# พุธ 13 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวคิตะคิวชูต่อ หลังจากที่ตอนที่แล้วปีนเขาโคโจวเสร็จแล้วเดินกลับลงมา
https://phyblas.hinaboshi.com/20241206ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของการเที่ยวโมจิโกวแล้ว โดยแวะไปเดินแถวย่านใกล้สถานีโมจิโกว หาอะไรกินเสร็จแล้วก็กลับ
จากตอนที่แล้วเพื่อนเราไม่ได้ขึ้นไปปีนเขาด้วย จึงได้กลับไปเดินแถวโมจิโกวก่อนแล้ว และเราใช้เวลาบนเขาไปนานกว่าที่คิดจึงรีบเดินกลับเพราะไม่อยากให้รอนาน
ที่จริงตอนแรกยังตั้งใจว่าจะนั่งรถเมล์เพื่อกลับไปยังตรงสถานีโมจิโกว แต่รอบรถเมล์มีน้อย มีประมาณชั่วโมงละเที่ยวเท่านั้น และตอนที่เราเดินลงมาถึงป้ายรถเมล์บนถนนหลักด้านล่างก็เลยเวลารถเมล์ไปนานแล้ว กว่าจะถึงรอบถัดไปก็อีกนาน ดังนั้นจึงได้แต่เดินกลับ
ระหว่างทางเดินกลับ โดยหลักแล้วก็ผ่านทางเดิมที่เดินมาตอนแรก
ผ่านตรงริมทางรถไฟที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี
แล้วก็ผ่าน
สถานีหอศิลป์อิเดมิตสึ (
出光美術館駅) ซึ่งเป็นอีกสถานีของสายท่องเที่ยวโมจิโกวเรโทร ตอนแรกเราไม่ได้เดินผ่านตรงนี้เพราะไปเดินเลียบทะเลมาก่อน
แล้วก็มองเห็นตึกโมจิโกวเรโทรไฮมาร์ตตั้งเด่นเหมือนตอนขาไป
แล้วก็เดินกลับมาจนถึงย่านร้านค้าริมฝั่งก่อนถึงสถานีโมจิโกว เจอเพื่อนตรงนี้
ตอนมาถึงเพื่อนกำลังกินขนม
ทาโกะโนะฮิบิกิ (たこの響き) เป็นเซมเบ้ไส้หมึกยักษ์แผ่นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว้าง ๓๖ ซม. ราคา ๗๐๐ เยน เราเลยขาแบ่งมากินด้วยนิดหน่อย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ ก็อร่อยดีแต่เคี้ยวยาก
แล้วก็มาหาร้านอาหารกิน ก็เจอร้าน
โมจิโกวเรโทรโชกุโดว (
門司港レトロ
食堂) ซึ่งขาย
ยากิคาเร (
焼きカレー) ของขึ้นชื่อของย่านโมจิโกว เป็นข้าวราดแกงกะหรี่และเนยแข็งทำโดยการอบ
ตัวร้านอยู่ที่ชั้น ๒ ของตึกนี้
ภายในร้าน
เมนู มียากิคาเรให้เลือกหลายแบบ
เรา ๒ คนสั่งยากิคาเรใส่เนื้อวาฬ (くじら, คุจิระ) กับปลาปักเป้า (ふぐ, ฟุงุ) ซึ่งก็มีอยู่ ๒ ชิ้นทั้งคู่ ราคา ๑๓๐๐ เยนเหมือนกัน (ในเมนูเขียน ๑๕๐๐ เป็นแบบชุดพร้อมสลัดและของหวาน แต่เราสั่งเดี่ยวเลยถูกลง ๒๐๐ เยน) แล้วก็เอามาสลับกันจะได้กินทั้งคู่
หน้าปลาปักเป้า
หน้าเนื้อวาฬ
หลังจากสลับเอาชิ้นนึง
ก็กินแล้วอร่อยดี เป็นครั้งแรกเลยด้วยที่ได้กินเนื้อวาฬ ก็ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสมากินที่นี่
กินเสร็จมาเดินเล่นในย่านนี้ต่ออีกหน่อย
ที่เห็นตั้งเด่นริมน้ำตรงนี้คือ
บานานาแมน (バナナマン) เป็นตัวละครของที่นี่ เนื่องจากที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องกล้วย มีคนมาถ่ายรูปคู่กับบานานาแมนกันเยอะเลย
ตรงนี้มีฝาท่อโปเกมอน (
https://local.pokemon.jp/tc/manhole/desc/201/)
ฝาท่อนี้โปเกมอนที่ปรากฏคือ เซอร์ไนต์ (サーナイト) กับ ลูนาโทน (ルナトーン) นอกจากนั้นแล้วที่จริงในเมืองคิตะคิวชูมีฝาท่อโปเกมอนอยู่ถึง ๕ แห่ง แต่เราไม่ได้ไปตามเก็บที่อื่น อันนี้ที่จริงคือแค่เจอโดยบังเอิญ ตอนแรกไม่รู้ว่าที่นี่มีฝาท่อโปเกมอนด้วยเลย
จากนั้นเข้ามาเดินในอาคาร
ไคเกียวพลาซา (
海峡プラザ) ซึ่งมีร้านมากมาย รวมถึงร้านขายของฝาก
ตรงนี้ขายพวกของขึ้นชื่อของโมจิโกว โดยมีเขียนอันดับของขึ้นชื่อไว้ด้วย โดยอันดับ ๑ ก็คือยากิคาเร นั่นเอง ส่วนอันดับ ๒ คือคัสเตลลากล้วย (バナナカステラ)
ยากิคาเรก็มีขายตรงนี้ด้วย คงซื้อกลับไปทำกินเองได้ และยังมีแกงกะหรี่กล้วย (バナナカレー) ด้วย แปลกดี
นอกนั้นก็มีคุกกีวาฟเฟิลที่ทำจากเกลือในช่องแคบคัมมง
ตรงนี้ยังมีของขึ้นชื่อของเมืองชิโมโนเซกิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย
เดินเสร็จแล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว เราไม่ได้ซื้ออะไรกลับไปเป็นพิเศษ
จากนั้นก็เห็นควรแก่เวลาที่จะไปยังสถานีเพื่อขึ้นรถไฟเดินทางกลับแล้ว ตอนนี้ก็เดินดูแถวนี้จนพอใจแล้วด้วย ที่จริงเรายังไม่ได้ดูพวกพิพิะภัณฑ์ต่างๆเลย แต่ถ้าหากจะดูทั้งหมดละก็ทั้งวันก็อาจไม่พอ เรายังต้องไปเที่ยวที่โคกุระด้วย ดังนั้นการเดินเที่ยวโมจิโกวครั้งนี้จึงแค่เดินชมเอาบรรยากาศเป็นหลัก แต่ไว้ในอนาคตน่าจะยังมีโอกาสมาที่นี่อีก ถึงตอนนั้นอาจค่อยมาตามเก็บอีกทีก็ได้
ระหว่างทางเดินกลับก็ผ่านอาคาร
โอซากะโชวเซงเก่าเมืองคิตะคิวชู (
北九州市旧大阪商船) เป็นอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งของที่นี่ สร้างในปี 1917
แล้วก็กลับมาจนถึงสถานี
เดินแตะบัตร Suica ผ่านที่ตรวจตั๋วเข้าไปยังชานชลา
แล้วก็ขึ้นรถไฟเพื่อกลับ โดยได้ขึ้นรอบที่ออกเวลา 14:03 ซึ่งไปถึงสถานีโคกุระเวลา 14:16
แล้วเราก็นั่งรถไฟย้อนกลับไปเที่ยวที่โคกุระต่อ เป็นอันจบการเที่ยวโมจิโกวแค่นี้ ตอนต่อไปจะเป็นการเที่ยวโคกุระ
https://phyblas.hinaboshi.com/20241208