขาโยวเตย์ได้ และยังเป็นที่เล่นสกีในฤดูหนาวด้วย
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองคุจจังในกิ่งจังหวัดชิริเบชิ แสดงเป็นสีเหลืองเข้ม
นอกจากทิวทัศน์แล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีสถานที่เที่ยวโดดเด่นอะไรมาก ที่พอจะมีอยู่คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติคุจจัง (倶知安風土館) ซึ่งเป็นสถานที่เดียวที่เราได้แวะในเมืองนี้ แต่ก็ถือว่าดีเกินคาดมาก พิพิธภัณฑ์นี้แม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็ทำออกมาได้ดีมาก มีสิ่งจัดแสดงหลากหลายมาก บอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองนี้รวมถึงธรรมชาติในบริเวณนี้ ดังนั้นโดยรวมแล้วจึงถือเป็นสถานทีเที่ยวที่น่าแนะนำมาทีเดียว สำหรับใครที่มีโอกาสได้แวะมาแถวนี้ ค่าเข้าชมก็ถูก แค่ ๒๐๐ เยนเท่านั้น
แต่น่าเสียดายว่าการเดินทางมาที่พิพิธภัณฑ์นี้ค่อนข้างลำบาก แม้ว่าเมืองคุจจังจะมีสถานีรถไฟอยู่คือสถานีคุจจัง (倶知安駅) แต่ว่าที่นี่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปมาก ถ้าจะมาต้องนั่งรถเมล์ต่อจากสถานีรถไฟอีกที แต่ป้ายรถเมล์ก็ไม่ได้ใกล้ที่นี่มาก ยังไงก็ต้องเดินมาอีกที
ครั้งโชคดีที่มีเพื่อนคนญี่ปุ่นขับรถพามาจึงสามารถมาเที่ยวชมที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นหากมาเองคงไม่ได้แวะมา
ทิวทัศน์ระหว่างทางตอนช่วงที่เดินทางนั่งรถมาถึงบริเวณเมืองคุจจัง เมฆที่บดบังเขาโยวเตย์อยู่เริ่มน้อยลง ทำให้ค่อยๆมองเห็นได้ชัดขึ้นมา จากตรงนี้จึงได้ถ่ายภาพบ้านเมืองแถวนี้ที่มีฉากหลังเป็นเขาสวยมาหลายภาพ
เมื่อเริ่มเข้าใกล้ตัวเมือง เห็นฟ้ากำลังสวย และเมฆที่บดบังเขาก็น้อยลงมาก จึงหาที่จอดรถข้างทางเพื่อแวะถ่ายรูป
ในภาพนี้ยังมองเห็นเขานิเซโกะอันนุปุริ (ニセコアンヌプリ) ซึ่งสูง ๑๓๐๘ แม้จะไม่สูงเท่าเขาโยวเตย์แต่ก็เป็นสถานที่เที่ยว มีที่เล่นสกีอยู่
ภาพที่ถ่ายจากตรงนี้ ยังเห็นเมฆบดบังอยู่ ไม่เห็นยอด แต่ก็เห็นได้เยอะ แค่นี้ก็สวยมากแล้วเห็นหิมะที่ปกคลุมอยู่ในบริเวณที่สูงๆด้วย
หลังจากนั้นขึ้นรถแล้วไปต่ออีกหน่อยแวะจอดดูอีกจุด
ตรงนี้ก็ได้ภาพทิวทัศน์สวยเหมือนกัน
เห็นมีคนฝรั่งกำลังนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ เหมือนกำลังนั่งสมาธิในขณะที่ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปด้วย ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติดีๆ
หลังจากนั้นก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
เมื่อเข้ามาด้านในสิ่งทีเห็นก่อนเลยก็คือรถเต่ารุ่นเก่า สึบารุ 360 อยู่ในโถงชั้น ๑
หน้าประตูจัดแสดงพวกเครื่องตักหิมะ และมองไปด้านหลังคือส่วนจัดแสดงชั้น ๒
จากตรงนี้ก็ขึ้นไปส่วนจัดแสดงหลักซึ่งอยู่ชั้น ๒ การจะเข้าไปต้องเสียค่าเข้า ๒๐๐ เยน
ตรงนี้เป็นภาพถ่ายดาวเทียมขนาดใหญ่ของบริเวณเขาโยว์เตย์ สามารถขึ้นไปยืนบนนั้นเพื่อดูได้ และด้านหลังห็นที่นั่งอ่านหนังสือ
ตรงนี้จัดแสดงเกี่ยวกับธรรมชาติของที่นี่ ทั้งพวกสัตว์และพืช
เดินเข้ามาด้านใน ตรงนี้เป็นห้องเล็กๆที่จัดแสดงเกี่ยวกับสกีของที่นี่ เพราะเมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องที่เล่นสกี
ห้องนี้จัดแสดงประวัติศาสตร์ของที่นี่ตั้งแต่ยุคโบราณมาจนถึงใกล้ปัจจุบัน
ห้องนี้จำลองสภาพห้องเรียนเก่าๆ
ห้องนี้แสดงเกี่ยวกับรถไฟสายอิบุริ (胆振線) ซึ่งเคยเปิดใช้งานในช่วงปี 1919 จนถึงปี 1986 โดยวิ่งสถานีคุจจังไปจนถึงสถานีดาเตะมมเบตสึ (伊達紋別駅) ในเมืองดาเตะ (伊達市) โดยระหว่างทางผ่านทั้งเมืองเคียวโงกุ และเมืองคิโมเบตสึ แต่ว่าได้ถูกปิดให้บริการไปแล้ว ทำให้เมืองเหล่านี้ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านในปัจจุบัน
ห้องนี้จัดแสดงเกี่ยวกับร้านค้าของที่นี่ มีทั้งพวกถ้วยชามและของต่างๆวางอยู่มากมาย
ห้องนี้จำลองห้องต่างๆภายในบ้าน
ห้องนี้แสดงพวกงานฝีมือ
จากนั้นส่วนจัดแสดงชั้นบนก็หมดเพียงเท่านี้ ถือว่ามีอะไรให้ดูมากจริงๆ ที่จริงถ้ามีเวลาก็อยากค่อยๆดูให้ละเอียด แต่ว่าตอนนี้ฟ้าใกล้มืดแล้วอยากรีบเดินทางไปต่อก่อนจะมืด
จากนั้นลงมาชั้นล่างยังมีอะไรให้ดูอีกนิดหน่อย นั่นคือโกดังที่เก็บพวกอุปกรณ์ต่าง
หลังจากชมเสร็จแล้วก็เดินกลับออกมา
หน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ตอนที่ออกมา เวลาตอนนั้นจริงๆเพิ่งจะ 15:28 แต่ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำเต็มที เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวและที่นี่ก็อยู่ละติจูดสูง ทำให้กลางวันสั้นมาก
จากตรงนี้ยังมองไปเห็นเขาโยวเตย์ ซึ่งก็ยังคงถูกเมฆบดบัง ไม่ได้ชัดขึ้นไปกว่าเดิม ยังไงวันนี้คงเห็นเต็มที่ได้แค่นี้ ยังไงโอกาสที่จะได้เห็นเขานี้โดยไม่มีเมฆบดบังนั้นเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว
จากนั้นก็นั่งรถมุ่งหน้าสู่เมืองโอตารุซึ่งเป็นปลายทางของวันนี้ ระหว่างทางก็ใช้เวลาไปอีกชั่วโมง ระหว่างนั้นดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆตกดิน เริ่มมืดลงเรื่อยๆ https://phyblas.hinaboshi.com/20231201