φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



เป้าตู๋ไจ้ สถานท่องเที่ยวธรรมชาติบนหุบเขาชานเมืองสือเจียจวาง
เขียนเมื่อ 2011/10/30 23:55
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#เสาร์ 22 ต.ค. 2011

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในที่สุดก็มีโอกาสกลับไปที่สือเจียจวางอีกครั้งหลังจากที่ครั้งก่อนพลาดเพราะเรื่องเวลารถไฟไป

เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางไปเที่ยวสือเจียจวางครั้งก่อน https://phyblas.hinaboshi.com/20111005

เนื่องจากรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางและตัวเมืองได้เล่าไปแล้วในครั้งก่อน ครั้งนี้จะเน้นเล่าเรื่องที่ได้ไปเที่ยวเป้าตู๋ไจ้ (抱犊寨) ซึ่งครั้งที่แล้วตั้งใจจะไปแต่ก็ไม่มีเวลา

เกริ่นคร่าวๆ ที่นี่เป็นจุดชมวิวบนเขาที่มีชื่อเสียงของเมือง อยู่บนเขาข้างๆเมือง มีรถเมล์จากใจกลางเมืองไปถึง ซึ่งต้องนั่งรถเมล์ประมาณหนึ่งชั่วโมง
รถจะพามาส่งที่ตีนเขา เราต้องเดินขึ้นไปเอง ซึ่งไกลมาก หรือนั่งกระเช้าขึ้นก็ได้ สถานที่ท่องเที่ยวนับตั้งแต่ระหว่างทางเดินขึ้นเขาซึ่งไม่ต้องเสียเงินเพื่อขึ้นไป แต่เมื่อถึงสถานที่ด้านบนสุดต้องเสียค่าเข้า ภายในสถานที่คล้ายๆเป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งมีสถานที่สำคัญทางศาสนาตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ สามารถเดินชื่นชมธรรมชาติไปพร้อมๆกันกับดูโบราณสถานต่างๆ
เป้าตู๋ไจ้ถูกจัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับ AAAA (สูงสุดคือระดับ AAAAA คล้ายๆกับการให้ดาวแสดงระดับความสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยว)
 
 
 
เริ่มออกเดินทางตอนเช้า เราก็มาถึงสถานีรถไฟตะวันตกของปักกิ่งเพื่อนั่งรถไฟไป ครั้งนี้เราเลือกนั่งรถไฟหัวจรวด ซึ่งเร็วกว่ารถไฟธรรมดา และวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่สม่ำเสมอไม่มีหยุดกลางทางก่อนถึงสถานี ใช้เวลาเดินทาง ๒ ชั่วโมง ๑๕ นาทีก็ถึงสือเจียจวาง

ภาพในชานชลาและตัวขบวนรถไฟ



ข้างในรถไฟ



แล้วก็เดินทางมาถึงสือเจียจวางในเวลา ๙ โมงครึ่ง ถือว่ากำลังดีเลย




แต่พอออกมาข้างนอกก็พบสภาพอากาศอย่างที่เห็น หมอกเต็มจนทำให้ทัศนวิสัยแย่มาก แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไม่มีทางเลือกเพราะยังไงก็มาถึงแล้ว



เราต้องนั่งรถเมล์เพื่อไปยังที่หมาย ต้องใช้เวลาชั่วโมงเต็มๆ แต่คนก็เยอะอย่างที่เห็น ไม่มีที่ให้นั่งเลย ยืนตลอดหนึ่งชั่วโมง รถเมล์จากสถานีรถไฟไปถึงเป้าตู่ไจ้ต้องเปลี่ยนรถเป็นสองต่อ รวมแล้วจ่ายแค่ ๓ หยวน (๑๕ บาท) เท่านั้น



และแล้วก็มาถึงเป้าตู่ไจ้ แต่ตรงนี้เป็นแค่ด้านหน้า เป้าหมายอยู่บนเขาข้างหน้านั้น



เนื่องจากยืนมาตลอดเส้นทาง มาถึงก็เหนื่อยจะแย่แล้ว และเวลาก็ประมาณ ๑๑ โมงแล้ว ก็เลยแวะกินมื้อเที่ยงกันก่อนค่อยขึ้น



อาหารในร้านที่นี่อร่อยมาก มีเฉาปิ่งราคา ๕ หยวน ซึ่งถูกกว่าในปักกิ่งอีก แต่กลับอร่อยกว่า



แล้วก็มีเกี๊ยว ซึ่งทั้งจานก็ ๑๐ หยวน แต่มีตั้ง ๑๕ ชิ้น



แล้วก็ได้เวลาขึ้นเขา เนื่องจากเขาสูงมาก วิธีขึ้นที่ดีที่สุดก็คือขึ้นกระเช้า ที่จริงจะเดินก็ได้แต่คงไม่ไหว



ค่ากระเช้่าแพงถึงคนละ ๓๐ หยวน แต่เมื่อเห็นความไกลและสูงชันของเส้นทางแล้วก็รู้สึกว่าแบบนี้คิดถูกแล้วล่ะที่ไม่เดิน

ขึ้นมาแล้ว มองไปข้างล่าง



จากตรงนี้เห็นเส้นทางที่เดินขึ้นเขาด้วย มันช่างยาวไกล แต่เราไม่สนเพราะนั่งอยู่บนกระเช้า



มองจากกระเช้าวิวก็เรียกว่าสวยอยู่ แต่จะดีกว่านี้มากถ้าไม่มีหมอก น่าเสียดายจริงๆ



เส้นทางยังคงมุ่งหน้าขึ้นเขาต่อไป มองไปตรงโน้นก็ยังเห็นผู้คนที่มุ่งมั่นเดินขึ้นไป



หนทางช่างยาวไกล



ถึงด้านบนแล้วในที่สุด



หลังลงกระเช้ามา ทางเดินที่เจอทันทีก็เป็นลักษณะกำแพงเมืองจีนอย่างที่เห็น แต่มันต่างจากกำแพงเมืองจีนของจริงเยอะ เล็กกว่ามาก




คนเยอะมาก บ้างก็เห็นมานั่งล้อมวงปิกนิก



เดินไปตามกำแพงนี่เรื่อยๆก็จะมาถึงประตูทางเข้าบริเวณภายใน ประตูนี้ทำสวยมาก มีชื่อว่าหนานเทียนเหมิน (南天门) แปลว่าประตูสวรรค์ทางใต้



ต้องซื้อตั๋วค่าเข้าก่อน ป้ายเขียวทางซ้ายเขียนว่าค่าเข้าคือ ๕๐ แต่พอซื้อจริงๆก็ตามป้ายสีน้ำตาลทางขวาที่เขียนว่า ๓๐ ไม่รู้ว่าเพราะเขาเปลี่ยนราคาหรือเพราะเขานับช่วงนี้เป็นช่วงฤดูกาลที่คนท่องเที่ยวน้อยเลยลดราคา



เรามีบัตรนักศึกษาที่นึ่จึงได้ลดครึ่งราคา เหลือแค่ ๑๕ หยวนเท่านั้น นี่เป็นรูปบัตรผ่านประตูเข้าบริเวณ



ผ่านเข้าประตูมาแล้ว ข้างในนี้ก็มีทางเดินแยกหลายทาง เราไม่ได้มีแผนที่มาก็เดินไปเรื่อย บริเวณภายในส่วนใหญ่จะเป็นสวนสวยๆ เดินชมวิวไปเรื่อยๆ แต่ก็มีสิ่งก่อสร้างพวกวัดอยู่ประปราย



ภาพภายในบริเวณ มันสวยมากจริงๆ





มีป้ายบอกทาง แต่ไม่ค่อยละเอียดหรอก ยังหลงง่ายอยู่ดี



แล้วก็มาถึงบริเวณที่มีตัวอาคารวัดตั้งอยู่ ที่นี่เรียกว่า หลัวฮ่านถาง (罗汉堂) คำว่าหลัวฮั่นก็ย่อมาจาก อาหลัวฮ่าน (阿罗汉) = อรหันต์ นั่นเอง



ผนังข้างๆวัดตรงนี้ทำได้สวยมาก



ดูจากข้างนอกก็เห็นอาคารนี้แค่เล็กๆ ไม่คิดว่าน่าจะมีอะไรมากเลย แต่พอเข้าไปจริงๆพบทางลงใต้ดินด้วย!



เดินลงไปข้างล่างก็เจออะไรน่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมาย



อย่างแผ่นหินแกะสลักที่เห็นตามทางเดิน



ภาพวาดที่ฝาผนัง



ห้องข้างในสุดเป็นที่เก็บรูปปั้นพระอรหันต์นับพันองค์





รูปปั้นมีทำท่าต่างๆมากมาย บางก็แปลกๆ อย่างอันนี้กำลังอุ้มกันอยู่



มีพระพุทธรูปแบบไทยด้วย



หลังจากดูเสร็จเราก็ขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดถัดไป



ประตูเข้าเซียนเหรินต้ง (仙人洞) แปลว่าถ้ำเซียน แต่เข้าไปจริงๆไม่ได้มีถ้ำอะไรหรอก



ตรงนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากมีรูปปั้น ๑๒ ตัว ของราศีต่างๆตามนักษัตร





แล้วเราก็เดินต่อไป เจอจุดชมวิวที่สุดขอบผา



มองออกไปก็รู้สึกสวยจริงๆ แต่จะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าไม่มีหมอก ต้องสวยมากแน่ๆ




เดินไปตามขอบก็เจอพวกจุดชมวิวเรื่อยๆประปรายตามทาง






แล้วก็มาถึงอาคารวัดอีกแห่ง เรียกว่า ตรงนี้เป็นวัดแบบเต๋า







จากนั้นก็ผ่านไปยังบริเวณที่เรียกว่า เทียนถางเจีย (天堂街) หรือถนนสวรรค์

แต่ไปถึงแล้วมันก็แค่ถนนร้างที่บ้านเมืองไม่มีคนอยู่เลย ที่แท้ก็เป็นแค่ กุ่ยเฉิง (鬼城) หรือเมืองร้างดีๆนี่เอง




แต่พอผ่านตรงที่เป็นบ้านเมืองไปแล้ว ถนนเบื้องหน้าก็สวยงามมาก



ใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ให้ความรู้สึกบรรยากาศดีมาก




แล้วเราก็เดินมาเจอแผนที่ตรงนี้ แต่แย่มากมันบอกไม่ค่อยเข้าใจเลย



เราก็เดินตามแผนที่นี้ไปทางที่ว่าน่าจะมีน้ำตก แต่ก็มาเจอกับเส้นทางที่เป็นทางลงเขายาวไกลมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจถอยกลับ ต่อให้มีน้ำตกจริงๆแต่ถ้าไกลมากก็คงไม่คุ้มที่จะลงไปถึง



ขึ้นมาถึงตรงนี้ก็เจอกับน้ำพุและฉางหลาง (长廊) ฉางหลังแปลว่าทางเดินยาว พบได้บ่อยๆในสิ่งก่อสร้างของจีน แต่อันนี้สั้นนิดเดียวเอง




จากภาพน้ำพุเมื่อกี้จะเห็นศาลาคู่อยู่ เมื่อเดินมาถึงก็ไม่มีอะไรนอกจากเป็นจุดชมวิวธรรมดา แต่ในแผนที่เขียนชื่อซะฟังดูดีว่า เหลียนซินถิง (连心亭) แปลว่า ศาลาเชื่อมดวงใจ




จากนั้นเดินต่อก็มาเจออาคารที่เรียกว่า วั่นเหลียนย่วน (万联苑)



หน้าทางเข้ามีคนมาเขียนขีดเล่นด้วย ว่า 游客停止 鬼屋 (โหยวเค่อถิงจื่อ กุ่ยอู) = นักท่องเที่ยวห้ามเข้า บ้านผีสิง



แต่เราก็เข้ามาอยู่ดี ข้างในไม่มีอะไรมาก แค่เป็นที่เก็บพวกงานเขียนพู่กันจำนวนมากด้านในผนัง



หลังจากนั้นเราก็เดินต่อไปเจอจุดชมวิวอีกหลายแห่ง บ้างก็วนกลับมาที่เดิม



ตรงนี้มีโรงแรมด้วย คงเผื่อใครเดินขึ้นมาเหนื่อย หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศมาพักบนเขา



จนไม่รู้จะไปไหนต่อแล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจพอแค่นี้แล้วกลับลงไป



ลงมาแล้วค่อยมาเจอแผนที่เป็นป้ายแผ่นใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าบริเวณขึ้นกระเช้า (แล้วทำไมตั้งแต่แรกเราไม่ถ่ายเก็บไว้ดูข้างบน? พลาดแล้วล่ะ!)



มองดูแล้วจึงรู้ว่าเราเดินไปได้ราวๆ 80% แล้ว ก็คิดว่าโอเคเพียงพอแล้ว มาเที่ยวนี้เราคิดว่าคุ้มค่ามากเลย ภาพธรรมชาติที่เห็นช่างสวยงาม ที่จริงจะยิ่งคุ้มค่ากว่านี้ถ้าไม่มีหมอกมาบดบังทัศนวิสัย

แล้วก็จบการเที่ยวที่นี่แต่เพียงเท่านี้

หลังจากออกจากที่นี่เราก็นั่งรถเมล์ ๑ ชั่วโมงกลับตัวเมือง และได้แวะชมสวนสุสานของทหารกล้า (烈士陵园) ด้วยเพราะเป็นทางผ่านระหว่างทางกลับสถานีรถไฟ อ่านต่อในหน้า https://phyblas.hinaboshi.com/20111226

ภาพถ่ายสุดท้ายก่อนออกจากเป้าตู๋ไจ้ ด้านหน้าทางเข้าก็เป็นสวนประดับสวยงาม มีเขียนข้อความต้อนรับ




สุดท้ายนี้ก็ขอแนะนำว่าที่เป้าตู๋ไจ้นี้เป็นสถานที่เที่ยวที่แนะนำแห่งหนึ่งเลย อันที่จริงแล้วสือเจียจวางไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่ดังนัก พูดชื่อเมืองนี้คงมีคนไทยน้อยคนที่รู้จัก แต่เนื่องจากมันอยู่ใกล้ปักกิ่ง ใครที่มาเที่ยวปักกิ่งหลายวันจะแวะมาเที่ยวเมืองนี้สักวันสองวันก็เป็นความคิดที่ดี นั่งรถไฟแค่ ๒ ชั่วโมงกว่า สถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่ได้มีเพียงเป้าตู๋ไจ้ ยังมีอีกหลายแห่งที่เรายังไม่มีโอกาสได้ไป แต่กะไว้ว่าจะหาโอกาสไปอีกในโอกาสหน้า เพราะยังมีเวลาอยู่ปักกิ่งอีกนาน หากมีโอกาสได้ไปก็จะมาแนะนำอีก



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศจีน >> จีนแผ่นดินใหญ่ >> เหอเป่ย์

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

บทความแต่ละเดือน

2024年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2023年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2022年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2021年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2020年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

ค้นบทความเก่ากว่านั้น

ไทย

日本語

中文