หน้านี้เป็นเนื้อหาเสริมจากบทความเรื่อง
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมีในหน้านี้จะลงแผนผังสรุปวิวัฒนาการของตัวอักษรต่างๆ ซึ่งวาดโดยใช้
matplotlibที่จริงภาพเหล่านี้
ได้ลงไว้ใน facebook ด้วย แต่ก็เอามาลงในนี้อีกทีพร้อมลงรายละเอียดเพิ่มเติมของแต่ละภาพ
อย่างที่รู้กันว่าอักษรไทยมีทั้งหมด ๔๔ ตัวในปัจจุบัน แต่ละอักษรก็มีที่มาต่างกันไป แต่โดยรวมแล้ว ๓๕ ตัวมีที่มาจากอักษรพราหมี และในจำนวนนั้น ๒๑ ตัวยังมีรากเชื่อมโยงไปได้ถึงอักษรฟินิเชีย ซึ่งอักษรนี้กเป็นรากของอักษรอื่นๆอีกมากมายที่ใช้ทั่วไปในประเทศต่างๆในโลกนี้ เช่น อักษรกรีก, อักษรโรมัน, อักษรซิริลลิก, อักษรอาหรับ, อักษรฮีบรู, ฯลฯ
ในที่นี้จะแสดงวิวัฒนาการของอักษรตระกูลพราหมีไปสู่อักษรชนิดต่างๆที่ใช้ในภาษาต่างๆในประเทศทางแถบนี้ ที่จริงมีเยอะกว่านี้มาก แต่ในภาพนี้แสดงอักษรเพียง ๑๖ ชนิด โดยเลือกเฉพาะที่สำคัญบางส่วนมา
อักษร ๒๑ ตัวที่มีรากจากอักษรฟินิเชียก็จะวาดโยงถึงอักษรฟินิเชียด้วย ส่วนตัวที่เหลือจะเริ่มรากแค่ตั้งแต่อักษรพราหมี
เริ่มจากอักษรตัวแรก นั่นก็คือ
กอักษร
ก มีที่มาที่สืบรากลงไปได้ถึงอักษรฟินิเชีย
𐤊 โดยอักษรฟินิเชียตัวนี้ยังเป็นรากของอักษรกรีก
Κ κ (แคปปา) ที่เป็นรากของอักษร
K k ในอักษรโรมัน ดังนั้นก็ถือได้ว่าอักษร
ก กับ
k มีรากที่มาเดียวกันนั่นเอง เสียงอ่านก็เหมือนกัน คือเป็นเสียง /k/
สำหรับอักษร
ข นั้นมีที่มาจากอักษร
𐤒 ในอักษรฟินิเชีย โดยอักษรนี้ยังเป็นรากของอักษรโรมัน
Q q อีกด้วย แต่ว่าเสียงอ่านจะต่างกัน โดยในอักษรตระกูลพราหมีได้นำมาใช้อ่าน /kʰ/ (คือเสียง "ค") แต่เดิมในอักษรฟินิเชียใช้เป็น
เสียงหยุดลิ้นไก่ไม่ก้อง /q/ ซึ่งไม่มีในภาษาไทย
สำหรับ
ค นั้นมีที่มาจากอักษรฟินิเชีย
𐤂 ซึ่งเป็นรากของอักษรกรีก
Γ γ (แกมมา) ซึ่งเป็นรากของอักษรโรมันตัว
G g โดยเสียงเดิมนั้นอ่านเป็นเสียง /g/ ก็คือเหมือนเสียง g ในภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่มีในภาษาไทย พอมาเป็นในภาษาไทยเสียงก็กลายเป็น /kʰ/ ซึ่งไปซ้ำกับ
ข อีกที เพียงแต่ว่าเป็นอักษรต่ำ
อักษร
ฆ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤇 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Η η (เอตา) และอักษรโรมัน
H h ด้วย แต่เสียงอ่านต่างออกไป โดยเดิมทีนั้นออกเสียง /ħ/ แต่พอมาเป็นอักษรพราหมี
𑀖 ก็กลายเป็นเสียง /gʰ/ ซึ่งก็ไม่มีในภาษาไทย
อักษร
ง นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀗 ซึ่งอักษรตัวนี้ไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย แต่เดิมทีเสียงเสียง /ŋ/ (ตรงกับ "ง" ในภาษาไทย) นี้ไม่มีในอักษรฟินิเชียและภาษาทางยุโรปส่วนใหญ่ด้วย แต่มีในภาษาทางอินเดียซึ่งไทยก็รับมาตามนั้น
อักษร
จ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤑 ซึ่งไม่ได้มีรากเชื่อมโยงไปถึงอักษรโรมัน แต่มีความเชื่อมโยงกับอักษรซิริลลิก
Ц ц ซึ่งออกเสียงเป็น /t͡s/ ที่ไม่มีในภาษาไทย แต่ก็ยังใกล้เคียงกันเสียง จ /t͡ɕ/ ในภาษาไทย
อักษร
ฉ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀙 ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอักษรฟินิเชีย
อักษร
ช นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤆 โดย ซึ่งเป็นรากของอักษรกรีก
Ζ ζ และอักษรโรมัน
Z z เดิมทีออกเสียง /z/ เหมือนกับ z ในภาษาอังกฤษ แต่ในภาษาไทยไม่มีเสียงนี้ ออกเสียงเป็น ช /t͡ɕʰ/ แทน
อักษร
ฌ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀛 ซึ่งไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
อักษร
ญ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀝 ซึ่งก็ไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
ในที่นี้อักษรลาว
ຍ นั้นถ้าว่ากันให้ถูกต้องจริงๆแล้วมีรากมาจากตัว
𑀬 ซึ่งเป็นรากของตัว
ย แต่ถูกใช้แทนเสียง ญ /ɲ/ ในภาษาลาว เสียงนี้ปัจจุบันในภาษาไทยไม่มีแล้ว ออกเสียงเป็น ย /j/ แทน
อักษร
ฏ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀝 ซึ่งไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย รวมถึงอักษรตัวอื่นในวรรคฏะ คือ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ นั้นทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับอักษรฟินิเชียเลย เพราะเป็นหน่วยเสียงที่ไม่มีในภาษาฟินิเชียเดิมรวมถึงภาษาทางยุโรป และจริงๆก็ไม่มีในภาษาไทยด้วย ดังนั้นอักษรกลุ่มนี้ทั้งหมด และมีในหลายภาษาที่ไม่ได้ใช้อักษรกลุ่มนี้ หรืออาจใช้เพียงแค่ในคำศัพท์ที่มาจากภาษาสันสกฤตและบาลีเท่านั้น
อักษร
ฐ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀞 ซึ่งไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
อักษร
ฑ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀟 ซึ่งไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
อักษร
ฒ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀠 ซึ่งไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
อักษร
ณ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀡 ซึ่งก็ไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
อักษร
ต นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤕 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Τ τ (เทา) และอักษรโรมัน
T t ด้วย เสียงอ่านก็ตามนั้นเลยไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
อักษร
ถ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤈 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Θ θ (เธตา) เสียงอ่านก็ต่างไปจากอักษรฟินิเชียเดิม แต่เสียง /tʰ/ นั้นสืบทอดมาตั้งแต่อักษรพราหมี
𑀣 และตรงกับเสียง
Θ θ ในภาษากรีกโบราณด้วย
อักษร
ท นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀤 ซึ่งไม่ได้มีรากมาจากอักษณฟินิเชีย เดิมทีอักษร
𑀤 นั้นอ่านเป็นเสียง /d/ (ตรงกับ "ด" ในภาษาไทย)
อักษร
ธ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤃 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Δ δ (เดลตา) และอักษรโรมัน
D d แต่เสียงอ่านต่างไปจากเดิม โดยเดิมทีออกเสียง /d/
อักษร
น นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤍 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Ν ν (นิว) และอักษรโรมัน
N n โดยที่ยังออกเสียงเหมือนกันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
อักษร
ป นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤐 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Π π (ไพ) และอักษรโรมัน
P p และเสียงอ่านก็ยังคงออกเหมือนเดิมไม่ได้ต่างออกไป
อักษร
ผ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀨 ซึ่งไม่ได้มีรากโยงไปถึงอักษรฟินิเชีย
อักษร
พ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤁 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Β β (เบตา) และอักษรโรมัน
B b แต่เสียงอ่านเดิมทีเป็นเสียงซึ่งต่างจากในภาษาไทย คือเป็นเสียง /b/ (ตรงกับ "บ" ในภาษาไทย)
อักษร
ภ นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀪 ซึ่งไม่ได้มีรากโยงไปถึงอักษรฟินิเชีย
อักษร
ม นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤌 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Μ μ (มิว) และอักษรโรมัน
M m อีกด้วย โดยที่เสียงอ่านก็คงเดิมตามนั้นไม่ได้เปลี่ยนไป
อักษร
ย นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤉 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Ι ι (อิโอตา) และเป็นรากของอักษรโรมัน
I i และ
J j อีกด้วย โดยที่เสียงอ่านก็คือ /j/ เหมือนกันไม่ได้เปลี่ยนจากเดิม
อักษร
ร นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤓 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Ρρ (โร) และเป็นรากของอักษรโรมัน
R r อีกด้วย โดยยังออกเสียงใกล้เคียงจากเดิม
อักษร
ล นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤋 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Λ λ (แลมบ์ดา) และเป็นรากของอักษรโรมัน
L l โดยที่เสียงอ่านก็คือ /l/ ไม่ได้ต่างไปจากเดิม
อักษร
ว นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤅 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Υυ (อิปซิลอน) และเป็นรากของอักษรโรมันอีกหลายตัวด้วย
อักษร
ศ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤔 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Σ σ ς (ซิกมา) และอักษรโรมัน
S s ด้วย เดิมทีออกเสียง /ʃ/ ซึ่งไม่มีในภาษาไทย
อักษร
ษ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤎 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Ξ ξ (คไซ)
อักษร
ส นั้นมีรากมาจากอักษรพราหมี
𑀲 ซึ่งไม่ได้มีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
อักษร
ห นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤄 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Ε ε (เอปซิลอน) และอักษรโรมัน
E e ด้วย อย่างไรก็ตาม เดิมทีเสียงอ่านเป็นเสียง /h/ ซึ่งตรงนี้ในภาษาไทยยังคงเดิมแต่ในทางสายอักษรกรีกตัวนี้กลายเป็นสระไป
อักษร
อ นั้นมีรากมาจากอักษรฟินิเชีย
𐤀 ซึ่งยังเป็นรากของอักษรกรีก
Α α (อัลฟา) และอักษรโรมัน
A a ด้วย โดยเสียงอ่านก็เหมือนเดิมคือเป็นเสียง /ʔ/ แต่ว่าในฝั่งอักษรกรีก ตัวนี้จะถูกใช้เป็นสระ