# เสาร์ 19 เม.ษ. 2025ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ญี่ปุ่นเป็นวันหยุดยาว เลยตัดสินใจเดินทางกลับไทยชั่วคราว แต่ว่าไหนๆก็ต้องบินแล้ว ก็เลยขอแวะเที่ยวโอกินาวะสักหน่อย ยังไงเครื่องบินจากฟุกุโอกะสู่กรุงเทพฯก็ต้องผ่านแถวนั้น
สำหรับเที่ยวบินที่เดินทางวันนี้ออกจากสนามบินฟุกุโอกะเวลา 7:05 แล้วไปถึงโอกินาวะเวลา 8:45 จากนั้นเครื่องบินออกจากโอกินาวะเวลา 15:55 แล้วถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 18:30 ดังนั้นโดยรวมแล้วมีเวลาเที่ยวประมาณ ๗ ชั่วโมง
สนามบินหลักของโอกินาวะคือ
สนามบินนาฮะ (
那覇空港) ซึ่งตั้งอยู่ใน
เมืองนาฮะ (
那覇市) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดโอกินาวะ เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของหมู่เกาะโอกินาวะมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะโอกินาวะ
ตำแหน่งเมืองนาฮะภายในจังหวัดโอกินาวะ แสดงเป็นสีชมพูเข้ม เกาะยาวๆนี้คือเกาะหลักโอกินาวะ นาฮะตั้งอยู่เกือบใต้สุด

สนามบินนาฮะตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกของเมืองนาฮะ ไม่ได้ห่างจากใจกลางเมือง ละมีรถไฟรางเดี่ยวเดินทางเข้าตัวเมืองจึงสะดวกมาก
สำหรับเป้าหมายการเที่ยวครั้งนี้ของเราอยู่ที่
เมืองนันโจว (
南城市) ซึ่งอยู่ตอนใต้ของเกาะเช่นกัน ไม่ไกลจากเมืองนาฮะนัก สามารถเดินทางด้วยรถเมล์ไปถึงได้จากสนามบินโดยใช้เวลาชั่วโมงกว่า
ตำแหน่งเมืองนันโจว

การเดินทางนั้นมีรถเมล์หลายสายที่ไปได้ ที่จริงเราไม่ได้วางแผนมาล่วงหน้ามากนัก ตั้งใจว่าเปิดค้นดูตอนที่มาถึง วิธีไหนสะดวกสุดก็เลือกทางนั้น
วิธีการเดินทางที่กูเกิลแมปแนะนำให้ในครั้งนี้คือให้ไปต่อรถเมล์ที่
สะพานมาดัง (
真玉橋) ซึ่งเป็นสะพานข้าม
แม่น้ำโคกุบะ (
国場川) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นเขตแดนระหว่างเมืองนาฮะกับ
เมืองโทมิงุสึกุ (
豊見城市) ที่อยู่ทางใต้
ตำแหน่งเมืองโทมิงุสึกุ

รถเมล์ที่เรานั่งไปนั้นคือสาย 113 ออกจากสนามบินนาฮะเวลา 8:55 แล้วถึงสะพานมาดังเวลา 9:17 จากนั้นรถเมล์ที่จะนั่งเพื่อไปยังเป้าหมายคือสาย 338 ออกเวลา 9:32 ดังนั้นจึงมีเวลาประมาณ ๑๕ นาทีในการเดินเที่ยวแถวนั้นระหว่างรอต่อรถ
ที่จริงแล้วสะพานมาดังก็คือเป็นสะพานสำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีความสวยงาม แล้วก็ถือเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่งด้วย
สะพานนี้ดั้งเดิมถูกสร้างในปี 1522 แต่ว่าถูกทำลายไปในสงครามโลกครั้งที่สอง ปี 1945 แล้วจึงได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ สะพานมาดังที่เห็นได้ในปัจจุบันเป็นของใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี 2002 แต่ว่าที่ปลายสะพานทั้ง ๒ ฝั่งก็ยังสามารถเห็นซากสะพานเดิมที่เหลือไว้อยู่ได้
ป้ายรถเมล์ที่มาต่อรถนั้นตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำ คือฝั่งเมืองนาฮะ จากนั้นก็สามารถเดินข้ามสะพานไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นเขตเมืองโทมิงุสึกุได้ ถือได้ว่ามาเดินข้ามเมือง แต่ว่าก็ต้องเดินกลับเพื่อไปขึ้นรถเมล์ต่อจุดเดิม
เริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้า มายังสถานีฮากาตะเพื่อขึ้นรถไฟใต้ดินรอบแรกสำหรับไปสนามบินฟุกุโอกะ ซึ่งออกจากสถานีฮากาตะรอบ 5:50 นี่เป็นรอบที่เช้าที่สุดแล้ว ไม่มีเช้ากว่านั้น

รถไฟใต้ดินใช้เวลา ๕ นาที มาถึงสนามบินเวลา 5:55


ตอนมาถึงยังเช้าอยู่ พวกร้านอะไรต่างๆก็ยังไม่เปิดเลยดูเงียบเหงา

จากนั้นก็ผ่านด่านตรวจสัมภาระแล้วก็เข้ามายังห้องรอเครื่อง ในนี้ก็มีพวกร้านขายของที่ระลึกซึ่งเปิดอยู่บ้างแล้ว

แต่ก็มีร้านที่ยังไม่เปิด แต่ดูเหมือนจะกำลังเตรียมเปิด

ในนี้นอกจากมีเก้าอี้ให้นั่งรอแล้วก็ยังมีจุดที่มีโต๊ะและปลั๊กให้ชาร์จไฟได้ด้วย เราก็มานั่งตรงนี้เพื่อเติมพลังให้มือถือเต็มอยู่ตลอด

แล้วก็รอจนเขาเรียกเข้าเครื่อง

มาขึ้นเครื่อง

จากบนเครื่องบิน ได้นั่งที่นั่งริมหน้าต่าง แต่โชคไม่ดีเป็นที่นั่งตรงปีกเครื่องบิน

แล้วเครื่องบินก็ออกตามเวลา เดินทางสู่โอกินาวะ ขณะที่กำลังใกล้ลงจอดเราก็พอจะมองเห็นทิวทัศน์บนเกาะหลักโอกินาวะ ภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งชองชายฝั่งตะวันออกเกาะหลักโอกินาวะ

แล้วก็ลงจอด

เดินออกจากเครื่อง เข้ามายังอาคารสนามบิน



ป้ายเขียนว่า めんそーれ "เมนโซเระ" เป็นภาษาโอกินาวะ แปลว่า "ยินดีต้อนรับ"

ออกไปยังด้านนอก

พอออกมาก็เจอป้ายรถเมล์อยู่ตรงหน้า ซึ่งรถเมล์ที่เราจะขึ้นก็มาพอดี ทำให้ต้องรีบวิ่งไปขึ้น

รถเมล์ที่นั่งไปคราวนี้เป็นสาย 113 ซึ่งเป็นรถเมล์ที่เดินทางจากสนามบินนาฮะไปสู่
เมืองอุรุมะ (うるま
市) ซึ่งที่จริงแล้วก็เป็นเมืองที่คิดว่าอยากไปเหมือนกันเพราะเป็นฉากของอนิเมะเรื่อง 沖縄で好きになった子が方言すぎてツラすぎる ที่เพิ่งฉายไป แต่ว่าเมืองนี้อยู่ไกลออกไปหน่อย ถ้าไปเที่ยวที่นั่นเวลาก็คงจะไม่พอ ครั้งนี้เราไม่ได้ตั้งใจจะไปที่นั่น แค่จะแค่นั่งรถเมล์นี้ไปไกลแค่ไม่กี่ป้ายเพื่อไปลงตรงสะพานมาดังซึ่งก็ยังอยู่ในเขตเมืองนาฮะ


ทิวทัศน์ที่ถ่ายได้ระหว่างทาง ตรงนี้เป็นระหว่างที่ข้าม
สะพานเมย์จิ (
明治橋) ที่ข้ามแม่น้ำที่กั้นระหว่างส่วนสนามบินกับแถวใจกลางเมืองหลัก

รถเมล์มีมาจอดที่
ท่ารถบัสนาฮะ (
那覇バスターミナル) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมหลักของเกาะหลักโอกินาวะ มีรถเมล์จำนวนมากจอดเพื่อไปยังสถานที่ต่างๆทั่วเกาะ

แล้วก็มาจอดที่ป้ายสะพานมาดัง


ลองดูตารางรถเมล์ก็พบว่ารถเมล์สาย 338 ที่เราจะมาต่อนั้นมีเที่ยวรถน้อยมาก สำหรับวันเสาร์มีแค่วันละ ๒ รอบเท่านั้น ที่เราจะขึ้นเป็นรอบ 9:32 แต่ถ้าพลาดไปก็รออีกทีรอบ 11:32 ถ้าพลาดอีกก็ไม่มีแล้ว

จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปทางโน้นเพื่อไปยังสะพาน


ที่หน้าทางขึ้นสะพานมีซากสะพานเก่าส่วนหนึ่งพร้อมป้ายเขียนอธิบายด้วย

แล้วก็ขึ้นสะพานมา

เดินข้ามสะพานไป

ทิวทัศน์ที่เห็นจากบนสะพานก็สวยงามดีมาก ยิ่งกำลังท้องฟ้าสวย อากาศกำลังดีจริงๆ

ข้ามมาถึงนี่ก็เป็นฝั่งของเมืองโทมิงุสึกุแล้ว ตรงนี้ก็มีส่วนของซากสะพานเก่าให้เห็น

ข้ามมาแล้วก็ลองมาเดินส่วนแถวซากสะพานเก่า


จากตรงนี้มองไปเห็นสะพานปัจจุบัน ก็ออกแบบมาได้สวยดี แต่ว่าก็ต่างไปจากของดั้งเดิมมาก

แผ่นป้ายอธิบายตรงฝั่งนี้มีภาพถ่ายสะพานเดิมก่อนที่จะถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่สองด้วย

ทิวทัศน์ริมน้ำที่มองจากตรงนี้ก็ไม่เลว

จากนั้นเดินถัดเข้ามาอีกหน่อยข้ามถนนมาก็เจอซากสะพานในส่วนที่ลึกเข้ามาในฝั่งเมืองโทมิงุสึกุ

ใกล้ๆกันนั้นมีร้านราเมง
อางุนิเซย์เมนโจะ (あぐに
製麺所) แต่ว่าร้านยังไม่เปิดเพราะตอนนี้เช้าอยู่


ดูเมนูแล้วน่ากินดีอยู่นะ

แล้วก็เดินข้ามสะพานกลับ



กลับมายังป้ายรถเมล์เพื่อรอต่อรถไปยังเป้าหมายที่แท้จริง

เรารอจนถึงเวลา 9:32 รถเมล์ก็ยังไม่มีสักที จนทำให้รู้สึกกังวลว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า แต่พอรอสักพักจนถึงเวลา 9:36 รถเมล์จึงมาในที่สุด ช้าไปประมาณ ๔ นาที ดูเหมือนว่าก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ สำหรับการสายในระดับนี้

ขึ้นมาบนรถเมล์ก็เห็นคนนั่งเยอะอยู่ที่นั่งเกือบเต็ม มีชาวต่างชาติด้วย เรามานั่งที่หลังสุด

ก็จบการเที่ยวในสถานที่ที่แค่แวะมาเปลี่ยนรถโดยไม่ตั้งใจ ก็เป็นสะพานที่สวยดี ตอนต่อไปจึงจะเริ่มการเที่ยวหลักแล้ว