# อาทิตย์ 26 พ.ค. 2019ตอนที่แล้วนั่งรถไฟมาถึงสถานีฮิงาชินางาฮาระ
แล้วก็เดินมาเรื่อยๆจนถึงโรงเรียนประจำไอซึฮัง
ไอซึฮังโกวนิชชิงกัง (會津藩校日新館) ที่ถูกสร้างจำลองใหม่
รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่นี้ได้อธิบายไปแล้วตอนที่เขียนถึงซากหอดูดาวนิชชิงของจริง
https://phyblas.hinaboshi.com/20190603สำหรับเรื่องเกี่ยวกับหอดูดาวได้กล่าวถึงละเอียดไปในหน้านั้นแล้วในที่นี้จึงจะเน้นเขียนส่วนอื่น
สถานที่ที่เราจะไปชมต่อจากนี้ทั้งหมดเป็นแค่ของจำลองที่สร้างขึ้นในปี 1987 แต่ก็ถูกพยายามสร้างขึ้นให้เหมือนจริง เพียงแต่ว่าวัตถุประสงค์ในการสร้างคือเพื่อทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ไม่ได้ถูกใช้งานจริงเหมือนในสมัยนั้น
เว็บของที่นี่
https://nisshinkan.jpการเดินทางมาที่นี่นอกจากจะเดินจากสถานีรถไฟซึ่งค่อนข้างไกลแล้ว ยังอาจนั่งรถเมล์มาได้ ป้ายรถเมล์อยู่หน้าทางเข้าเลย จึงสะดวกกว่า เพียงแต่ว่าเที่ยวรถเมล์มีน้อยมาก จึงต้องกะเวลาให้ดี เช่นเดียวกับเที่ยวรถไฟ และรถเมล์ก็ช้ากว่ารถไฟมากเพราะจอดตลอดทางที่วิ่งผ่านในตัวเมือง ดังนั้นโดยรวมแล้วถ้าสามารถเดินไกลได้ มาด้วยรถไฟจะดีกว่า
เราเดินผ่านทางเข้าเข้ามาก็ผ่านป้ายรถเมล์ ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้า
จากป้ายรถเมล์เดินต่อเข้ามา
เจอร้านขายของที่ระลึก
เดินต่อไปขึ้นบันไดมาอีก
ก็มาถึงหน้าทางเข้านิชชิงกัง ที่หน้าทางเข้ามีรูปปั้นยามากาวะ เคนจิโรว (
山川 健次郎, 1854-1931) นักฟิสิกส์ซึ่งเป็นชาวไอซึ เขาเคยเรียนที่นิชชิงกัง และได้ร่วมรบในสงครามไอซึสังกัดอยู่ในกลุ่มเบียกโกะไต
ซื้อบัตรเข้าชมทางขวาตรงนี้ ค่าเข้าปกติราคา ๖๒๐ เยน แต่ถ้ามาเป็นกลุ่มจะลดเหลือ ๕๖๐ เยน ซึ่งตอนที่ไปครั้งนี้ไม่แน่ใจว่าเพราะสาเหตุใดเขาลดให้เหลือ ๕๖๐ เยนทั้งๆที่มาแค่ ๒ คน
จากนั้นเริ่มชมจากทางซ้าย
อาคารตรงนี้ถูกทำเป็นห้องฉายหนัง
เป็นวีดิทัศน์อธิบายแนะนำให้รู้จักนิชชิงกัง ก่อนที่จะเข้าไปชมด้านในจริงๆ
ชมเสร็จก็ออกมาแล้วมาเข้าประตูกลางเพื่อเข้าไปยังส่วนตรงกลาง
ที่ประตูหลักมีสิงโต
ตรงกลางเป็นสวนซึ่งล้อมรอบด้วยอาคารต่างๆ
เส้นทางเดินที่เขาแนะนำนั้นให้เริ่มจากไปทางขวา เดินวนทวนเข็มนาฬิกา
เริ่มอาคารส่วนด้านตะวันออก เป็นส่วนการศึกษาของเด็กอายุ ๑๐ ถึง ๑๕ ปี เรียกว่าโซโดกุโชะ (
素読所)
อาคารมี ๒ ชั้น แต่ชั้นบนไม่ได้ให้เข้าชม เส้นทางเดินชมจึงแค่เดินไปตามทางในชั้นล่าง
เดินเข้ามาตามทาง เจอห้องแรกเป็นห้องเรียน ข้างในแค่จัดแสดงของต่างๆ
นี่คือภาพวาดแสดงแผนที่ของที่นี่
ขยายดูตรงส่วนนี้ ทางซ้ายคือประตูที่เราเดินเข้ามา ด้านบนคือสวนตรงกลาง และทางขวาคืออาคารที่เราอยู่ตอนนี้ จะเห็นว่าเดิมทีใช้เป็นที่เล่าเรียน
เดินถัดเข้ามา
ห้องต่อไปเป็นห้องเรียนที่มีการใช้หุ่นจำลอง แต่ละคนที่จำลองมานี้มีต้นแบบมาจากบุคคลจริงในสมัยนั้น มีชื่อบอกว่าเป็นใครด้วย
ถัดมาอีกห้องเป็นห้องเรียนการเขียนพู่กัน
ถัดมาเดินเลี้ยวซ้ายไป
ห้องถัดมาหุ่นแสดงการทำความสะอาดห้อง
ถัดมาเป็นห้องเรียนดาราศาสตร์
มีแสดงลูกทรงกลมท้องฟ้า
ทางนี้กำลังวาดกลุ่มดาว
ตรงนี้อธิบายเกี่ยวกับศาสตร์ต่างๆที่ศึกษาที่นี่ มุมซ้ายล่างเขียนถึงหอดูดาว มีภาพซากหอดูดาวที่หลงเหลือในปัจจุบันด้วย
ถัดมาห้องนี้แสดงพิธีการใช้ดาบ
ห้องต่อมาเป็นกิจกรรมยามว่าง
จากนั้นออกมาแล้วไปยังส่วนถัดไป อาคารทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นส่วนที่เรียกว่าไดงากุ (
大学) ซึ่งจริงๆคำนี้แปลว่ามหาวิทยาลัย แต่สำหรับในนิชชิงกังนี้หมายถึงส่วนที่ศึกษาในระดับผู้ใหญ่สำหรับคนที่จบจากโซโดกุโชะแล้ว
การเดินเข้าชมในส่วนนี้ต้องถอดรองเท้า จะถอดวางไว้หรือจะถือไปด้วยก็ได้ ถ้าวางไว้ก็ต้องกลับมาเอา แต่ถ้าถือไปก็เดินทะลุไปต่อจนถึงส่วนถัดไปได้ เราวางรองเท้าไว้ตรงทางเข้าเพราะเดินกลับมาอีกทีก็ไม่ได้ลำบากอะไร
ภายในอาคาร
ตรงนี้จัดแสดงภาพวาดแสดงวิถีชีวิตที่นี่
ทางนี้ขายหนังสือ
มีมังงะเช่นนิชชิงกันโมโนงาตาริ ซึ่งเล่าเกี่ยวกับนิชชิงกัง
โปสเตอร์ละครเรื่องเบียกโกะไต ฉายไปเมื่อปี 2007 ตัวเอกคือซากาอิ มิเนจิ (
酒井 峰治, 1852-1932) สมาชิกกลุ่มเบียกโกะไตคนนึงที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่คว้านท้องตาย นำแสดงโดยยามาชิตะ โทโมฮิสะ (
山下 智久)
สวนด้านหลัง
เดินเข้าไปต่อ
จะผ่านไปถึงส่วนตรงกลางเหนือสุด เป็นส่วนห้องพระ เรียกว่า ไทเซย์เดง (
大成殿)
จากตรงนี้มองย้อนลงไปยังบริเวณสวน
จากนั้นเดินต่อไปตามทางจะเป็นส่วนที่จัดแสดงวัตถุและเอกสารโบราณ ตรงนี้เขาห้ามถ่ายรูป เลยแค่ชมเฉยๆ ไม่ได้เก็บภาพมา
จากนั้นก็เดินย้อนมาหยิบรองเท้า แล้วเดินต่อไปทางตะวันตก ทะลุไปยังสวนที่ล้อมรอบบ่อน้ำ สึยเรนสึยบะอิเกะ (
水練水馬池)
ถัดมาส่วนที่ให้ชมคือส่วนที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ช่วงปลายยุคเอโดะ ส่วนตรงนี้ก็ห้ามถ่ายรูปจึงไม่ได้เก็บภาพมาลง
อาคารตรงกลางริมสระเรียกว่าบุโกว (
武講)
ภายในไม่ใหญ่มาก มีจัดแสดงอะไรอยู่เล็กน้อย
ทิวทัศน์สระน้ำจากตรงนี้ก็ไม่เลว
จากนั้นเดินต่อไปก็เจอส่วนที่ให้วาดระบายสีอากาเบโกะเล่น
ถัดไปเป็นห้องนั่งพัก
ในนี้มีเครื่องขายน้ำอัตโนมัติ
ถัดมาเป็นโรงยิงธนู
ด้านในเข้ามาถึงเป็นส่วนที่ระบายสีอากาเปโกะ
เข้าไปด้านในเป็นลานยิงธนู สามารถยิงเล่นได้ แต่มีค่าใช้จ่าย
จากนั้นเดินไปทางตะวันตกต่อ ไปยังส่วนสุดท้าย
ซึ่งก็คือส่วนของหอดูดาว
เดินขึ้นบันไดมาชมด้านบนได้
จากตรงนี้มองลงไปทางตะวันออกเห็นตัวอาคารนิชชิงกังทั้งหมด
หากมองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือก็จะเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ไอซึมุระ
ข้างๆหอดูดาวเป็นรูปปั้นของอิบุกะ คาจิโนะสึเกะ (
井深 梶之助, 1854-1940) ชาวไอซึที่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มเบียกโกะไตและเข้าร่วมสงครามไอซึ เคยเรียนอยู่ที่นิชชิงกัง ตอนหลังได้กลายเป็นศิษยาภิบาล
ถัดไปข้างๆเป็นสนามฝึกยิงปืน
จากนั้นก็หมดเท่านี้ เดินต่อไปก็เป็นทางออก
ระหว่างทางเดินลงมาผ่านพวกอาคารร้านขายของจำนวนนึง แต่ไม่ได้แวะเพราะต้องรีบเดินไปขึ้นรถไฟ
เดินลงมาจนถึงหน้าทางเข้าที่เข้ามาตอนแรก
จากนั้นก็เดินกลับไปโดยไปคนละทางกับที่มาตอนแรก เนื่องจากขากลับนี้จะเดินไปขึ้นที่สถานีฮิโรตะ (
広田駅) ซึ่งอยู่ใกล้กว่าสถานีฮิงาชินางาฮาระที่เรามาลงตอนแรก แต่ก็ต้องใช้เวลายี่สิบกว่านาทีในการเดินเหมือนกัน
ทิวทัศน์ระหว่างทาง แถวนี้ก็เต็มไปด้วยท้องนา สมกับที่ชื่อ "ฮิโรตะ" ที่แปลว่า "ท้องนากว้าง"
ถึงสถานีฮิโรตะ สถานีนี้ก็เป็นสถานีเล็กๆที่มีแต่ชานชลาไม่มีคนเฝ้า
เข้ามารอรถไฟที่ชานชลา
แล้วรถไฟก็มา ขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางกลับไปยังตัวเมืองไอซึวากามัตสึ
เป้าหมายต่อไปคือเที่ยวในย่าน
นาโนกะมาจิ (七日町) https://phyblas.hinaboshi.com/20190620