# ศุกร์ 23 ก.พ. 2023ช่วงพุธ-พฤหัส 21-22 ในจังหวัดมิยางิมีหิมะตกอีกแล้ว และวันที่ 23 เป็นวันหยุดเนื่องจากเป็นวันเกิดจักรพรรดิ (
天皇誕生日) ก็เลยออกไปเที่ยวสักหน่อย ถือเป็นจังหวะดีที่จะได้ถ่ายทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะก่อนที่จะละลายไป อุณหภูมิก็กำลังดี ไม่หนาวเกินไป และก็ไม่ได้อุ่นจนหิมะละลาย
เป้าหมายการเที่ยวคราวนี้ก็คือ
มัตสึชิมะ (
松島) ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะ
สามทิวทัศน์แห่งญี่ปุ่น (
日本三景) ร่วมกับ
อามาโนฮาชิดาเตะ (
天橋立) ที่จังหวัดเกียวโต และ
มิยาจิมะ (宮島) จังหวัดฮิโรชิมะ ซึ่งเราก็ได้เคยไปมา เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20130507นอกจากนี้ที่นี่ยังถูกกล่าวขานร่วมกับคิซากาตะ (
象潟) ในจังหวัดอากิตะด้วย โดยกล่าวว่า "มัตสึชิมะแห่งตะวันออก คิซากาตะแห่งตะวันตก" (
東の
松島 西の
象潟)
เกี่ยวกับคิซากาตะ เคยไปเที่ยวมาแล้วเล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20230807มัตสึชิมะเป็นชื่อเรียกหมู่เกาะและชายฝั่งภายใน
อ่าวมัตสึชิมะ (
松島湾) บนชายฝั่งตะวันออกของจังหวัดมิยางิ ซึ่งโดยหลักแล้วตั้งอยู่ในบริเวณ
เมืองมัตสึชิมะ (
松島町) และนอกจากนั้นแล้วก็ยังกินพื้นที่ในเมืองข้างๆได้แก่
เมืองฮิงาชิมัตสึชิมะ (
東松島市),
เมืองริฟุ (
利府町) และ
เมืองชิโองามะ (
塩竈市) ด้วย มีจำนวนเกาะประมาณ ๒๖๐ เกาะ
ตำแหน่งเมืองมัตสึชิมะในจังหวัดมิยางิ แสดงเป็นสีเหลืองเข้มตรงกลาง อยู่ริมชายฝั่ง
ด้วยความที่มีเกาะน้อยใหญ่รูปร่างแปลกๆมากมายดูสวยงาม และชื่อเสียงเรียงนามที่ว่าเป็นหนึ่งในสามทิวทัศน์แห่งญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ใช่อยู่ๆตั้งขึนมาง่ายๆ แต่มีที่มาตั้งแต่ปี 1643 ช่วงต้นยุคเอโดะแล้ว ชื่อเสียงและความโดดเด่นของทิวทัศน์ทั้ง ๓ ที่นี้มีมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่เปลี่ยนแปลง
ปัจจุบันนี้มัตสึชิมะก็ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายจากทั้งในและนอกประเทศ อาจเรียกได้ว่าพอพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดมิยางิแล้วคนก็จะนึกถึงมัตสึชิมะเป็นที่แรก มีชื่อเสียงยิ่งกว่าเมืองเซนได หรือทิวเขาซาโอว (เคยไปมาแล้วเล่าไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20230717)
ในจังหวัดมิยางิหากพูดถึงภูเขาก็ต้องซาโอว หากพูดถึงทะเลก็ต้องมัตสึชิมะ ทั้งคู่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติต่างกันไป
แน่นอนว่ามัตสึชิมะนั้นเป็นมากกว่าแค่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพราะการที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่อดีตทำให้มีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ บุคคลยิ่งใหญ่ในอดีตจำนวนมากเคยมาที่มัตสึชิมะ และได้มีโบราณสถานไว้ ซึ่งก็กลายเป็นสถานที่เที่ยว
ดังนั้นแล้วในบริเวณเมืองมัตสึชิมะจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่เต็มไปหมด หากจะเที่ยวทั้งหมดคงต้องใช้เวลาทั้งวัน
ธรรมชาติของมัตสึชิมะนั้นประกอบไปด้วยต้นสนเป็นหลัก ทำให้ไม่ว่าจะเที่ยวฤดูไหนก็ไม่เปลี่ยนแปลง ปกคลุมไปด้วยต้นสนเขียวขจีตลอดปี ไม่มีเปลี่ยนสีหรือร่วงโรย จึงเป็นสีเดิมตลอด อย่างไรก็ตาม เมื่อหิมะตกลงมาและทับถม ก็จะทำให้มัตสึชิมะถูกย้อมด้วยสีขาวโพลนได้
และนี่คือเป้าหมายการเที่ยวครั้งนี้ เราต้องการมาชมมัตสึชิมะที่ถูกย้อมสีขาวด้วยหิมะ
การเที่ยวชมหมู่เกาะต่างๆในมัตสึชิมะนั้นโดยทั่วไปทำได้โดยนั่งเรือ จุดขึนเรือหลักๆแล้วอยู่ที่ริมชายฝั่งใกล้กับ
สถานีมัตสึชิมะไคงัง (
松島海岸駅) ซึ่งเป็นสถานีหลักของย่านท่องเที่ยวของเมืองมัตสึชิมะ
สถานนี้อยู่บน
สายเซนเซกิ (
仙石線) ซึ่งเป็นสายที่เชื่อมระหว่างเมืองเซนไดกับ
เมืองอิชิโนมากิ (
石巻市) ซึ่งเป็นเมืองทางชายฝั่งตะวันออกที่อยู่ไกลออกไปกว่ามัตสึชิมะ ระหว่างทางก็ผ่านชายฝั่งมัตสึชิมะด้วย
สายเซนเซกินั้นมีต้นทางอยู่ที่
สถานีอาโอบะโดริ (あおば
通駅) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของสถานีเซนได ครั้งนี้เราก็เริ่มขึ้นจากสถานีนี้
การเดินทางไปถึงสถานีมัตสึชิมะไคงังนั้นใช้เวลาประมาณ ๔๐ นาที ครั้งนี้เรานั่งรอบเวลา 8:54 และไปถึงเวลา 9:37 โดยขบวนนี้มีปลายทางอยู่ที่
สถานีทากางิมาจิ (
高城町駅) ซึ่งอยู่ในเมืองมัตสึชิมะและอยู่เลยจากสถานีมัตสึชิมะไคงังที่เป็นเป้าหมายไปอีก ๑ สถานี
ตอนเช้าออกจากหอพักมา เดินทางมายังสถานีอาโอบะโดริ รอบๆยังปกคลุมไปด้วยหิมะ ในเมืองมีการกวาดหิมะตามทางเดิน แต่ก็ยังหลงเหลืออยู่มาก
ทางเข้าสถานี ตัวสถานีนี้ตั้งอยู่ใต้ดิน
แตะบัตรเข้าไป การเดินทางบนเส้นทางสายนี้สามารถใช้ Suica ได้ทั้งหมด
ลงไปยังชานชลา
หน้าจอแสดงเวลาและปลายทางของรถไฟที่เราจะขึ้น เวลา 8:54 ปลายทางคือสถานีทากางิมาจิ ตอนที่ไปถึงนั้นรถไฟมารออยู่ก่อนเวลาแล้ว เพราะว่าสถานีนีเป็นต้นทาง ก็เข้าไปนั่งรถเวลารถไฟออกได้เลย
จากนั้นรถไฟก็ออก แล้วก็มาจอดที่สถานีเซนไดซึ่งเป็นสถานีหลักของเมืองซึ่งเราก็แวะมาแทบทุกครั้งที่นั่งรถไฟ ครั้งนี้ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปตอนผ่านไว้
จากนั้นต่อมารถไฟจึงมาจอดที่สถานีถดไปคือ
สถานีทซึตสึจิงาโอกะ (
榴ケ岡駅)
และถัดมาจึงเป็น
สถานีมิยางิโนะฮาระ (
宮城野原駅)
ตามด้วย
สถานีริกุเซงฮาราโนมาจิ (
陸前原ノ町駅)
ที่ผ่านมารถไฟอยู่ใต้ดินมาตลอด แต่จากนี้ไปจึงเริ่มโผล่มาอยู่ด้านบน แล้วก็จอดที่สถานีต่อไปคือ
สถานีนิงาตาเกะ (
苦竹駅)
หออยู่เหนือพื้นดินแล้วก็เห็นทิวทัศน์ในเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสวยงาม
สถานีต่อไปคือ
สถานีโคซึรุชินเดง (
小鶴新田駅)
ทิวทัศน์ระหว่างทาง
ต่อมาคือ
สถานีฟุกุดะมาจิ (
福田町駅)
แล้วก็
สถานีริกุเซงทากาซาโงะ (
陸前高砂駅)
ตามด้วย
สถานีนากาโนะซากาเอะ (
中野栄駅) ซึ่งที่นี่เราเคยมาแล้วครั้นนึงเมื่อครั้งที่นั่งเรือไปฮกไกโด เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20230904 หลังจากนั้นรถไฟก็ออกจากเมืองเซนได เข้าสู่เขต
เมืองทางาโจว (
多賀城市) มาจอดที่
สถานีทางาโจว (
多賀城駅)
ที่จริงเมื่อก่อนเราก็เคยได้นั่งรถไฟสายนี้แล้วมาแวะสถานีนี้ทีนึง เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20220917ต่อมาคือ
สถานีเกบะ (
下馬駅) เป็นอีกสถานีในเมืองทางาโจว
จากนั้นก็เข้าสู่เขตเมืองชิโองามะ มาจอดที่
สถานีนิชิชิโองามะ (
西塩釜駅)
แล้วก็ตามด้วย
สถานีฮนชิโองามะ (
本塩釜駅) ซึ่งเป็นสถานีหลักใจกลางเมืองชิโองามะ
ทิวทัศน์ริมทะเลในเมืองชิโองามะ
จากนั้นก็เป็น
สถานีฮิงาชิชิโองามะ (
東塩釜駅) ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของรถไฟหลายขบวนที่วิ่งบนสายเซนเซกินี้ แต่ว่าขบวนที่เรานั่งนี้วิ่งเลยจากนี้ไปอีก
จากตรงนี้ไปทางรถไฟก็ยังอยู่ใกล้เลียบริมชายฝั่ง เห็นทิวทัศน์ริมทะเลสวยงาม
ต่อมารถไฟก็มาจอดที่
สถานีริกุเซงฮามาดะ (
陸前浜田駅) ในเมืองริฟุ
และรถไฟก็เข้าสู่เขตเมืองมัตสึชิมะ แล้วในที่สุดก็มาจอดที่สถานีมัตสึชิมะไคงังอันเป็นเป้าหมาย ผู้คนมากมายแทบจะทั้งขบวนต่างลงที่สถานีนี้กันตามคาด ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากคนญี่ปุ่นแล้วก็ยังมีคนต่างชาติอยู่ด้วย
สำหรับบันทึกการเดินทางมาถึงก็จบลงเท่านี้ ในตอนหน้าจะเริ่มเล่าเรื่องการเที่ยวในมัตสึชิมะต่อไป
https://phyblas.hinaboshi.com/20240224