# อังคาร 12 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวต่อจากที่ตอนที่แล้วนั่งเรือมาถึงเมืองชิมาบาระ จังหวัดนางาซากิ
https://phyblas.hinaboshi.com/20241130สำหรับตอนนี้จะเป็นการเที่ยว
ปราสาทชิมาบาระ (
島原城) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวหลักของเมืองนี้ และเป็นสถานที่เที่ยวที่ประทับใจมากที่สุดในการเที่ยวคิวชูตอนเหนือครั้งนี้เลย ปราสาทนี้ยังถือเป็นปราสาทญี่ปุ่นที่สวยที่สุดเท่าที่เราเคยไปเที่ยวชมมาจนถึงตอนนี้ด้วย
เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างประทับใจ ก็เลยอยากเขียนถึงละเอียดหน่อย โดยขอเร่ิมเขียนตั้งแต่ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องด้วย
ปราสาทชิมาบาระเป็นปราสาทญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครอง
ชิมาบาระฮัง (
島原藩) ในยุคเอโดะ ซึ่งปกครองบริเวณ
คาบสมุทรชิมาบาระ (
島原半島) ซึ่งเป็นส่วนทางตอนใต้ของจังหวัดนางาซากิในปัจจุบัน
พูดถึงชิมาบาระแล้ว ที่นี่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในฐานะสถานที่เกิด
กบฏชิมาบาระ (
島原の
乱) ในปี 1637-1638 ช่วงต้นยุคเอโดะ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการต่อต้านชาวคริสต์ในญี่ปุ่นอย่างรุนแรง นำไปสู่การปิดประเทศในปี 1639 ยาวนานไปจนเกือบตลอดยุคเอโดะยาว ๒๐๐ กว่าปี
ชาวตะวันตกได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาและทำการค้ากับญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 แล้ว และมีบทบาทไม่น้อยในช่วงยุคเซงโงกุด้วย ทำให้ช่วงนั้นชาวญี่ปุ่นจำนวนมากซึ่งคาดกันว่าเป็นแสนคนหันมานับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะคิวชูซึ่งเป็นประตูสู่ญี่ปุ่นในสมัยนั้น
บริเวณคาบสมุทรชิมาบาระได้มีผู้นับถือศาสนาคริสต์จำนวนมาก ซึ่งรวมถึงผู้ครองชิมาบาระยุคแรก
อาริมะ ฮารุโนบุ (
有馬 晴信, ปี 1567-1612) และลูกชาย
อาริมะ นาโอสึมิ (
有馬 直純, ปี 1586-1641) ที่เป็นรุ่นต่อมาด้วย
โดยในช่วงต้นยุคเอโดะนั้นศูนย์กลางการปกครองชิมาบาระอยู่ที่
ปราสาทฮิโนเอะ (日野江城) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็น
เมืองมินามิชิมาบาระ (南島原市) ในปัจจุบัน และตอนนั้นเขตปกครองพื้นที่นี้เคยเรียกว่า ฮิโนเอะฮัง (日野江藩)
แต่ว่าในปี 1614 นาโอสึมิ ผู้ครองซึ่งเป็นชาวคริสต์ได้โดนย้ายให้ไปครองโนเบโอกะฮัง (延岡藩) ซึ่งเป็นเขตปกครองที่อยู่บริเวณจังหวัดมิยาซากิตอนเหนือในปัจจุบันแทน หลังจากนั้นในปี 1616 มัตสึกุระ ชิเงมาสะ (松倉 重政, ปี 1574-1630) ได้ถูกส่งมาปกครองแทน และเขาได้สั่งให้สร้างปราสาทชิมาบาระขึ้นในปี 1618 แล้วย้ายฐานปกครองไปอยู่ที่นั่น
ชิเงมาสะได้ทำการปกครองอย่างโหดเหี้ยมกดขี่ และยิ่งช่วงนั้นรัฐบาลโชกุนมีนโยบายเข้มงวดกับชาวคริสต์ทำให้เขาใช้เป็นข้ออ้างในการขูดรีดชาวคริสต์ในพื้นที่อย่างเต็มที่ไม่มีปรานี นั่นทำให้ประชาชนไม่พอใจอย่างมาก และเป็นชนวนไปสู่เหตุการณ์กบฏในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ปราสาทชิมาบาระเองก็ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตหรูหรา เพื่อที่จะสร้างปราสาทนี้ขึ้นมาได้มีการรีดภาษีประชาชนในพื้นที่และเกณฑ์แรงงานคนอย่างเข้มงวดกดขี่ ว่ากันว่านี่ก็เป็นสิ่งที่มีส่วนในการเกิดกบฏครั้งนี้ด้วยปราสาทชิมาบาระได้สร้างเสร็จในปี 1624 และปีนี้คือ 2024 ที่เราไปมานี้เขาก็กำลังฉลองครบรอบ ๔๐๐ ปีปราสาทชิมาบาระกันอยู่ด้วย ถือว่ามาได้จังหวะพอดี
ชิเงมาสะได้เสียชีวิตในปี 1630 จากนั้นลูกชายคือ
มัตสึกุระ คัตสึอิเอะ (
松倉 勝家, ปี 1597-1638) ก็ได้มาปกครองต่อ ซึ่งก็ยังคงสืบทอดระบบที่กดขี่ประชาชน ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิม
นอกจากนี้แล้ว ในบริเวณ
หมู่เกาะอามากุสะ (
天草諸島) ซึ่งมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่
ปราสาทโทมิโอกะ (
富岡城) อยู่ในบริเวณที่ปัจจุบันเป็น
เมืองเรย์โฮกุ (
苓北町) จังหวัดคุมาโมโตะ ก็มีการปกครองกดขี่แบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นด้วย โทมิโอกะฮังตั้งอยู่บนเกาะ แต่ว่าใกล้ชายฝั่ง อยู่ใกล้กับคาบสมุทรชิมาบาระ จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน นั่งเรือไปมาหากันได้สะดวก
หลังจากที่การปกครองกดขี่ดำเนินต่อมายาวนานกว่า ๒๐ ปี ในที่สุดประชาชนของชิมาบาระฮังและโทมิโอกะฮังก็หมดความอดทน เกิดกบฏขึ้นในปี 1937 โดยมีประชาชนชาวคริสต์เป็นศูนย์กลาง ผู้นำกบฏคือเด็กหนุ่มชื่อ
อามากุสะ ชิโรว (
天草 四郎, ปี ?-1638) ซึ่งปีเกิดไม่แน่ชัดแต่ว่ากันว่าขณะนั้นอายุไม่ถึง ๒๐ ปี มีเรื่องว่าเขาได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมามากมายจนกลายเป็นที่เลื่อมใส เป็นที่ยึดเหนี่ยวใจของชาวบ้านในพื้นที่แถบนั้น
ฝ่ายกบฏได้เข้าโจมตีปราสาทชิมาบาระ แต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องถอยร่นมาตั้งหลักที่
ปราสาทฮาระ (
原城) ซึ่งเป็นปราสาทเก่าที่อยู่ใกล้กับปราสาทฮิโนเอะซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองเดิม
ปราสาทฮาระนั้นเดิมถูกสร้างเพื่อช่วยเสริมปราสาทฮิโนเอะอีกที แต่ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไปพร้อมกับปราสาทฮิโนเอะหลังจากย้ายการปกครองมาอยู่ที่ปราสาทชิมาบาระ แต่ฝ่ายกบฏได้นำปราสาทนี้กลับมาปรับปรุงใหม่แล้วใช้เพื่อเป็นฐานของศึกครั้งนี้
ฝ่ายโชกุนโทกุงาวะจากเอโดะได้ส่งกองทัพมาช่วยเสริมเพื่อจะปรากบฏที่ปราสาทฮาระ แม้ว่าฝ่ายกบฏจะแข็งแกร่งกว่าที่คิดทำให้ต้องทำการปิดล้อมอยู่นาน แต่สุดท้ายด้วยกำลังที่น้อยกว่าและโดนปิดล้อมจนเสบียงหมดก็ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด แล้วปราสาทฮาระก็ถูกทำลายลง ฝ่ายกบฏที่เป็นชาวคริสต์ถูกฆ่าตายแทบทั้งหมด
แม้ว่าการลุกฮือของประชาชนจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ศูนย์เปล่า เพราะทำให้เรื่องแดงว่าตระกูลมัตสึกุระได้ปกครองชิมาบาระอย่างกดขี่และคัตสึอิเอะต้องรับโทษตัดหัวประหารในฐานะต้นเหตุของเหตุการณ์ จากนั้นผู้นำคนใหม่ได้ถูกส่งมาปกครองปราสาทมัตสึบาระแทน ทำการฟื้นฟูเมืองที่เสียหายไปจากเหตุการณ์นี้ ได้มีการอพยพชาวบ้านจากพื้นที่อื่นเข้ามาเพื่อชดเชยประชาชนที่ได้ล้มหายตายจากไปมาก
แต่ผลพวงที่สำคัญของเหตุการณ์นี้จริงๆก็คือการทำให้รัฐบาลโชกุนยิ่งเข้มงวดกับชาวคริสต์มากขึ้น ได้ทำการตัดสัมพันธ์กับโปรตุเกส และนำไปสู่การปิดประเทศในที่สุด เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ส่วนซากปราสาทฮาระก็ได้ถูกปล่อยร้างมาเป็นเวลานาน แต่แล้วในที่สุดก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในชื่อ "แหล่งคริสเตียนลับในภูมิภาคนางาซากิ" ร่วมกันกับโบราณสถานอีกหลายแห่งในเมืองนางาซากิและหมู่เกาะอามากุสะ
ปราสาทฮาระนี้ก็เป็นสถานที่เที่ยวที่สักวันกะว่าถ้ามีโอกาสก็อยากแวะไปเหมือนกัน แต่ไว้โอกาสหน้า ปราสาทฮาระนั้นอยู่ไกลเดินทางลำบากยิ่งกว่าปราสาทชิมาบาระ และก็เหลือแต่ซากฐานปราสาท ไม่ได้มีตัวปราสาทสวยๆให้ชม ทำให้คนไปเที่ยวกันน้อย แต่สำหรับคนที่สนใจประวัติศาสตร์แล้วก็ถือว่าน่าสนใจ
ส่วนปราสาทชิมาบาระนั้นก็อยู่เป็นศูนย์กลางการปกครองของพื้นที่แถบนี้มาจนกระทั่งสิ้นสุดยุคเอโดะ และในปี 1871 ก็ได้ถูกรื้อทิ้งตามคำสั่งรื้อปราสาทต้นยุคเมย์จิ เช่นเดียวกับปราสาทอื่นส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น
จากนั้นในปี 1964 จึงได้มีการสร้างใหม่แทนของเก่า โดยใช้คอนกรีตเสริมเหล็ก ดังนั้นปราสาทชิมาบาระที่เหลือให้ชมกันถึงทุกวันนี้ก็เป็นของใหม่ ไม่ใช่ของดั้งเดิมที่ปรากฏในประวัติศาสตร์
เล่าประวัติศาสตร์จบแล้ว ต่อไปก็มาเข้าเรื่องบันทึกการไปเที่ยว โดยหลังจากที่นั่งรถเมล์จากท่าเรือชิมาบาระมา ก็มาลงที่ป้ายโอเตะ (
大手) ซึ่งตั้งอยู่หน้าที่ว่าการเมืองชิมาบาระ
ตรงจุดที่ลงป้ายมายังเป็นที่ต้งของอาร์เคด
ซันไชน์จูโอวไง (サンシャイン
中央街) นี่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกัน ไว้เดี๋ยวก็มีแวะมาเดิน แต่ว่านี่เป็นคนละทางกับปราสาท ไว้เที่ยวปราสาทเสร็จค่อยมาเดินอีกที
จากนั้นมองไปทางเหนือฝั่งตรงข้ามถนนก็เห็นปราสาทชิมาบาระแล้ว
เดินมายังปราสาท ระหว่างทางยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตสวยงามของปราสาทนี้
แล้วก็มาถึงคูที่ล้อมบริเวณตัวปราสาท ในคูนี้เต็มไปด้วยดอกบัว ทำให้ทิวทัศน์สวยงามมาก ตรงนี้เป็นมุมเด็ดที่สุดในการถ่ายภาพปราสาทแห่งนี้เลย
จากนั้นก็เดินเลียบริมคลองไปเพื่อหาทางเข้า
มาถึงหน้าทางเข้า
เดินตามทางเข้าไป
แล้วปราสาทชิมาบาระก็อยู่ตรงหน้าแล้ว
ที่นั่นเรายังเจอตู้โทรศัพท์ด้วย ซึ่งน่าจะถือเป็นของหายากในสมัยนี้ ไม่คิดว่าจะยังได้เห็นหลงเหลืออยู่ในที่แบบนี้
ก่อนเข้าไปชมในปราสาท เราลองเดินดูรอบๆก่อน ซึ่งมีศูนย์บริการท่องเที่ยวและร้านขายของฝาก รวมทั้งร้านอาหารอยู่
ในนี้มีขาย
คันซาราชิ (かんざらし) ขนมขึ้นชื่อของเมืองชิมาบาระด้วย ตอนแรกก็คิดว่าอยากแวะกินอยู่ แต่ว่าไว้เที่ยวเสร็จก่อนดีกว่า
ส่วนอาคารปราสาทเล็กๆ ๓ ชั้นตรงนี้เป็น
พิพิธภัณฑ์ของใช้พื้นบ้าน (
民具資料館)
ภายในเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้มากมายจัดแสดงอยู่
เดินขึ้นไปดูชั้นบน
ชั้น ๓
และข้างๆนั้นก็เป็นจุดที่มองออกไปเห็นทิวทัศน์บ้านเมืองริมฝั่งทะเลได้สวย
จากมุมนี้มองกลับมายังอาคารหอหลักของปราสาท
ข้างๆนั้นยังมีอาคาร
อนอุมะมิโชะ (
御馬見所) ซึ่งเป็นอาคารเก่าที่เดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อดูการฝึกม้า เดิมตั้งอยู่ไกลจากปราสาทมากกว่านี้ แต่ได้ถูกย้ายมาสร้างไว้ตรงนี้หลังจากการฟื้นฟูปราสาทใหม่
จากนั้นเราก็กลับมาที่หน้าปราสาท ได้เวลาเข้าเข้าไปชมด้านใน
ก่อนอื่นต้องมาซื้อตั๋วเข้าชมก่อน ราคา ๗๐๐ เยน
แล้วก็เข้ามาชมด้านใน ซึ่งก็มีอะไรจัดแสดงอยู่มากมายให้ชมไปเรื่อยๆระหว่างเดินขึ้นไปเรื่อยๆสู่ชั้นบน
แล้วก็ขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุด ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ได้ดี
จากตรงนี้มองไปทางทิศเหนือ เห็นบ้านเมืองกับทะเล
ทางตะวันออกเป็นทะเล
ส่วนอาคารปราสาทเล็กๆตรงนี้เป็นส่วนหอย่อย ซึ่งปัจจุบันถูกทำเป็น
หอที่ระลึกเซย์โบว (
西望記念館) จัดแสดงผลงาของ
คิตามุระ เซย์โบว (
北村 西望, ปี 1884-1987) ช่างแกะสลักชื่อดังชาวเมืองมินามิชิมาบาระ
มองไปทางใต้
ส่วนทางตะวันตกเห็นภูเขาตั้งเด่น ตรงนี้เป็น
ภูเขาอุนเซง (
雲仙岳) โดยตรงลูกที่อยู่หน้าสุดนี้เรียกว่าเป็น
ภูเขามายุ (
眉山) ทิวทัศน์เมืองที่มีภูเขาเป็นฉากหลังดูแล้วสวยงามมาก
มองลงไปด้านล่างก็เป็นลานด้านหน้าปราสาท
หลังจากชมทิวทัศน์จากด้านบนจนพอใจแล้วก็กลับลงมาด้านล่าง ออกจากอาคารหลักของปราสาทไป
จากนั้นก็ไปชมตรงส่วนหอที่ระลึกเซย์โบว ซึ่งมีพวกรูปแกะสลักอยู่ด้านหน้าอาคาร
อันนี้ถ่ายมุมนี้แล้วเหมือนกำลังชี้ทางเข้าปราสาทอยู่แล้ว
นอกนั้นก็มีรูปแกะสลักสวยๆอีกมากมาย
เข้ามาชมด้านในอาคารหอที่ระลึก ในนี้ก็จัดแสดงพวกผลงานอีกมาก
จากนั้นเดินมาดูทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทก็เจออาคารนิชิโนะยางุระ (
西の
櫓) เป็นอาคารเล็กที่เห็นจากตอนที่มองข้ามคูมาตอนแรก
ภายในนี้ก็สามารถเข้าชมได้
ด้านบนขึ้นได้ แต่เสียค่าเข้าชม ๑๐ เยน โดยหยอดเอาเองตรงนี้
ด้านบน
ส่วนที่เข้าชมได้ในนี้ก็หมดแค่นี้
จากนั้นก็เดินออกจากบริเวณปราสาทไป
ก็จบลงแล้วกับการเที่ยวปราสาทชิมาบาระ นอกจากจะมีประวัติศาสตร์ที่สำคัญแล้วก็ยังมีความสวยงามน่ามาชมด้วย แค่ได้ชมหอหลักก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว แต่ว่าหอรอบๆก็มีอะไรให้ชมด้วย โดยรวมแล้วมาเที่ยวที่นี่ได้เห็นอะไรสวยๆน่าสนใจมากมายจริงๆ
แต่ว่านอกจากในบริเวณปราสาทแล้ว แถวใกล้ๆนี้ก็ยังมีสถานที่เที่ยวอยู่อีกหลายแห่ง ซึ่งเราก็ได้แวะไปเดินดู ตอนต่อไปจะพาไปแนะนำสถานที่เที่ยวเหล่านั้น
https://phyblas.hinaboshi.com/20241202