φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas

#เสาร์ 31 มี.ค. 2012

คราวนี้จะพูดถึงเรื่องเมื่อตอนช่วงที่ครอบครัวมาเที่ยวปักกิ่ง มีอยู่วันหนึ่งที่ได้ไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน

ตอนนั้นเดิมทีตั้งใจจะไปกำแพงเมืองจีนด่านหวงฮวาเฉิง (黄花城长城) ซึ่งเป็นด่านริมทะเลสาบ แต่พอเราไปถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนรถที่ย่านชุมชนเขตหวยโหรวแล้วนั้นถามคนที่นั่นดูเขาบอกว่าด้านนี้ปิดซ่อมอยู่ปีนไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนแผนไปที่อื่นแทน

(แต่หลังจากนั้นเราก็ค่อยได้โอกาสกลับมาเที่ยวที่นั่นใหม่ดังที่เล่าไปใน https://phyblas.hinaboshi.com/20120505 และบังเอิญมากที่มันห่างกันหนึ่งเดือนพอดี เป็นวันสิ้นเดือนเหมือนกันเลย)

ในเขตหวยโหรวมีกำแพงเมืองจีนอยู่อีกสองด่านนั่นคือ กำแพงเมืองจีนด่านมู่เถียนยวี่ (慕田峪长城) และกำแพงเมืองจีนด่านเจี้ยนโค่ว (箭扣长城)

แต่ด่านมู่เถียนยวี่เราเคยไปแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจไปด่านเจี้ยนโค่ว ซึ่งก่อนหน้านี้เรามีข้อมูลอยู่น้อยมาก ไม่ค่อยรู้ว่าเป็นที่ยังไง

คนขับรถแนะนำว่าที่นั่นเป็นกำแพงเมืองจีนด่านที่เก่า สภาพแย่ ไม่ได้รับการซ่อมบำรุงให้สภาพดีเหมือนอย่างมู่เถียนยวี่ ทำให้คนไปน้อย แต่ก็จะได้บรรยากาศแปลกไปอีกแบบคือได้บรรยากาศแบบเก่าๆโบราณจริงๆ

ที่สำคัญคือด่านนั้นเขาไม่ได้เปิดให้ขึ้นปีนอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงไม่ต้องเสียเงินค่าผ่านประตูขึ้นไปปีน ต่างจากมู่เถียนยวี่ที่ต้องเสียค่าเข้า ๔๐ หยวน

แต่เราพลาดอย่างหนึ่งที่ไม่ได้คาดคิดก็คือ การเข้าถึงกำแพงส่วนนี้มันยากยิ่งกว่าสิ่งใด



เนื่องจากที่นี่ไม่มีรถเมล์มาถึง เราให้คนขับรถพามา เขาพามาลงที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้กำแพง เรียกว่าหมู่บ้านเถียนเซียนยวี่ (田仙峪村)



ดูบรรยากาศแล้วหมู่บ้านนี้ดูเงียบๆไม่เหมือนจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเลย




เรามองไปรอบๆก็ไม่เห็นวี่แววของกำแพงเลย พอถามว่าอยู่ไหนเขาก็ชี้ไปที่ภูเขาที่อยู่ไกลๆลูกโน่นแล้วบอกว่านั่นไง มองดูดีๆ



พอมองดีๆเราก็เห็นว่าบนนั้นมีกำแพงเมืองจีนอยู่จริงๆด้วย พร้อมทั้งคิดในใจว่า แย่แล้ว อยู่ไกลลิบขนาดนั้นเลยเหรอกวาจะได้ปีนต้องขึ้นเขาไปนานแค่ไหนเนี่ย รถกระเช้าก็ไม่มี



ซูมส่วนกำแพงกันชัดๆ





แต่เราก็ตัดสินใจว่าไหนๆก็มาแล้ว ลองปีนดูสักทีน่ะ ถ้าขึ้นไปจนถึงกำแพงเมืองจีนได้จริงๆจะเป็นอะไรที่ภูมิใจมากเลย ดังนั้นจีนออกเดินทางทันที



เส้นทางดูร้างๆ แทบไม่เจอใครเลย พอจะเจอนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นอยู่บ้างประปรายตอนที่เดินอยู่ตรงต้นทาง มีกลุ่มหนึ่งเขาเพิ่งกำลังลงมา เราถามว่าเขาใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะไปถึง เขาก็บอกว่า ๒ ชั่วโมงน่ะ

เริ่มจะรู้สึกว่าไม่น่ามาซะแล้ว แต่เมื่อมาแล้วก็ไม่อยากถอยกลับ

เราค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ แรกๆทางไม่ค่อยชันเท่าไหร่ แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งชันขึ้นเรื่อยๆ






ขึ้นมาถึงตรงนี้แล้วมองลงไปข้างล่างก็รู้เลยว่าขึ้นมาสูงแค่ไหนแล้ว



เราปีนขึ้นมาจนถึงจุดที่เริ่มเห็นว่าหน้าผาที่เห็นอยู่สูงลิ่วตรงหน้านั้นเหลืออยู่ใกล้แค่นิดเดียวแล้ว เดินต่ออีกไม่นานก็คงจะถึง



ระหว่างปีนขึ้นไป ทางสูงชันนั้นทั้งลำบากทั้งเสี่ยงอันตรายมากมาย ถ้าพลาดนิดเดียวก็ตกลงมาตายได้ทันที แล้วก็ไม่รู้จะมีคนมาช่วยหรือเปล่าด้วย จิตใจตอนนั้นรู้สึกอยากรีบปีนให้ถึงยอดเร็วๆแล้วกลับ




แต่มันก็สูงชันและวิบากขึ้นทุกที แล้วก็ถึงจุดที่รู้สึกว่ามันอันตรายเกินไปแล้ว ถ้าปีนต่ออาจเสี่ยงต่อการเอาชีวิตมาทิ้งก็ได้ จึงได้ตัดใจ ตัดสินใจถอยหลังกลับทั้งๆที่ยอดน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้วแท้ๆ น่าเสียดายแต่ไม่มีทางเลือก




ภาพสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจถอยหลังกลับ

ภาพทิวทัศน์สุดท้ายในตอนนั้น



ระหว่างขากลับก็เจอผู้คนปีนขึ้นสวนทางอยู่ประปราย บางคนเห็นได้ชัดว่าสมบุกสมบันมาก ปีนคล่องแคล่วรวดเร็วเหมือนฝึกมาอย่างดี เราไม่คล่องเหมือนคนพวกนี้เพราะงั้นดีแล้วที่ไม่ไปต่อ





อ่านแล้วอาจจะรู้สึกเสียดายว่าใกล้ถึงแล้วทำไมถึงตัดใจซะก่อน อารมณ์ตอนนั้นที่จริงเป็นอะไรที่อธิบายยากเหมือนกันนะ ไม่ได้อยากจะด่วนกลับลงมาเลย แค่รู้สึกว่ามันอันตรายจริงๆ ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาไม่อยากจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ในที่แบบนี้ เรายังต้องมีอนาคตอีกไกลไม่ควรจะมาเสี่ยงเพื่อความรู้สึกที่ว่าภูมิใจที่ได้พิชิตกำแพงเมืองจีนอะไรแบบนี้

เส้นทางแบบนี้จริงๆน่าจะเอาไว้สำหรับพวกนักปีนเขามืออาชีพซะมากกว่า ไม่รู้ทำไมคนขับรถเขาไม่ยอมเตือนให้ดี สงสัยเขาคงมองว่าเราเป็นพวกมาเที่ยวแบบลุยๆอยู่แล้ว ที่จริงเราไม่เคยปีนเขาโหดๆแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ เป็นประสบการณ์แปลกใหม่จริงๆ

ที่นี่มันไม่ใช่จุดท่องเทียวหลักที่คนมากันเยอะนัก สังเกตได้ว่าไม่มีอุปกรณ์ช่วยด้านความปลอดภัยเลย ทางเดินก็ไม่ได้ทำให้เดินง่ายนัก ไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะมาปรับปรุงให้มันกลายเป็นที่ท่องเที่ยวหลักเหมือนด่านมู่เถียนยวี่หรือเปล่า แต่คิดว่าคงยาก และมันก็อยู่ใกล้ด่านมู่เถียนยวี่มาก คนส่วนใหญ่ก็ไปมู่เถียนยวี่อยู่ดี จะมีก็แต่พวกที่ชอบความท้าทายเท่านั้นที่มาที่นี่

หลังจากที่ผิดหวังเดินกลับลงมาจากเขาโดยที่ยังไม่ได้ขึ้นไปถึงตัวกำแพง เราจึงตัดสินใจว่าจะไปปีนกำแพงเมืองจีนด่านมู่เถียนยวี่กันต่อ เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ที่จริงมันอยู่ใกล้กันมาก ข้างๆกันเลย นั่งรถแป๊บเดียวถึง



เที่ยวกำแพงเมืองจีนด่านมู่เถียนยวี่ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วเราเลยไม่ได้ถ่ายรูปมามาก คงไม่ได้เอามาเล่าซ้ำ สำหรับเที่ยวครั้งก่อนเมื่อปีที่แล้วไปอ่านกันได้ที่ https://phyblas.hinaboshi.com/20110930



แถม นี่เป็นรูปของคนที่เขาไปปีนกำแพงเมืองจีนด่านนี้กัน สวยจริงๆล่ะถ้าขึ้นไปถึง ยิ่งเห็นยิ่งเสียดาย http://www.beijinghikers.com/v2/resources/news/hiking-photos-jiankou-to-mutianyu-christmas-bbq-2011-12-25/

-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ