#เสาร์ 26 ม.ค. 2013
ต่อจากที่เมื่อคืนนั่งรถเที่ยวกลางคืนจากฮิโรชิมะเพื่อกลับมายังเกียวโต
https://phyblas.hinaboshi.com/20130617
เข้าสู่วันที่ ๑๐ ของการเที่ยวในญี่ปุ่นแล้ว
พอขึ้นรถแล้วไม่นานเราก็หลับ มารู้สึกตัวอีกทีก็ถึงโอซากะแล้ว มีคนจำนวนหนึ่งลงไป แต่เรายังไม่ลง หลังจากนั้นรถก็มุ่งหน้าต่อจนถึงเกียวโต
พอถึงสถานีเกียวโตเราก็นั่งรถเมล์กลับไปยังหอพักของเพื่อนเพื่อเอาของไปเก็บ แต่แล้วเพื่อนก็บอกว่าวันนี้ไม่รีบขอนอนต่อก่อน สายๆค่อยออกเดินทาง ก็เลยกลายเป็นวันที่เที่ยวแบบหลวมๆอีกแล้ว แต่เป้าหมายหลักๆจริงๆก็เหลือแค่ ๓ ที่เท่านั้นถ้าทำเวลาก็พอทันได้ไม่เป็นไร
แล้วเพื่อนก็เข้าไปนอน ส่วนเราก็นั่งหาข้อมูลอะไรไปต่อเรื่อยเปื่อยพร้อมพักผ่อนจนเวลาผ่านไป รู้ตัวอีกทีก็สิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว เรารีบปลุกเพื่อนแล้วรีบออกเดินทางจากหอพักเพื่อไปยังสถานีรถไฟ ถ้าออกช้ากว่านี้มากจะไม่ทันเที่ยวตามแผน แต่ที่จริงการที่ออกเอาป่านนี้ก็ทำให้เวลาฉุกละหุกแทบแย่แล้วเหมือนกัน
การเดินทางวันนี้เราได้นำบัตร Kansai thru pass ชนิด ๓ วัน กลับมาใช้ต่อ หลังจากที่ใช้ไปวันแรกเมื่อวันที่ 17 ม.ค. และวันที่สองเมื่อวันที่ 22 ม.ค. และวันนี้เป็นการใช้วันที่สามซึ่งเป็นวันสุดท้าย นับเป็นเรื่องดีมากที่บัตรนี้สามารถใช้เว้นช่วงห่างกันกี่วันก็ได้ ไม่ต้องใช้วันติดกันตลอด แต่ความจริงแล้ววันนี้เราก็ไม่ได้ใช้ Kansai thru pass อย่างคุ้มค่านักเพราะเส้นทางที่เดินทางส่วนใหญ่ของวันนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ใช้ได้ น่าเสียดายเหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใช้ เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ในแถบคันไซแล้ว ยังไงก็ต้องใช้ให้หมด สำหรับเช้านี้เราใช้แค่นั่งรถเมล์ไปกลับระหว่างหอพักกับสถานีเกียวโต ซึ่งค่านั่งครั้งหนึ่งคือ ๒๒๐ เยน จึงประหยัดไปได้ ๔๔๐ เยน
เป้าหมายแรกของวันนี้คือพิพิธภัณฑ์นินจาสำนักอิงะ (伊賀流忍者博物館) ที่เมืองอิงะ (伊賀市) จังหวัดมิเอะ (三重県)
แผนที่จังหวัดมิเอะ แสดงตำแหน่งเมืองอิงะ สีชมพูเข้ม
บริเวณเมืองอิงะในปัจจุบันนี้เมื่อก่อนเป็นแคว้นอิงะ (伊賀国, อิงะโนะคุนิ) เป็นสถานที่ตั้งของสำนักอิงะ (伊賀流) ซึ่งเป็นหนึ่งในสองสำนักนินจาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น
นินจาสำนักอิงะมีบทบาทในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาอย่างช้านาน ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือฮัตโตริ ฮันโซว (服部半蔵) ซึ่งเป็นนินจาที่คอยรับใช้โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสึ (徳川家康) ในช่วงปลายยุคเซงโงกุจนถึงต้นยุคเอโดะ เขาเลยกลายมาเป็นต้นแบบของนินจาสำนักอิงะ
ในหนังหรืออนิเมะแนวประวัติศาสตร์หลายเรื่องจะมีฮัตโตริ ฮันโซวปรากฏ อย่างอนิเมะที่เพิ่งฉายไปไม่นานอย่างเรื่อง 織田信奈の野望 / oda nobuna no yabou เองก็มีปรากฎตัว
นอกจากนี้นินจาสำนักอิงะยังเป็นต้นแบบของตัวละครในหนังและอนิเมะจำนวนมากมาย ที่คนไทยรู้จักกันมากคือมังงะเรื่องนินจาฮัตโตริ (忍者ハットリくん) ซึ่งมีตัวละครชื่อฮัตโตริ คันโซว (ハットリカンゾウ) และฮัตโตริ ชินโซว (ハットリシンゾウ)
นินจาที่ปรากฏตัวตามหนังหรืออนิเมะมักจะมีความสามารถที่เว่อเกินจริง จนดูเหมือนเป็นเวทมนตร์ แท้จริงแล้วนินจาแม้จะเก่งแค่ไหนก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่ดี ความสามารถก็มีจำกัด การได้มาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ทำให้เราเข้าใจอะไรเกี่ยวกับนินจาได้อย่างดีขึ้น
พิพิธภัณฑ์นินจาสำนักอิงะเปิดมาตั้งแต่ปี 1964 โดยตอนแรกใช้ชื่อว่าคฤหาสน์นินจา (忍者屋敷, นินจายาชิกิ) ต่อมาในปี 1998 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพิพิธภัณฑ์นินจาสำนักอิงะอย่างที่เรียกกันในปัจจุบัน
สถานที่ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะอุเอโนะ (上野公園) ภายในนี้ยังมีสถานที่เที่ยวอีกหลายอย่าง เช่นปราสาทอุเอโนะ (上野城) ตำหนักไฮเซย์เดง (俳聖殿) หอที่ระลึกผู้เฒ่าบาโชว (芭蕉翁記念館)
เมืองอิงะเมื่อก่อนมีชื่อว่าเมืองอุเอโนะ (上野市) แต่ต่อมาในปี 2004 เมืองอุเอโนะได้ผนวกรวมเมืองเล็กๆที่อยู่โดยรอบเข้าด้วยกันแล้วรวมกันแล้วตั้งชื่อใหม่เป็นเมืองอิงะตามชื่อของแคว้นอิงะเมื่อก่อน
แม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อแล้วแต่ชื่อสถานีรถไฟศูนย์กลางของเมืองนี้ก็ยังคงเป็นชื่อเมืองอุเอโนะอยู่ สถานีปลายทางที่เราต้องไปนั้นชื่อว่าสถานีอุเอโนะชิ (上野市駅) เป็นสถานีศูนย์กลางของเมืองอิงะ
สำหรับเรื่องการเดินทางนั้นเรียกได้ว่าลำบากทีเดียวหากออกเดินทางจากเกียวโต ต้องต่อรถถึง ๔ ต่อ เป็นการต่อรถไฟที่ยุ่งยากที่สุดของเที่ยวนี้เลย โดยต้องผ่านทางจังหวัดชิงะ (滋賀県) เส้นทางการนั่งรถไฟของเราเป็นดังนี้
11:30 ออกเดินทางจากสถานีเกียวโต นั่งรถไฟของ JR สายบิวาโกะ (琵琶湖線) ไปลงที่สถานีคุซัตสึ (草津駅) ระยะทาง ๒๒.๒ ก.ม. ใช้เวลา ๒๐ นาที ถึงตอนเวลา 11:50
11:57 ต่อรถจากสถานีคุซัตสึ นั่งรถไฟของ JR สายคุซัตสึ (草津線) ไปลงที่สถานีทสึเงะ (柘植駅) ระยะทาง ๓๖.๗ ก.ม. ใช้เวลา ๔๒ นาที ถึงตอนเวลา 12:39
12:42 ต่อรถจากสถานีทสึเงะ นั่งรถไฟของ JR สายหลักคันไซ (関西本線) ไปลงที่สถานีอิงะอุเอโนะ (伊賀上野駅) ระยะทาง ๑๔.๖ ก.ม. ใช้เวลา ๑๖ นาที ถึงตอนเวลา 12:58
13:21 ต่อรถไฟจากสถานีอิงะอุเอโนะ นั่งรถไฟสายอิงะ (伊賀線) ของอิงะเท็ตสึโดว (伊賀鉄道) ไปลงสถานีอุเอโนะชิ ระยะทาง ๓.๙ ก.ม. ใช้เวลา ๗ นาที ถึงตอนเวลา 13:28
โดยรวมแล้วระยะทาง ๗๑ ก.ม. ใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ๕๘ นาที
ระหว่างทางจากสถานีเกียวโตถึงสถานีอิงะอุเอโนะนั้นนั่งรถไฟ JR คิดค่าโดยสารรวมกันทีเดียว ๑๑๑๐ เยน ส่วนจากสถานีอิงะอุเอโนะถึงสถานีอุเอโนะชิเป็นของรถไฟเอกชนท้องถิ่นอิงะเท็ตสึโดว ต้องจ่ายค่าโดยสารแยกต่างหาก ราคา ๒๕๐ เยน รวมแล้วเป็น ๑๓๖๐ เยน
ตั๋วราคา ๑๑๑๐ เยน จากสถานีเกียวโตไปยังสถานีอิงะอุเอโนะ
ระหว่างทางจากสถานีเกียวโตจนถึงสถานีคุซัตสึนั้นเราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลย จำไม่ได้ว่าตอนนั้นเผลอหลับไปหรือว่าได้นั่งตำแหน่งที่ไม่เหมาะจะถ่าย ตอนลงมาที่สถานีก็ไม่ได้ถ่าย ไม่ได้เก็บภาพสถานีคุซัตสึไว้เลย
สถานีคุซัตสึตั้งอยู่ในเมืองคุซัตสึ (草津市) เป็นสถานีสำคัญเนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อของทางรถไฟสายบิวาโกะกับสายคุซัตสึ เมืองคุซัตสึเองก็มีความสำคัญตรงที่เป็นที่ตั้งของวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยริตสึเมย์กัง (立命館大学) ซึ่งเมื่อก่อนเราเคยมีเพื่อนมาเรียนอยู่ที่นี่ แต่ตอนที่เราไปนั้นเขาเรียนจบและกลับไทยไปแล้ว ไม่งั้นอาจได้แวะไปเยี่ยมด้วย
รู้สึกตัวอีกทีรูปแรกที่ถ่ายในวันนี้คือตอนที่มาถึงสถานีมิกุโมะ (三雲駅) เป็นสถานีหนึ่งของเมืองโคนัง (湖南市) อนึ่ง เมืองนี้ชื่อเขียนเหมือนกับชื่อมณฑลหนึ่งของจีนเลยคือมณฑลหูหนาน (湖南省) แต่ในภาษาญี่ปุ่นจะอ่านว่าโคนัง (ซึ่งก็ไม่เกี่ยวข้องกับชื่อยอดนักสืบที่ไหนแต่อย่างใด) คำว่าโคนังแปลว่าทางใต้ของทะเลสาบ นั่นเพราะเมืองนี้อยู่ทางใต้ของทะเลสาบบิวะนั่นเอง
สถานีทางผ่านอีกสถานีคือสถานีโควกะ (甲賀駅) เป็นสถานีหลักของเมืองโควกะ (甲賀市) เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้สุดของจังหวัดชิงะ
โควกะเป็นถิ่นฐานของสำนักนินจาที่มีชื่อเสียงอีกแห่ง คือสำนักโควกะ (甲賀流) เมืองโควกะกับอิงะนั้นอยู่ห่างกันแค่เพียงข้ามภูเขาไปเท่านั้น
อนึ่ง จะสังเกตว่าชื่อเมืองโควกะและอิงะต่างก็ใช้อักษร 賀 แต่อ่านต่างกัน ชื่อโควกะนั้นบ่อยครั้งที่ถูกอ่านว่าโควงะ แต่ชื่อที่เป็นทางการจริงๆกำหนดให้อ่านว่าโควกะ
แล้วก็มาถึงสถานีทสึเงะ สถานีนี้ตั้งอยู่ในเขตเมืองอิงะแล้ว เป็นจุดเปลี่ยนรถที่สำคัญระหว่างสายคุซัตสึกับสายหลักคันไซ
สายหลักคันไซเป็นสายที่สำคัญมากเพราะเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างนาโงยะกับโอซากะ โดยตัดผ่านจังหวัดมิเอะและนาระ
รถไฟที่วิ่งในสายนี้สีม่วงสวย
ภายในรถไฟ
เราวิ่งบนสายนี้เพียงระยะสั้นๆเพื่อไปถึงสถานีอิงะอุเอโนะเท่านั้น
ทิวทัศน์ระหว่างทาง
สถานีซานางุ (佐那具駅) เป็นสถานีระหว่างทาง
ยังคงเห็นทิวทัศน์สวยตามทางเรื่อยๆ
แล้วก็มาถึงสถานีอิงะอุเอโนะ สถานีเป็นสถานีสำคัญเพราะเป็นจุดเปลี่ยนรถระหว่างสายหลักคันไซกับรถไฟสายอิงะของอิงะเด็นเท็ตสึ ซึ่ง ซึ่งเป็นรถไฟเอกชนท้องถิ่น ไม่ใช่ของ JR จึงต้องออกมาเปลี่ยนตั๋ว
รถไฟสายนี้เป็นสายสั้นๆที่วิ่งภายในเขตเมืองอิงะตลอดสาย โดยลากจากสถานีอิงะอุเอโนะซึ่งอยู่ทางเหนือสุดไปสุดที่สถานีใต้สุดคืออิงะคัมเบะ (伊賀神戸) ระยะทางรวม ๑๖.๖ ก.ม. โดยมีสถานีศูนย์กลางคือสถานีอุเอโนะชิ รถไฟที่ผ่านสถานีนี้จะต้องแวะจอดนานกว่าสถานีอื่น ไม่ก็ต้องมาเปลี่ยนขบวนรถที่นี่
สถานีอิงะคัมเบะนั้นเป็นจุดเปลี่ยนเชื่อมกับรถไฟสายโอซากะ (大阪線) ของคินเท็ตสึ (近鉄) นั่นเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถมาถึงที่นี่ได้ หากมาจากทางโอซากะ
เนื่องจากเราต้องรอรถอยู่ที่นี่นานถึง ๒๓ นาทีรถไฟถึงจะมา ระหว่างนี้ก็ออกมาเดินเล่นข้างนอกได้
ตัวสถานีมองจากด้านนอก
สถานีที่นี่สำคัญแค่เพราะเป็นจุดต่อรถ แต่ไม่ใช่ใจกลางเมือง ใจกลางเมืองอยู่ที่สถานีอุเอโนะชิซึ่งเป็นสถานีเป้าหมายของเรา
ป้ายนี้เขียนว่าสวนสาธารณะอุเอโนะซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราจะไปนั้นอยู่ห่างออกไป ๒.๔ ก.ม.
อาคารห้องน้ำที่สถานีสวยดี
กลับเข้ามาในตัวสถานี ห้องขายตั๋ว
เครื่องขายตั๋วที่นี่ของ JR กับของอิงะเท็ตสึโดวใช้ร่วมกันแม้ว่าจะเป็นคนละบริษัทกัน เวลาใช้ต้องเลือกให้ถูก
แล้วก็ได้ตั๋วมา ราคาแค่ ๒๕๐ เยนเท่านั้น ระยะทางสั้นๆ ๓.๙ ก.ม. ใช้เวลาเดินทางแค่ ๗ นาที
หลังจากรอสักพักรถไฟก็มา รถไฟสายนี้ทุกคันเป็นลายนินจา สมกับที่เมืองอิงะเป็นสำนักนินจาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น
ด้านข้างรถไฟเป็นแมวเหมียว
ภายในรถไฟ
มีป้ายที่โฆษณาเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวเต็มไปหมด
ทิวทัศน์ระหว่างทาง
สถานีนิอิ (新居駅) สถานีเล็กๆระหว่างทาง
ยังคงมีแต่ทุ่งและภูเขา
ถึงสถานีอุเอโนะชิแล้ว
มองไปทางโน้นเห็นรถนินจาอีกคันเป็นสีชมพูด้วย
และเมื่อมาถึงก็มีนินจามารออยู่ที่หน้าสถานี
เดินออกนอกสถานี
ฮัตโตริ คันโซว กับชินโซว?
ป้ายนี้บอกว่ามีจักรยานให้เช่าด้วย ขี่จักรยานเที่ยวก็สะดวกเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ใช้หรอกเพราะเป้าหมายอยู่แค่ใกล้ๆ
ตัวสถานี ถ่ายจากด้านนอก
ระหว่างทางเดินเพื่อไปยังสวนสาธารณะอุเอโนะซึ่งอยู่ไม่ไกล สภาพบ้านเมืองดูแล้วเงียบๆดี เป็นเมืองเล็กๆที่ดูสงบ
ตามพื้นก็มีนินจาอยู่เต็ม ป้ายที่พื้นนี้เขียนว่า เมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่อบอวนด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรม
ถึงตัวสวนแล้ว ป้ายนี้บอกให้รู้ว่าสถานีที่สำคัญภายในอยู่ตรงไหนบ้าง เป้าหมายแรกของเราคือพิพิธภัณฑ์นินจา อยู่ห่างไป ๓๐๐ เมตร
หน้าทางเข้ามีจุดแนะนำสถานที่เที่ยวด้วย
แผนที่ภายในบริเวณ
ระหว่างทางเจอร้านขายของที่ระลึก แต่ดูแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ มีร้านขายของกินด้วย แต่เนื่องจากไม่มีเวลาเลยไม่ได้แวะอะไร
แล้วก็มาถึงพิพิธภํณฑ์นินจา
สำหรับการเที่ยวที่นี่ตอนนี้ต้องเรียกว่าเวลาค่อนข้างเร่งพอสมควร เพราะนั่งรถไฟมาถึงสถานีตอนเวลา 13:28 แต่ต้องกลับมาขึ้นรถไฟตอนเวลา 14:48 มีเวลาเพียง ๘๐ นาทีเท่านั้น ถ้าช้ากว่านั้นจะต้องรอรถไฟเที่ยวต่อไปอีกชั่วโมง ซึ่งจะไม่ทันเที่ยวที่ต่อไป จีงไม่มีเวลาได้ทำอะไรมาก นี่เป็นผลจากการที่ตอนเช้าเรื่อยเปื่อยจนออกสาย น่าเสียดายเหมือนกัน ทำให้ไม่สามารถเที่ยวอย่างสบายๆได้ และต้องพลาดอะไรบางอย่างไปด้วย
ที่หน้าทางเข้าคนเฝ้าสวมชุดนินจาอย่างเท่เลย พอเขารู้ว่าเราเป็นคนต่างชาติเขาก็ถามว่ามาจากที่ไหนด้วย พอบอกไปว่าไทยเขาก็พูดสวัสดีกลับมาเป็นภาษาไทยด้วย แปลกใจเหมือนกัน แสดงว่าคนไทยเองก็มาเที่ยวที่นี่กันเยอะหรือเปล่านะ แต่ก็ไม่ค่อยเห็นมีใครพูดถึงที่นี่เท่าไหร่
ค่าเข้าชม ๗๐๐ เยน
พอเข้ามาถึงจะมีคนมาคอยแนะนำสถานที่ภายในอาคารซึ่งดูเหมือนเป็นค่ายกลของนินจา แต่ละส่วนที่เขาอธิบายจะมีป้ายเขียนอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แต่เวลาอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ชาวต่างชาติแค่อ่านป้ายตามแล้วดูที่เขาสาธิตประกอบไปก็ได้
ตรงนี้ดูเผินๆเหมือนเป็นกำแพงธรรมดา แต่จริงๆสามารถเปิดออกได้ นินจาสามารถเข้าไปซ่อนตัวข้างในได้ ถ้าเปิดเข้าไปซ่อนอย่างรวดเร็วก็จะดูเหมือนหายตัวหายไปเลย
ส่วนตรงนี้เป็นช่องทางลับ ดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆมีบันไดซ่อนอยู่ นินจาสามารถขึ้นไปแอบด้านบนคอยมองศัตรูได้
นี่ก็เป็นช่องทางลับ
ตรงพื้นแบบนี้ก็สามารถเปิดออกมาได้ ดูเผินๆเหมือนพื้นธรรมดาดูไม่ออกเลย
ตรงนี้ก็มีช่องทางลับอีก
พอดูค่ายกลเสร็จก็เดินลงมาด้านล่าง
ตรงนี้มีจัดแสดงเกี่ยวกับของต่างๆที่นินจาใช้
กงเล็บของนินจา
เคียว
รองเท้าที่คนทั่วไปมักจะเข้าใจว่านินจาใช้เดินบนน้ำ ที่เรียกว่ามิซึงุโมะ (水蜘蛛) แปลตรงๆว่าแมงมุมน้ำ ความจริงแล้วการใช้รองเท้าแบบนี้เดินบนน้ำเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ มีแต่ในตำนานเท่านั้น รองเท้านี้จริงๆมีไว้ใช้เดินบนพื้นโคลนที่ชื้นแฉะซึ่งจะเดินแบบปกติก็ยากจะว่ายเหมือนว่ายน้ำก็ยาก พื้นแบบนี้มักพบตามคูน้ำซึ่งล้อมรอบปราสาทซึ่งถูกปล่อยน้ำออกจนแห้ง
มีหนังให้ดูด้วย เรื่องเกี่ยวกับนินจา
คนพวกนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกัน เขามีชุดนินจาให้เปลี่ยนด้วย
ห้องจัดแสดงตรงนี้ก็มีอยู่แค่นี้ ค่อนข้างเล็กมาก เล็กกว่าที่คิดพอสมควร
พอออกมาก็จะเจออีกอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติของนินจา
ภายใน
มีนารุโตะด้วย ช่วงนี้พูดถึงนินจาคนมีคนไม่น้อยนึกถึงเรื่องนี้
ตรงนี้เป็นพวกของขาย
มีดาวกระจายที่เป็นพลาสติกขายด้วย แต่ไม่มีของจริงๆ
เราแค่ดููเฉยๆ ไม่ได้ซื้ออะไรกลับไปเลยสักอย่าง เพราะไม่เห็นอะไรน่าสนใจ และก็ค่อนข้างแพงด้วย
ส่วนตรงนี้มีการแสดงการต่อสู้ของนินจา ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มอีก ๓๐๐ เยนค่าดู แต่ว่ารอบต่อไปเริ่มบ่ายสองโมงครึ่ง ซึ่งถ้าเรารอชมก็จะไปไม่ทันรถไฟรอบต่อไปตอน 14:48 จึงน่าเสียดายไม่มีโอกาสได้ชม
ส่วนตรงนี้มีให้ทดสอบปาดาวกระจายเล่นด้วย ๕ ดอก ๒๐๐ เยน แต่ไม่ได้ลองเพราะกำลังรีบทำเวลาอยู่
ก็มีอยู่เพียงเท่านี้ สำหรับพิพิธภัณฑ์นินจา ลาก่อนท่านนินจาทั้งหลาย
ข้างๆพิพิธภัณฑ์นินจามีตำหนักไฮเซย์เดง (俳聖殿) อยู่ อาคารนี้สร้างขึ้นในปี 1942 เพื่อเป็นที่ระลึกครบรอบ ๓๐๐ ปีวันเกิดของมัตสึโอะ ฮาโชว (松尾芭蕉) ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งบทกวีไฮกุ เขาเกิดเมื่อปี 1644 ที่เมืองอิงะแห่งนี้ เขาได้สร้างสรรค์ผลงานเขียนต่างๆมากมาย
นอกจากอาคารนี้แล้วที่นี่ยังมีหอที่ระลึกผู้เฒ่าบาโชว (芭蕉翁記念館) ด้วย อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ แต่เราก็ไม่ได้แวะไปแล้วเพราะไม่มีเวลา
เป้าหมายต่อไปตอนนี้คือเดินไปยังปราสาทอุเอโนะ (上野城) ซึ่งอยู่ยอดสุดของสวนสาธารณะแห่งนี้ เส้นทางเดินมีบันไดหินสวยงาม
หอหลักของปราสาท
ตัวปราสาทสามารถขึ้นไปได้ แต่ก็ต้องเสียค่าเข้า ๕๐๐ เยน ซึ่งถือว่าแพงมาก แถมตอนนี้เราไม่มีเวลาแล้วด้วย จึงเป็นปราสาทอีกแห่งที่เราไม่ได้เข้าไป กะว่าต่อให้มีเวลาก็คงไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะดูจะไม่คุ้มนัก แค่ได้มาเป็นตัวปราสาทสวยๆจากด้านนอกก็พอแล้ว
ที่ฐานปราสาทมองลงไปเห็นคลอง
มองออกไปก็เห็นทิวทัศน์ของเมืองนี้สวยงาม
หลังจากเพลินกับทิวทัศน์อยู่ได้สักพักก็ได้เวลาเดินลาจากที่นี่ไปแล้ว ตอนนี้เหลือไม่ถึง ๒๐ นาทีก่อนที่รถไฟจะมา เวลาถือว่าเหลือเฟือแต่ก็ควรจะไปให้ถึงสถานีก่อนเผื่อเวลาไว้
แล้วเราก็มาถึงสถานีก่อนเวลารถไฟออกไม่ถึง ๑๐ นาที ตอนที่มาถึงรถไฟก็จอดรออยู่แล้ว รถไฟที่ขึ้นคราวนี้เป็นนินจาสีฟ้า
สำหรับเป้าหมายต่อไปคือเดินทางไปเมืองนาระ (奈良市) โดยเส้นทางการเดินทางนั้นก็ลำบากอีกเช่นเคย ต้องนั่งรถไฟ ๓ ต่อ เส้นทางเป็นดังนี้
14:48 ออกเดินทางจากสถานีอุเอโนะชิ นั่งรถไฟสายอิงะของอิงะเท็ตสึโดว ไปลงสถานีอิงะอุเอโนะ ระยะทาง ๓.๙ ก.ม. ใช้เวลา ๗ นาที ถึงตอนเวลา 14:55
14:59 ต่อรถจากสถานีอิงะอุเอโนะ นั่งรถไฟของ JR สายหลักคันไซ ไปลงสถานีคาโมะ (加茂駅) ระยะทาง ๒๖.๔ ก.ม.ใช้เวลา ๓๖ นาที ถึงตอนเวลา 15:35
15:39 ต่อรถจากสถานีคาโมะ นั่งรถไฟของ JR สายหลักคันไซต่อไป ไปลงสถานีนาระ (奈良駅) ระยะทาง ๑๓ ก.ม. ใช้เวลา ๑๕ นาที ถึงตอนเวลา 15:54
รวมแล้วระยะทาง ๔๓.๓ ก.ม. ใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ๖ นาที
ค่าโดยสารจากสถานีอุเอโนะชิไปยังสถานีอิงะอุเอโนะคือ ๒๕๐ เยนเช่นเดียวกับขามา ส่วนจากสถานีอิงะอุเอโนะถึงสถานีนาระเป็นของ JR ค่าโดยสาร ๖๕๐ รวมทั้งหมดแล้วเป็น ๙๐๐ เยน
แล้วรถก็ออกเพื่อมุ่งหน้ากลับสู่สถานีอิงะอุเอโนะ ระหว่างทางทิวทัศน์ก็เหมือนตอนขามาแต่ดูเหมือนเมฆจะเยอะครึ้มลงจนน่าห่วงว่าฝนจะตก
แล้วก็มาถึงสถานี เนื่องจากมีเวลาเพียง ๔ นาทีเท่านั้นในการเปลี่ยนรถ ทำให้กลัวว่าจะไม่ทันเหมือนกัน พอลงจากรถไฟเราก็รีบเดินไปยังที่ซื้อตั๋วเพื่อซื้อตั๋วของ JR ทันที โชคดีที่ตู้ขายตั๋วของ JR มีตั้งอยู่ในตัวชานชลาบริเวณที่ลงรถ ทำให้ลงมาปุ๊บสามารถกดได้ทันที เขาคงจะเผื่อเอาไว้แล้วสำหรับคนที่ต้องรีบ จะได้ไม่ต้องอุตส่าห์ออกนอกชานชลาไปซื้อตั๋วแล้วค่อยกลับมาใหม่
เสร็จแล้วก็รีบเดินข้ามไปยังชานชลา ๒ ซึ่งไปยังทางฝั่งนาระ โอซากะ ถ้าเป็นชานชลา ๓ จะเป็นรถไฟที่มุ่งหน้าไปนาโงยะ โดยผ่านสถานีทสึเงะที่เราเปลี่ยนรถผ่านมาเมื่อตอนขามา
มีเวลารอรถอยู่ที่สถานีสักพัก
แล้วรถไฟก็มา ได้เวลาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่นาระ
การเที่ยวในอิงะของเราก็จบลงเพียงเท่านี้ การได้มาตามรอยประวัติศาสตร์นินจาถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ แต่ก็น่าเสียดายว่าพิพิธภัณฑ์นินจาเล็กไปหน่อย ไม่ได้มีอะไรมากมายอย่างที่คิดไว้ การแสดงค่ายกลของนินจาก็น้อยไปหน่อย และเราก็รีบจนไม่ได้ดูการแสดงต่อสู้ของนินจาด้วย โดยรวมแล้วก็คิดว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ถึงกับแนะนำให้มานักถ้าไม่ได้สนใจนินจา เพราะค่าเข้าชมแพงมากถึง ๗๐๐ เยน และยิ่งจะชมการแสดงก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก แถมการเดินทางลำบากพอสมควร ต้องต่อรถ ค่าเดินทางก็ไม่น้อย ไม่ว่าจะมาจากทางเกียวโตหรือนาโงยะก็ตาม เพราะที่นี่เป็นเมืองเล็กๆกลางหุบเขาลึก เที่ยวรถไฟก็น้อยด้วยทำให้ต้องวางแผนดีๆ
ตอนต่อไปเที่ยวนาระ ติดตามอ่านกันต่อไป https://phyblas.hinaboshi.com/20130626
สรุปเส้นทางเดินทางของวันนี้
Ⓐ สถานีเกียวโต (京都駅)
Ⓑ สถานียามาชินะ (山科駅) จุดเปลี่ยนรถไฟสายบิวาโกะและสายโคเซย์
Ⓒ สถานีโอตสึ (大津駅)
Ⓓ สถานีอิชิยามะ (石山駅) สถานีที่เคยแวะไปเมื่อวันที่ 21 https://phyblas.hinaboshi.com/20130303
Ⓔ สถานีคุซัตสึ (草津駅) จุดเปลี่ยนรถไฟสายบิวาโกะและสายคุซัตสึ
Ⓕ สถานีคิบุกาวะ (貴生川駅) จุดเปลี่ยนรถไฟสายคุซัตสึ สายหลักโอวมิเท็ตสึโดว และสายชิงารากิ
Ⓖ สถานีโควกะ (甲賀駅) สถานีศูนย์กลางของเมืองโควกะ
Ⓗ สถานีทสึเงะ (柘植駅) จุดเปลี่ยนรถไฟสายหลักคันไซและสายคุซัตสึ
Ⓘ สถานีอิงะอุเอโนะ (伊賀上野駅) จุดเปลี่ยนรถไฟสายหลักคันไซและสาย
Ⓙสถานีอุเอโนะชิ (上野市) สถานีศูนย์กลางของเมืองอุเอโนะ ที่ตั้งพิพิธภัณฑ์นินจาสำนักอิงะ
Ⓚ สถานีคาโมะ (加茂駅) สถานีจุดเปลี่ยนรถระหว่างทางสายหลักคันไซ
Ⓛ สถานีนาระ (奈良駅)
เส้นสีชมพูเข้มคือสายบิวาโกะของ JR นั่งจากสถานีเกียวโตไปสถานีคุซัตสึ
เส้นสีม่วงคือสายคุซัตสึของ JR นั่งจากสถานีคุซัตสึไปสถานีทสึเงะ
เส้นสีน้ำเงินคือสายหลักคันไซของ JR นั่งจากสถานีทสึเงะไปลงสถานีอิงะอุเอโนะ แล้วตอนหลังก็นั่งจากสถานีอิงะอุเอโนะต่อไปเปลี่ยนรถที่สถานีคาโมะ และต่อไปสถานีนาระ
เส้นสีเหลืองคือสายอิงะของอิงะเท็ตสึโดว นั่งจจากสถานีอิงะอุเอโนะไปสถานีอุเอโนะชิแล้วก็นั่งกลับ
เส้นสีเลือดหมูคือสายเกียวโตของคินเท็ตสึ นั่งตอนขากลับจากนาระ ตอนนี้ยังเขียนไม่ถึง
ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ