>> ตอนที่แล้วชมรมกลับบ้านเริ่มปฏิบัติการหลังจากที่ตัดสินในจะเผชิญหน้ากับนักดนตรีออสตินาโตเพื่อตามหามิวแล้ว สมาชิกชมรมกลับบ้านทั้ง ๖ คนก็ออกมาจากห้อง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงดังขึ้น
เพลงนั้นคือเพลง
ปีเตอร์แพนซินโดรม (ピーターパンシンドローム) แต่งโดยนักดนตรีออสตินาโตคนหนึ่งชื่อ
คางิพี (カギP)เนื้อเพลงได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่อยากเป็นเด็กอยู่ไปตลอด กลัวการที่จะต้องเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องมาใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองไม่ต้องการ อยากเป็นเด็กอยู่ตลอดมีความใฝ่ฝันอยู่ได้เรื่อยไป สามารถเชื่อนมั่นในความเป็นไปได้ในอนาคตของตัวเอง อยากให้คนยอมรับตัวเองในแบบที่เป็นอยู่นี้
♫ ฟังเพลงนี้ใน youtubeการที่จู่ๆเพลงนี้ดังขึ้นมาทำให้รู้ว่าคางิพีน่าจะอยู่ในโรงเรียนนี้ ซึ่งถือเป็นจังหวะเหมาะ ดังนั้นภารกิจแรกจึงเป็นการตามหาตัวคางิพี
※ ภายในเกมนักดนตรีออสตินาโตแต่ละคนจะมีเพลงของตัวเองอยู่ ซึ่งจะปรากฏเป็นเพลงฉากหลังในด่านที่นักดนตรีคนนั้นเป็นบอสอยู่
ตามเนื้อเรื่องแล้วเพลงเหล่านี้ตัวละครแต่ละคนเป็นคนแต่งให้มิวร้อง โดยเนื้อหาจะสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องของตัวละครนั้น เพราะเพลงเหล่านี้ถ่ายทอดความรู้สักของคนแต่งออกมา
ส่วนในความเป็นจริงแต่ละเพลงก็ถูกแต่งโดยนักแต่งเพลงหลายคนที่ใช้โปรแกรมสังเคราะห์เสียงร้องเพลง VOCALOID เพื่อแต่งเพลงและมีผลงานอยู่ในเน็ตมาก่อนจริงๆ
เช่นเพลงปีเตอร์แพนซินโดรมซึ่งในเรื่องเป็นเพลงของคางิพี ผู้แต่งจริงชื่อว่า
40 เมตรพี (40mP) ซึ่งมีผลงานเพลงที่แต่งให้ VOCALOID ฮัตสึเนะ มิกุ (初音 ミク) ร้อง
ในเกมเพลงจะปรากฏมาแค่ทำนองขณะที่เดินอยู่ในฉาก แต่เมื่อเริ่มเข้าฉากต่อสู้จึงจะมีเนื้อร้องดังขึ้นมา พอสู้จบก็กลับมาเหลือแต่ทำนองเพลง
ครั้งนี้สมาชิกชมรมกลับบ้านทั้ง ๖ คนได้แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มละ ๓ คน โดยตัวเราไปกับโชวโงะและโคโตโนะ โดยจะเดินตามหาที่ชั้น ๒ ส่วนโคตาโรว มิฟุเอะ สึซึนะ แยกไปอีกกลุ่ม
การเดินสำรวจโรงเรียนจึงเริ่มขึ้น โดยรวมแล้วมีนักเรียนประมาณ ๕๐๐ คน แต่ละคนจะมีชื่อและเลเวล ตอนหลังสามารถชวนเข้ามาร่วมสู้ได้ แต่บางคนก็อาจกลายเป็นดิจิเฮดแล้วโจมตีใส่ก็ต้องสู้แล้วล้มเพื่อให้เขาคืนสติกลับมา ส่วนกรอบสีเหลืองแสดงถึงความสนิท ถ้า 0 คือไม่รู้จัก ถ้า 3 คือเป็นเพื่อนกัน
นักเรียนแต่ละคนก็มีเรื่องกลุ้มใจเป็นของตัวเองอยู่เหมือนกันจึงได้มาอยู่ที่โลกเมอบิอุสแห่งนี้ สามารถตรวจดูข้อมูลของนักเรียนแต่ละคนได้ แต่ข้อมูลจะขึ้นแค่บางส่วน จนกว่าจะสนิทกันมากขึ้นหรือช่วยแก้ปัญหาในใจของเขาได้
ระหว่างทางก็เจอนักเรียนมากมายซึ่งเราได้เข้าไปคุยแต่ก็ไม่ได้เจอข้อมูลอะไรเพิ่มเติม และนักเรียนบางคนฟังเพลงของมิวแล้วกลายเป็นดิจิเฮด เมื่อเดินไปเจอเข้าก็ต้องต่อสู้
โดยตอนนี้คนที่สู้ได้ยังมีเพียงตัวเราคนเดียว จึงต้องสู้คนเดียวไปก่อน
ระหว่างทางเจอวัตถุส่องแสงสีฟ้าที่เรียกว่า "สติกมา" (
スティグマ) อาเรียก็อธิบายให้รู้ว่านี่เป็นเศษซากของวิญญาณของผู้คนที่อยู่ที่เมอบิอุสแห่งนี้ ถ้าเก็บไปก็จะเป็นพลังในการต่อสู้ได้
※ ที่จริงแล้วสติกมาก็คือไอเท็มภายในเกมนี้นั่นเอง ตลอดเกมจะเจอสติกมาเต็มไปหมดให้เก็บตามทาง
แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีผลต่อเนื้อเรื่อง แค่เป็นพวกไอเท็มที่เอาไว้สวมใส่เสริมพลังโจมตีหรือป้องกันให้ผู้เล่นใช้ในการต่อสู้
สาวแว่นช่วยตามหาหนุ่มแว่นหลังจากเดินวนอยู่ในชั้น ๒ จนดูแล้วท่าจะไม่ได้เรื่องอะไรเพิ่มเติม ก็ตัดสินใจกลับไปรวมตัวกับอีก ๓ คนเพื่อรวบรวมข้อมูล
สุดท้ายทั้ง ๖ คนก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งโดยที่ยังไม่มีใครได้เรื่องอะไรคืบหน้า
ในขณะที่ทุกคนกำลังลังเลว่าควรทำยังไงต่อดี ก็มีสาวแว่นคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอคือ
โมริตะ นารุโกะ (守田 鳴子) อยู่ชั้น ม.๕ เช่นเดียวกับตัวเราแต่อยู่คนละห้อง
จู่ๆเธอก็เข้ามาถามเรื่องชมรมกลับบ้าน เพราะได้ข่าวลือมาว่าเป็นชมรมกลับบ้านเป็นองค์กรลับที่เข้าถึงความลับของโลกนี้ แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นสมาชิกบ้างและอยู่ที่ไหน เธอต้องการหาข้อมูลเพื่อไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ตให้คนมาตามอ่านเรียกยอดเข้าชม
ตอนแรกโคโตโนะพยายามจะไม่ยอมบอกว่าจริงๆชมรมกลับบ้านก็คือพวกเรานั่นเอง เพราะนี่เป็นความลับถ้าถูกพวกศัตรูรู้เข้าก็จะลำบากได้
แต่โคตาโรวก็เผลอหลุดปากบอกออกมาให้นารุโกะรู้จนได้ แต่พวกโชวโงะก็พยายามช่วยกลบเกลื่อนว่าชมรมกลับบ้านก็แค่กลุ่มคนที่สนิทกันมารวมตัวกัน ไม่ได้มีความลับอะไร แล้วเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงคางิพี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล ปรากฏว่านารุโกะมีข้อมูลเรื่องนี้อยู่ โดยได้ข่าวว่าคางิพีเป็นนักเรียนห้อง ๖/๔
ทุกคนจึงตัดสินใจขึ้นไปห้อง ๖/๔ ซึ่งอยู่ชั้น ๓ โดยนารุโกะก็ขอตามไปด้วย ระหว่างกำลังเดินขึ้นบันไดไปก็เจอเพื่อนห้องเดียวกับนารุโกะ ชื่อ
มิซึงุจิ มาริเอะ (水口 茉莉絵)
มาริเอะ
※ ส่วนนี้ต่างจากในอนิเมะ:
โดยในอนิเมะนั้นมาริเอะจะรู้จักและสนิทสนมกับตัวเอกและปรากฏตัวบ่อยด้วย
แต่ในเกมจะรู้จักมาริเอะผ่านนารุโกะอีกที และไม่ได้มีบทเด่นมาก แต่ก็ถือเป็นตัวละครสำคัญคนหนึ่งที่จะมีบทในตอนหลัง
เรื่องราวของมาริเอะได้ถูกเขียนเป็นนิยายแยกต่างหากด้วย カリギュラ EPISODE水口茉莉絵~彼女の見た世界~
นิยายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเกมโดยผ่านมุมมองของมาริเอะ แล้วจะเห็นว่าเธอมีบทบาทมากกว่าแค่ที่เห็นจากในเกม มีความใกล้ชิดกับตัวละครในชมรมหลายคน ไม่ใช่แค่นารุโกะ
อย่างไรก็ตาม นิยายนี้เหมาะสำหรับคนที่เล่นเกมจบแล้วค่อยมาอ่านเพราะต้องรู้ตอนจบมาแล้วจึงจะอ่านได้เข้าใจ
เมื่อขึ้นไปชั้น ๓ จู่ๆก็มีดิจิเฮดเข้ามาจับตัวโคโตโนะลากเข้าห้องเรียนห้องหนึ่งไป
เมื่อเข้าไปช่วย โชวโงะก็เริ่มใช้คาธาร์สิสขึ้นมาได้อีกคน
ครั้งนี้จึงร่วมมือกัน ๒ คนช่วยกันสู้กับดิจิเฮด ช่วยโคโตโนะได้สำเร็จ
โคโตโนะเห็นทั้ง ๒ คนต่อสู้ก็ถามว่าทำยังไงถึงจะได้พลังแบบนี้บ้าง อาเรียจึงบอกว่าถ้ามีเรื่องที่อัดอั้นในใจก็จะระเบิดออกมาเป็นพลังแบบนี้ได้ โคโตโนะเลยลองนึกถึงเรื่องที่อัดอั้นอยู่ภายในใจขึ้นมาดูปรากฏว่าจู่ๆก็สามารถเรียกใช้พลังขึ้นมาได้อย่างง่ายดายจนแม้แต่อาเรียก็ยังตกใจ
ส่วนนารุโกะซึ่งยังไม่ได้รู้สึกตัวถึงความจริงของโลกนี้ก็จะมองไม่เห็นคาธาร์สิสหรือดิจิเฮด แต่จะเห็นเหมือนกับว่ากำลังต่อสู้ตบตีกันธรรมดา มองแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าชมรมกลับบ้านคงไปก่อเรื่องอะไรบางอย่างไว้แน่ถึงได้อยู่ดีๆถูกเล่นงาน
จากนั้นเดินออกจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายต่อ ระหว่างทางก็ยังเจอพวกดิจิเฮด แต่ตอนนี้สู้ได้ ๓ คนจึงสบายขึ้นมาก
ระหว่างทางก็เดินชนเข้ากับนักเรียนหญิงคนหนึ่ง แต่พอเห็นเราเธอก็โจมตีใส่แล้วก็หนีไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แล้วก็เดินมาจนถึงห้อง ๖/๔ แต่ปรากฏว่าไม่มีคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคางิพีอยู่ นารุโกะก็บอกว่าสงสัยข้อมูลที่ได้มาจะผิดพลาดไป
ระหว่างที่กำลังไม่รู้จะทำยังไงก็มีนักเรียนอีกคนเข้ามาทัก เขาคือ
บิวาซากะ เอย์จิ (琵琶坂 永至) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นของโชวโงะและโคโตโนะ เป็นคนที่ดูหัวดีมีผลการเรียนดีเยี่ยม แต่ดูเหมือนโชวโงะจะไม่ค่อยชอบหน้าเขานัก
เอย์จิ
※ ตัวละครใหม่ในภาค overdose:
ตรงส่วนนี้เป็นเนื้อเรื่องที่ถูกเพิ่มเข้ามา เอย์จิเป็นตัวละครที่ไม่มีปรากฏในเกมภาคเก่า และก็ไม่ได้ปรากฏในอนิเมะด้วย ดังนั้นจึงอาจเป็นตัวละครที่คนที่ดูไม่คุ้นเคย สำหรับคนที่ดูอนิเมะมาก่อน
แม้จะเป็นตัวละครที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ แต่เรื่องราวต่างๆที่เพิ่มเข้ามาในภาคใหม่นี้มีหลายส่วนที่เกี่ยวข้องพัวพันกับเขา ถือเป็นตัวละครที่เด่นมากคนหนึ่ง
เมื่อลองถามข้อมูลเกี่ยวกับคางิพีดูเขาก็ให้ข้อมูลว่าคนนั้นก็คือ
ฮิบิกิ เคนสึเกะ (響 鍵介) คนที่เป็นตัวแทนนักเรียนใหม่ ตอนนี้อยู่ชั้น ม.๔
เอย์จิเองก็มีท่าทีเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของโลกนี้แล้วเช่นกัน อาเรียจึงบอกให้ลองชวนเขาเข้าชมรมด้วย แต่โชวโงะปฏิเสธเพราะรู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจ
แล้วอาเรียก็บอกว่าดูเหมือนนารุโกะจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของโลกนี้ขึ้นมาทีละนิดแล้วจึงทำให้เริ่มเกิดความสับสนในข้อมูลที่ได้
พวกเราเดินลงไปชั้น ๑ ซึ่งเป็นชั้นของนักเรียน ม.๔ เพื่อตามหาคางิพี แต่ระหว่างทางก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนแอบถ่ายรูปพวกเราอยู่ ซึ่งจริงๆก็คือนารุโกะ เธอแอบถ่ายรูปชมรมกลับบ้านเพื่อไปโพสต์ในเน็ตเรียกยอดเข้าชม
เมื่อเข้าไปในห้องว่างๆห้องหนึ่งจู่ๆมิวก็ปรากฏตัว แต่อาเรียบอกว่ามิวที่เห็นอยู่นี้เป็นเพียงแค่ภาพเงาที่เกิดจากความทรงจำในอดีตเท่านั้น ไม่ใช่ตัวมิวจริงๆในตอนนี้ และที่อื่นๆในเมืองนี้ก็มีภาพเงาของมิวแบบนี้อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าหาเจอก็จะได้รู้เรื่องของมิวมากขึ้นมาอีก
แล้วในที่สุดก็เดินมาถึงห้อง ๔/๑ ซึ่งเคนสึเกะอยู่ พวกมิฟุเอะก็ตามมาสมทบด้วย
แต่พอเข้ามาก็ไม่เจอตัว
สักพักจู่ๆก็มีเสียงประกาศจากห้องวิทยุกระจายเสียงดังขึ้น เจ้าของเสียงก็คือเคนสึเกะนั่นเอง เขาประกาศว่าให้ช่วยตามจับตัวพวกชมรมกลับบ้านซึ่งตอนนี้ได้ข่าวว่าอยู่ที่ห้อง ๔/๑
พวกโชวโงะจึงตกใจว่าทำไมศัตรูถึงรู้ได้ แล้วจึงรู้ว่านารุโกะเป็นคนแอบถ่ายภาพพวกเราไปโพสต์ลงเน็ตนั่นเอง
พวกดิจิเฮดจำนวนมากจึงบุกเข้ามาในห้องและต้องต่อสู้ด้วย
ครั้งนี้คาธาร์สิสของโคตาโรวก็ได้ตื่นขึ้น จึงได้ร่วมสู้พร้อมกัน ๔ คน จนสามารถจัดการดิจิเฮดที่บุกเข้ามาได้ทั้งหมด
เมื่อสู้จบนารุโกะเองซึ่งมองเห็นเหตุการณ์ก็กลับเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของโลกนี้ขึ้นมาจนได้ และเริ่มมองเห็นคาธาร์สิสและดิจิเฮดขึ้นมาและตกใจกับสิ่งที่เห็น
โคโตโนะจึงสั่งให้โคตาโรวพานารุโกะไปหลบในที่ปลอดภัย
ระหว่างทางบังเอิญเจอกับหนุ่มหล่อชื่อ
มิเนซาวะ อิซึรุ (峯沢 維弦) นักเรียนชั้น ม.๕
อิซึรุ
โชวโงะรู้จักเขาและรู้ว่าเขาเป็นอีกคนที่รู้ถึงความผิดปกติของโลกนี้ จึงชวนเข้าชมรมกลับบ้านด้วย แต่ถูกปฏิเสธ เพราะอิซึรุชอบอยู่คนเดียวไม่ชอบรวมฝูงกับใคร
ครั้งนี้โชวโงะได้ลองชวนเขาอีกครั้งโดยบอกว่าเริ่มได้เบาะแสแล้วและมีหวังที่จะได้กลับ แต่ก็ยังคงถูกปฏิเสธ แล้วเขาก็เดินจากไป
โคตาโรวหลังจากที่พานารุโกะไปซ่อนในที่ปลอดภัยแล้วก็กลับมารวมตัวกันอีก
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องวิทยุกระจายเสียงเพื่อตามหาเคนสึเกะต่อ หนทางไม่ได้เรียบง่ายนัก ระหว่างทางต้องสู้กับดิจิเฮดมากมายเพื่อเปิดทางไปเรื่อยๆ
เผชิญหน้ากับหนุ่มแว่นหลังจากที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมายในที่สุดก็มาจนถึงห้องวิทยุกระจายเสียง
เมื่อมาถึงก็พบกับเคนสึเกะ
เคนสึเกะได้เล่าระบายความในใจว่าเขาต้องการจะอยู่ในโลกเมอบิอุสแห่งนี้ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้ความฝันตัวเองเป็นจริง อยู่ที่นี่เขาได้เป็นเด็กมัธยมปลายไปตลอดกาลไม่ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เป็นคางิพี นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงมีคนฟังไปทั่ว ซึ่งเป็นความฝันที่ตัวเองยังทำไม่ได้ในโลกความเป็นจริง จึงต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อไป กลัวการที่จะต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นก็แค่คนธรรมดา ต้องใช้ชีวิตไปวันๆในแบบที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเลย ไม่อาจไล่ตามความฝันอะไรได้เลย
ส่วนฝั่งชมรมรมกลับบ้านเองก็มีเหตุผลที่ต้องการจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ความเห็นจึงไม่ลงรอยกัน สุดท้ายก็ต้องตัดสินกันด้วยการต่อสู้
เคนสึเกะเลเวล ๑๓ แข็งแกร่งทีเดียว แต่ก็เป็นการสู้แบบ ๔ รุม ๑ จึงชนะได้ไม่ยาก
เมื่อเคนสึเกะสู้แพ้เขาจึงเริ่มใจอ่อนลง เริ่มเข้าใจถึงความรู้สึกที่อยากกลับบ้านของทุกคน เริ่มรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ แม้จะยังไม่ได้ถามถึงเหตุผลที่อยากกลับก็ตาม และเกิดความรู้สึกสนใจชมรมกลับบ้านขึ้นมาแล้วขอเข้าชมรมด้วย
เคนสึเกะได้บอกข้อมูลของฝั่งนักดนตรีซึ่งตัวเองพอจะรู้ แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมาก เพราะจริงๆแล้วเขาก็เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ และยังรู้จักคนอื่นไม่หมด
คุยกันไม่ทันไรก็มีดิจิเฮดบุกเข้ามาโจมตี
ครั้งนี้เคนสึเกะจึงร่วมสู้ด้วย โดยอาเรียก็ได้ช่วยมอบพลังให้ใช้คาธาร์สิสได้ในฐานะสมาชิกของชมรมกลับบ้าน จึงได้เคนสึเกะมาเป็นผู้ร่วมสู้ได้อีกคน
เสร็จแล้วทุกคนก็กลับไปยังห้องชมรมเพื่อเตรียมแผนว่าจะทำยังไงกันต่อไป
※ ส่วนแตกต่างจากในอนิเมะ: ในอนิเมะกว่าเคนสึเกะจะย้ายมาเข้ากลุ่มชมรมกลับบ้านก็เป็นช่วงครึ่งหลังของเรื่อง เป็นคนท้ายสุด ช่วงแรกยังอยู่กับฝ่ายนักดนตรีมาโดยตลอด
แต่ในเกมเป็นสมาชิกคนที่ ๗ และเป็นคนที่ ๕ ที่สามารถใช้คาธาร์สิสเพื่อต่อสู้ได้ (ตอนนี้มิฟุเอะกับสึซึนะยังใช้คาธาร์สิสไม่ได้)
ในอนิเมะเคนสึเกะมีนิสัยค่อนข้างโผงผางกว่าในเกม เขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาชัดเจน รู้สึกสนใจว่าแต่ละคนทำไมถึงมาที่เมอบิอุสและทำไมอยากกลับไป
>> ตอนถัดไป