# ศุกร์ 23 ก.พ. 2023เล่าเรื่องเที่ยวมัตสึชิมะต่อจากตอนที่แล้วที่นั่งรถไฟเดินทางมาถึงสถานีมัตสึชิมะไคงัง
https://phyblas.hinaboshi.com/20240223มัตสึชิมะ (
松島) เป็นสถานที่เที่ยวชมเกาะเล็กเกาะน้อยภายในอ่าว แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ห่างจากชายฝั่งมาก แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นโดยมองจากชายฝั่งได้ทั้งหมด ดังนั้นหากต้องการเที่ยวที่นี่จึงควรจะนั่งเรือชม เพื่อใหได้เห็นเกาะต่างๆอย่างใกล้ชิด
ท่าขึ้นเรือท่องเที่ยวสำหรับชมรอบมัตสึชิมะนั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานีมัตสึชิมะไคงัง สามารถเดินไปได้ไม่ไกลก็ถึง
แผนครั้งนี้ก่อนอื่นคือไปนั่งเรือชมเกาะก่อน เสร็จแล้วค่อยเป็นการเดินเที่ยวชมสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องบนชายฝั่ง
สำหรับการเที่ยวครั้งนี้นอกจากจะใช้กล้องสมาร์ตโฟนเพื่อถ่ายภาพตาปกติแล้ว เรายังได้พกกล้องกะทัดรัดซึ่งมีความสามารถส่องขยายได้ ๒๕ เท่า โดยความยาวโฟกัสพื้นฐานอยู่ที่ ๔.๕ มม. แต่เมื่อส่องขยายใกล้สุดจะเป็น ๑๑๒.๕ มม.
ในกรณีทั่วไปกล้องสมาร์ตโฟนถ่ายภาพได้สวยกว่ามาก ปกติจึงไม่ค่อยได้พกกล้องถ่ายรูปจริงๆเวลาไปเที่ยว แต่ก็ต้องยอมรับว่าจุดอ่อนอันใหญ่หลวงของกล้องสมาร์ตโฟนก็คือถ่ายขยายไม่ได้ ต่อให้มีการขยายแบบดิจิทัล แต่นั่นก็ไม่มีความหมายอะไร ยังไงก็ไม่สามารถเห็นได้ชัดอยู่ดี ส่วนสมาร์ตโฟนสมัยใหม่นั้นได้ยินว่าเริ่มขยายได้จริงๆแล้วแต่อย่างมากก็สัก ๑๐ เท่า ยังคงไม่ถึงขั้นสู่กล้องจริงๆได้อยู่
และเราก็ไม่ใช่คนเล่นกล้องด้วย จะให้ถือกล้องโปรตัวใหญ่ไปก็ใช้ไม่เป็น ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือกล้องกะทัดรัดขนาดเล็กๆถือสะดวก ซึ่งหลายคนอาจมองว่าตกยุค ไม่จำเป็นแล้ว แทบไม่เห็นใครใช้ แต่สำหรับเรา ยังมองว่าจำเป็นอยู่ อย่างน้อยก็ในการเที่ยวครั้งนี้
ในการนั่งเรือชมนั้นเราได้เห็นเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย บางเกาะก็เล็กและอยู่ไกลจนมองด้วยตาเปล่าได้ไม่ชัด พอใช้กล้องที่ขยายได้แล้ว นอกจากจะทำให้เก็บภาพเกาะเหล่านี้ได้ชัดแล้ว ยังทำให้เห็นอะไรชัดกว่าแค่ตาเปล่า
หลังจากลงรถไฟที่สถานีมัตสึชิมะไคงังแล้วก็เดินออกจากสถานีมา อาคารสถานีนี้เล็กๆแค่นี้เอง
จากหน้าสถานี มองไปก็เห็นทะเลอยู่ทางตะวันออกแล้ว
เดินไปตามถนนสายนี้ไปทางเหนือตามถนนสายหลัก
ระหว่างทาง ถนนบางส่วนก็พื้นลื่น ต้องเดินอย่างระมัดระวังพอสมควร
แล้วก็มาถึงท่าขึ้นเรือ
ตรงนี้คืออาคารท่าขึ้นเรือ ซื้อตั๋วขึ้นเรือจากอาคาร
มัตสึชิมะไคงังเรสต์เฮาส์ (
松島海岸レストハウス) ตรงนี้ เส้นทางเรือมีให้เลือกหลายแบบ แต่ที่เราเลือกไปครั้งนี้คือเส้นทางพื้นฐานที่แนะนำทั่วไปและคนส่วนใหญ่นั่งมากที่สุด เรียกว่านิโอวมารุคอร์ส (
仁王丸コース) ราคา ๑๐๐๐ เยน วนรอบอ่าวแล้วก็กลับมาจอดที่เดิม ใช้เวลา ๕๐ นาที ออกทุกชั่วโมง โดยรอบที่เราขึ้นนี้คือรอบ 10:00 สิ้นสุดตอน 10:50
ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินมาที่ท่าขึ้นเรือ
เรามาก่อนเวลาสักพักแต่ก็มีคนมาเข้าคิวรออยู่แล้ว ส่วนเรือที่จะนั่งนั้นตอนนี้ยังไม่อยู่ที่ท่า เพราะแล่นออกไปพาผู้โดยสารรอบที่แล้วชมเกาะอยู่
พอถึงเวลา 9:50 เรือก็มาจอด ต้องรอผู้โดยสารรอบก่อนลงก่อน แล้วเราจึงค่อยขึ้น
เดินขึ้นเรือ
ภายในเรือมีที่นั่งมากมาย อยู่ในร่ม เวลาจะมองทิวทัศน์ก็มองผ่านกระจกเป็นหลัก
เรือมี ๒ ชั้น ถ้าอยากขึ้นชั้น ๒ ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก ๖๐๐ เยน ซึ่งรวมค่าโดยสารเดิม ๑๐๐๐ เยนแล้วก็เป็น ๑๖๐๐ เยน แพงเป็น ๑.๖ เท่า เราตัดสินในไม่ขึ้น เพราะคิดว่าถึงอยู่ด้านบนก็คงไม่ต่างกัน แถมจะยิ่งแกว่งมากกว่า
โชคดีที่ที่นั่งด้านหน้าสุดริมหน้าต่างฝั่งขวาว่างอยู่พอดี เลยมานั่งตรงนี้ ถือว่าเหมาะเจาะมาก
จากที่นั่งมองหันหลังกลับไปเห็นผู้โดยสารทั้งลำ
ที่นั่งที่ได้มีโต๊ะให้ด้วย เลยเอาแผนที่ที่เขาแจกมาให้มากางดูไปด้วยให้รู้ว่าเราไปถึงไหนแล้ว
แล้วเรือก็ออกจากท่าไป
พอเริ่มมองเห็นจุดที่มีเกาะแปลกๆ ก็จะมีเสียงประกาศแนะนำว่าให้มองไปทางไหน บอกทั้งชื่อเกาะและประวัติศาสตร์และที่มาของชื่อด้วย ไม่ใช่แค่พานั่งเรือเฉยๆให้งมกันเอาเอง ถือว่าเป็นบริการเสริมที่ดี
แล้วได้เวลากล้องกะทัดรัดออกโรง โดยถ่ายขยายเข้าไปให้เห็นเกาะกันชัดๆเลย
เกาะแรกที่เจอเป็นเกาะคู่ที่ชื่อว่า
คุจิระจิมะ (
鯨島) ซึ่งแปลว่า "เกาะวาฬ" และ
คาเมะจิมะ (
亀島) ซึ่งแปลว่า "เกาะเต่า" ทั้ง ๒ เกาะนี้ถูกเรียกรวมว่า
ฟุตาโงะจิมะ (
双子島) หมายถึง "เกาะฝาแฝด" ทั้งที่รูปร่างก็ต่างกันตั้งเยอะ
ทางซ้ายกลมๆคือคาเมะจิมะ (เกาะเต่า)
ทางขวายาวๆคือคุจิระจิมะ (เกาะวาฬ)
จากนั้นเขาก็ประกาศว่าทางด้านซ้ายมีเกาะให้ชม ชือว่า
เซงงังจิมะ (
千貫島) แต่น่าเสียดายว่าจากที่นั่งชิดหน้าต่างขวาที่เราอยู่ไม่สามารถมองได้ ลองพยายามใช้กล้องส่องขยายไปยังหน้าต่างด้านขวาก็มองไม่สะดวกอยู่ดี เลยรู้ว่าถ้านั่งอยู่เฉยๆคงได้แค่ดูอยู่ฝั่งเดียว แต่ก็ยังถือว่าโชคดีว่าส่วนใหญ่เกาะที่ให้ชมอยู่ฝั่งขวามากกว่าอยู่แล้ว เลยมีความจำเป็นต้องย้ายไปทางซ้ายน้อยลง
หลังจากนั้นเรือก็วิ่งผ่านกลุ่มเกาะ ๔ เกาะที่ตั้งชื่อตาม ๔ ใน ๗ เทพเจ้าแห่งโชคลาภของญี่ปุ่น ได้แก่
โฮเตย์จิมะ (
布袋島),
เอบิสึจิมะ (
恵比須島),
ไดโกกุจิมะ (
大黒島) และ
บิชามงจิมะ (
毘沙門島)
โดยเริ่มจากเกาะกลมๆที่เห็นนี้คือโฮเตย์จิมะ
ส่วนเกาะนีคือไดโกกุจิมะ และที่หลบอยู่ด้านหลังเห็นไม่ชัดคือเอบิสึจิมะ
ถ่ายทั้งไดโกกุจิมะกับโฮเตย์จิมะด้วยกัน และเอบิสึจิมะหลบอยู่ด้านหลังมองยาก เรามองทั้ง ๓ เกาะนี้ผ่านหน้าต่างฝั่งขวา
จากนั้นย้ายไปดูที่หน้าต่างฝั่งซ้ายจึงเป็นอีกเกาะคือบิชามงจิมะ เป็นเกาะที่อยู่ทางตะวันออกที่สุดในบรรดา ๔ เกาะ
ต่อมาก็ผ่านอีก ๒ เกาะเล็กๆที่อยู่คู่กันคือ
อิเสะจิมะ (
伊勢島) ทางขวา และ
โคมาจิจิมะ (
小町島) ทางซ้าย
ระหว่างที่เรือแล่นผ่าน ๒ เกาะนี้ไปเราก็ได้ถ่ายภาพในจังหวะต่างๆซึ่งได้เห็นตำแหน่งของ ๒ เกาะนี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จังหวัดที่อิเสะจิมะเริ่มจะบังโคมาจิจิมะ
จังหวะที่บังมิด ตอนนี้มองไม่เห็นโคมาจิจิมะแล้ว
หลังจากแล่นผ่านมา คราวนี้โคมาจิจิมะอยู่ฝั่งซ้าย
ต่อมาเรือก็วิ่งผ่านบริเวณที่มองเห็นชายฝั่ง
เมืองชิโองามะ (
塩竈市) ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญริมชายฝั่งอ่าวมัตสึชิมะ เห็นตึกมากมาย
เห็นมีหลายส่วนที่กำลังก่อสร้าง เห็นเครนเยอะเลย
ในบริเวณนั้นมีโขดหินรูปร่างแปลกๆ ชื่อว่า
โดรันจิมะ (ドウラン
島)
ขยายเข้าไปจึงเห็นนกเกาะอยูด้วย เทียบขนาดแล้วจึงรู้ว่าเป็นแค่โขดหินที่มีขนาดเล็กกว่าที่คิด แต่ก็ยังมีชื่อเรียกเป็นเกาะ เพราะมีความโดดเด่น
หลังจากเรือผ่านไปอีกสักพัก มองจากอีกมุม แบบนี้ก็สวย
ถัดมามองเห็น
ไซโมกุจิมะ (
材木島)
แล้วก็
ฮิตสึเกะจิมะ (
火附島)
ถ่ายทั้ง ๒ เกาะนี้คู่กัน
ถัดไปอีกเห็น
อุซางิจิมะ (
兎島)
แล้วก็ผ่านไปอีกสักพัก ตอนนี้ชายฝั่งที่เห็นอยู่นั้นคือส่วนของ
เมืองชิจิงาฮามะ (
七ヶ浜町) อาคารที่เห็นอยู่คือ
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนเซนได (
仙台火力発電所) และเกาะที่เห็นอยู่ทางซ้ายคือ
ทากาโตจิมะ (
高遠島)
และข้างๆกันนั้นมีอีกเกาะคือ
โอกิโนะทากาโตจิมะ (
沖ノ高遠島) ทั้ง ๒ เกาะนี้ถูกเรียกรวมว่า
เมโอโตะจิมะ (
夫婦島) หมายถึง "เกาะสามีภรรยา" โดยที่ทากาโตจิมะเป็นภรรยา และโอกิโนะทากาโตจิมะเป็นสามี
ถ่ายภาพทากาโตจิมะและโอกิโนะทากาโตจิมะ โดยมีโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนเซนไดเป็นฉากหลัง
จากนั้นก็ได้เห็นเกาะที่มีรูปร่างสวยเด่นที่สุดในบรรดาหมู่เกาะนี้และอาจถือเป็นจุดขายหลักของที่นี่ นั่นคือ
นิโอวจิมะ (
仁王島) มีรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์สวยงามจริงๆ ส่วนที่มองเห็นเป็นฉากหลังนั้นคือเกาะ
คัตสึระจิมะ (
桂島) เป็นเกาะใหญ่ซึ่งมีคนอาศัยอยู่ด้วย หากต้องการก็สามารถนั่งเรือมาเที่ยวชมขายฝั่งทะเลเกาะนี้ได้
ในตอนนั้นเราตัดสินใจเดินออกมาที่ด้านหลังเรือ ซึ่งสามารถมองทิวทัศน์ได้โดยไม่ต้องผ่านกระจก มีคนออกมาตรงนี้กันไม่มากเท่าไหร่ เพราะลมแรงและหนาว ถึงอยู่ได้ก็ไม่อยากอยู่นาน แต่จังหวะนี้อยากถ่ายภาพสวยๆชัดๆอีกหลายภาพก็เลยออกมาสักพัก
นิโอวจิมะอีกภาพ คราวนี้ไม่ผ่านกระจก ดูแล้วเหมือนจะชัดขึ้น
นอกจากนิโอวจิมะแล้ว ใกล้ๆกันนั้นก็ยังมีเกาะอื่นๆเช่น
โคโมเนะจิมะ (
小藻根島)
ถัดมาเรือก็แล่นผ่านแถวอีกเกาะสำคัญ นั่นคือ
มิซึชิมะ (
水島) ในจังหวะนั้นเราได้ลองใช้สมาร์ตโฟนถ่ายกล้องกะทัดรัดที่กำลังจับภาพเกาะนี้อยู่ ให้เห็นการทำงานสักหน่อย ได้ภาพแบบนี้ออกมา ก็ไม่เลว
และนี่คือภาพที่ถ่ายได้มา
จากนั้นเรือก็มาจนสุดปลายทางที่จะวกกลัว ก่อนจะวกกลับมองไปยังทางใต้เห็นเกาะ
ฟุนาอิริจิมะ (
船入島) และโขดหินเล็กๆทางขวาคือ
คาราไกจิมะ (カラカイ
島)
ส่วนเกาะนี้คือ
โคอิวะจิมะ (
小岩島)
โขดหินนี้คือ
คาเงตะจิมะ (
陰田島)
และเกาะใหญ่ๆนี้ชื่อว่าเกาะ
โนโนชิมะ (
野々島) เป็นเกาะที่มีสิ่งก่อสร้างและคนอาศัยอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่แก่งหินเล็กๆ
จากนั้นเรือก็เลียบผ่านริมเกาะ มองเห็นอาคารบ้านเรือนบนเกาะไปตามทาง
บนเกาะนี้ยังมี
ศูนย์รวมพัฒนาหมู่เกาะอุราโตะ (
浦戸諸島開発総合センター) ตั้งอยู่
หลังจากผ่านบริเวณโนโนชิมะมาก็เจออีกเกาะคือ
โอชิมะ (
大島)
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว เรือก็วิ่งย้อนกลับไปยังทางเดิม การเดินเรือคราวนี้ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ระหว่างนั้นเราก็ยังมีมองทิวทัศน์และถ่ายอะไรไปเรื่อยๆ ภาพนี้คือบนเขาในแผ่นดินใหญ่ เห็นเหมือนเป็นอาคารบางอย่าง น่าจะอยู่ในเมืองมัตสึชิมะนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าคือที่ไหน
จากนั้นเรือก็ผ่านบริเวณเกาะ
ฟุกุอุระจิมะ (
福浦島) ซึ่งเป็นเกาะที่มีสะพานเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ และมีอาคารบางส่วน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของที่นี่ซึ่งเดี๋ยวเราก็จะแวะไป ภาพนี้คืออาคาร
เบนเตนโดว (
弁天堂) ศาลเจ้าบูชาเทพ
เบนไซเตง (
弁財天) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งใน ๗ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
ขยายเข้าไปดู เห็นคนกำลังเที่ยวชมกันอยู่ด้วย อีกเดี๋ยวเราก็จะไปตรงนั้นบ้างเหมือนกัน
ส่วนนี่คือ
สะพานฟุกุอุระ (
福浦橋) ที่ใช้เชื่อมระหว่างเกาะหลักกับเกาะฟุกุอุระ การจะไปยังเกาะต้องผ่านสะพานนี้ ซึ่งก็มีค่าผ่านทาง ๒๐๐ เยนด้วย
มองขยายเข้าไปเห็นคนที่กำลังเดินอยู่บนสะพานด้วย
ใกล้ๆสะพานมีเรือจอดอยู่มาก
บนชายฝั่งยังมองเห็น
ปราสาทมัตสึชิมะ (
松島城) ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่ปราสาทญี่ปุ่นโบราณของจริง แค่ถูกสร้างจำลองให้ดูคล้ายปราสาท ไว้ใช้เป็นจุดชมทิวทัศน์เท่านั้น
การเดินทางก็สิ้นสุดลงเท่านี้ ได้เวลาที่เรือกลับขึ้นฝั่งเทียบท่า
พอเรือจอดที่ท่า มองออกไปเห็นคนกลุ่มเที่ยวถัดไปเข้าแถวรออยู่เต็มเลย มีคนมาขึ้นเรือเที่ยวไม่ขาดสายเลยจริงๆ
ได้เวลาออกจากเรือกันไป
การนั่งเรือเที่ยวชมรอบอ่าวก็สิ้นสุดลงเท่านี้ แต่ว่าการเที่ยวมัตสึชิมะยังไม่ได้จบลงแค่นี้ หลังจากนี้จะเป็นการเดินเที่ยวไปยังสถานที่เที่ยวต่างๆริมชายฝั่ง รวมถึงบางส่วนที่มองเห็นมาแล้วจากบนเรือด้วย
https://phyblas.hinaboshi.com/20240225สรุปรายชื่อเกาะทั้งหมดที่กล่าวถึงดูในแผนที่ด้านล่างได้