# เสาร์ 17 ก.พ. 2023ต่อจากตอนที่แล้วที่ได้เดินทางไปแวะเปลี่ยนรถไฟที่เมืองมัตสึชิมะ
https://phyblas.hinaboshi.com/20240220เราก็เดินทางมาถึง
สถานีโคกุฟุทางาโจว (
国府多賀城駅) ใน
เมืองทางาโจว (
多賀城市) ซึ่งเป็นที่หมาย โดยที่แวะมาที่นี่ก็เพื่อจะไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ นั่นคือ
ปราสาททางะ (
多賀城)
ปราสาทหลังนี้เป็นปราสาทโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในปี 724 ซึ่งเป็นช่วงยุคนาระ (ปี 710-794) ถือเป็นปราสาทยุคโบราณกว่าปราสาทญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักส่วนใหญ่ซึ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยหลังจากนั้น ปราสาทแบบนี้เรียกว่า
โจวซากุ (
城柵)
ที่ผ่านมาก็ได้ไปเที่ยวปราสาทมาแล้วหลายแห่งในญี่ปุ่น แต่ว่าแห่งนีถือว่าเก่าที่สุดในบรรดาปราสาทที่ไปมาทั้งหมดแล้ว
ในภูมิภาคโทวโฮกุมีโจวซากุแบบนี้อยู่หลายแห่ง ก่อนหน้านี้ก็ได้ไปเที่ยวโจวซากุมาอีกแห่งแล้วคือปราสาทอากิตะ เล่าไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20230816ปราสาททางะเป็นศูนย์กลางการปกครองของ
แคว้นมุตสึ (
陸奥国) ซึ่งกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคโทวโฮกุของญี่ปุ่นในช่วงยุคนาระ จึงมีความสำคัญมากทีเดียว
บริเวณตัวปราสาทนั้นยังหลงเหลือเค้าโครงร่องรอยให้สามารถเข้าไปชมได้ และยังมีแผ่นหิน
ศิลาจารึกปราสาททางะ (
多賀城碑) ซึ่งได้ชื่อว่าหนึ่งใน
สามศิลาจารึกโบราณของญี่ปุ่น (
日本三古碑) ถูกสร้างขึ้นในปี 762 บอกเล่าเรื่องราวของปราสาททางะ ถือเป็นโบราณวัตถุและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญมาก
นอกจากนี้แล้วใกล้ๆกันนั้นยังมี
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โทวโฮกุ (
東北歴史博物館) ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆสถานีโคกุฟุทางาโจวเลย ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของภูมิภาคโทวโฮกุทั้งแต่ยุคโบราณ เปิดตั้งแต่ปี 1999 ภายในมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับปราสาททางะโดยเฉพาะด้วย
เรานั่งรถไฟมาถึงสถานีโคกุฟุทางาโจวเวลา 14:07
จากในชานชลา มองออกไปก็เห็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โทวโฮกุได้ทันที แต่ว่าเรายังไม่เข้าตอนนี้ เพราะก่อนอื่นเป้าหมายหลักคือปราสาททางะ ซึ่งต้องเดินไปไกลนิดหน่อย
มองจากด้านบนอาคารสถานีไปยังทางตะวันออกซึ่งเป็นทิศที่จะต้องเดินไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังปราสาททางะ
เดินลงแล้วออกจากสถานีไป
เดินไปตามทาง
ระหว่างทางก็มีบ้านเมืองอยู่ประปราย แต่ก็ค่อนข้างโล่ง
แล้วก็มาถึงเนินที่เป็นที่ตั้งของประตูใต้ส่วนนอกของปราสาททางะ
จากตรงนี้เดินขึ้นเนินไป
จากบนเนินมองเห็น
วัดเกียวกุเซง (
玉川寺) เป็นวัดเล็กๆที่อยู่ในบริเวณนี้
แต่พอขึ้นเนินมาก็พบว่าที่นี่กำลังก่อสร้างอยู่ จริงๆแล้วประตูใต้ส่วนนอกของปราสาททางะนี้กำลังอยู่ในแผนสร้างจำลองใหม่ ซึ่งน่าจะเสร็จภายในปี 2004 ดังนั้นหากมาช้ากว่านี้สักหน่อยก็คงได้เห็นในสภาพสมบูรณ์
นี่คือสภาพตัวหอประตูใต้ตอนนี้ ยังอยู่ในสภาพก่อสร้างค้างอยู่ เข้าไปชมไม่ได้
และเดินลงจากเนินมาก็เจอกับศิลาจารึกปราสาททางะ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของประตูใต้ หน้าทางที่จะมุ่งหน้าไปสู่ตัวปราสาททางะ
ตัวศิลาจารึกได้ถูกสร้างศาลาล้อม แต่ก็สามารถมองผ่านช่องเห็นด้านในได้ ใช้กล้องมือถือถ่ายผ่านรู
ด้านหลัง
จากนั้นก็เดินต่อไป เข้าใกล้ตัวปราสาทไปอีก
ตรงนี้มีเนินซึ่งมีอาคารส่วนหน้าหน้าปราสาท
แต่ว่าที่นี่ก็กำลังก่อสร้างอยู่ จึงยังไม่มีอะไร
เดินลงจากเนินมาแล้วไปต่อ ตรงนี้เป็นถนนหลักที่ใช้เดินมุ่งหน้าไปยังปราสาท
ป้ายอธิบายปราสาทระหว่างทาง
จากนั้นก็เป็นบันไดดินขึ้นไป
มีแบบจำลองตัวปราสาขนาด ๑/๒๐๐ เท่าด้วย
แล้วก็มาถึงบริเวณซากปราสาท สามารถเดินดูรอบบริเวณได้ ภายในบริเวณนี้เหลือแค่ส่วนฐาน ไม่ได้มีการสร้างอาคารขึ้นมาจำลองของเก่า แต่ก็ได้เห็นร่องรอย ให้รู้ว่าตรงนี้เคยเป็นปราสาทที่สวยงามมาก่อน
เดินมาเรื่อยๆก็สุดทางเท่านี้
จากนั้นเดินลงมา โดยออกทางถนนทางตะวันตก
ระหว่างทางยังผ่าน
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (
貴船神社) เป็นศาลเจ้าเล็กๆ
เข้ามาดูด้านใน
ในนี้เล็กนิดเดียว มีอยู่แค่นี้
แล้วก็เดินย้อนกลับ ระหว่าทางก็เดินมาแวะผ่านวัดเกียวกุเซง ซึ่งได้มองดูตั้งแต่เมื่อกี้ตอนที่อยู่บนเนิน
ที่ข้างๆวัดนั้นเป็นสุสาน
แล้วก็เดินย้อนกลับไปยังทางสถานีโคกุฟุทางาโจว
ข้ามรางรถไฟไปยังฝั่งใต้ เพื่อไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โทวโฮกุ
ทางเข้าบริเวณพิพิธภัณฑ์
เดินไปยังทางเข้าอาคารหลัก
หน้าทางเข้า
แต่ว่าพอเข้าไปแล้วตั้งใจจะซื้อตั๋วก็พบว่าเขากำลังปิดปรับปรุงอยู่ โดยจะปิดไปจนถึง 31 มีนาคม จึงไม่สามารถเข้าชมได้ น่าเสียดายมาก แต่อย่างน้อยมาเที่ยวนี้เราก็ได้ชมปราสาททางะไปแล้ว ก็ไม่ถึงกับเสียเที่ยวที่มา
ร้านขายของในพิพิธภัณฑ์ก็ปิดเหมือนกัน
ที่ปิดไปนั้นคือส่วนจัดแสดงหลัก แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าที่ชั้น ๓ มีส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์เด็ด สามารถเข้าชมได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เราก็เลยลองขึ้นมาดู ไหนๆก็มาแล้ว
ภายในส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์เด็ก ดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมาก เข้ามาเดินดูแป๊บเดียวก็เสร็จ
นอกจากนั้นชั้น ๓ ก็ยังมีส่วนอื่น
เช่นตรงนี้เป็นห้องสมุด
หลังจากนั้นก็เดินลงกลับลงมาด้านล่าง นี่เป็นภาพห้องโถงชั้น ๑ ที่ถ่ายจากชั้นลอย
ลองเดินออกจากอาคารพิพิธภัณฑ์มาอีกด้าน
ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ ถ่ายจากอีกด้าน
จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาในบริเวณพิพิธภัณฑ์ยังมีอีกส่วนที่เข้าชมได้ นั่นคือ
บ้านตระกูลอิมาโนะ (
今野家住宅) เป็นบ้านแบบโบราณที่สร้างขึ้นในปี 1769 เดิมทีตั้งอยู่ในเมืองอิชิโนโมริ แต่ถูกย้ายมาปลูกใหม่ที่นี่
ป้ายอธิบายเกี่ยวกับที่นี่
อาคารประกอบไปด้วย ๒ หลัง คือส่วนอาคารที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นประตูเดินทะลุผ่านได้
ภายในอาคารประตูหน้า เป็นที่เก็บพวกอุปกรณ์เครื่องมือ
จากนั้นลองเข้าไปดูในส่วนอาคารด้านใน
ภายในเป็นบ้านที่อยู่อาศัย เดินชมในนี้ได้ แต่บนพื้นไม้ต้องถอดรองเท้า
และด้านหลังเป็นสวนเล็กๆ
หลังจากชมเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับ โดยเดินขึ้นสถานีจากทางนี้
แต่ว่ารถไฟรอบต่อไปสำหรับกลับคือเวลา 15:42 ต้องรอสักพัก และในตัวอาคารสถานีกลับไม่มีทีให้นั่งรอรถไฟ เลยมานั่งที่ม้านั่งตรงป้ายรถเมล์หน้าสถานี ระหว่างนั้นก็เห็นมีรถเมล์ผ่านมาจอดด้วย จากตรงนี้สามารถนั่งรถเมล์ไปลงที่ต่างๆภายในเมืองนี้และเมืองข้างเคียงได้
พอใกล้เวลาก็ขึ้นมาที่สถานี แตะบัตรเข้าไปในชานชลา
แล้วก็นั่งรถไฟกลับเซนได ถึงเซนไดเวลา 15:56 จบการเดินทางในวันนี้ลงเท่านี้
ก็ถือเป็นอีกวันที่ได้แวะไปเที่ยวหลายเมืองเลยทีเดียว การนั่งรถไฟเที่ยวชมเมืองตามสายรถไฟแบบนี้ก็ถือว่าสนุกไม่เลวเลย
สรุปเวลาเดินทางและค่าโดยสารรถไฟในวันนี้
สถานี |
เวลา |
ราคา (เยน) |
ต้นทาง |
ปลายทาง |
ขึ้น |
ลง |
เซนได |
อิชิโนมากิ |
8:20 |
9:21 |
1170 |
อิชิโนมากิ |
โอนางาวะ |
9:33 |
9:59 |
โอนางาวะ |
อิชิโนมากิ |
11:08 |
11:34 |
590 |
อิชิโนมากิ |
โนบิรุ |
11:55 |
12:15 |
โนบิรุ |
ทากางิมาจิ |
13:12 |
13:28 |
199 |
มัตสึชิมะ |
โคกุฟุทางาโจว |
13:57 |
14:07 |
242 |
โคกุฟุทางาโจว |
เซนได |
15:42 |
15:56 |
242 |
รวม |
2443 |
สถานที่เที่ยววันนี้ไม่ได้เสียค่าเข้าชม ไม่ได้แวะกินข้าว และไม่ได้ซื้อของฝากด้วย ค่าโดยสารรถไฟจึงเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของวันนี้
ได้ไปเที่ยวโน่นนี่มากมายด้วยค่าใช้จ่ายเท่านี้ถือว่าคุ้มไม่น้อยเลย