φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



บันทึกช่วงที่เป็นไข้หวัดปลายฤดูหนาว 28 กุมภาพันธ์ ~ 9 มีนาคม 2025
เขียนเมื่อ 2025/03/09 18:19
# 28 ก.พ. ~ 9 มี.ค. 2025

ช่วงเดือนมีนาคมเป็นปลายฤดูหนาวของที่ญี่ปุ่น อากาศเริ่มหนาวน้อยลง หิมะไม่ตกแล้ว แต่ก็ยังหนาวพอสมควร ช่วงเปลี่ยนฤดูแบบนี้เป็นช่วงที่ไม่สบายขึ้นมาได้ง่าย เห็นคนป่วยกันเยอะ แล้วเราเองก็เริ่มมีอาการไม่ค่อยดีขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยาวต่อมากว่าสัปดาห์ ถึงช่วงต้นเดือนมีนาคม

ครั้งนี้ก็เลยขอมาเขียนบันทึกการใช้ชีวิตในช่วงที่ป่วยอยู่นี้สักหน่อย โดยเน้นไปที่อาหารที่กินในช่วงนี้ ซึ่งก็เน้นอาหารที่ดูแล้วสุขภาพดีและเหมาะกับเวลาป่วยเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ปกติเราไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องอาหารการกิน ความรู้ว่าอะไรดีจริงหรือเปล่าอาจไม่ได้ถูกต้องนัก ไม่ขอยืนยันว่าเข้าใจถูกต้อง และเรื่องที่ว่าของแบบไหนดีก็ขึ้นกับงานวิจัยซึ่งเปลี่ยนแปลงง่ายด้วย ถ้าใครจะเอาไปใช้อ้างอิงก็ควรคิดให้ดี

เราเริ่มมีอาการตั้งแต่วันพฤหัสที่ 27 ก.พ. โดยตอนแรกก็แค่รู้สึกเจ็บคอเล็กน้อย ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไรมาก แต่ว่าพอถึงวันต่อมาคือศุกร์ที่ 28 ก็มีไข้ ทำให้ตอนเช้าก่อนไปทำงานกินยาไทลินอลที่เตรียมจากไทยมาเพื่อลดไข้ ช่วงเช้าเลยทำงานได้ตามปกติ แต่พอช่วงบ่ายยาหมดฤทธิ์และอาหารก็หนักขึ้นจนเริ่มทำงานลำบาก ตอนเย็นหลังทำงานเสร็จก็กลับบ้านแล้วก็เริ่มนอนซม

อาการโดยรวมแล้วมีหลายอย่าง ตั้งแต่เจ็บคอ เป็นไข้อ่อน ปวดหัว เวียนหัว น้ำมูกไหล คัดจมูก มีเสมหะ ไอ

ที่จริงอาการเหล่านี้ดูแล้วเข้าค่ายโควิดด้วย เป็นไปได้ที่ว่าอาจไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดาแต่เป็นโควิด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ไปตรวจ เพราะเดี๋ยวนี้คนก็ไม่ค่อยแตกตื่นกับโควิดแล้ว อีกทั้งต่อให้เป็นโควิดก็ไม่ต่างจากไข้หวัดธรรมดา แค่ต้องดูแลตัวเองให้ดี ออกไปข้างนอกก็สวมหน้ากาก ระวังไม่ให้แพร่เชื้อ

จากนั้นก็เข้าสู่เดือนมีนาคม ช่วงเสาร์อาทิตย์อาการหนักจนแทบทำอะไรไม่ได้ ใช้เวลานอนไปครึ่งวัน ตอนตื่นอยู่ก็ใช้เวลาไปกับการดูคลิปยูทูบช่องเกี่ยวกับสุขภาพและการดูแลตัวเองช่วงป่วยเป็นหลัก ทำให้ได้ความรู้อะไรขึ้นมาพอสมควร

ถึงวันจันทร์อาการก็พอจะดีขึ้น แต่ก็ยังเหลืออาการอยู่ไม่น้อย ตอนแรกก็ลังเลว่าควรหยุดงานหรือไม่ แต่ก็รู้สึกว่ายังทำงานไหว สุดท้ายก็เลยตัดสินใจไปทำงานตามปกติ แน่นอนว่าสวมหน้ากากตลอด

ตลอดจันทร์ถึงศุกร์ 3-7 มี.ค. ไปทำงานตามปกติ แต่ด้วยสภาพแล้วแน่นอนว่าประสิทธิภาพต่ำกว่าปกติ ไม่สามารถมีสมาธิกับการทำงานได้เท่าที่ควร แต่ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ยังไงก็ดีกว่าหยุดงานไปเลย

อาการก็ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ จนถึงวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. ก็เหลือแค่อาการไอและมีเสมหะนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าจบแล้ว

สำหรับแนวคิดในการควบคุมอาหารช่วงป่วยก็คือพยายามกินอาหารที่นิ่มและย่อยง่าย เน้นที่เป็นน้ำมากกว่าแบบแห้ง งดพวกของทอดหรืออะไรที่มีน้ำมันเยอะ แล้วก็เน้นอาหารที่ดูมีสารอาหารดี เช่นพวกผักและอาหารทะเลเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับไปค้นวิเคราะห์คำนวณสารอาหารโดยละเอียด ไม่ได้เคร่งอะไรมากด้วย เอาที่กินแล้วน่าจะสบาย



ต่อไปขอเริ่มลงภาพในแต่ละวันโดยละเอียด

วันศุกร์ที่ 28 ตอนมื้อเที่ยงไปกินที่ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆที่ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน



มื้อนี้เลือกกินอาหารตามปกติโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องป่วย เพราะยังไม่ได้คิดว่าอาการจะแย่ลง อาหารที่กินมื้อนี้คืออาหารชุดข้าวหมูผัดกระเทียม มีทั้งผักและไข่ และมีมิโสะอยู่ในชุดด้วย  ราคา ๗๐๐ ​เยน ดูจากส่วนประกอบแล้วโดยรวมแล้วก็ถือว่าดีต่อสุขภาพอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นปกติของอาหารญี่ปุ่น ต่อให้ไม่ได้มาเคร่งเรื่องสุขภาพขอแค่กินอาหารญี่ปุ่นตามปกติในชีวิตประจำไปก็ดูจะไม่ได้มีอะไรน่าห่วง อย่างไรก็ตามอาหารผัดแบบนี้มีน้ำมันเยอะจึงถือว่าไม่ดีนักสำหรับเวลาป่วย



มื้อเย็นหลังเลิกงานอาการเริ่มแย่ ที่จริงอยากรีบกลับไปผักผ่อน ไม่ได้อยากอาหารเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกว่าควรต้องหาอะไรกินก่อนกลับ โดยหาของที่ดูจะดีต่อสุขภาพ จึงได้เลือกมากินจัมปง (ちゃんぽん) ที่ร้านนาไดราเมงเตย์ (名代なだいラーメンてい) ในย่านร้านค้าใต้ดินฮากาตะทางตะวันตกของสถานีฮากาตะ



ร้านนี้ขายทั้งราเมงและจัมปง ครั้งนี้ที่สั่งคือจัมปง ราคา ๗๒๐​เยน จัมปงนั้นต่างจากราเมงตรงที่ใส่ผักและอาหารทะเล ถือเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เท่าที่กินจัมปงร้านนี้ถือว่าอร่อยมาก ถึงขั้นรู้สึกว่าอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาจนถึงตอนนี้เลย แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะป่วยอยู่เลยรู้สึกว่ากินแล้วอร่อยกว่าปกติหรือเปล่า เพียงแต่ว่าปริมาณเยอะไปหน่อยสำหรับเวลาป่วยอยู่แบบนี้ ทำให้ตอนช่วงท้ายรู้สึกกินลำบาก เหมือนจะกินไม่ค่อยลงแล้ว ถึงอย่างก็อุตส่าห์ฝืนกินจนหมดจนได้ แต่บางทีที่จริงแล้วฝืนแบบนี้คงไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะเขาว่าเวลาป่วยไม่ควรฝืนกิน ถ้ากินเกินจำเป็นร่างกายจะต้องเอาพลังงานไปใช้เพื่อย่อยอาหาร แทนที่จะนำไปใช้สู้กับโรค กลับจะยิ่งทำให้อาการป่วยหายช้าลงก็เป็นได้ ดังนั้นที่จริงแล้วถ้าเรายอมกินเหลืออาจจะดีกว่าฝืนกินจนหมด



หลังจากกินเสร็จก็ไปนั่งรถเมล์กลับ พอกลับถึงก็รีบนอนเลย โดยคืนนั้นไม่ได้อาบน้ำด้วย เพราะไม่มีแรง และก็ได้ยินว่าถ้าอาการไม่ดีไม่ต้องฝืนอาบน้ำจะดีกว่า เพียงแต่ว่าก็มีบางแหล่งบอกว่ายิ่งป่วยยิ่งควรต้องอาบน้ำเพื่อช่วยอุ่นร่างกาย ก็ไม่รู้ว่าควรเชื่อทางไหนเหมือนกัน แต่ว่าสุดท้ายที่ไม่อาบน้ำก็แค่คืนนี้เท่านั้น วันอื่นก็อาบตามปกติ

วันต่อมา เสาร์ที่ 1 มี.ค. เป็นการต้นรีบเดือนใหม่ที่แย่ที่สุด โดยหลักแล้วนอนซมอยู่จนเกือบเที่ยง จนตอนก่อนถึงมื้อเที่ยงพอจะลุกไหว ก็ตัดสินใจออกไปหาอะไรกินข้างนอก ครั้งนี้เลือกมาที่ย่านเทนจิง มาแวะร้านจูกะโซบะมุนไรเกง (中華ちゅうかそば月光軒むんらいけん) อยู่ในตึกเทนจิง (天神てんじんビル)



ร้านนี้เป็นร้านราเมง ที่เลือกก็เพราะว่าที่นี่มีราเมงใส่ซุปสกัดจากเนื้อปลาเล็กซึ่งเรียกว่านิโบชิ (煮干にぼし) ดูแล้วมีสารอาหารดีต่อสุขภาพ อนึ่ง เมนูนี้มีชื่อว่า ฮากาตะอิริโกะโซบะ (博多はかたいりこそば) ราคา ๙๔๐ เยน แม้จะเรียกว่าโซบะแต่ว่าที่จริงแล้วเป็นราเมง ร้านนี้เรียกราเมงว่าโซบะทั้งหมด ทั้งชื่อร้านและชื่อเมนู ส่วนอิริโกะเป็นอีกชื่อเรียกของนิโบชิ



หลังจากกินเสร็จก็กลับมาพักผ่อน ส่วนตอนช่วงเย็นไม่รู้สึกอยากอาหารเลย ก็เลยไม่ได้กินอะไร คืนนั้นงดมื้อเย็นไป ดื่มแต่ของเหลว ทั้งน้ำเปล่าและนำ้ชา

วันต่อไปวันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค. มื้อเที่ยงไม่ได้กินอะไร พอถึงตอนช่วงเย็นจึงออกมาหาอะไรกินเป็นมื้อเย็นที่ย่านเทนจิง โดยเป้าหมายอยู่ภายในย่านร้านค้าใต้ดินเทนจิง



ที่นี่มีร้านดาชิจาซึเกะ+นิกุอุดง เอง (だし茶漬ちゃづけ+にくうどん えん) เป็นร้านขายพวกจาซึเกะและอุดง



จาซึเกะก็เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ทำโดยเอาข้าวมาราดในน้ำซุปซึ่งมักสกัดจากเนื้อปลา ดูแล้วคล้ายข้าวต้ม คือเป็นข้าวที่กินแบบเปียกๆเหมือนกัน เลยเลือกมากินแทนข้าวต้ม ร้านนี้ดูแล้วมีจาซึเกะให้เลือกหลากหลาย ดูเมนูแล้วก็รู้สึกว่าน่ากินทั้งนั้น แต่เราตัดสินใจเลือกปลาอาจิ (あじ) ราคา ๘๙๐ เยน



จาซึเกะจะมาเป็นข้าวใส่ในชาม แล้วก็มีกาน้ำใส่ซุปให้แบบนี้ ที่จริงแล้วจาซึเกะมาจากคำว่า "จา" (茶) ที่แปลว่าชา เดิมทีใช้ชาราดก็เลยเรียกแบบนี้ แต่ปัจจุบันนิยมราดด้วยซุปสกัดจากเนื้อปลาแบบนี้



เวลากินก็รินซุปจากกาให้เปียกแล้วกิน อร่อยดี กินง่ายด้วย



ที่จริงตอนแรกอยากหาร้านข้าวต้มหรือโจ๊กกินเพราะเป็นอาหารที่รู้กันอยู่แล้วว่าเหมาะกับผู้ป่วย แต่ว่าไม่เจอเลย ก็เลยตัดสินใจเลือกจาซึเกะซึ่งดูแล้วคล้ายกัน เพียงแต่ว่าตอนหลังมาลองหาข้อมูลดูก็พบว่าจาซึเกะนั้นสู้ข้าวต้มไม่ได้หรอกเพราะว่าข้าวไม่ได้ถูกต้มให้เปื่อยยุ่ย จึงไม่ได้ย่อยง่ายเหมือนอย่างข้าวต้มหรือโจ๊ก ไม่ได้ดีต่อคนไข้มากเท่า แถมถ้ากลืนข้าวไปโดยไม่เคี้ยวกลับจะยิ่งย่อยยากด้วย

ตอนจะนั่งรถเมล์กลับก็เจอฝน ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวัน ทำให้ยิ่งต้องระวังเรื่องสุขภาพมากขึ้น ยิ่งไม่สบายอยู่ มาเจอฝนแบบนี้อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หายดียาก





แล้ววันต่อมา จันทร์ที่ 3 มี.ค. เข้าสู่วันจันทร์ซึ่งต้องไปทำงาน อาการยังคงไม่ค่อยดี มีไข้และปวดหัวตั้งแต่เช้า แต่ก็ตัดสินใจกินไทลินอลเพื่อบรรเทาอาการแล้วก็เดินทางมาทำงานได้อยู่

แต่ระหว่างทางไปทำงานก็แวะร้าสะดวกซื้อซื้อลูกอมแก้เจ็บคอสักหน่อย อันนี้เป็นลูกอมของยี่ห้อริวกากุซัง (龍角散りゅうかくさん) ซึ่งเป็นบริษัทยาที่เน้นพวกยาเกี่ยวกับคอ ได้รับความนิยมสูงในญี่ปุ่น



ตอนมื้อเที่ยงได้ลองถามให้เพื่อนร่วมงานช่วยแนะนำร้านอาหารใกล้ๆที่มีอาหารที่กินง่ายเหมาะกับเวลาป่วย เขาก็บอกว่าน่าจะกินอุดง โดยแนะนำร้านนิกุจังอุดง (にくちゃんうどん) ซึ่งเป็นร้านอุดงและมีโซบะด้วย



เราเลือกกินโซบะเนื้อหมู ราคา ๘๘๐​ เยน ที่เลือกโซบะเพราะถือเป็นอาหารที่สุขภาพดี โซบะนั้นแม้จะเป็นอาหารประเภทเส้นที่ดูเผินๆแล้วคล้ายราเมงหรืออุดง แต่ว่ามีความแตกต่างชัดเจนคือวัตถุดิบทำเส้น เพราะเส้นโซบะนั้นทำจากต้นโซบะ (บักวีต) เป็นหลัก ในขณะที่ราเมงและอุดงทำจากแป้งสาลี นั่นทำให้ดีต่อสุขภาพกว่า นอกจากนี้แล้วโซบะยังมักจะมีไขมันและเกลือน้อยกว่าราเมงด้วย ทำให้ยิ่งเวลาไม่สบายยิ่งควรเลือกกินซาบะแทนที่จะเลือกราเมง



โซบะของร้านนี้อร่อยมาก เพียงแต่ว่าใส่โชวยุทำให้เค็ม จึงแอบเป็นห่วงว่าอาจจะไม่ได้ดีต่อร่างกายที่ป่วยอยู่มากนัก

อนึ่ง โซบะที่พูดถึงนี้หมายถึงโซบะจริงๆ ไม่ใช่ราเมงที่ใช้ชื่อว่าโซบะ ในญี่ปุ่นมีร้านราเมงจำนวนมากที่ใช้คำว่าโซบะแต่จริงๆเป็นราเมง จึงต้องระวังให้ดีแม้จะเห็นคำว่าโซบะ แต่ว่าโดยทั่วไปแล้วถ้าเป็นในร้านอุดงละก็โซบะจะเป็นโซบะจริงๆ ร้านนี้ก็เช่นกัน

ในฟุกุโอกะมีร้านโซบะจริงน้อยมาก ถ้าอยากกินโซบะละก็โดยทั่วไปมักจะต้องมากินที่ร้านอุดง เพราะร้านอุดงบางร้านขายโซบะควบคู่ไปด้วยอยู่แล้ว แต่ก็แค่บางร้าน

ปกติเราชอบราเมงมากกว่าโซบะ รู้สึกว่าอร่อยกว่า แต่ว่าโดยทั่วไปถือว่าโซบะดีต่อร่างกายมากกว่า ดังนั้นช่วงที่ไม่สบายอยู่นี้จึงเลือกโซบะเป็นหลักแทนราเมง

ส่วนมื้อเย็นมากินที่ร้านคายุซันจิง (粥餐庁かゆさんちん) ที่อยู่ในชั้นใต้ดินของห้างฮากาตะเดย์โตส (博多はかたデイトス) ในสถานีฮากาตะ ที่นี่เป็นร้านโจ๊กหรือข้าวต้มเพียงร้านเดียวในย่านใจกลางเมืองฟุกุโอกะเท่าที่ค้นข้อมูลเจอ จึงถือว่าล้ำค่ามากสำหรับเวลาป่วยแบบนี้ ร้านนี้ที่จริงเป็นร้านที่มีหลายสาขาทั่วญี่ปุ่น แต่ในคิวชูมีเพียงแห่งเดียว



เมนูของร้านนี้ มีโจ๊กที่เลือกใส่เครื่องได้หลากหลาย นอกจากนี้แล้วก็มีบะหมี่ด้วย ซึ่งก็ดูน่าอร่อยแต่ว่าครั้งนี้เป้าหมายคือโจ๊ก ไว้โอกาสหน้าหายป่วยแล้วก็ว่าจะแวะมาอีกทีเพื่อกินบะหมี่บ้าง



ที่เลือกสั่งคือโจ๊กไก่ตุ๋นและขิง (とりジンジャー) ราคา ๘๒๐​ เยน ที่เลือกเพราะขิงก็ถือเป็นของที่ดีต่อสุขภาพ มีผลทำให้ร่างกายอบอุ่น ดีต่อเวลาเป็นหวัด และไก่ตุ๋นก็นุ่มกินง่าย โดยรวมแล้วถือว่าอร่อยดี และกินสบายด้วย ไม่ผิดหวังที่มาที่นี่เลย เป็นมื้อที่รู้สึกว่ากินได้สมกับเป็นคนป่วยที่สุดแล้ว



วันต่อมา อังคาร 4 มี.ค. มื้อเที่ยงเลือกไปกินที่ร้านซัมมิ (三味さんみ) ซึ่งเป็นร้านราเมงที่มีเมนูที่ค่อนข้างดีต่อสุขภาพ นั่นคือราเมงมะเขือเทศ และราเมงนมถั่วเหลือง นอกจากนี้ตัวเส้นราเมงก็สามารถเลือกกินเป็นเส้นที่ทำจากคนเนียกุ (コンニャク) ซึ่งเป็นเส้นทดแทนเส้นราเมงทั่วไปที่ทำจากแป้งสาลี ทำให้ดีต่อสุขภาพกว่า



ภายในร้านนี้บรรยากาศแบบห้องญี่ปุ่น ไม่มีโต๊ะเคาน์เตอร์



เราสั่งราเมงมะเขือเทศที่ใช้เส้นคนเนียกุแทนเส้นราเมง ราคา ๔๙๐ เยน ถือว่าถูกมาก ที่จริงราเมงมะเขือเทศธรรมดาราคา ๓๙๐ เยนเท่านั้น แต่จะเอาเป็นเส้นคนเนียกุต้องเพิ่มอีก ๑๐๐​ เยน แต่ถึงอย่างนั้นก็ถูกอยู่ดี แถมยังดีกับสุขภาพด้วย ถือว่าเป็นร้านที่เป็นตัวเลือกที่ดีเลย เพียงแต่ว่าคนมักแน่นเวลากลางวัน



ร้านซัมมินี้มีอยู่หลายสาขาในเมืองฟุกุโอกะ โดยสาขาหลักอยู่ที่ย่านไดเมียว ส่วนที่นี่เป็นสาขาฮากาตะเอกิฮิงาชิ (博多駅東はかたえきひがし) ซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำงาน เราเคยมาร้านนี้ครั้งนึงก่อนหน้านี้ ตอนนั้นสั่งราเมงน้ำเต้าหู้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นของแปลก แต่ก็ดีต่อสุขภาพและอร่อย เช่นเดียวกับราเมงมะเขือเทศ

ตอนเย็นมากินที่ศูนย์อาหารในห้างฮากาตะฮังกิว (博多阪急はかたはんきゅう) ในสถานีฮากาตะ ที่นี่มีร้านฮากาตะคิซึยมารุ (博多喜水丸はかたきすいまる) ซึ่งขายพวกดมบุริอาหารทะเล



มื้อนี้กินเนงิโทโระดง (ネギトロどん) คือข้าวหน้าปลาทูน่าบดใส่ต้นหอมหั่นและไข่ มีมิโสะด้วย ชุดนี้ราคา ๘๘๐ เยน



วันต่อมาวันพุธที่ 5 มี.ค. รู้สึกว่าไม่เป็นไข้แล้ว แต่ว่าอาการเจ็บคอกลับดูจะไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจมาหาซื้อยาแก้เจ็บคอ โดยตอนเช้าก่อนเข้าทำงานก็มาแวะร้านขายยา ดรักอิเลฟเวน (ドラッグイレブン) เป็นร้านขายยาที่มีหลายสาขา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะยังไม่เปิดตอนเช้า สาขานี้คือที่ฝั่งตะวันออกของสถานีฮากาตะนั้นเปิดค่อนข้างเร็วคือตั้งแต่ 7:00 จึงเลือกแวะมา



ยาที่ซื้อคือเพลักทีโจว (ペラックTじょう) ซึ่งเป็นยาแก้เจ็บคอที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ราคา ๑๐๗๘ เยน ในกล่องมี ๑๘ เม็ด กินครั้งละ ๒ เม็ด ๓ มื้อ เท่ากับกินวันละ ๖ เม็ด เรากินจนหมดใน ๓ วันจึงพบว่าอาการเจ็บคอหาย พอถึงวันเสาร์อาการดีขึ้นมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะยานี้มีส่วนช่วยหรือว่าอาการกำลังอยู่ในขาลงอยู่แล้วกันแน่เหมือนกัน




สำหรับวันนี้มื้อเที่ยงเลือกมากินที่ร้านโอซากานะคาโซกุ (おさかな家族かぞく) ซึ่งเป็นร้านอาหารพวกเนื้อปลาที่อยู่ในโรงแรมโทวกิวสเตย์ฮากาตะ (東急とうきゅうステイ博多はかた) ทางตะวันออกของสถานีฮากาตะ



สั่งเมนูที่เรียกว่าอิโรอิโรซึเกะดง (いろいろづけどん) ราคา ๑๐๗๘ เยน ถือว่าแพงกว่าอาหารที่เรากินปกติในชีวิตประจำวัน เพราะปกติจะพยายามไม่กินของแพงเกิน ๑๐๐๐ เยน แต่ว่านี่เป็นข้าวหน้าเนื้อปลาหลายชนิดและยังมีแถมทั้งมิโสะและกาแฟอยู่ในชุดด้วย จึงถือว่าคุ้มอยู่



อนึ่ง ที่จริงแล้วช่วงที่ป่วยนี้พยายามงดกาแฟด้วย จากที่ปกติจะกินวันละ ๒ ครั้ง เพราะกาแฟถือว่าดีต่อสุขภาพ และยังช่วยแก้ง่วงด้วย เพียงแต่ว่าเวลาที่ป่วยจะเป็นผลเสีย เพราะกาแฟมีคาเฟอินซึ่งส่งผลให้ร่างกายขับถ่ายน้ำมาก เวลาป่วยซึ่งร่างกายต้องการน้ำมากคาเฟอินจึงถือเป็นของที่ควรเลี่ยง ดังนั้นจึงได้งดกาแฟในช่วงป่วย แต่ในเมื่อเขาให้ฟรีมาในชุดด้วยก็เลยดื่ม ไม่งั้นก็เสียของ และเราก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเคร่งอะไรขนาดนั้นด้วย แล้วตอนบ่ายก็ต้องทำงาน ยังไงที่จริงแล้วก็อยากดื่มกาแฟเหมือนกัน

แน่นอนว่ากาแฟควรดื่มทั้งๆแบบนั้นโดยไม่ใส่ทั้งน้ำตาลและนมเทียม เพราะไม่ดีต่อสุขภาพ กาแฟที่ดีที่สุดคือกาแฟดำที่ไม่ปรุงแต่งอะไร

ส่วนตอนเย็นรู้สึกไม่หิวเลยคงเป็นเพราะตอนเที่ยงกินไปเยอะมากจนรู้สึกอิ่มถึงเย็น ก็เลยไม่ได้เดินเข้าร้านอะไร แต่ก็มาเดินดูพวกแผงขายของกินเล่นในสถานีฮากาตะ แล้วก็มาเจอร้านที่ขายโอโกวะ (おこわ) ซึ่งเป็นอาหารที่ทำจากข้าวเหนียวนึ่งแล้วใส่ไส้



เราตัดสินใจเลือกซื้อ ๒ ชิ้นมากิน เป็นไส้เกาลัดและไส้ผัก ราคาเขียนว่าชิ้นละ ๒๒๖ เยน แต่ว่าพอซื้อจริงๆมีส่วนลด โดยรวมแล้วซื้อ ๒ ช้ินราคาแค่ ๓๑๖ เยนเท่านั้น ถือเป็นมื้อที่ถูกที่สุดไปเลย แต่สำหรับตอนนี้กินแค่นี้ก็ถือว่าอิ่มแล้ว กำลังดีเลย




แล้วก็มาหาที่นั่งกินตรงเก้าอี้สำหรับนั่งพักในสถานี ถือว่าอร่อยกว่าที่คิดเหมือนกัน ที่จริงไม่เคยกินโอโกวะมาก่อนเลย แม้จะเคยเห็นร้านขายมานานแล้ว นี่ก็ถือเป็นโอกาส





ต่อมาวันพฤหัสที่ 6 มี.ค. มื้อกลางวันมาที่ร้านโทระจังอุดง (とらちゃんうどん) ซึ่งก็เป็นร้านที่แม้จะชื่อว่าอุดงแต่ก็มีเมนูหลากหลาย ทั้งอุดงและโซบะ และข้าวหน้าต่างๆด้วย



ครั้งนี้ที่มากินโซบะเป็ดนัมบัง (鴨南蛮かもなんばんそば) ราคาแค่ ๕๐๐​ เยนเท่านั้น



จากข้อมูลในยูทูบที่ดูในช่วงนี้ทำให้รู้ว่าน้ำผึ้งดีต่อสุขภาพ ก็เลยแวะร้านสะดวกซื้อหามาดื่มสักหน่อย มีลูกอมแก้เจ็บคอเป็นรสน้ำผึ้งด้วย



มื้อเย็นมาแวะกินโจ๊กร้านคายุซันจิงอีกรอบ ที่จริงปกติจะไม่กินร้านเดิมซ้ำในสัปดาห์เดียว แต่ว่ายังไงโจ๊กหรือข้าวต้มก็เป็นอาหารที่น่าจะดีที่สุดในช่วงที่ป่วย และก็มีแค่ร้านนี้เท่านั้น อีกอย่างเมนูโจ๊กร้านนี้ก็มีหลากหลาย ครั้งนี้ก็เลือกที่ไม่ซ้ำเดิม โดยคราวนี้เลือกแบบใส่ปลาแซลมอนและสาหร่ายอาโอโนริ ราคา ๘๒๐ เยนเหมือนกัน



ต่อมาวันศุกร์ที่ 7 มี.ค. ในที่สุดก็วันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์แล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังตั้งใจจะระวังเรื่องของกินต่อไปอีกสักหน่อย มื้อกลางวันเลือกไปกินที่ร้านยาโยอิเกง (やよいけん) ซึ่งก็เป็นร้านแฟรนไชส์ชื่อดังที่เป็นที่รู้จักดี ในไทยเรียกว่า "ยาโยอิ"​ เฉยๆ ภายนอกก็ดูต่างไปจากที่ไทย แต่เป็นร้านยาโยอิร้านเดียวกันนี้เอง ร้านนี้มีหลายสาขาทั่วญี่ปุ่น ที่ฟุกุโอกะเองก็หาได้หลายที่มาก ที่ไปครั้งนี้คือสาขาจิกุชิงุจิ (筑紫口ちくしぐち)



ที่เลือกกินวันนี้คือจัมปง ราคา ๗๘๐​ เยน จัมปงร้านนี้น่าเสียดายว่าส่วนประกอบอาหารทะเลน้อยไปหน่อย มีแค่คามาโบโกะ ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหมูเป็นหลัก แล้วก็มีข้าวโพดนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าอร่อยมากทีเดียว



ตอนเย็นมากินร้านโซบะจายะโชวกิจิ (そば茶屋庄吉ちゃやしょうきち) ถือเป็นร้านโซบะเป็นหลักร้านเดียวที่ค้นเจอในย่านตะวันออกสถานีฮากาตะ ส่วนใหญ่เจอร้านอุดงซึ่งขายโซบะเป็นของแถมซะมากกว่า แต่ร้านนี้กลับกัน ชื่อว่าร้านโซบะแต่ก็มีอุดงด้วย แต่เป้าหมายของเราครั้งนี้ก็คือโซบะนี่แหละ



ที่สั่งคือโซบะใส่นัตโตว (納豆なっとう) ราคา ๗๕๐ เยน



นัตโตวก็คือถั่วเน่าที่เป็นอาหารสุขภาพอย่างหนึ่งได้รับความนิยมในญี่ปุ่นนั่นเอง ชามนี้มีแค่เส้นโซบะกับถั่วเน่าแล้วก็ต้นหอมหั่นนิดหน่อยแค่นั้นอย่างที่เห็น ไม่มีเนื้ออยู่เลย ดูเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพจริงๆเลย แต่เรื่องรสชาตินั้นพูดยาก... แต่ไหนแต่ไรนัตโตวเป็นอาหารที่คนไม่ชอบเยอะแม้จะรู้ว่าดีต่อสุขภาพก็ตาม ไหนจะกลิ่น ไหนจะรสสัมผัสเวลากิน คนที่ชอบรสชาติก็คงมีอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่น่าจะกินเพราะหวังผลเรื่องสุขภาพเป็นหลัก

ก็จบลงแล้วสำหรับวันทำงาน แล้วก็เข้าสู่วันเสาร์ จะได้พักผ่อนสบายแล้ว

วันเสาร์ที่ 8 มี.ค. ตอนมื้อเที่ยงแค่หาอะไรกินง่ายๆที่ร้านสะดวกซื้อใกล้ที่พัก จากนั้นมื้อเย็นค่อยออกไปหาอะไรกินข้างนอก

มื้อนี้รู้สึกว่าอยากกินราเมงแบบจัดเต็มหน่อยหลังจากที่ช่วงสัปดาห์นี้ไม่ได้กิน ก็เลยเลือกร้านชื่อดังที่ได้รู้จักมาจากช่องชวนชิมในยูทูบ ร้านนั้นมีชื่อว่า โอชิเงะโชกุโดว (大重食堂おおしげしょくどう)

ร้านนี้ชื่อดังเป็นที่กล่าวถึงมากถึงขนาดมีช่องชวนชิมแนะนำถึงมากมาย

- https://www.youtube.com/watch?v=FHuk21Ou7HI
- https://www.youtube.com/watch?v=v4Mf9TCpm5Y
- https://www.youtube.com/watch?v=DrUiAsh36JU
- https://www.youtube.com/watch?v=rVSrERtyWOs
- https://www.youtube.com/watch?v=Zk88JPnswm0

ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ตึกอิมาอิซึมิ (今泉いまいずみビル) ในย่านอิมาอิซึมิทางใต้ของย่านเทนจิง ใกล้สถานีรถไฟใต้ดินสถานีเทนจิงมินามิ (天神南駅てんじんみなみえき) ที่จริงแล้วเคยมีสาขาหลักอยู่ที่ย่านเคโงะ (警固けご) ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ห่างจากที่นี่ไปทางตะวันตกอีกหน่อย แต่ว่าสาขานั้นปิดไปแล้ว และที่นี่กลายเป็นสาขาหลักแทน นอกจากนี้ยังมีอีกสาขาอยู่ในจังหวัดกิฟุด้วย

นี่คือตึกอิมาอิซึมิ มีร้านอาหารอยู่หลายร้านภายในตึกนี้ ร้านโอชิเงะโชกุโดวก็เป็นร้านนึงในนั้น



หน้าร้าน



ลักษณะเด่นของราเมงร้านนี้คือเป็นราเมงที่ใส่ซุปสกัดจากพวกปลาชนิดต่างๆซึ่งนำมาต้มและสกัดซุปภายในกาลักน้ำ ซึ่งเขาได้มีการตั้งกาลักน้ำไว้บนโต๊ะเคาน์เตอร์เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นกระบวนการทำด้วย ดังนั้นนอกจากจะมากินแล้วก็ยังเพลิดเพลินไปกับการได้มาเห็นความแปลกใหม่ตรงนี้ด้วย

เมนูของร้าน ที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือไซฟอนราเมงดาชิ (サイフォンラーメン DASHI) ใส่หมู ต้นหอมหั่น สาหร่ายโนริ เห็ดหูหนู และไข่ครึ่งฟอง ราคา ๑๑๐๐ เยน ถือว่าแพงกว่าราเมงทั่วไปอยู่ นอกจากนี้ก็มีแบบอื่นอีก ที่ใส่เครื่องต่างออกไป ซึ่งก็จะแพงกว่า ดูแล้วแค่นี้ก็พอจึงสั่งอันนี้



ภายในร้านเขาให้บริการน้ำโดยใส่น้ำไว้ในกาแบบนี้ ให้เอาถ้วยมารองแล้วเอียงกา น้ำก็จะไหล



หลังจากสั่งอาหารไปแล้วกระบวนการทำก็เริ่มต้นขึ้น โดยราเมงที่เราสั่งก็ถูกต้มอยู่ในกาลักน้ำที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะเคาน์เตอร์ที่เรานั่งอยู่ ก็นั่งชมไประหว่างรอ



พอต้มเสร็จแล้วเขาก็เอาน้ำในนั้นไปใช้ใส่ราเมงและเครื่อง แล้วก็มาส่งให้กิน รสชาติถือว่าอร่อยดีทีเดียว ไม่ผิดหวังที่มา สมคำเล่าลือ



เพียงแต่ว่าน่าแปลกใจมากตรงที่ตอนที่เรามากินนั้นเป็นเวลา 6 โมงเย็นวันเสาร์แท้ๆ ตอนแรกยังคิดว่าอาจต้องเข้าคิวด้วยซ้ำ แต่พอมาจริงๆกลับไม่เจอลูกค้าคนอื่นเลย กลายเป็นลูกค้าเพียงคนเดียวในร้านขณะนั้น ทั้งที่ร้านนี้ออกจะมีชื่อเสียงและเป็นที่พูดถึงขนาดนั้น แต่กลับได้รับความนิยมน้อยเกินคาด ก็ผิดคาดเหมือนกัน จะว่าเพราะแพงก็ไม่น่าใช่

น้ำซุปราเมงร้านนี้อร่อยมากจนซดเกลี้ยง แล้วก็พบว่าข้างใต้ก้นชามมีข้อความเขียนว่า あなたのおかげで今日がある "ขอบคุณคุณที่ทำให้มีวันนี้"



ต่อมาวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. อาหารป่วยแทบจะหายแล้ว เหลือแค่ไอกับเสมหะนิดหน่อย ซึ่งก็น่าจะยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย แต่ก็ถือว่าแทบจะใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว

วันนี้มื้อกลางวันตัดสินใจมากินราเมงที่ร้านฮากาตะราเมงชิโอบารุอิตเตตสึ (博多はかたらーめん塩原しおばるいってつ) ซึ่งอยู่ในเขตมินามิ ใกล้กับย่านที่อาศัยอยู่ ร้านนี้มี ๒ สาขา นี่เป็นสาขาหลัก ส่วนอีกสาขาอยู่ที่ย่านโอฮาชิซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกันมาก ห่างไปแค่ประมาณกิโลเมตรกว่าเท่านั้น



เมนูของร้านนี้ โดยรวมแล้วก็คือเป็นร้านราเมงกระดูกหมูแบบฮากาตะราเมงทั่วไป ตอนแรกเราก็มาเพราะแค่อยากกินฮากาตะราเมงธรรมดา แต่พอดีเห็นมีเมนูจัมเมงผักจัดเต็ม (野菜やさいたっぷりチャンメン) ซึ่งดูแล้วมีผักเยอะ ดูแล้วสุขภาพดี แม้ว่าจะราคาแพงถึง ๑๐๐๐​ เยนก็ตาม ก็เลยตัดสินใจเลือกไป คำว่า "จัมเมง" นั้นเป็นชื่อที่มาจาก "ราเมง" กับ "จัมปง"



เมื่ออาหารที่สั่งมาถึงก็ต้องตกใจกับปริมาณ เพราะมันเยอะมากจนดูยังไงก็กินไม่หมด ต่อให้เราหายจากไข้แล้ว แต่ปริมาณแบบนี้ก็ไม่ไหวอยู่ดี ลองกินดูแล้วอร่อยมากเลยทีเดียว ช่วงแรกที่เริ่มกินรู้สึกติดใจมาก ทั้งเส้นที่เล็กนุ่ม เนื้อหมูและผักที่ดูลงตัว น้ำซุปก็อร่อย แถมยังมีขิงดองเบนิโชวงะและเมล็ดงาให้เติมได้ไม่อั้นด้วย แต่เพราะปริมาณที่เยอะเกินทำให้ตอนช่วงท้ายเริ่มรู้สึกไม่อร่อยแล้ว ถือว่าน่าเสียดายมาก ถ้ามาด้วยประมาณพอเหมาะคงถือเป็นเมนูที่ลงตัวที่อยากแนะนำต่อมากเลย



ก็ขอจบบันทึกลงเพียงเท่านี้ หลังจากวันนี้ไปก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติแล้ว

เวลาป่วยแบบนี้ขึ้นมาก็ลำบากแย่ แต่ก็เป็นโอกาสนึงที่ทำให้ได้มาคำนึงถึงและหาความรู้เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น จากที่ปกติใช้ชีวิตโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น

จากนี้ไปก็คิดว่าอยากหาความรู้เรื่องสุขภาพและอาหารการกินให้มากขึ้น ยิ่งอายุมากขึ้นอาการป่วยยิ่งเลี่ยงได้ยากขึ้น แต่ยังไงก็อยากแข็งแรงอยู่ต่อไปอีกนาน จะได้เดินหน้าต่อไปสู่อนาคตอย่างมีความสุข



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> ฟุกุโอกะ
-- ท่องเที่ยว >> ราเมง

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

รวมร้านราเมงและบะหมี่ในเมืองฟุกุโอกะ
ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

บทความแต่ละเดือน

2025年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2024年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2023年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2022年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2021年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

ค้นบทความเก่ากว่านั้น

ไทย

日本語

中文