φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



คืนสุดท้ายในฮิโรชิมะ เรื่อยเปื่อยรอรถเที่ยวกลางคืน
เขียนเมื่อ 2013/06/17 02:23
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#ศุกร์ 25 ม.ค. 2013

หลังจากเที่ยวฮิโรชิมะมาตั้งหลายตอน ตอนนี้ก็เป็นตอนสุดท้ายของการเที่ยวในฮิโรชิมะแล้ว

ตอนที่แล้วไปเที่ยวปราสาทฮิโรชิมะแล้วก็ต่อด้วยมหาวิทยาลัยฮิโรชิมะวิทยาเขตฮิงาชิเซนดะมา https://phyblas.hinaboshi.com/20130604

ก่อนหน้านี้เที่ยวสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับระเบิดปรมาณูมาติดกันตั้งสามที่ ตอนนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวกับระเบิดปรมาณูอีกแล้ว เปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องสบายๆ

ที่หมายต่อไปนั่นคือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองฮิโรชิมะ (広島市郷土資料館, ฮิโรชิมะเคียวโดะชิเรียวกัง) เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆที่จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองที่ฮิโรชิมะสมัยก่อน ภายในเล็กๆมีอะไรจัดแสดงไม่ได้มาก เป็นที่ที่จะแวะมาก็ได้ไม่แวะมาก็ได้ แต่ไหนๆมาแล้วหากมีเวลาก็แวะมาเที่ยวหน่อยก็ไม่เลว ที่จริงฮิโรชิมะยังมีสถานที่เที่ยวเล็กๆแบบนี้อีกหลายที่ แต่พอดีเรามีเวลาแวะมาแค่ที่นี่

เรานั่งรถรางต่อมายังสถานีอุจินะนิโจวเมะ (宇品二丁目駅) ซึ่งอยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่สุด สถานีมีความสำคัญตรงที่เป็นจุดปลายทางของรถรางส่วนหนึ่งที่วิ่งต่อไปยังทางฝั่งท่าเรือ คือรถรางบางส่วนจะไม่วิ่งต่อจากตรงนี้ไปแล้ว ดังนั้นใครที่อยากเดินทางไปท่าเรือต้องดูให้ดีว่ารถที่นั่งนั้นมาสุดทางแค่ที่นี่หรือเปล่า ไม่ใช่ดูแค่ว่าสายอะไร



การมาถึงสถานีนี้สำหรับคนที่มาจากสถานีรถไฟให้นั่งสาย 5 มา ส่วนคนที่มาจากย่านใจกลางเมืองให้นั่งสาย 1 หรือ 3

เมื่อลงจากรถรางแล้ว เรายังต้องมามึนกับเส้นทาง เนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ในซอย แถมไม่เห็นป้ายบอกอะไรเด่นชัด คงเพราะไม่ใช่สถานที่เที่ยวดังอะไร จึงต้องเปิด GPS หา กว่าจะเจอ




หลังจากผ่านย่านที่อยู่อาศัยในซอยเข้ามาเรื่อยๆในที่สุดก็มาเจออาคารหลังหนึ่งตั้งเด่นดูสวยงามกว่ารอบๆ นั่นแสดงว่าเรามาถึงแล้ว



ตัวอาคารนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และโดนระเบิดปรมาณูมาแต่ก็รอดมาได้เนื่องจากอยู่ไกลจากศูนย์กลางมากพอ หลังจากนั้นในปี 1985 ถึงได้ใช้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์อย่างที่เห็นจนถึงทุกวันนี้



บัตรเข้าชม ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เพียง ๑๐๐ เยนเท่านั้น ซึ่งราคาก็พอเหมาะสมดีแล้วกับขนาดที่ไม่ได้ใหญ่อะไร



ที่นี่เปิด 9.00-17.00 น. ปิดทุกวันจันทร์เหมือนพิพิธภัณฑ์ทั่วไป




เข้ามาชมด้านใน

ตรงนี้จัดแสดงพวกข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน




ตรงนี้แสดงเกี่ยวกับเรื่องการประมงค์เลี้ยงหอยนางรม



อุปกรณ์สำหรับประมงค์หอยนางรม



แบบจำลองบริเวณที่ประมงค์หอยนางรม



พวกอาหารต่างๆที่ทำจากหอยนางรม เป็นของจำลองแต่ทำออกมาสมจริงดี เห็นแล้วอยากกินขึ้นมาเลย

 

มีแบบจำลองเรือให้ดูด้วย ตัวคนก็จำลองด้วย นี่เป็นเรือสำหรับแล่นสัญจรขนส่งสินค้าในแม่น้ำโอตะ (太田川) เนื่องจากสมัยก่อนแถวนี้การคมนาคมทางบกไม่ค่อยดี จึงคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก แต่พอยุคหลังๆมีการสร้างเขื่อนขึ้นกั้นน้ำที่ไหลลงมาที่แม่น้ำนี้ และการคมนาคมทางบกก็เจริญขึ้นเรื่อยๆความสำคัญของเรือจึงค่อยๆหายไป




พวกอุปกรณ์ต่างๆสำหร้บเรือ



ตรงนี้อธิบายถึงการทำเกี๊ยะ คำว่าเกี๊ยะภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าเกตะ (下駄) เวลาเรียกภาษาอังกฤษก็เรียกทับศัพท์เป็น geta เลย



ตรงนี้เกี่ยวกับการผลิตผ้าไหม โดยผ้าไหมของที่นี่ทำจากดักแด้ของหนอนยามามายุ (山繭)




นี่เป็นแบบจำลองโรงทอผ้าไหมที่เรียกว่า นิโกงิยะ (煮扱屋) คำนี้เป็นศัพท์เฉพาะที่ใช้สำหรับเฉพาะที่นี่เท่านั้น สมัยก่อนย่านฟุรุอิจิ (古市) ในเมืองฮิโรชิมะนั้นมีนิโกงิยะจำนวนมากถึง ๕๐ หลัง



และก็พวกอุปกรณ์และเรื่องราวต่างๆอีกมากมาย








ของข้างในแทบจะไม่มีภาษาอังกฤษเลยแม้แต่ตัวเดียว ดังนั้นหากใครไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยแนะนำให้มาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะแค่มาดูภาพและสิ่งของก็ไม่เป็นไร

พอดูไปแค่ไม่นานก็ทั่วเพราะว่าเล็กมาก มีแค่สองชั้นเอง เสร็จแล้วเราก็มานั่งพักตรงโต๊ะในห้องสมุดเล็กๆของที่นี่ เนื่องจากเพื่อนเราเกิดง่วงขึ้นมาเลยของีบก่อน ส่วนเราเองก็เมื่อยขาเหมือนกันก็เลยคิดว่าพักไปก่อนก็ดีเหมือนกัน ระหว่างที่เพื่อนนั่งงีบเราก็นั่งอยู่เฉยๆพักเหนื่อยคิดอะไรไปเรื่อย

แต่พักได้แค่ครู่เดียวเขาก็มีประกาศว่าพิพิธภัณฑ์กำลังจะปิดแล้ว ตามเวลาคือ 5 โมงเย็น ดังนั้นเราจึงรีบปลุกเพื่อนแล้วพากันเดินออกไป



เรารีบกลับมายังสถานีรถรางเพื่อเดินทางต่อไปยังที่หมายต่อไป





สถานที่ต่อไปที่เรามาถึงก็คือท่าเรือฮิโรชิมะ (広島港, ฮิโรชิมะโคว) ซึ่งเป็นท่าเรือหลักของเมืองฮิโรชิมะ เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั้งทางด้านคมนาคม การค้า และกองทัพเรือ

ท่าเรือนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1894 โดยตอนแรกใช้ชื่อว่าท่าเรืออุจินะ (宇品港, อุจินะโคว) ตามชื่อของย่านที่ท่าเรือตั้งอยู่หลังจากนั้นปี 1932 จึงเปลี่ยนชื่อเป็นฮิโรชิมะ

จากท่าเรือนี้มีเรือโดยสารไปยังหลายที่ ที่สำคัญที่สุดคือนั่งข้ามไปยังเมืองมัตสึยามะ (松山市) เมืองหลักของจังหวัดเอฮิเมะ (愛媛県) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะชิโกกุ เรียกได้ว่าที่นี่เป็นจุดเชื่อมต่อคมนาคมสำคัญระหว่างเกาะหลักทั้งสอง เนื่องจากบริเวณนี้ไม่มีสะพานที่ข้ามไปยังเกาะชิโกกุได้เลย สะพานที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่เมืองโอโนมิจิ (尾道市) ซึ่งอยู่ค่อนไปทางตะวันออกของจังหวัดฮิโรชิมะ จึงไม่สะดวกที่จะไปขึ้นจากที่นั่น

การมาถึงท่าเรือแห่งนี้มาได้โดยนั่งรถรางสาย 1, 3 หรือ 5 มาจนถึงสถานีปลายทาง

รถรางมาจอดตรงด้านหน้าตัวท่าเรือเลย



บรรยากาศภายในท่าเรือ




ที่นั่งรอ จากตรงนี้มองออกไปเห็นทะเล



เราออกมาเดินริมทะเล



ขณะนี้ตะวันจวนลับขอบฟ้า ทำให้แสงสีส้มส่องสวยงาม



มองออกไปแลเห็นทั้งตะวันทั้งเมฆาสวยงาม






จากริมฝั่งทะเลมองกลับมายังตัวอาคารท่าเรือ อาคารกำลังสะท้อนแสงสีส้มสวยงามพอดี




เมื่อดูทะเลยามเย็นเต็มอิ่มแล้วเราก็กลับมายังอาคารท่าเรือเพื่อหามื้อเย็นทาน ก็เจอร้านนี้ เป็นขายอุดงราเมงไม่แพง มีทางเข้าอยู่สองทาง นี่เป็นทางเข้าจากด้านนอกตัวอาคาร



ส่วนนี่เป็นประตูทางเข้าจากฝั่งตัวอาคาร



เรากินเทมปุระอุดง ราคาแค่ ๓๒๐ เยนเท่านั้น ถ้าเป็นราเมงจะแพงกว่า ราคาอยู่ที่ ๔๗๐ เยน แต่ถ้าเป็นที่ไทยละก็อุดงกลับแพงกว่าราเมง



ทานเสร็จเราก็กลับไปเดินดูของฝากที่ร้านในท่าเรือ เราซื้อโมมิจิมันจูกลับไปด้วย จากที่ตอนอยู่เกาะมิยาจิมะไม่ได้ซื้อก็เลยมาซื้อที่นี่แทน อันนี้มี ๘ ชิ้น ราคา ๖๔๐ เยน



เสร็จจแล้วก็นั่งรถรางเพื่อกลับ ที่เรามาที่ท่าเรือนี่ไม่ใช่เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอะไร แต่แค่เพราะอยากมองพระอาทิตย์ตกดินริมทะเลเท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย



เนื่องจากยังต้องหาอะไรทำตอนกลางคืนขณะที่รอรถเมล์รอบดึก ตอนกลางคืนไม่มีที่ให้เลือกเที่ยวมาก ดังนั้นจึงกลับมาเดินที่ฮนโดริกันต่อ

เวลานั้นประมาณทุ่มกว่า ฮนโดริคนกำลังคับคั่ง ผิดกับคืนเมื่อวานที่มาตอนดึก



เพื่อนเราก็ยังคงสนใจเข้าร้านเกม




เป้าหมายก็คือเพื่อมาเล่นเกมคีบตุ๊กตาอีกแล้ว ซึ่งคราวนี้คีบได้ริลักกุมะตัวใหญ่ด้วย เลยเป็นภาระต้องแบกกลับเลย



หลังจากนั้นเราตั้งใจจะไปหาซื้อกล้องใหม่ เพราะได้ยินว่าของพวกกล้องนี่ซื้อที่ญี่ปุ่นจะถูกกว่า คุ้มกว่า แล้วพอดีเพื่อนเราได้แสดงความสามารถของกล้องดีๆที่เขาถือมาถ่าย (รูปถ่ายซูมที่ปราสาทอิวากุนิและเกาะมิยาจิมะล้วนมาจากกล้องเพื่อน) นั่นทำให้รู้สึกอยากได้กล้องดีๆบ้าง

เราใช้ GPS ในโทรศัพท์มือถือเพื่อตามหาว่าแถวนี้มีร้านขายกล้องที่ไหนบ้าง ก็เดินไปทั่ว





เราเดินหาร้านดูทั้งภายในบริเวณย่านฮนโดริ และก็มีนั่งรถรางเพื่อไปดูร้านแถวๆสถานีรถไฟก็พบแต่ร้านเล็กๆธรรมดาหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวข้อง ก็เลยต้องตัดใจ ไม่เป็นไรเพราะยังมีโอกาส เราสามารถไปซื้อตอนที่เที่ยวอยู่นาโงยะก็ได้

หลังจากนั้นก็ดึกพอประมาณ ประมาณสามทุ่มเราก็กลับไปยังจิซึรุเรียวกังซึ่งเราฝากของไว้อยู่ ไปเอาของที่ฝากไว้ และขอล้างหน้าแปรงฟันสักหน่อยเพราะเดี๋ยวจะไปนั่งรถตลอดคืน ไม่ได้พักสบายๆในห้องพักหรือโรงแรม

เสร็จแล้วเราก็บอกลาคุณยายเจ้าของเรียวกัง เขาชวนคุยสักพักตอนเราจะออกไป คุยสนุกดีเป็นมิตรมาก เขาพอจะคุยภาษาอังกฤษได้ด้วย ตอนคุยกับเพื่อนเราเขาพูดภาษาอังกฤษ



แล้วก็กลับมาถึงสถานีรถไฟ เราตัดสินใจหาแม็กโดนัลด์ทานอีกทีก่อนจะไปขึ้นรถ แต่ก่อนจะไปทานแม็กเราต้องหาจุดที่ขึ้นรถก่อน จำได้ว่าค้นหานานเหมือนกันกว่าจะเจอ เพราะทางเดินในสถานีซับซ้อนพอดู พอเจอจุดขึ้นรถแล้วก็ไปหาร้านแม็กซึ่งก็หายากเหมือนกัน

แล้วก็ได้ทานแม็ก อันนี้ราคาถูกเช่นเคย แค่ ๑๒๐ เยนเท่านั้น



จุดขึ้นรถบัส มีตารางเวลาบอก สำหรับรถที่เราจะขึ้นคือรถที่จะไปยังโอซากะ-เกียวโต (รถคันเดียวกัน เลือกลงที่ใดที่หนึ่ง) จะมาตอนสี่ทุ่ม



และแล้วก่อนเวลาประมาณสัก ๑๕ นาที รถก็มาจอด คนก็ทยอยเดินขึ้นกันไป



พูดถึงการนั่งรถบัสของที่นี่ เราจะต้องทำการจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์และจ่ายเงินให้เรียบร้อย จากนั้นก็ปรินต์ใบเสร็จมาให้เขาดูเพื่อเป็นหลักฐานการขึ้นรถ หรือไม่ก็เซฟไว้ในแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือแล้วยื่นให้เขาดู เห็นมีหลายคนทำแบบนี้

สำหรับค่าเดินทางจากฮิโรชิมะไปโอซากะนั้นเราซื้อได้ราคา ๔๗๐๐ เยน แต่ว่าก็แล้วแต่รอบด้วย ราคาไม่ตายตัว ส่วนถ้าใครจะไปเกียวโตก็จะแพงกว่าอีก ๑๐๐ เยน เป็น ๔๘๐๐ เยนตอนที่เราจองนั้นเราวางแผนว่าจะนั่งกลับไปถึงแค่โอซากะเพราะกะว่าจากโอซากะสามารถไปเที่ยวต่อที่หมายต่อไปของวันพรุ่งนี้ได้เลยโดยไม่ต้องกลับไปที่หอที่เกียวโต

แต่เกิดเปลี่ยนแผนขึ้น เพราะเดิมทีเรามีแผนจะไปเยี่ยมเพื่อนชาวญี่ปุ่นซึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทนริ (天理大学) ในเมืองเทนริ (天理市) จังหวัดนาระ (奈良県) ทำให้ตารางเที่ยวค่อนข้างแน่น แต่เพื่อนบอกว่าเขาไม่ว่างเลย คงออกมาเจอกันไม่ได้ เราก็เลยตัดแผนนี้ทิ้ง มีเวลาว่างขึ้นเยอะ เพื่อนเราเลยบอกว่างั้นกลับไปพักที่หอก่อนดีกว่า จะได้ไปวางของด้วย ยิ่งมีริลักกุมะตัวใหญ่ที่เพิ่งคีบมาได้ขี้เกียจแบกเดินเที่ยว (สรุปแล้วริลักกุมะเป็นเหตุ!?)

เราสามารถเปลี่ยนเป้าหมายได้ไม่เป็นปัญหา เพียงแค่ตอนขึ้นไปบนรถเราก็บอกเขาว่าเปลี่ยนเป้าหมาย ก็จ่ายเงินให้เขาเพิ่มอีกคนละ ๑๐๐ แค่นี้ก็ไปลงเกียวโตได้แล้ว แต่เราไม่รู้นะว่าถ้าจ่ายราคาไปเกียวโตแล้วเกิดเปลี่ยนใจเป็นจะไปลงโอซากะเขาจะคืนเงิน ๑๐๐ ให้หรือเปล่า

บรรยากาศภายในรถขณะเพิ่งขึ้นมา คนยังนั่งกันไม่เต็ม ดูโล่งๆอยู่



ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นสถานีแรกในการขึ้นรถจากฮิโรชิมะ รถคันนี้ยังจะต้องไปจอดรับผู้โดยสารที่ขึ้นตามจุดต่างๆภายในฮิโรชิมะอีกหลายที่ เช่นที่ท่ารถที่คามิยะโจวที่เราไปมาเมื่อตอนกลางวัน

และแล้วรถก็ออกเดินทางไปท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน เดินทางออกจากฮิโรชิมะ มุ่งหน้ากลับสู่เกียวโต แล้วการเที่ยววันสุดท้ายในฮิโรชิมะของเราก็จบลงเท่านี้ และเป็นการสิ้นสุดวันที่ ๙ จาก ๑๒ วันของการเที่ยวญี่ปุ่น เหลืออีกเพียง ๓ วันเท่านั้น

ฮิโรชิมะเป็นจังหวัดที่มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจมากมาย น่าแนะนำให้ใครๆมาเที่ยวกัน ความจริงแล้วตอนที่ศึกษาข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวเราได้รู้อะไรมากมายกว่านี้ ได้ค้นเจอสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่งที่อยากจะไปแต่ก็เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดเที่ยวแค่ ๓ วันก็เที่ยวได้แค่นี้ ถ้าใครสนใจเที่ยวฮิโรชิมะก็มาถามได้ มีข้อมูลอยู่ไม่น้อย น่าจะพอตอบได้ในระดับนึง

วันต่อไปจะกลับไปเที่ยวในแถบคันไซต่อ ติดตามอ่านต่อกันได้ https://phyblas.hinaboshi.com/20130622



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> ฮิโรชิมะ
-- ท่องเที่ยว >> ทะเล

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

บทความแต่ละเดือน

2024年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2023年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2022年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2021年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2020年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

ค้นบทความเก่ากว่านั้น

ไทย

日本語

中文