ช่วงนี้มีโอกาสได้ดูสารคดีที่น่าสนใจ ชื่อว่า planet earth เป็นสารคดีที่ดีมาก เกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตต่างๆบนโลก เมื่อดูจบจึงได้อยากทำการบันทึกข้อมูลหลังดู และลองสรุปสาระสำคัญของมันดู แต่ก็ไม่อยากแค่บันทึกเปล่าๆ จึงได้ถือโอกาสเขียนลงบล็อกให้คนอื่นๆได้อ่านเช่นกัน
http://en.wikipedia.org/wiki/Planet_Earth_%28TV_series%29
ซีรีส์นี้มีจำนวนหลายตอน สำหรับตอนที่หยิบมาเขียนครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับถ้ำ ซึ่งคิดว่ามีอะไรน่าสนใจมากมาย
สารคดียาวถึงกว่าสี่สิบนาที แต่ตัดมาแค่บางภาพเท่านั้น และเขียนคำอธิบายในมุมมองของตัวเองรวมทั้งใส่ข้อมูลเพิ่มเติมจากความรู้ที่มี
ในนี้จะเป็นการเขียนสรุปย่อพร้อมภาพประกอบ และลิงค์ไปสู่แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับคนที่สนใจข้อมูล หากใครดูแล้วสนใจมากๆต้องอาจลองหาสารคดีนี้มาดูกันจริงๆ ซึ่งก็แนะนำเป็นอย่างมาก
เนื่องจากภาพต่างๆตัดมาจากวีดีโอดังนั้นจึงอาจไม่ชัดและสวยงามเท่าที่ควร ท่านที่อยากดูภาพสวยๆสามารถเอาชื่อสถานที่หรือชื่อสัตว์ที่วงเล็บไว้เป็นภาษาอังกฤษไปหาใน google ได้
-------------------------------
1. ภาพปากหลุมถ้ำอันมหึมาที่เห็นอยู่นี้ คือสถานที่ที่เรียกว่า Sótano de las Golondrinas ซึ่งเป็นชื่อภาษาสเปนแปลว่า ถ้ำนกนางแอ่น อยู่ในรัฐซันลุยส์โปโตซี (San Luis Potosí) ประเทศเม็กซิโก มันเป็นปากถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้ำแห่งนี้เพิ่งจะมีมนุษย์ลงไปสำรวจครั้งแรกเมื่อปี 1966 นี่เอง
http://en.wikipedia.org/wiki/Cave_of_Swallows
ดูจากภาพแรกคงสงสัยว่าชายคนนี้โดดลงไปทำไม จะรอดมั้ย แต่ว่าแน่นอนว่าคงไม่มีใครโดดลงไปโดยไม่มีร่มชูชีพ การได้โดดดิ่งลงสู่ปากถ้ำนี้ก็เป็นอะไรที่ตื่นเต้นท้าทายมากเหมือนกัน
2. ข้ามมาดูทางถ้ำในนิวซีแลนด์ เจ้าหนอนเรืองแสง (Cave glow worm) กำลังดักจับเหยื่อโดยใช้เส้นใยไหมเหนียวๆที่ผลิตออกมาจากปากมันอยู่ โดยหนอนเรืองแสงตัวนึงสรรค์สร้างใยไหมขึ้นมานับสิบเส้น ทำให้เห็นเพดานถ้ำประดับประดาไปด้วยเส้นใยห้อยลงมาดูสวยงาม
นอกจากนั้นแล้ว ที่ก้นของมันยังเรืองแสงสีฟ้า ซึ่งช่วยล่อให้เหยื่อมาติดกับง่ายขึ้นด้วย พอเหยื่อบินมาโดนใยไหมกับดักของมันเข้า มันก็จะมีอาหารกินสบายทันที
http://en.wikipedia.org/wiki/Cave_glow_worm
3. ถ้ำที่พวกเราเห็นกันอยู่ทั้งหมดนั้น ปกติแล้วจะต้องประกอบไปด้วยหินปูนซึ่งเกิดการกัดเซาะของน้ำจนกลายเป็นโพรงขึ้น
ภาพที่เห็นนี้คือหมู่เสาหินปูนที่อ่าวฮาลอง หรือ หวิ่นห์ห่าลอง (Vịnh Hạ Long) ประเทศเวียดนาม แถวนั้นมีเกาะหินปูนจำนวนมากมาย ซึ่งเมื่อก่อนมันเคยเป็นปึกแผ่นเดียวกัน แต่ได้รับการกัดเซาะของน้ำจนเหลือร่องรอยดังที่เห็น (เขาตะปูที่จังหวัดพังงาของไทยก็เป็นเขาหินปูนที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำเช่นเดียวกัน)
http://en.wikipedia.org/wiki/Halong_bay
**เพิ่มเติม 17/07/10 ทริปตะลุยทั่ว เวียตนาม-16 อ่าวฮาลอง #SageNu
ที่เกาะบอร์เนียวเองก็มีหินที่มีลักษณะเป็นยอดแหลมจำนวนมากเพราะโดนฝนกัดเซาะ
ที่เกาะบอร์เนียวนี้เองก็มีอุโมงลำธารใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อว่าถ้ำเดียร์เคฟ (Deer Cave) อยู่ในประเทศมาเลเซีย
http://en.wikipedia.org/wiki/Deer_Cave
4. พูดถึงถ้ำ สัตว์ชนิดแรกที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงก็คงเป็นค้างคาว สำหรับในถ้ำเดียร์เคฟนี้ มีค้างคาวสายพันธุ์หนึ่งเรียกว่าค้างคาวปากย่น (wrinkle-lipped bat) อาศัยอยู่มากถึงสามล้านตัวเลยทีเดียว
ส่วนที่พื้นถ้ำก็เต็มไปด้วยแมลงสาบนับล้านๆตัว
5. นอกจากนี้ยังมีนกนางแอ่นถ้ำ (cave swiftlet) ซึ่งออกหากินข้างนอกถ้ำในตอนกลางวัน พอตกเย็นก็กลับมาพักอยู่ในถ้ำ เมื่ออยู่ในที่มืดจะใช้เสียงเป็นสัญญาณแทนการมองเห็น สีขาวๆในภาพคือรังนกซึ่งมันสร้างขึ้นมาเองจากน้ำลาย มนุษย์ชอบเอาไปทำซุปรังนกกันซึ่งมีราคาแพงมาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Cave_swiftlet
6. เมื่อกระแสน้ำกัดเซาะจนเกิดโพรงถ้ำได้ สิ่งที่มันทำได้อีกอย่างก็คือหากน้ำซึ่งประกอบไปด้วยแคลไซต์นี้ไหลซึมที่เพดานถ้ำแล้วหยดลงมา มันก็จะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าหินย้อย (stalactite) ขึ้น
http://en.wikipedia.org/wiki/Stalactite
มันต้องใช้เวลานานมากๆกว่าแคลไซต์ที่ตามมากับหยดน้ำทีละนิดจะก่อตัวจนยาวขึ้น แต่เมื่อผ่านไปนานก็จะได้เป็นหินย้อยที่งดงาม
ในทางตรงกันข้าม ถ้าน้ำหยดมาที่จุดหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้วแคลไซต์เกิดการก่อตัวจากด้านล่างก็จะเกิดเป็นหินงอก (Stalagmite) ขึ้น
http://en.wikipedia.org/wiki/Stalagmite
เมื่อมันมารวมกันก็จะเกิดเป็นเสาหินสวยงาม
ภาพนี้คือหินงอกหินย้อยในถ้ำคาร์ลสแบ๊ด (Carlsbad Cavern) ใช้เวลาก่อตัวถึงหลายพันปี
http://en.wikipedia.org/wiki/Carlsbad_Caverns_National_Park
7. กลับมาที่เม็กซิโกอีกครั้ง ที่คาบสมุทรยูคาทาน (Yucatán Peninsula) ทางตะวันออกของประเทศนี้มีอารยธรรมโบราณที่สำคัญอยู่ ซึ่งก็คืออาณาจักรมายา ภาพนี้คือพีรามิดของชาวมายา
http://en.wikipedia.org/wiki/Maya_civilization
ในบริเวณนั้นไม่มีทั้งแม่น้ำและทะเลสาบ สิ่งที่ชาวมายาในสมัยนั้นต้องพึ่งพามาช้านานก็คือโพรงถ้ำที่มีน้ำถ้วมขัง เรียกว่าเซโนเต (cenote) (คำนี้เป็นภาษาสเปน)
http://en.wikipedia.org/wiki/Cenote
มุมมองจากด้านใต้เซโนเต ตรงที่ยังเห็นแสงสว่าง
โพรงถ้ำภายใต้นั้นซับซ้อนมาก มีการพยายามสำรวจและทำแผนที่ทางเดินถ้ำใต้น้ำนี้มามาก แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเป็นงานที่อันตรายมาก ปลายทางของถ้ำนั้น ล้วนทะลุออกสู่ทะเล
8. ที่เกาะพัวร์ไนต์ส (Poor Knights Islands) ในนิวซีแลนด์มีถ้ำใต้ทะเลอยู่ ที่นั่นเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลามากมายหลายชนิด
http://en.wikipedia.org/wiki/Poor_Knights_Islands
9. เนื่องจากภายในต้ำนั้นเป็นดินแดนที่มืดและตัดขาดจากโลกภายนอก ดังนั้นสิ่งมีชีวิตในนั้นจึงมีวิวัฒนาการที่ผิดแผกออกไป เราเรียกสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ซึ่งอยู่แต่ในถ้ำไม่เคยโผล่ออกไปได้รับแสงสว่างเลยนี้ว่า โทรโกลไบต์ (troglobite)
ปลาผีเสื้อถ้ำ (Cave angel fish หรือ Waterfall climbing cave fish) เป็นโทรโกลไบต์ชนิดหนึ่ง พบได้ในประเทศไทยเท่านั้น เป็นสัตว์ที่ปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในถ้ำเป็นอย่างดีที่สุด มันไม่มีตาเนื่องจากไม่จำเป็นสำหรับในที่มืดมิด
http://en.wikipedia.org/wiki/Cave_angel_fish
โทรโกลไบต์อีกชนิดหนึ่งคือซาลามานเดอร์ถ้ำเท็กซัส (Texas blind salamander) เป็นหนึ่งในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เหลืออยู่เพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยตัวในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา มันเป็นสัตว์ที่ไม่มีสี และไม่มีตาเช่นกัน
http://en.wikipedia.org/wiki/Texas_cave_salamander
10. ที่ถ้ำวิลลาลุซ (Cueva de Villa Luz) ในเม็กซิโกตอนใต้ รัฐตาบาสโก (Tabasco) น้ำในถ้ำเต็มไปด้วยกรดกำมะถันซึ่งเกิดจากแก๊สไข่เน่าซึ่งเกิดจากน้ำมันที่กองทับถมอยู่ลึกลงไปหลายพันเมตร จนไม่น่าที่จะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้
http://en.wikipedia.org/wiki/Cueva_de_Villa_Luz
ถึงอย่างนั้นในนี้ก็ยังมีสัตว์บางชนิดอาศัยอยู่ได้ เช่น ปลามอลลีถ้ำ (cave molly) และยังมีสัตว์อื่นๆอีกหลายชนิด
11. ในถ้ำนั้นยังเจอหินย้อยรูปร่างประหลาด ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือนิคม (colony) ของแบคทีเรียที่เรียกว่าสนอตไทต์ (snottite) มันมีความสำคัญมากเพราะเป็นฐานของห่วงโซ่อาหาร โดยแบคทีเรียเหล่านี้ได้รับพลังงานจากแก๊สไข่เน่า นั่นทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นที่นี่ใช้ชีวิตอยู่ได้
http://en.wikipedia.org/wiki/Snottite
12. ที่รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา มีถ้ำแห่งหนึ่งเรียกว่าถ้ำเลชูกียา (Lechuguilla Cave) เป็นถ้ำที่ยาวเป็นอันดับห้าของโลก ได้รับการยอมรับว่าเป็นถ้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยสิ่งแปลกๆมากมาย คนเพิ่งค้นพบมันเมื่อปี 1986 นี้เอง ก่อนหน้านี้มันถูกเข้าใจว่าเป็นเพียงถ้ำเล็กๆที่ไม่มีอะไรสำคัญ
http://en.wikipedia.org/wiki/Lechuguilla_Cave
ผนังถ้ำเต็มไปด้วยผลึกยิปซัมที่สวยงามปกคลุมไปทั่ว ผลึกยิปซัมเหล่านี้เองที่ประดับปกคลุมจนถ้ำนี้ดูสวยงามตระการตา
ลึกลงไปยังเจอแหล่งน้ำที่พื้นเต็มไปด้วยสีสันสวยงาม
หินปูนที่กองกันเป็นรูปกรวยสวยงาม
ยิปซัมนี้เกิดจากการกัดกร่อนหินปูนของน้ำซึ่งทำให้เกิดถ้ำขึ้นมานั่นเอง มันทำให้ถ้ำดูสวยงามมากจริงๆ
คงจะได้เห็นกันแล้วว่าธรรมชาติช่างสร้างสรรค์สิ่งที่สวยงามยิ่งนัก ที่เห็นนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังมีถ้ำที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกมากมาย และบางแห่งยังคงรอการสำรวจอยู่
ถ้ำ... เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ในธรรมชาติที่มีอะไรน่าค้นหามากมาย ยังมีสถานที่แบบอื่นๆอีกมาก เช่น ทุ่งหญ้า ป่าลึก หุบเขา ทุ่งหิมะ ทะเลทราย หนองน้ำ ใต้ทะเล ฯลฯ
หากมีโอกาส คงจะได้มานำเสนอธรรมชาติอันสวยงามเหล่านี้ให้ได้ชมกันอีก
ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ