# อาทิตย์ 10 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวคิวชูต่อจากตอนที่แล้วที่เที่ยวเมืองเบปปุจังหวัดโออิตะจนเสร็จ
https://phyblas.hinaboshi.com/20241122ตอนนี้ก็ได้เวลาลาจากจังหวัดโออิตะแล้ว เป้าหมายต่อไปคือการเที่ยวใน
จังหวัดคุมาโมโตะ (
熊本県) ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ใจกลางเกาะคิวชู โดยเป้าหมายแรกคือ
เมืองอาโสะ (
阿蘇市) ซึ่งมีสถานที่เที่ยวชื่อดังคือ
ภูเขาอาโสะ (
阿蘇山) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ที่สามารถเข้าไปชมได้ถึงปากปล่อง และนี่เป็นเป้าหมายหลักของการเที่ยวคุมาโมโตะของเราในครั้งนี้
ตำแหน่งเมืองอาโสะในจังหวัดคุมาโมโตะ แสดงเป็นสีชมพูเข้มทางขวาบน อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน ติดกับจังหวัดโออิตะ
สำหรับการเดินทางไปนั้นเราเลือกที่จะนั่งรถไฟด่วนพิเศษ
อาโสะบอย! (あそぼーい!) เพื่อเดินทางจากเบปปุสู่สถานีอาโสะ (
阿蘇駅) นี่เป็นรถไฟท่องเที่ยวที่ให้บริการแค่เฉพาะในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดเท่านั้น โดยวิ่งวันละรอบ
อาโสะบอย! นั้นวิ่งระหว่างสถานีคุมาโมโตะในเมืองคุมาโมโตะกับสถานีเบปปุ โดยสถานีอาโสะอยู่ระหว่างทาง ครั้งนี้เราใช้นั่งจากเบปปุไปยังอาโสะเท่านั้น ไม่ได้นั่งต่อจากอาโสะไปยังคุมาโมโตะ
ตารางเวลารถไฟตั้งแต่เบปปุไปถึงอาโสะที่เรานั่งเป็นดังนี้
เวลา |
สถานี |
เมือง |
จังหวัด |
15:06 |
เบปปุ |
เบปปุ |
โออิตะ |
15:23 |
โออิตะ |
โออิตะ |
15:37 |
นากาฮันดะ |
16:01 |
มิเอะมาจิ |
บุงโงะโอโนะ |
16:13 |
โองาตะ |
16:28 |
บุงโงะทาเกตะ |
ทาเกตะ |
16:43 |
บุงโงะโองิ |
17:08 |
มิยาจิ |
อาโสะ |
คุมาโมโตะ |
17:14 |
อาโสะ |
ระยะเวลารวมแล้ว ๒ ชั่วโมงกว่า แต่ถ้านั่งต่อไปถึงเมืองคุมาโมโตะก็อีก ๑ ชั่วโมงกว่า รวมแล้ว ๓ ชั่วโมงกว่า
เนื่องจากที่นั่งมีจำกัด โดยทั่วไปจึงควรจะจองตั๋วล่วงหน้าไม่เช่นนั้นจะไม่ได้นั่ง เราได้ทำการจองผ่านเว็บ พร้อมกับยุฟุอิงโนะโมริที่ได้เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20241112นี่คือตั๋วที่จองไว้ ราคาที่ละ ๕๒๐๐ เยน ใช้ใบเดียวขึ้นได้เลยไม่ต้องแยกเป็น ๒ ใบ
เราเข้ามาในสถานีก่อนเวลาประมาณ ๒๐ นาที ระหว่างนั้นก็ต้องรอไป มีรถด่วนขบวนอื่นผ่านมา เช่นโซนิก (ソニック) ซึ่งเป็นรถด่วนพิเศษที่วิ่งระหว่างสถานีฮากาตะกับสถานีโออิตะ
แล้วอาโสะบอยก็มาถึงตอน 14:59 รอสักพักก็ขึ้นรถได้
ภายในตกแต่งสวยดี สมเป็นขบวนท่องเที่ยว ตรงโน้นนี้มีตัวละครเป็นหมาสีดำที่ชื่อว่า "คุโระ" มาสคอตของรถไฟขบวนนี้
ที่สุดปลายของตู้หมายเลข ๑ ที่เรานั่งนั้นเป็นที่นั่งตำแหน่งดีนั่งชมทิวทัศน์ได้ แต่ว่าที่นั่งที่เราจองได้ไม่ใช่ตรงนี้ แล้วก็ตู้นี้ในขาที่วิ่งจากเบปปุไปคุมาโมโตะนั้นเป็นส่วนท้ายขบวน ไม่ใช่ส่วนหัวขบวน
เดินมาดูโบกี้สำหรับเล่นและขายอาหาร
ตรงนี้มีร้านขายพวกขนมและเครื่องดื่มอยู่
ข้างๆนั้นเป็นที่นั่งถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ส่วนเชื่อมระหว่างโบกี้ เต็มไปด้วยรูปคุโระ
ตรงนี้เป็นที่สำหรับเด็กมาเล่นได้
ลองเดินมาโบกี้สุดท้ายที่อีกปลายของขบวนซึ่งเป็นส่วนหัว โบกี้นี้แทบจะเหมือนกับโบกี้หมายเลข ๑ ที่เรานั่ง แค่อยู่ส่วนหัวเท่านั้นเอง
ตอนที่เรามาถึงที่นี่ รถไฟได้ออกเดินทางไปแล้ว ก็ได้เลยได้มาดูทิวทัศน์ขณะรถไฟวิ่งไป น่าเสียดายที่ว่าไม่ได้ที่นั่งตรงนี้ ไม่งั้นนั่งไปชมทิวทัศน์ตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปก็คงเพลินดี
ตรงนี้มีตู้ใส่ของเล่น
นอกจากนี้มีตู้ตรงนี้ที่ตกแต่งสวยให้มานั่งเล่นได้โดยไม่ต้องจองที่ ใครจะมานั่งก็ได้ และตอนที่เรามาถึงก็ไม่มีใครนั่งอยู่ด้วย ก็เลยมานั่งเล่นตรงนี้สักพัก
แล้วรถไฟก็เข้ามาถึงบริเวณ
เมืองโออิตะ (
大分市) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางฝั่งตะวันออกของเกาะคิวชู
มาจอดที่
สถานีโออิตะ (
大分駅) มีผู้โดยสารหลายคนขึ้นมาจากสถานีนี้
จากนั้นรถไฟก็มุ่งหน้าต่อไป ระหว่างทางมีจอดที่
สถานีทากิโอะ (
滝尾駅) ซึ่งยังอยู่ในเมืองโออิตะ แต่ว่าไม่ได้จอดเพื่อให้ผู้โดยสารลง ที่มาจอดตรงนี้ดูเหมือนว่าจะเพื่อรออะไรบางอย่างเฉยๆ
แล้วก็มุ่งหน้าต่อ มาจอดจังสถานีถัดไป คือ
สถานีนากาฮันดะ (
中判田駅) ซึ่งก็ยังอยู่ในเขตเมืองโออิตะ
และสถานีถัดไปคือ
สถานีมิเอะมาจิ (
三重町駅) ซึ่งไม่ได้อยู่ในเขตเมืองโออิตะ แต่อยู่ใน
เมืองบุงโงะโอโนะ (
豊後大野市) ซึ่งก็ยังอยู่ในจังหวัดโออิตะ
สถานีถัดไปคือ
สถานีโองาตะ (
緒方駅) ก็ยังอยู่ในเมืองบุงโงะโอโนะ
ระหว่างนั้นเราก็ไม่ได้แค่นั่งอยู่เฉยๆ แต่ก็มีมาเดินเล่นในขบวนรถด้วย ก็เห็นเด็กกำลังเล่นอยู่ด้วย
แล้วก็ขอแวะมาซื้อเครื่องดื่มสักหน่อย ก็เห็นมีกาแฟที่ชื่อว่า "กาแฟสวยคิวชู" (
九州きれいなコーヒー) ในนี้เขียนราคา ๔๐๐ เยน แต่สั่งจริงๆ ๓๕๐ เยน ลองสั่งมาดื่มดูที่จริงมันก็คือกาแฟธรรมดาแหละ
ตอนเปิดออกมาดื่มทำหกนิดหน่อยด้วย เราเอามานั่งดื่มระหว่างชมทิวทัศน์บนสายรถไฟตามทางต่อไป
แล้วรถไฟก็มาถึงสถานีถัดไป คือ
สถานีบุงโงะทาเกตะ (
豊後竹田駅) ซึ่งอยู่ใน
เมืองทาเกตะ (
竹田市) เป็นเมืองในจังหวัดโออิตะที่อยู่ติดกับจังหวัดคุมาโมโตะ ไปต่ออีกนิดก็จะข้ามจังหวัดแล้ว
สถานีถัดไปคือ
สถานีบุงโงะโองิ (
豊後荻駅) ซึ่งก็ยังอยู่ในเมืองทาเกตะ นี่เป็นสถานีสุดท้ายในจังหวัดโออิตะแล้ว
หลังจากนั้นรถไฟก็เข้าสู่เขตเมืองอาโสะ จังหวัดคุมาโมโตะ แล้วเข้าจอดที่
สถานีมิยาจิ (
宮地駅) ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้ใจกลางเมืองอาโสะที่สุด
แต่ว่าที่เราจะลงยังไม่ใช่สถานีมิยาจิ แต่เป็นสถานีถัดไป คือสถานีอาโสะ ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปมากกว่า แต่เป็นศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยว เพราะว่าอยู่ใกล้ทางขึ้นไปบนภูเขาไฟที่เป็นสถานที่เที่ยว และรถเมล์ที่จะขึ้นไปบนเขาก็ต้องนั่งจากสถานีอาโสะ ดังนั้นแม้ว่าสถานีอาโสะจะอยู่ห่างไกลจากเขตเมือง แต่สำหรับนักท่องเที่ยวก็ลงที่สถานีอาโสะเป็นหลัก โรงแรมที่เราจองไว้ก็อยู่ข้างๆสถานีอาโสะด้วย
น่าเสียดายที่รถไฟมาจอดที่สถานีนี้หาป้ายสถานีไม่เจอ ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ตรงไหน ก็เลยไม่ได้ถ่ายภาพป้ายไว้เลย
จากนั้นในที่สุดรถไฟก็มาถึงสถานีอาโสะ เราก็ลงที่สถานีนี้ ตอนที่ลงมาก็เห็นว่ามีคนขึ้นรถไฟที่สถานนี้เยอะกว่าคนลงมาก น่าจะเต็มขบวนรถไฟเลย ที่จริงตอนที่เรานั่งมาจากเบปปุนั้นคนดูโล่งๆเหมือนไม่เต็มขบวนนั่นก็เพราะว่ามีหลายคนที่นั่งแค่จากช่วงอาโสะถึงคุมาโมโตะนั่นเอง คนที่นั่งมาจากเบปปุไม่ได้เยอะอย่างที่คิด
เรารอดูอยู่จนผู้โดยสารขึ้นรถไฟกันไปหมด
ภาพขบวนรถไฟคู่กับป้ายสถานี หลังจากที่คนขึ้นไปกันหมดแล้ว
รอดูถึงตอนที่รถไฟออก ถ่ายภาพท้ายขบวนที่นี่อีกที
จากนั้นก็ตรวจตั๋วเดินผ่านออกไป
ภายในสถานี
เราเข้ามาถามข้อมูลตรงศูนย์บริการท่องเที่ยวในสถานีสักหน่อย มาขอแผนที่และตารางเที่ยวรถสำหรับใช้เดินทางไปเที่ยวภูเขาไฟวันรุ่งขึ้นด้วย
จากนั้นก็ออกมาเพื่อเดินไปยังที่พัก ตอนนั้นฝนก็ยังคงตกหนักอยู่ทำให้ลำบากอยู่
ที่หน้าสถานีมีรูปปั้นอุซป ตัวละครจากมังงะวันพีซอยู่ รูปปั้นตัวละครจากวันพีซนี้ถูกตั้งอยู่ในหลายแห่งในจังหวัดคุมาโมโตะ เพราะว่าคนแต่งเรื่องนี้เกิดที่จังหวัดนี้นั่นเอง แต่ตอนนี้ฝนตกเลยไปถ่ายรูปได้ไม่สะดวก เลยแค่ถ่ายจากห่างๆแล้วเดินผ่านไปก่อน
มองกลับไปถ่ายอาคารสถานีอีกครั้งก่อนจะเดินไป
ระหว่างทางไปยังที่พักคืนนี้ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกล แค่เพราะฝนตกเลยเดินลำบาก
แล้วก็มาถึงที่พักสำหรับคืนนี้ ชื่อว่า
อาโสะเบสแบ็กแพ็กเกอร์ (ASO BASE BACKPACKERS)
ตัวอาคารที่พัก ดูเล็กๆ มีแค่ ๒ ชั้น ที่พักอยู่ชั้น ๒
ที่พักเป็นแบบพักรวม ไม่มีห้องส่วนตัว ราคาคืนละ ๓๐๕๐ เยน ถือว่าถูกดี แล้วสภาพก็ไม่เลวเลยด้วย มีที่นั่งเล่นให้นั่งรวมกับนักท่องเที่ยวคนอื่นซึ่งก็น่านั่ง และมีครัวซึ่งมีให้ชงเครื่องดื่มฟรีด้วย
ก่อนจะลงภาพถ่ายภายในที่พัก ขอเล่าถึงที่กินมื้อเย็นคืนนี้ก่อน หลังจากที่เราเข้าไปเช็กอินเสร็จแล้วก็วางของก่อนแล้วก็รีบออกไปหาอะไรกิน โดยลองค้นดูในแผนที่แล้วก็พบว่าใกล้ๆกันนั้นมีร้านราเมงเล็กๆชื่อร้าน
ราเมงเกียง (らーめんぎゃん) แต่เดินไปตามแผนที่ก็หาทางเข้าไม่ถูก ตอนแรกเห็นตัวร้านแต่ไม่มีทางเข้า ต้องเดินอ้อมในซอยจึงไปถึงหน้าร้านได้
หน้าร้าน
เดินเข้ามาแล้วก็ต้องเริ่มจากสั่งด้วยเครื่อง
ทั้งเราและเพื่อนสั่งทสึเกเมงกระดูกหมูอาหารทะเล (
魚介豚骨つけ
麺) ราคา ๑๐๕๐ เยน
ภายในร้านมีที่นั่งเรียงตรงนั้น
แต่ว่าเขาให้เรามานั่งที่นั่งกับโต๊ะแบบนี้เพราะว่ามากัน ๒ คน ทั้งที่จริงๆแล้วอยากนั่งห้อยขาสบายๆมากกว่า
กินเสร็จก็แวะลอว์สันนิดหน่อยแล้วก็กลับเข้าที่พัก
ต่อไปจะลงภาพถ่ายด้านในที่พักที่นี่ อันนี้เป็นห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ซึ่งถ่ายตอนเช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งยังไม่มีใครมานั่ง แต่ว่าตอนช่วงค่ำตรงนี้เอิกเกริกเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาพัก
ส่วนตรงนี้เป็นครัว มีชาและกาแฟให้ชงดื่มได้
ตรงนี้มีที่ให้ซักผ้าได้
ส่วนที่นอนอยู่ชั้น ๒
ที่ชั้น ๒ ก็มีห้องอาบน้ำและห้องส้วมอยู่ตรงนี้ ผ้าเช็ดตัวเขาไม่ได้เตรียมไว้ให้ฟรี แต่สามารถยืมได้ในราคา ๑๐๐ เยน
ทางเดินหน้าห้องนอน
ห้องนอนเป็นแบบ ๒ ชั้นแบบนี้ ห้องนึงมี ๔ ที่นอน ไม่มีประตูห้อง มีแต่ม่าน และไม่มีตู้ให้ล็อกเพื่อเก็บของมีค่าด้วย ดังนั้นต้องระวังทรัพย์สินหายกันเอาเอง แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีใครมาขโมยหรอก เราเองก็วางกระเป๋าที่มีคอมอยู่ทิ้งไว้บนเตียงตอนที่ออกไปกินข้าวเย็นมา
ก็ขอแนะนำประมาณเท่านี้ ถ้าใครมาเที่ยวแบบสบายๆไม่ได้ห่วงว่าจะต้องพักโรงแรมที่มีห้องส่วนตัวละก็ที่นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว
บันทึกการเที่ยวคิวชูวันที่ ๓ ก็จบลงเท่านี้ วันรุ่งขึ้นจะเป็นการเที่ยวในอาโสะ