φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



ปราสาทฮิโรชิมะ ปราสาทโบราณที่ถูกทำลายโดยระเบิดปรมาณู
เขียนเมื่อ 2013/06/04 02:22
แก้ไขล่าสุด 2023/09/14 04:32


#ศุกร์ 25 ม.ค. 2013

หลังจากที่ไปชมสวนที่ระลึกสันติภาพและโดมระเบิดปรมาณูเสร็จ https://phyblas.hinaboshi.com/20130519

เป้าหมายต่อไปก็คือปราสาทฮิโรชิมะ (広島城)



ปราสาทฮิโรชิมะถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1589 โดยโมวริ เทรุโมโตะ (毛利輝元) โดยสร้างเลียนแบบจากจุรากุได (聚楽第) ในเกียวโตซึ่งเป็นปราสาทของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งถูกทำลายในเวลาต่อมา

เดิมทีศูนย์กลางการปกครองของแถบนั้นตั้งอยู่ที่ปราสาทโยชิดะโคริยามะ (吉田郡山城) ซึ่งตั้งอยู่บนเขาในเขตเมืองอากิตากาตะ (安芸高田市) ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมืองฮิโรชิมะปัจจุบันมาก

แต่ต่อมาตระกูลโมวริต้องการย้ายศูนย์การกลางปกครองไปยังบริเวณฮิโรชิมะปัจจุบันซึ่งทำเลดีตั้งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำ จึงได้ย้ายมาและสร้างปราสาทฮิโรชิมะขึ้นที่นี่

ปราสาทฮิโรชิมะคงอยู่เรื่อยมาจนถึงปี 1871 เข้าสู่ยุคเมย์จิหอหลักของตัวปราสาทได้ถูกใช้เป็นที่ว่าการจังหวัดฮิโรชิมะชั่วคราว

หลังจากนั้นในปี 1894 ช่วงที่เกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (日清戦争, นิชชินเซนโซว) ฐานบัญชาการทหารได้ย้ายมาตั้งที่ฮิโรชิมะ เรียกว่าศูนย์บัญชาการหลวงฮิโรชิมะ (広島大本営, ฮิโรชิมะไดฮนเอย์)

หอหลักของปราสาทได้ถูกตั้งให้เป็นสมบัติของชาติ (国宝) ในปี 1931

ต่อมาในปี 1945 เมืองฮิโรชิมะถูกโจมตีด้วยระเบิดปรมาณู ปราสาทฮิโรชิมะซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางการระเบิดเพียงประมาณ ๙๐๐ เมตรได้ถูกทำลายทั้งหมด

สภาพบริเวณปราสาทก่อนและหลังโดนระเบิดปรมาณู






ในปี 1958 ได้มีการสร้างหอหลักของปราสาทขึ้นมาใหม่ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กให้เหมือนกับของเดิม พร้อมทั้งยังย้ายศาลเจ้าโกโกกุ (護国神社, โกโกกุจินจะ) มาสร้างใหม่ที่นี่ โดยศาลเจ้าแห่งนี้เดิมทีอยู่ใกล้ศูนย์กลางระเบิดมากกว่า ถูกทำลายไปเกือบหมดเหลือแค่เสาโทริอิ นอกจากส่วนเสาโทริอิแล้วส่วนที่เหลือเป็นการสร้างใหม่ทั้งหมด

ในจังหวัดฮิโรชิมะยังมีปราสาทอีกแห่งที่ถูกทำลายไปในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยถูกทำลายไปหลังจากปราสาทฮิโรชิมะเพียง ๒ วัน นั่นคือปราสาทฟุกุยามะ (福山城) ในเมืองฟุกุยามะ (福山市) ซึ่งได้เล่าถึงไปแล้วใน https://phyblas.hinaboshi.com/20130324

ปราสาทฮิโรชิมะมีอีกชื่อหนึ่งว่าปราสาทปลาคาร์ป (鯉城, ริโจว) แต่ไม่ใช่เพราะว่าบริเวรนี้มีปลาคาร์ปหรือเพราะปราสาทหน้าตาเหมือนปลาคาร์ป แต่เชื่อกันว่าเป็นเพราะบริเวณย่านแถบที่ตั้งปราสาทนี้ถูกเรียกว่าโคย (己斐, โคย) ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่าปลาคาร์ป (鯉, โคย) ก็เลยถูกเรียกแบบนั้น



ก่อนจะแวะไปเที่ยวปราสาทต้องหาอะไรกินก่อน เพราะเที่ยงแล้ว เรากลับมาแถวฮนโดริ (本通) เพื่อหาอะไรทาน ที่ต้องอุตส่าห์กลับมาตรงนี้เพราะเพื่อนบอกว่าตอนเดินออกจากเรียวกังเมื่อเช้าเดินผ่านแล้วสังเกตเห็นร้านน่าสนใจ

เราทานข้าวปลาซาบะนึ่งมิโสะ ราคา ๕๙๐ เยน



ที่ฮนโดรินี้นอกจากจะมีโถงทางเดินบนดินแล้ว ยังมีย่านร้านค้าซึ่งอยู่ใต้ดิน ที่นี่เป็นเมืองใต้ดินที่มีชื่อเรียกว่า คามิยะโจวชาเรโอ (紙屋町シャレオ)



เมืองใต้ดินนี้กินบริเวณกว้างตั้งแต่บริเวณสถานีฮนโดริ (本通駅) จนถึงสถานีคามิยะโจวฮิงาชิ (紙屋町東駅) และสถานีคามิยะโจวนิชิ (紙屋町西駅) และยังเชื่อมไปถึงสถานีรถไฟใต้ดินเคนโจวมาเอะ (県庁前駅)



รถไฟใต้ดินในเมืองฮิโรชิมะมีอยู่แค่ช่วงสั้นๆและไม่เด่นมากเท่ารถราง ถึงจะเรียกว่ารถไฟใต้ดิน แต่ที่จริงคือรถไฟสายหนึ่งที่มีส่วนหนึ่งอยู่ใต้ดินเท่านั้น รถไฟสายนี้เรียกว่าสายอาสึโตรามุ (アストラム) ซึ่งชื่อมาจากคำว่า อาสึ (明日) ที่แปลว่าวันพรุ่งนี้ กับทรัม (tram) ที่แปลว่ารถราง

รถไฟสายนี้เริ่มจากสถานีฮนโดริไปสุดที่สถานีโควอิกิโควเองมาเอะ (広域公園前駅) ตลอดสายยาว ๑๘.๔ กิโลเมตร แต่ส่วนที่อยู่ใต้ดินนั้นยาวแค่ ๑.๙ กิโลเมตร คือตั้งแต่สถานีฮนโดริจนถึงสถานีฮากุชิมะ (白島駅)

แต่เราไม่มีโอกาสได้ลองนั่งดู เพราะไม่สำคัญเท่าไหร่ เส้นทางมันไม่ได้ผ่านสถานที่เที่ยวสำคัญอะไร แม้ว่าปราสาทฮิโรชิมะตั้งอยู่บนเส้นทางนี้คือระหว่างสถานีเคนโจวมาเอะกับสถานีโจวโฮกุ (城北駅) แต่ก็อยู่ใกล้แค่นิดเดียว ไม่จำเป็นจะต้องนั่งรถไฟ

เราเดินอยู่ในเส้นทางใต้ดินคามิยะโจวชาเรโอจากบริเวณสถานีฮนโดริ จนมาโผล่ด้านบนอีกทีที่สถานีเคนโจวมาเอะ



เมื่อออกมาแล้วเดินแค่อีกหน่อยก็จะเห็นตัวปราสาทอยู่ด้านหน้านี้



เราเลี้ยวขวาเพื่อจะไปเข้าประตูด้านตะวันออก



ริมคลองฝั่งตะวันออกมีรูปปั้นของอิเกดะ ฮายาโตะ (池田勇人) อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นช่วงปี 1960-1964 ผู้เป็นชาวจังหวัดฮิโรชิมะ



ทางเข้า ข้ามคูไปก็ถึง



ข้างในก็เป็นสวนธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่ ที่จริงมีศาลเจ้าโกโกกุอยู่ด้วย เมื่อคืนตอนที่มาเดินตอนกลางคืนก็เดินผ่านอยู่ แต่ว่ามืดเลยไม่ได้ถ่ายอะไร พอครั้งนี้มาตอนกลางวันก็ไม่ได้แวะไปดูอีกรอบ แต่มุ่งตรงสู่ปราสาทเลย แต่ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นศาลเจ้าเล็กๆ



แล้วก็ถึงตัวปราสาท



ตอนที่มาถึงเห็นมีคนกำลังมาถ่ายรูปกันอยู่พอดี ชายหญิงแต่งชุดญี่ปุ่นสวยทั้งคู่ เข้าใจว่ามาถ่ายรูปแต่งงาน



ภาพปราสาทที่เราได้ในระยะใกล้ในครั้งนี้ก็เลยเป็นภาพที่มีสองคนนี้ประดับอยู่ด้วย เราแอบถ่ายเขาไปด้วย (แต่เขาคงเห็นแล้วล่ะ) ก็สวยไปอีกแบบ



จากด้านหน้าปราสาทมองออกไปยังคูที่ล้อมรอบ



หลังจากได้มาเห็นปราสาทในระยะใกล้แล้ว ก็ได้เวลาเดินออกไป ปราสาทนี้เป็นปราสาทแห่งแรกที่เราตัดสินใจไม่เข้าไปชมด้านใน เนื่องจากค่าเข้าค่อนข้างแพง คือ ๓๖๐ เยน เทียบกับปราสาทอื่นแล้วถือว่าแพงกว่า และเราก็เข้ามาแล้วหลายปราสาท ดังนั้นไม่ได้เข้าที่นี่สักแห่งก็ไม่เป็นไร

เมื่อเดินออกมาเราก็เริ่มเดินอ้อมไปยังฝั่งเหนือของปราสาทเพื่อเก็บภาพปราสาทจากด้านนอก

ภาพจากมุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ไกลจากตัวยอดปราสาท



จากมุมตะวันตกเฉียงเหนือ




มองจากฝั่งตะวันตก
 
 

ในคูเห็นเป็ดกำลังว่ายน้ำอยู่มากมาย



ภาพยอดปราสาทภาพสุดท้าย ถ่ายจากมุมตะวันตกเฉียงใต้



ที่ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้มีทางเข้าบริเวณปราสาทอยู่ เป็นคนละจุดกับที่เข้าตอนแรก แต่เมื่อคืนตอนที่มาเดินก็เข้าจากตรงนี้



ทางเข้าตรงนี้จะต้องผ่านป้อมนิโนะมารุ (二の丸) ซึ่งเป็นป้อมที่ลอยอยู่กลางน้ำ แยกต่างหากกับส่วนกลางของปราสาท





การเที่ยวปราสาทก็จบแค่นี้ เป้าหมายต่อไปของเราก็คือจะไปเที่ยวมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะ (広島大学) ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้วิทยาเขตหลักไม่ได้อยู่ในตัวเมืองฮิโรชิมะ แต่อยู่ในเมืองฮิงาชิฮิโรชิมะ (東広島市) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของฮิโรชิมะอีกที ถ้าจะไปต้องนั่งรถไปไกลเป็นชั่วโมง

แผนที่จังหวัดฮิโรชิมะ สีชมพูเข้มคือเมืองฮิงาชิฮิโรชิมะ สีม่วงคือเมืองฮิโรชิมะ




มหาวิทยาลัยฮิโรชิมะก่อตั้งเมื่อปี 1949 โดยในตอนแรกวิทยาเขตหลักก็อยู่ภายในตัวเมืองฮิโรชิมะ แต่วิทยาเขตใหม่ที่เมืองฮิงาชิฮิโรชิมะถูกสร้างภายหลังและค่อยๆมีการย้ายส่วนต่างๆของมหาวิทยาลัยไปตั้งแต่ช่วงปี 1982 - 1995

ตอนแรกสงสัยว่าที่มหาวิทยาลัยไปตั้งอยู่ซะไกลนี่เพราะจะหนีระเบิดปรมาณูหรือเปล่า แต่พอดูปีที่ย้ายแล้ว ยังไงก็ไม่เกี่ยว และอีกอย่างมหาวิทยาลัยนี้ก่อตั้งภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองซะอีก

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะมี ๓ วิทยาเขต คือวิทยาเขตฮิงาชิฮิโรชิมะ (東広島) วิทยาเขตคาสึมิ (霞) วิทยาเขตฮิงาชิเซนดะ (東千田)

บริเวณที่ตั้งของวิทยาเขตฮิงาชิฮิโรชิมะนั้นเมื่อก่อนเป็นชุมชนเกษตรกรรมไร่องุ่น ล้อมรอบไปด้วยป่าเขา เนื่องจากตั้งอยู่ห่างไกลเมือง ทำให้มหาวิทยาลัยฮิโรชิมะวิทยาเขตฮิงาชิฮิโรชิมะนี้ขยายใหญ่ได้มาก ปัจจุบันขนาด ๒.๕ ตร.กม. ถือว่าใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่นรองจากมหาวิทยาลัยทสึกุบะ (筑波大学) วิทยาเขตทสึกุบะ

การไปมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะนั้นมีรถที่ไปส่งโดยตรงถึงที่อยู่ ต้องไปขึ้นที่ศูนย์รถบัสฮิโรชิมะ (広島バスセンター) ตั้งอยู่ตรงสี่แยกคามิยะโจวซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองใต้ดินชาเรโอ มีทางทะลุจากใต้ดินด้วย

ศูนย์รถบัสใช้ตึกเดียวกับห้าง SOGO เดินเข้าไปข้างในก็เป็นห้างเป็นหลัก แต่จะมีส่วนหนึ่งที่เป็นศูนย์รถบัส



บริเวณขายตั๋วของศูนย์รถบัส ความจริงรถบัสกลางคืนที่เราจะใช้นั่งกลับเกียวโตคืนนี้จะขึ้นจากตรงนี้ก็ได้ แต่ตอนที่จองเราเลือกที่จะไปขึ้นที่สถานีรถไฟ เพราะคิดสะดวกกว่า แต่ไปๆมาๆดูเหมือนจะกลายเป็นว่าที่นี่สะดวกกว่าเพราะอยู่ใกล้โรงแรม แต่ก็เปลี่ยนไม่ทันแล้ว



แล้วก็พบเรื่องผิดพลาดขึ้น คือพอเราจะซื้อตั๋วรถไปมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะก็พบว่ารถเที่ยวล่าสุดเพิ่งจะออกไป ต้องรออีกชั่วโมงกว่าสำหรับรอบถัดไปเพราะรถที่จะไปนั้นมีไม่บ่อย



เป็นสิ่งที่ไม่น่าพลาดเลย ที่จริงเราควรจะหาข้อมูลเรื่องตารางเวลารถมาให้ดีก่อน แต่เราไม่ได้ทำเพราะแผนที่จะไปเที่ยวมหาวิทยาลัยนี้เพิ่งผุดขึ้นมาตอนหลัง ไม่ได้วางแผนให้รอบคอบนัก

ที่จริงมีอีกวิธีคือไปนั่งรถไฟไปยังสถานีไซโจว (西条駅) ซึ่งอยู่ในเมืองฮิงาชิฮิโรชิมะ แต่ว่าไปถึงแล้วก็ต้องต่อรถเมล์ไปอีก และตอนนั้นก็ไม่ได้หาข้อมูลเรื่องตารางเดินรถเอาไว้เลย ก็เลยไม่เอาดีกว่า

ถ้าต้องรออีกตั้งชั่วโมงกว่าก็ไม่ไหวเพราะว่าตอนนั้นก็บ่ายโมงแล้ว ถ้าต้องรอรถเที่ยวบ่ายขนาดนั้นเพื่อไปละก็ ไปถึงก็เย็นมาก จะมีเวลาทำอะไรไม่เท่าไหร่ และค่ารถก็แพงมากด้วย กลัวว่าจะเที่ยวไม่คุ้ม สุดท้ายก็เลยตัดสินใจไม่ไป

เมื่อตัดสินใจไม่ไปก็เท่ากับว่าต้องมาเรื่อยเปื่อยในเมืองต่อ เราก็รีบเปิดหาข้อมูลว่าจะไปเที่ยวที่ไหนต่อดี ที่จริงที่เที่ยวหลักๆของเมืองฮิโรชิมะก็มีอยู่แค่สองที่คือสวนที่ระลึกสันติภาพกับปราสาทฮิโรชิมะซึ่งก็ไปมาหมดแล้ว ถ้าจะมีที่ไหนให้ไปอีกก็อาจไม่สำคัญมาก แต่จะลองไปดูก็ไม่เสียหาย

เท่าที่รู้เห็นมีอีกที่ซึ่งคนนิยมไปกันก็คือสวนชุกเกย์เอง (縮景園) ซึ่งเป็นสวนเล็กๆกลางเมืองซึ่งย่อส่วนมากจากทะเลสาบซีหู (西湖) ในหางโจว (杭州) ประเทศจีน
 
เห็นเขาว่าสวยอยู่เหมือนกัน แต่เนื่องจากว่าเราไปตอนหน้าหนาวเลยคิดว่าถ้าไปอาจไม่ได้เห็นอะไรสวยมากมาย เพราะไม่มีดอกไม้อะไรเลย และยังต้องเสียค่าเข้าซึ่งแพงไม่น้อย จึงตัดสินใจไม่ไป
 
 
 
สุดท้ายแล้วที่ที่เราตัดสินใจไปก็คือมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะวิทยาเขตฮิงาชิเซนดะซึ่งเป็นวิทยาเขตเล็กๆที่อยู่ภายในตัวเมืองฮิโรชิมะ เนื่องจากพลาดที่จะได้ไปวิทยาเขตหลักแล้ว ก็ขอแค่ได้ไปดูวิทยาเขตย่อยก็ยังดี
 
วิทยาเขตนี้มีความสำคัญตรงที่เมื่อก่อนนี้เป็นวิทยาเขตหลัก แต่ปัจจุบันได้ย้ายไปยังวิทยาเขตฮิงาชิฮิโรชิมะเกือบหมดแล้วเหลือเพียงส่วนเล็กๆ อาคารต่างๆของคณะที่ถูกย้ายก็รื้อถอนไปหมดแล้วพื้นที่เก่าส่วนหนึ่งก็ถูกทำเป็นสวนสาธารณะฮิงาชิเซนดะ (東千田公園)
 
แม้ว่าสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ของวิทยาเขตนี้จะถูกรื้อถอนออกไปหมด แต่มีอาคารหลังหนึ่งที่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี นั่นคืออาคารหนึ่งคณะวิทยาศาสตร์เก่า (旧理学部1号館)
 
อาคารนี้เป็นอาคารเดียวในบริเวณนี้ที่เหลือรอดจากระเบิดปรมาณู ซึ่งในสมัยที่เกิดระเบิดขึ้นนั้นอาคารนี้เป็นของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ฮิโรชิมะ (広島文理科大学)
 
ตำแหน่งอาคารนี้อยู่ห่างจากศูนย์กลางการระเบิดไป ๑๔๒๐ เมตร ตอนที่ระเบิดนั้นภายในอาคารถูกเผาทำลายจนหมด แต่ตัวตึกกลับยังคงยืนหยัดอยู่ได้ สุดท้ายก็ไม่ได้รื้อถอนทิ้งและนำกลับมาใช้งานได้ต่อ
 
หลังจากนั้นในปี 1949 มหาวิทยาลัยฮิโรชิมะได้ก่อตั้งขึ้น และอาคารนี้ก็ถูกใช้เป็นอาคารคณะวิทยาศาสตร์ และก็ใช้ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงที่มหาวิทยาลัยฮิโรชิมะเริ่มย้ายไปอยู่ที่วิทยาเขตฮิงาชิฮิโรชิมะ อาคารนี้เป็นอาคารเดียวที่ถูกอนุรักษ์ไว้เนื่องจากเป็นอาคารเก่าที่เหลือรอดจากระเบิดปรมาณู
 
ปัจจุบันอาคารนี้ถูกตั้งทิ้งไว้เฉยๆไม่มีการใช้งาน และมีรั้วล้อมไม่ให้เข้าไป กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่ให้คนที่ผ่านมาได้มาชม
 
 
 
เราเดินทางไปด้วยรถรางเช่นเคย



แล้วก็เดินทางด้วยรถสาย 7 มาไม่ไกลนัก ถึงสถานีนิซเซกิเบียวอิงมาเอะ (日赤病院前駅)



ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลสภากาชาดและระเบิดปรมาณูฮิโรชิมะ (広島赤十字・原爆病院, ฮิโรชิมะเซกิจูจิเกมบากุเบียวอิง) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือของสภากาชาดญี่ปุ่น (日本赤十字社) เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับรักษาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดปรมาณู
 


ความจริงแล้วสถานีนี้เคยมีชื่อว่าสถานีมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะ (広間大学駅) แต่เนื่องจากวิทยาเขตถูกย้ายไปแล้ว ที่นี่เป็นแค่วิทยาเขตย่อยไป เพื่อไม่ให้สับสนเลยเปลี่ยนชื่อใหม่โดยใช้ชื่อโรงพยาบาลเป็นชื่อสถานีแทน
 
สวนสาธารณะฮิงาชิเซนดะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาลนี้เอง



ทันทีที่เดินเข้ามา อาคารที่อยู่ตรงหน้านี้ก็คืออาคารหนึ่งคณะวิทยาศาสตร์เก่านั่นเอง



เข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นว่ามีรั้วล้อมอยู่เช่นเดียวกับโดมระเบิดปรมาณู ไม่สามารถเข้าไปได้
 



มองไปอีกด้านเป็นทุ่งโล่งว่างเปล่า




เดินเข้าไปถ่ายตัวอาคารจากทางฝั่งทุ่งโล่ง




จากตรงนี้มองเห็นตัวอาคารของมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะส่วนที่ยังเหลืออยู่ด้วย แต่มีรั้วกั้นอยู่ ต้องไปเข้าจากอีกทาง
 


เราเดินออกจากบริเวณสวนสาธารณะไปแล้วเดินต่อไปอีกหน่อยก็เจอทางเข้ามหาวิทยาลัยฮิโรชิมะวิทยาเขตฮิงาชิเซนดะ
 



แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเดินดูข้างใน เพราะเล็กนิดเดียวไม่ได้มีอะไร ส่วนสำคัญก็ได้ดูไปแล้ว ดังนั้นการเที่ยวชมมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะก็จบลงเท่านี้ เราเดินกลับไปยังสถานีรถรางเพื่อเดินทางไปเที่ยวยังที่ต่อไปต่อ





ตอนต่อไปจะเป็นการเที่ยวไปตามสถานที่ที่เหลือในเมืองตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงตอนดึกขึ้นรถบัสกลับเกียวโต ติดตามกันต่อได้ https://phyblas.hinaboshi.com/20130617

 



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> ฮิโรชิมะ
-- ท่องเที่ยว >> ปราสาท☑ >> ปราสาทญี่ปุ่น
-- ประวัติศาสตร์ >> ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ