φυβλαςのβλογ
phyblas的博客



เดินทางจากสนามบินนาริตะสู่ JAXA วิทยาเขตซางามิฮาระ
เขียนเมื่อ 2013/12/09 23:24
แก้ไขล่าสุด 2023/03/30 05:43
#อาทิตย์ 10 พ.ย. 2013

หลังจากที่เดินทางจากสนามบินปักกิ่งถึงสนามบินนาริตะและไปเอาซิมที่สั่งซื้อไว้เสร็จแล้ว https://phyblas.hinaboshi.com/20131207

ก็ได้เวลาออกเดินทางเพื่อไปยัง JAXA วิทยาเขตซางามิฮาระ ซึ่งการเดินทางนั้นต้องเรียกว่าลำบากพอดูเพราะว่าไกลและต้องเปลี่ยนรถหลายครั้ง แล้วเรามีสำภาระพะรุงพะรัง กระเป๋าไม่เท่าไหร่ แต่มีโปสเตอร์เป็นม้วนยาวที่เตรียมไปนำเสนองานด้วย

วิทยาเขตซางามิฮาระนั้นตั้งอยู่ในเมืองซางามิฮาระ (相模原市) จังหวัดคานางาวะ ในขณะที่สนามบินนาริตะนั้นตั้งอยู่ในเมืองนาริตะ (成田市) จังหวัดจิบะ ระหว่างจังหวัดคานางาวะกับจังหวัดจิบะมีจังหวัดโตเกียวคั่นอยู่ เท่ากับต้องเดินทางทะลุเมืองหลวงไป

แผนที่จังหวัดจิบะ แสดงตำแหน่งเมืองนาริตะ สีชมพูเข้ม ส่วนสีม่วงคือเมืองจิบะ และทางซ้ายคือจังหวัดโตเกียว




แผนที่จังหวัดคานางาวะ แสดงตำแหน่งเมืองซางามิฮาระสีม่วงเข้ม ส่วนด้านบนเป็นจังหวัดโตเกียว





วิธีการเดินทางนั้นมีอยู่หลากหลาย จะขอกล่าวถึงวิธีการเดินทางแต่ละวิธีก่อน

สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้กับวิทยาเขตซางามิฮาระมากที่สุดก็คือสถานีฟุจิโนเบะ (淵野辺駅) โดยจากสถานีนี้สามารถเดินไปถึงได้ในเวลา ๒๐ นาที แต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็สามารถนั่งรถเมล์จากหน้าสถานีได้ ซึ่งก็ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที มาลงที่ป้ายหน้าพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง (市立博物館前, shiritsu hakubutsukan-mae) ซึ่งก็อยู่ข้าง JAXA นี่เอง แต่ก็ไม่แนะนำให้นั่งนักเพราะค่ารถเมล์แพง ถ้าเดินไหวก็เดินดีกว่า

อีกสถานีหนึ่งที่สามารถมาลงเพื่อเดินทางมาที่นี่ได้ก็คือสถานีซางามิโอโนะ (相模大野駅) ซึ่งอยู่ไกลออกไปกว่าพอสมควรแต่ว่ามีรถเมล์ที่สามารถนั่งมาลงได้โดยใช้เวลา ๒๐ นาที โดยลงที่ป้าย สำนักงานใหญ่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์อวกาศ (宇宙科学研究本部, uchuu kagaku kenkyuu honbu)

นี่คือแผนที่แสดงวิธีการเดินทาง http://www.isas.jaxa.jp/j/about/center/sagami/map2.shtml

ถ้าจะเดินทางจากสถานีซางามิโอโนะก็จะมีข้อดีคือมีรถลีมูซีนบัสจากสนามบินนาริตะมาลงที่สถานีนี้โดยตรง โดยใช้เวลา ๑๓๐ - ๑๕๐ นาทีในการเดินทาง ค่าโดยสาร ๓๕๐๐โดยรวมแล้วทั้งหมดก็ใช้เวลาประมาณเกือบ ๓ ชั่วโมง ถ้าเลือกเดินทางด้วยวิธีนี้ก็จะไม่ต้องนั่งรถไฟเลย

แต่สำหรับคนที่อยากจะใช้เวลาน้อยที่สุดในการเดินทางแนะนำให้นั่งรถไฟชนิดด่วนพิเศษ ซึ่งก็มีอยู่หลายทางด้วยกัน

สำหรับคนที่ไม่ชอบต่อรถบ่อยแนะนำให้นั่งรถด่วนพิเศษของ JR จากสนามบินนาริตะไปลงที่
สถานีโยโกฮามะ (横浜駅) ใช้เวลา ๙๐ นาที  แล้วก็ต่อรถไฟสายโยโกฮามะมาลงที่สถานีฟุจิโนเบะ ใช้เวลาประมาณ ๔๐-๕๐ นาที แล้วค่อยเดินต่ออีก ๒๐ นาที ดังนั้นโดยรวมแล้วใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงครึ่งถึง ๓ ชั่วโมง

วิธีการนี้แค่ ๒ ต่อก็ถึง เป็นการเดินทางที่ง่ายที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายแพงมากกว่าวิธีอื่นอย่างเห็นได้ชัดเพราะค่ารถด่วนจากนาริตะไปลง
สถานีโยโกฮามะ เป็น ๔๑๘๐ เยน และจากสถานีโยโกฮามะไปสถานีฟุจิโนเบะราคา ๕๔๐ เยน รวมแล้วเป็น ๔๗๒๐ เยน แถมยังไม่ใช่วิธีที่เร็วที่สุด แต่ก็แนะนำสำหรับคนที่ไม่อยากเปลี่ยนรถบ่อย

วิธีที่ถูกกว่านั้นแต่เร็วกว่าเพียงแต่ต้องเปลี่ยนรถมากกว่าก็คือนั่งรถด่วนสไกไลเนอร์ (スカイライナー) ของเคย์เซย์จากสนามบินนาริตะไปลงที่สถานีนิปโปริ (日暮里駅) ซึ่งอยู่ในเมืองโตเกียว ใช้เวลาเพียง ๔๐ นาทีก็ถึง และจากสถานีนิปโปริไปสถานีฟุจิโนเบะมีวิธีการอยู่หลายทาง วิธีที่ง่ายที่สุดคือนั่ง JR สายยามาโนเตะไปสถานีชินจุกุ และต่อรถไฟของเคย์โอวไปลงสถานีฮาชิโมโตะ สุดท้ายก็เปลี่ยนรถไฟ JR สายโยโกฮามะไปลงสถานีฟุจิโนเบะ

จะเห็นว่าวิธีนี้ต้องนั่งรถ ๔ ต่อ แต่ว่าเป็นวิธีที่เร็วที่สุด รวมเวลาเดินแล้วก็ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ค่าใช้จ่ายสำหรับวิธีนี้คือ ๓๑๗๐ เยน ถูกกว่าพอสมควร ระบบรถไฟที่ญี่ปุ่นไม่ใช่ว่าเปลี่ยนรถน้อยครั้งแล้วจะเร็วกว่า ในทางกลับกันบางทียิ่งเปลี่ยนรถหลายครั้งกลับยิ่งเร็วก็มี

สุดท้าย วิธีที่ประหยัดที่สุดก็คือ นั่งรถไฟธรรมดาตลอดเส้นทางโดยไม่ใช้รถไฟชนิดด่วนพิเศษ ซึ่งถ้าหากเลือกวิธีนี้ละก็ มีทางเลือกหลากหลายมาก ถึงขั้นเลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ ๑๗๐๐-๒๐๐๐ เยนเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเส้นทางและวิธีที่ไป

เนื่องจากอยากประหยัดเราจึงเลือกวิธีการนี้ โดยเส้นทางที่เลือกนั้นมีเพื่อนคนญี่ปุ่นแนะนำมาว่ามีวิธีเดียวที่จะนั่งแค่ ๓ ต่อแล้วไปถึงเลย ซึ่งเหมาะกับเราในตอนนี้ที่แบกของมาถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเปลี่ยนรถบ่อย ก็คือเริ่มแรกจากสนามบินนาริตะนั่งรถไฟสายเคย์เซย์ไปลงที่สถานีเคย์เซย์ยาวาตะ (京成八幡駅) จากนั้นเดินออกจากสถานีเพื่อไปยังเปลี่ยนสถานีซึ่งอยู่ข้างๆกันคือสถานีโมโตะยาวาตะ (本八幡駅) และนั่งสายโทเอย์ไปลงสถานีฮาชิโมโตะ (橋本駅) จากนั้นต่อสายโยโกฮามะไปลงสถานีฟุจิโนเบะ

วิธีนี้รวมแล้วนั่งแค่ ๓ ต่อเท่านั้น น้อยกว่านั่งรถด่วนอีก เพียงแต่ว่าใช้เวลานาน คือมากกว่า ๓ ชั่วโมงจึงจะถึง ช้ากว่าวิธีอื่นๆ แต่ค่าใช้จ่ายประหยัดที่สุดแล้ว

สรุปแล้วทางเลือกมีหลากหลาย ให้เลือกวิธีการเดินทางที่คิดว่าเหมาะกับสถานการณ์ในขณะนั้นที่สุด

จะเห็นว่าแค่วางแผนการเดินทางก็ยุ่งยากขนาดนี้แล้ว ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะใช้วิธีไหนดี นั่นเพราะว่าญี่ปุ่นมีระบบคมนาคมที่ดี ทำให้คนเรามีทางเลือกมากมายนั่นเอง

การเดินทางครั้งนี้ทำให้นึกถึงสมัยที่เที่ยวญี่ปุ่นครั้งที่แล้ว ครั้งนั้นเที่ยวทางฝั่งคันไซ นั่งรถไฟจากสนามบินไปยังเกียวโต https://phyblas.hinaboshi.com/20130201

ตอนนั้นก็มีวิธีการให้เลือกหลากหลายเหมือนกัน แต่ว่ารถไฟของฝั่งคันไซไม่ได้ซับซ้อนเท่านี้



พูดถึงวิธีการเดินทางเสร็จแล้วคราวนี้เริ่มเล่าถึงการเดินทางจริง

สถานีรถไฟอยู่ชั้นใต้ดินของสนามบิน




ที่ขายตั๋วของ JR ถ้าใครจะซื้อ JR pass ก็มาตรงนี้



สำหรับรถไฟที่เราจะขึ้นครั้งนี้เป็นรถไฟของบริษัทเอกชนท้องถิ่นเคย์เซย์ ซื้อตั๋วตรงนี้ เริ่มแรกเราต้องเดินทางจากสนามบินนาริตะไปสถานีเคย์เซย์ยาวาตะ (京成八幡) ราคาตั๋ว ๘๔๐ เยน



เส้นทางของทางรถไฟของเคย์เซย์นั้นแบ่งเป็นหลักๆสองเส้นก็คือสายนาริตะสกายแอ็กเซส (成田スカイアクセス線) กับสายหลักเคย์เซย์ (京成本線) ทั้งสองเส้นทางนี้มีปลายทางเหมือนกันอยู่ที่สถานีเคย์เซย์อุเอโนะ (京成上野駅) แต่ว่าระหว่างทางผ่านเส้นทางที่ต่างกัน สำหรับสถานียาวาตะที่เราจะขึ้นนั้นอยู่ในสายหลักเคย์เซย์



แต่ตอนแรกด้วยความสับสน จึงลงไปที่ชานชลาของสายนาริตะสกายแอ็กเซส หลังจากงงสักพักจึงกลับขึ้นไปเพื่อขึ้นสายที่ถูกขึ้นต่อ ตรงนี้ทำเอาเสียเวลาจนตกรถไฟรอบที่ควรจะได้ขึ้น ต้องรอรถไฟรอบถัดไป

ตอนที่ไปถึงชานชลาของสายหลักเคย์เซย์รถไฟรอบก่อนหน้านี้เพิ่งจะออกไปไม่นานเลยต้องรอสักพัก



รถไฟที่จะขึ้นนี่เขียนป้ายว่าเป็นรถด่วนพิเศษ (特急) ซึ่งปกติแล้วรถที่เรียกว่ารถด่วนพิเศษจะต้องจ่ายเงินเพิ่มแพง แต่สำหรับของอันนี้ไม่ต้อง แถมรถไฟก็เป็นหน้าตารถไฟแบบธรรมดาที่มีที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่แบบรถด่วน



ถึงชื่อจะบอกว่าด่วนพิเศษแต่นั่งจริงๆมันไม่ด่วนสักเท่าไหร่เลย ถึงแม้จะข้ามสถานีที่ไม่จำเป็นไปหลายสถานีแต่ก็ยังจอดเยอะอยู่ กว่าจะถึงสถานีเคย์เซย์ยาวาตะอันเป็นเป้าหมายก็จอดระหว่างทางตั้ง ๑๐สถานี



สถานีแรกที่จอดคือสถานีนาริตะ (成田駅) เป็นสถานีหลักของเมืองนาริตะ อยู่ไม่ไกลจากสนามบินนัก



แล้วก็จอดอีกหลายสถานีระหว่างทางภายในจังหวัดจิบะ ระหว่างเส้นทางเต็มไปด้วยบ้านเมืองแน่นไปหมด ต้นไม้ที่เห็นก็เริ่มเปลี่ยนสีสวยงาม






แล้วก็มาถึงสถานีเคย์เซย์ยาวาตะ ลงที่สถานีนี้



สถานี้นี้อยู่ในเมืองอิจิกาวะ (市川市) ซึ่งอยู่ในจังหวัดจิบะ แต่ก็เป็นริมขอบตะวันตกสุดติดกับจังหวัดโตเกียว เมืองนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทรถไฟเคย์เซย์ที่เรานั่งมานี้ด้วย

แผนที่จังหวัดจิบะ แสดงตำแหน่งเมืองอิจิกาวะสีชมพูเข้ม จะเห็นว่าอยู่สุดขอบตะวันตก ติดจังหวัดโตเกียว



ต้องเดินไปทางนี้เพื่อข้ามไปยังสถานีโมโตะยาวาตะ (本八幡駅) ซึ่งเป็นสถานีข้างเคียง แต่ไม่ถือว่าเป็นสถานีเดียวกัน สถานีโมโตะยาวาตะเป็นสถานีของ JR และก็ยังเป็นสถานีของรถไฟใต้ดินโทเอย์ (都営地下鉄) ซึ่งบริหารโดยจังหวัดโตเกียว โดยสายที่จะนั่งนั้นคือสายโทเอย์ชินจุกุ (都営新宿線) ซึ่งลากจากสถานีโมโตะยาวาตะไปถึงสถานีชินจุกุ (新宿駅) และเชื่อมต่อกับทางรถไฟของบริษัทรถไฟเคย์โอว (京王) ซึ่งเชื่อมไปถึงสถานีฮาชิโมโตะ (橋本駅) ซึ่งเป็นสถานีที่เราจะไปลงเพื่อเปลี่ยนรถได้ โดยรถไฟจะวิ่งต่อจากสถานีชินจุกุไปเลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนรถ เท่ากับเราวิ่งจากที่นี่ต่อเดียวไปถึงสถานีฮาชิโมโตะได้



พอลงบันไดมาก็จะเจอกับอุโมงค์ทางเข้าที่เชื่อมไปสู่สถานีโมโตะยาวาตะ ซึ่งตัวสถานีอยู่ใต้ดินเพราะเป็นรถไฟใต้ดิน



แต่ก่อนจะไปขึ้นรถต่อขอเดินเล่นเรื่อยเปื่อยข้างๆสถานีสักหน่อย แถวนี้บรรยากาศน่าเดินดี





ใต้สถานีมีพวกร้านขายพวกของกินอยู่จำนวนหนึ่ง เห็นแล้วก็อยากแวะแต่คิดว่าไม่มีเวลาขนาดนั้น



ร้านสะดวกซื้อ



พอเดินเล่นจนพอใจก็ได้เวลาเข้าสถานีแล้ว




ค่ารถไฟจากสถานีโมโตะยาวาตะไปยังสถานีฮาชิโมโตะคือ ๘๙๐

เมื่อมาถึงก็ใกล้เวลารถออกแบบเฉียดฉิว



รถไฟที่จะขึ้น เสาที่เห็นข้างๆบอกแสดงชื่อสถานีต่างๆ โดยที่เราอยู่ด้านล่างสุดที่ขีดสีแดง คือต้นทาง รถที่เรานั่งคือรถแบบด่วน (急行) ซึ่งจะจอดเฉพาะสถานีที่สำคัญ รถไฟนี้จะวิ่งไปสุดทางที่สถานีฮาชิโมโตะที่เราจะลง



แม้จะชื่อว่าเป็นรถไฟใต้ดิน แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้อยู่ใต้ดินตลอด พอถึงสถานีต่อไปคือสถานีฟุนาโบริ (船堀駅)  ทางรถไฟก็ขึ้นมาลอยฟ้า สถานี้อยู่ในเขตเอโดงาวะ (江戸川区) เมืองโตเกียวแล้ว เป็นจุดเปลี่ยนรถที่สำคัญสถานีหนึ่ง



แม่น้ำอารากาวะ (荒川) เป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างเขตเอโดงาวะกับเขตโควโตว (江東区)



แต่ก็ดีใจอยู่ได้ไม่นานเพราะหลังผ่านตรงนี้ไปสักพักก็กลับไปมุดดินอีกแล้ว แล้วมันก็ไม่โผล่มาเหนือดินอีกเลยจนผ่านใจกลางเมืองโตเกียวไป

มาโผล่เหนือดินอีกทีที่สถานีซาซาซึกะ (笹塚駅) ซึ่งอยู่ในเขตชิบุยะ (渋谷区) เมืองโตเกียว เลยชินจุกุมานิดหน่อย ตรงนี้เป็นส่วนทางรถไฟของเคย์โอวแล้ว





หลังจากนั้นก็ผ่านสถานีต่างๆ ตามถ่ายบรรยากาศอยู่เรื่อยๆตลอดทางเนื่องจากทางรถไฟลอยอยู่ด้านบนแบบนี้เห็นทิวทัศน์ได้ดี




ทิวทัศน์โตเกียวในต้นฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้กำลังเริ่มเปลี่ยนสีแบบนี้มองดูแล้วก็น่าเพลิดเพลิน






หลังจากที่ผ่านสถานีโจวฟุ (調布駅) ไปแล้ว รถไฟขบวนนี้ก็กลายเป็นจอดทุกสถานี ไม่ใช่รถด่วนอีกต่อไปแล้ว





ทิวทัศน์ระหว่างทางสวยน่าถ่ายอยู่ตลอด







หลังจากนั่งอยู่ชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดก็มาถึงสถานีฮาชิโมโตะ สถานีนี้อยู่ในพื้นที่ส่วนของเมืองซางามิฮาระแล้ว



ต้องเดินไปเปลี่ยนขึ้นรถไฟ JR สายโยโกฮามะ เพื่อไปยังสถานีฟุจิโนเบะ (淵野辺駅) อันเป็นปลายทาง





สถานีนี้ค่อนข้างใหญ่ มีร้านอะไรต่างๆมากมายข้างใน






ออกมาเดินเล่นชมบรรยากาศด้านนอกสถานีสักพัก






แล้วก็กลับเข้าไปเพื่อเดินทางต่อ



ค่าตั๋วไปฟุจิโนเบะคือ ๑๕๐ เยน



บนชานชลาระหว่างรอรถ



ที่ต้องระวังก็คือสถานีฟุจิโนเบะไม่ใช่สถานีหลัก ถ้าหากนั่งรถเร็วละก็จะไม่จอดที่สถานีนี้ ดังนั้นต้องนั่งรถแบบช้าธรรมดาเท่านั้นจึงจะไปถึง ดังนั้นรถรอบ 16:20 ที่เห็นอยู่นี้เราจะขึ้นไม่ได้ ต้องไปขึ้นรอบ 16:24 ที่มาถัดไปแทน

สักพักคันรถด่วนก็มา ถ้าขึ้นคันนี้ละก็มันจะวิ่งผ่านเลยสถานีฟุจิโนเบะแล้วไปจอดอีกทีที่สถานีมาจิดะ จะเสียเวลาไปอีกเยอะเลย เพราะต้องย้อนกลับมาใหม่ ตรงนี้เป็นเรื่องที่ระวังอยู่แล้ว จึงไม่เผลอขึ้นไป



แต่มาพลาดอีกเรื่องก็คือ ชานชลาที่รอรถแบบเดียวกันไม่ได้มีอยู่แค่ฝั่งเดียว ต้องดูให้ดีว่ารถรอบไหนไปขึ้นที่ไหน ครั้งนี้เรามีพลาดขึ้นผิดชานชลาจนต้องรอขึ้นรถเที่ยวถัดไปแทน นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องระวัง ยังโชคดีที่สายนี้รถไฟมาเยอะอยู่แล้ว ไม่ได้เสียเวลาไปมากนัก

ระหว่างรอก็เดินเล่น ในชานชลามีร้านราเมงด้วย



และแล้วรถที่รอก็มา



ใช้เวลาแค่ ๘ นาทีก็มาถึงสถานีฟุจิโนเบะ



ที่สถานีนี้มีป้ายแนะนำ JAXA โดยใช้อนิเมะเรื่อง uchuu kyoudai (宇宙兄弟) ด้วย เพราะเรื่องนี้ใช้ JAXA เป็นฉากอยู่เยอะ แต่ว่า JAXA ที่เป็นฉากในเรื่องอยู่ที่ทสึกุบะมากกว่า ที่ซางามิฮาระนี้ไม่ได้ถูกใช้เป็นฉากด้วย



เมื่อมาถึงก็ออกมาสูดอากาศที่ชั้นบนของสถานีสักหน่อย




มองออกไปรอบๆ ตอนนี้ฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว



ลงมาด้านล่าง ที่แถวๆจุดที่รอรถเมล์มีร้านโอโตยะด้วย




ย่านชุมชนบริเวณใกล้ๆสถานี ตอนแรกมึนทิศจนเดินไปผิดทางเลยต้องวกกลับมาใหม่



ภาพสุดท้ายที่ถ่ายใกล้สถานีก่อนที่จะมืดจนไม่ได้ถ่ายอะไรแล้ว





หลังจากนั้นก็เดินไปตามแผนที่เพื่อจะไปยังวิทยาเขตซางามิฮาระ ตามปกติ ๒๐ นาทีก็น่าจะถึง แต่เนื่องจากเส้นทางซับซ้อนกว่าที่คิด ทำให้หลงทางจนต้องถามคนอื่น แต่ในที่สุดก็ยังสามารถไปถึงจนได้ ใช้เวลาไปเท่าไหร่ไม่แน่ใจแต่ก็นานกว่าครึ่งชั่วโมง ไปถึงก็ประมาณห้าโมงครึ่งแล้ว ฟ้ามืดสนิทเรียบร้อย



เมื่อถึงแล้วก็ไปรับกุญแจห้องพักที่ป้อมยามหน้าประตูทางเข้าแล้วก็เข้าไปพักในที่พักภายในวิทยาเขตที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ เป็นที่พักสำหรับนักวิจัยที่มาเยี่ยมเยือนที่นี่ระยะสั้น แต่สถานที่ค่อนข้างเล็ก จุคนได้จำกัด จึงมีผู้ร่วมอบรมที่ได้พักที่นี่แค่ ๖ คนเท่านั้น จากทั้งหมด ๓๐ คน โดยคนที่พักที่นี่เป็นคนไทย ๒ คน คนไต้หวัน ๒ คนจีน ๑ คน คนเวียดนาม ๑ คน ส่วนที่เหลือต้องไปพักที่โรงแรมซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก

สภาพห้องก็เป็นแบบนี้ เป็นห้องเดี่ยว ค่อนข้างเล็ก แต่ก็เหลือเฟือสำหรับพักคนเดียว



ห้องน้ำก็เล็กๆ แต่มีอ่างด้วย



มาถึงที่พักก็ได้เจอคนจีนกับคนไต้หวันเลย เขาพักอยู่ชั้นเดียวกัน ห้องไม่ไกลกัน ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นคนชาติอะไรก็ถามเป็นภาษาอังกฤษ พอรู้ว่าเป็นคนจีนกับไต้หวันคราวนี้ก็คุยจีนล้วนเลย ก็เลยคุยได้คล่องหน่อย ถ้าเป็นคนชาติอื่นคงต้องใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจจะคุยได้ไม่ถนัดนัก รู้สึกดีใจทีว่ามาถึงที่นี่ก็ยังใช้ภาษาจีนได้ ไม่แปลกเพราะว่าไม่ว่าจะไปไหนก็เจอคนจีนอยู่ทั่วทุกมุมโลกอยู่แล้ว นอกจากกับเพื่อนร่วมอบรมแล้วในเที่ยวนี้เรายังมีโอกาสเจอคนจีนโดยบังเอิญและได้คุยกันอีกหลายครั้งด้วย

แต่ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากมายเราก็ต้องรีบกลับเข้าห้อง เพราะมีนัดเพื่อนที่อยู่โยโกฮามะไว้ จะไปเจอเพื่อนแล้วเที่ยวชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนในโยโกฮามะกัน ต้องรีบเก็บของแล้วออกไปทันที ขอเที่ยวให้เต็มที่สักหน่อยก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะไม่ได้ไปไหนแล้วเพราะมีกิจกรรมทั้งวัน

ดังนั้นตอนต่อไปจะเป็นเรื่องราวการเที่ยวโยโกฮามะ ติดตามอ่านกันต่อได้ https://phyblas.hinaboshi.com/20131217



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> จิบะ
-- ประเทศญี่ปุ่น >> คานางาวะ
-- ท่องเที่ยว >> รถไฟ

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

目录

从日本来的名言
模块
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
机器学习
-- 神经网络
javascript
蒙古语
语言学
maya
概率论
与日本相关的日记
与中国相关的日记
-- 与北京相关的日记
-- 与香港相关的日记
-- 与澳门相关的日记
与台湾相关的日记
与北欧相关的日记
与其他国家相关的日记
qiita
其他日志

按类别分日志



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  查看日志

  推荐日志

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ