# เสาร์ 26 ก.ค. 2025ต่อจากตอนที่แล้วที่เดินทางมาถึงคาบสมุทรชิมาบาระ
https://phyblas.hinaboshi.com/20250726เป้าหมายแรกของการเที่ยวที่นี่คือที่
หอที่ระลึกมรดกคริสเตียนอาริมะ (
有馬キリシタン
遺産記念館) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับช่วงที่ชาวตะวันตกเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ จนกระทั่งเกิดกบฏชิมาบาระ
รายละเอียดภาพรวมทั้งหมดได้เคยเขียนเล่าไว้แล้วในบันทึกที่เที่ยวปราสาทชิมาบาระ
https://phyblas.hinaboshi.com/20241201สำหรับตรงนี้จะอธิบายเสริมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ
อาริมะ ฮารุโนบุ (
有馬 晴信, ปี 1567-1612) ไดเมียวผู้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ และมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของคาบสมุทรชิมาบาระ
ตระกูลอาริมะเป็นผู้ปกครองบริเวณคาบสมุทรชิมาบาระ โดยมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่
ปราสาทฮิโนเอะ (日野江城) และในช่วงต้นยุคเอโดะเขตการปกครองตรงนี้ก็เรียกว่าเป็น
ฮิโนเอะฮัง (日野江藩)
ฮารุโนบุก็รับสืบทอดการปกครองปราสาทนี้มาจากบิดา โดยตอนแรกเขาก็ไม่ได้นับถือคริสต์ ออกจะต่อต้านด้วย แต่ว่าในปี 1580 กลับหันมานับถือศาสนาคริสต์ หลังจากนั้นเขาก็มีพยายามสนับสนุนการเติบโตของศาสนาคริสต์ภายในดินแดนนี้ มีการทำลายสิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธและชินโต แล้วสร้างสถานที่ทางศาสนาคริสต์ขึ้นมา
ช่วงที่ฮารุโนบุปกครองพื้นที่นี้อยู่ได้มีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่าง เช่นการมาเยือนของ อาเลสซันโดร วาลิญญาโน (Alessandro Valignano, ปี 1539-1606) ซึ่งเป็นเยซูอิตชาวอิตาลีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในญี่ปุ่น เขาเดินทางมาถึงญี่ปุ่นโดยมาเทียบท่าในพื้นที่แถบนี้ในปี 1579 และได้สร้างสถาบันสอนศาสนาขึ้น
วาลิญญาโนได้เสนอแผนส่งชาวญี่ปุ่นไปเป็นคณะทูตเยือนยุโรป เรียกว่าคณะทูตหนุ่มเทนโชว (天正少年使節) เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงศักราชเทนโชว (天正) โดยได้คัดเลือกเด็กหนุ่มอายุ ๑๓-๑๔ ทั้งหมด ๔ คนที่มีผลการเรียนดีเลิศจากสถาบันสอนศาสนา พวกเขาได้ออกเดินทางจากท่าเรือนางาซากิในปี 1582
คณะทูตนี้ได้ไปเยือนประเทศต่างๆในยุโรปได้แก่โปรตุเกส สเปน และอิตาลี อีกทั้งยังได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 หลังจากนั้นจึงได้เดินทางกลับมาถึงนางาซากิในปี 1590 ถือเป็นส่วนสำคัญหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เพราะเป็นคนญี่ปุ่นกลุ่มแรกที่ไปถึงยุโรปแล้วได้เดินทางกลับมา
พวกเขาได้เรียนรู้ทั้งศาสนาและวิทยาการต่างๆ รวมถึงนำสิ่งประดิษฐ์สำคัญเช่นเครื่องดนตรี และ แท่นพิมพ์สำหรับตีพิมพ์หนังสือที่คิดค้นโดยกูเทินแบร์ค
ศาสนาคริสต์ยังคงรุ่งเรืองอยู่ภายในดินแดนแถบนางาซากิต่อไป แม้ว่าในยุคนั้นแผ่นดินญี่ปุ่นจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ซึ่งมีนโยบายต่อต้านศาสนาคริสต์
จากนั้นยุคสมัยก็เปลี่ยนไป เข้าสู่ยุคเอโดะ ในปี 1610 ฮารุโนบุได้เกิดปัญหาขัดแย้งขึ้นกับฮาเซงาวะ ฟุจิฮิโระ (長谷川 藤広, 1567-1617) ซึ่งเป็นผู้แทนที่ทางโชกุนโทกุงาวะส่งมากำกับควบคุมพื้นที่นางาซากิ จนทำให้ฮารุโนบุถึงขั้นวางแผนกำจัดเขา แม้ว่าจะไม่ได้ลงมือจริง แต่ว่าในปี 1612 จากเหตุการณ์ขัดแย้งกับโอกาโมโตะ ไดฮาจิ (岡本 大八) เป็นชนวนเหตุให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูโชกุน ทำให้เขาถูกสั่งประหาร จบชีวิตลง
หลังจากนั้นลูกชายของเขาคือ
อาริมะ นาโอสึมิ (
有馬 直純, ปี 1586-1641) ก็ปกครองฮิโนเอะฮังแทนต่อ แต่ในปี 1614 ก็ถูกสั่งย้ายไปปกครองพื้นที่อื่น ทำให้การปกครองพื้นที่แถบนี้โดยไดเมียวตระกูลอาริมะที่นับถือคริสต์สิ้นสุดลงเท่านี้ จากนั้นไปก็เข้าสู่ยุคที่ชาวคริสต์ถูกปกครองอย่างกดขี่ จนนำไปสู่เหตุการณ์กบฏชิมาบาระในปี 1638 ในที่สุด
ก็ขอจบการเล่าประวัติศาสตร์ลงเท่านี้ กลับมาที่บันทึกการเที่ยว
เราเดินทางมาถึงที่หอที่ระลึกมรดกคริสเตียนอาริมะแห่งนี้ตอนเวลา 12:08

มาจอดรถอยู่ตรง ซึ่งอยู่ข้างๆอาคาร
โรงพลศึกษามินามิอาริมะ (
南有馬体育館)

แล้วก็เดินขึ้นทางลาดนี้ไป

ถึงทางเข้าอาคารหอที่ระลึก

เข้ามาด้านใน ที่นี่ดูแล้วไม่ใหญ่มาก มีชั้น ๒ แต่ว่าส่วนจัดแสดงคือแค่ชั้นล่าง ข้างบนขึ้นไม่ได้

มาซื้อตั๋วเข้าชมที่ตรงนี้ ค่าเข้าชมคนละ ๓๐๐ เยน

ห้องเข้าชมมีอยู่ ๒ ห้อง ก่อนอื่นเข้าชมห้องแรกคือส่วนที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ตั้งแต่ที่ชาวตะวันตกเริ่มเข้ามาเผยแพร่ศาสนาแถวนี้

ส่วนจัดแสดงภายห้องนี้ ขนาดเล็กแค่นี้ ที่ตั้งอยู่กลางห้องก็คือแบบจำลองแท่นพิมพ์ที่คณะทูตรหนุ่มเทนโชวนำกลับมา

ตรงนี้อธิบายถึงเรื่องของคณะทูตหนุ่มเทนโชว

สิ่งต่างๆที่คณะทูตหนุ่มเทนโชวนำกลับมา
ภาพรูปปั้นอาเลสซันโดร วาลิญญาโน ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าเรือคุจินตสึ (口之津港) ซึ่งเป็นจุดที่เขามาขึ้นฝั่งที่ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เดี๋ยวเราก็จะไปที่ท่าเรือนี้แล้วได้ชมของจริงเหมือนกัน เพียงแต่ว่าภาพนี้น่าจะถ่ายนานมากแล้ว ของจริงขึ้นสนิมเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว
รูปปั้นอาริมะ ฮารุโนบุ

นอกจากนี้แล้วภายในยังมีฉายวิดีโอยาว ๑๒ นาทีอธิบายประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องโดยภาพรวม โดยบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่ก็มีซับไตเติลเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วย
จากนั้นก็ไปดูอีกห้อง ซึ่งเล่าถึงช่วงที่ชาวคริสต์เริ่มถูกกดขี่ ไปจนถึงเหตุการณ์กบฏชิมาบาระ

นี่คือซาก
ปราสาทฮาระ (
原城) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของเหตุการณ์กบฏชิมาบาระ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย แน่นอนว่าที่จริงแล้วนี่เป็นเป้าหมายหลักที่เราตั้งใจจะแวะไปในครั้งนี้ เดี๋ยวรายละเอียดจะเล่าถึงอีกที

ตรงนี้อธิบายเล่าเรียงเหตุการณ์ แล้วก็มีพวกแบบจำลองประกอบด้วย

ตรงนี้จำลองซากศพของคนที่ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์กบฏที่ขุดพบในบริเวณปราสาทฮาระ

การชมภายในก็จบเท่านี้ ตัวพิพิธภัณฑ์ขนาดไม่ใหญ่ เดินแป๊บเดียวก็หมดแล้ว

หลังจากที่ได้มาชมตรงนี้ให้เข้าใจเรื่องราวคร่าวๆที่เกี่ยวข้องแล้ว ต่อไปก็ได้เวลาไปชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์จริงๆ โดยเริ่มจากปราสาทฮิโนเอะ ซึ่งจะเล่าถึงในตอนต่อไป
https://phyblas.hinaboshi.com/20250728