จากที่ไปอยู่ไต้หวันมา ๓ เดือนก็ลองเอามาเขียนสรุปสิ่งที่ได้เจอและได้รู้มาคร่าวๆ ต้องบอกก่อนว่าเป็นการเขียนแบบที่เรียกว่านึกอะไรได้ก็เขียนไม่ได้รวมรวมเรียบเรียงลำดับอะไรมาก อาจอ่านยากนิดหน่อย เอาเป็นว่าคร่าวๆให้คนอ่านพอจะรู้จักดินแดนที่ชื่อว่าไต้หวันนี่ขึ้นมาสักเล็กน้อย
สถานที่
- เมืองหลวงที่นี่คือไถเป่ย์ หรือที่เราเรียกกันว่าไทเป อยู่เหนือสุดของเกาะ ส่วนทางใต้เกือบสุดของเกาะมีเมืองอันดับสองคือเกาสยง
- พื้นที่เกาะไต้หวันประมาณสามหมื่นหกพัน ตร.กม. ใกล้เคียงกับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่+เชียงราย+ลำพูน รูปร่างก็คล้ายๆ
- เกาะขนาดไม่ใหญ่มากแต่ยาว การเดินทางจากเหนือสุดไปใต้สุดของเกาะก็น่าจะราวๆกับเดินทางจากกรุงเทพฯไปขอนแก่น
- มีสี่เมืองที่ชื่อพ้องกันขึ้นต้นด้วย "ไถ" คือ ไถเป่ย์ ไถจง ไถหนาน ไถตง (เป่ย์=เหนือ, จง=กลาง, หนาน=ใต้, ตง=ตะวันออก) อย่างไรก็ตาม สามเมืองแรกเป็นเมืองใหญ่ แต่เฉพาะไถตงเป็นแค่บ้านนอก
- เมืองหลักๆของไต้หวันล้วนอยู่ซึกตะวันตก ส่วนกลางเกาะเป็นภูเขาเต็มไปด้วยธรรมชาติ ด้านตะวันออกก็มีเมืองอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากและเป็นแค่เมืองเล็กๆ
- จังหวัดหลักๆชายฝั่งตะวันตกไล่จากทางเหนือไปใต้ก็คือ จีหลง>ไทเป>เถาหยวน>ซินจู๋>เหมียวลี่>ไถจง>จาง ฮว่า>หยวินหลิน>เจียอี้>ไถหนาน>เกาสยง>ผิงตง (เนื่องจากมีอยู่ไม่กี่จังหวัด อยู่แค่ ๓ เดือนจำได้ขึ้นใจหมดแล้ว แม้ว่าเลยจากไถจงจะไม่เคยไปมาเลยก็ตาม)
- นอกจากตัวเกาะไต้หวันแล้ว ไต้หวันยังมีดินแดนห่างไกลอีก หลักๆมีอยู่ ๓ แห่งคือ เผิงหู, จินเหมิน และหมาจู่ สองอันหลังอยู่ใกล้จีนแผ่นดินใหญ่มาก
- เกาะจินเหมินอยู่ใกล้ชายฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่มาก เมื่อก่อนจึงเคยเป็นแดนสงคราม ปัจจุบันสงบศึกแล้ว
- ไต้หวันอยู่ห่างจากจีนแผ่นดินใหญ่พอควร หากมาจากจีนแผ่นดินใหญ่และชอบความท้าทายอาจลองว่ายน้ำข้ามฝั่งระยะไกลจาก ฝั่งแถวฝูโจวเป็นระยะ 165 กิโลเมตร จะขึ้นฝั่งที่ไทเปอย่างปลอดภัย (ตรงไหน?)
- เขาที่สูงสุดสูงสามพันเก้าร้อยกว่ากิโลเมตร ฤดูหนาวจะมีหิมะตก
- อยู่ใกล้กับหมู่เกาะในจังหวัดโอกินาวะของญี่ปุ่นมาก เกาะใกล้สุดคือเกาะโยนางุนิอยู่ห่างเพียงร้อยกว่ากิโลเมตร
- และอยู่ใกล้เกาะหมู่เกาะโอกินาวะมากกว่าเกาะหลักของญี่ปุ่นเองซะอีก
- ชายฝั่งเหนือของที่นี่มีธรรมชาติชายฝั่งที่สวยงามมากมาย มีภูมิประเทศที่กัดกร่อนเป็นรูปร่างแปลกๆอยู่ตลอดแนวชายฝั่ง (ดูที่หน้า >> ธรรมชาติงดงามสุดแดนเหนือ)
สังคมและวัฒนธรรม
- คนที่นี่ค่อนข้างเป็นมิตรดี ถ้าเห็นคนต่างชาติไปถามทางเขาก็มักจะช่วยเต็มที่
- สำคัญมากเลยคือ รถที่นี่ชิดขวา และพวงมาลัยคนขับอยู่ซ้าย ถ้าไม่ชินอาจรถชนได้
- รถที่นี่ทุกคันดูเหมือนจะติด gps หมดแล้ว
- เวลาเดินขึ้นบันไดเลื่อนมีกฎอยู่ว่าต้องยืนชิดขวา ส่วนด้านซ้ายมีไว้ให้คนที่กำลังรีบเดินผ่านไป ที่ไทยเองตอนนี้ก็กำลังมีการพยายามจัดระเบียบให้เป็นแบบเดียวกันอยู่
- ภาษากลางของที่นี่เรียกว่าภาษาจีนกลาง (จงเหวิน, 中文) ไม่ใช่ภาษาไต้หวัน (ไถหยวี่, 台語) คำว่าภาษาไต้หวันหมายถึงภาษาฮกเกี้ยนซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันแต่เดิมของที่นี่
- คนที่นี่พูดจีนกลางเป็นหลัก แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่ดั้งเดิมจะพูดฮกเกี้ยนกันก็ตาม แต่ยิ่งรุ่นใหม่ๆยิ่งจะพูดฮกเกี้ยนได้น้อยลงเรื่อยๆ
- ใครพูดแต้จิ๋วเป็นก็สามารถสื่อสารกับคนที่นี่ได้ เพราะแต้จิ๋วกับฮกเกี้ยนใกล้เคียงกันมาก
- อักษรจีนที่นี่ใช้อักษรตัวเต็ม ซึ่งต่างจากแผ่นดินใหญ่ซึ่งใช้ตัวย่อ เขียนยากกว่ามาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่คนอาจไม่อยากเรียนภาษาจีนที่นี่
- ถ้าเป็นที่จีนแผ่นดินใหญ่แม้ใช้ตัวย่อเป็นหลักแต่ก็อาจเจอตัวเต็มอยู่หลาย แห่งประปราย แต่ถ้าที่ไต้หวันจะเจอแต่ตัวเต็มเท่านั้น หว่าหวังจะได้เจอตัวย่อง่ายๆถ้ามาที่นี่
- สำเนียงคนที่นี่ไม่เหมือนสำเนียงมาตรฐานที่จีนแผ่นดินใหญ่ แต่เขามีสำเนียงมาตรฐานของเขา (คล้ายที่ภาษาอังกฤษมีสำเนียงอังกฤษกับอเมริกา) แต่เห็นเขาบอกว่าจีนกลางสำเนียงไต้หวันเป็นสำเนียงที่เพราะที่สุด
- ถ้าคนไต้หวันเห็นคนหน้าเอเชียแบบเราพูดจีนกลางได้แต่พูดไม่ชัดแบบนี้ เขามักจะนึกว่าเราเป็นคนฮ่องกง เพราะคนฮ่องกงมีชื่อเสียงเรื่องพูดจีนกลางไม่เก่ง
- สถานีรถไฟบางแห่ง และรถเมล์บางคันมีภาษาไทยและเวียดนามกำกับด้วย (ดูที่หน้า >> เรื่องเล่า รถเมล์ในไต้หวัน)
- เห็นเขาบอกว่าเพราะเมืองที่เราอยู่และเมืองที่เราไปเรียน (เถาหยวนและจงลี่) มีคนไทยและเวียดนามเยอะ แต่ส่วนใหญ่เป็นแรงงาน
- อาหารที่นี่โดยรวมแล้วอร่อยกว่าในไทยแทบทั้งหมดเลย ราคาแพงกว่าเล็กน้อยแต่ไม่ได้แพงเกินไป
- ที่นี่ส่วนใหญ่ทานบะหมี่กันมากกว่าข้าว แต่เส้นบะหมี่เขาไม่เหมือนไทย มันอร่อยน่ากินกว่ามาก
- อาหารอร่อยในไต้หวันส่วนใหญ่คืออาหารจีนทั้งนั้น ส่วนที่คนเรียกกันว่าอาหารไต้หวันมักจะไม่ค่อยอร่อย
- ของกินขึ้นชื่ออย่างหนึ่งที่นี่คือเต้าหู้เหม็น (臭豆腐, โช่วโต้วฝุ) แต่คนต่างถิ่นน้อยคนนักที่กินแล้วจะชอบ
- ของขึ้นชื่อที่อร่อยที่สุดก็คือเค้กสัปปะรด ไปที่ไหนก็เจอสามารถซื้อได้
- คนที่นี่ชอบกินหมากกันมากเลยแม้แต่คนหนุ่มสาว
- การขายหมากของที่นี่ก็ไม่ธรรมดาเพราะทำเป็นธุรกิจใหญ่และมักใช้สาวๆขายเพื่อดึงดูดคนซื้อ (ดูที่หน้า >> คนขายหมากที่ไต้หวัน)
- เทศกาลไหว้บะจ่างที่นี่มีการแข่งเรือมังกรด้วย (ดูที่หน้า >> แข่งเรือมังกร)
ประวัติศาสตร์
- ไต้หวันแต่ก่อนมีแต่ชนเผ่าอยู่ เพิ่งมีคนจีนย้ายมาอยู่เมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน สมัยราชวงศ์หมิงเอง
- ดังนั้นที่นี่ไม่มีสถานท่องเที่ยวเก่าแก่หลายร้อยปี ส่วนใหญ่มีแต่สิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ทั้งนั้น ไม่เหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวสถานที่โบราณ
- แต่ไม่ใช่ว่าไต้หวันไม่มีประวัติศาสตร์ต้องเรียน เพราะเขาถือว่าประวัติศาสตร์จีนทั้งประเทศตั้งแต่โบราณก็คือประวัติศาสตร์ของเขา
- คนจีนที่อพยพมาอยู่นี่ก็เช่นเดียวกับที่อื่นของโลกคือเป็นคนฮกเกี้ยนส่วนใหญ่ ภาษาหลักของที่นี่จึงเป็นฮกเกี้ยน
- ไต้หวันเคยโดนญี่ปุ่นยึดครองเป็นเวลาห้าสิบปี ทำให้มีอะไรหลายอย่างแยกต่างจากจีนแผ่นดินใหญ่
- ด้วยเหตุนี้คนไต้หวันแก่ๆจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย (แต่เนื่องจากกระแสนิยมญี่ปุ่นแรง คนหนุ่มสาวพูดญี่ปุ่นได้ก็เริ่มจะไม่น้อย)
- แม้ว่าจะเคยโดนญี่ปุ่นปกครองเหมือนกับเกาหลี แต่คนที่นี่ก็ตรงกันข้ามกับเกาหลี คือไม่เกลียดญี่ปุ่นแต่รักและผูกพันญี่ปุ่นมาก
- บุคคลสำคัญของไต้หวันมีอยู่ ๒ คน คือซุดยัดเซน กับ เจียงไคเชก
- ในขณะที่ซุนยัดเซนเป็นที่นับถือของทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย แต่เจียงไคเชกเป็นที่รังเกียจบนจีนแผ่นดินใหญ่
- เช่นเดียวกัน คนไต้หวันก็เกลียดเหมาเจ๋อตงและคอมมิวนิสต์สุดๆ
- ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตามบนเกาะนี้ จะต้องเจอรูปปั้นของเจียงไคเชกตั้งอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งราวกับเขาเป็นเทพประจำเกาะ
- สาธารณรัฐจีนก่อตั้งขึ้นปี 1911 บนจีนแผ่นดินใหญ่ แต่แพ้พรรคคอมมิวนิสต์จนต้องย้ายมาอยู่ไต้หวันตั้งแต่ปี 1949 อย่างไรก็ตามคนไต้หวันถือว่าวันก่อตั้งชาติคือปี 1911
- เพราะคนไต้หวันถือว่าแต่เดิมเขาคือจีนทั้งแผ่นดิน ต่อมาเสียดินแดนให้พวกคอมมิวนิสต์จนเหลือแค่เกาะไต้หวัน
- ซึ่งมันชวนให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดว่าไต้หวันแยกจากจีนตั้งแต่ปี 1911 ดังนั้นต้องทำความเข้าใจให้ถูกด้วย
- ปัจจุบันไต้หวันไม่ใช่ประเทศ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจีนที่แยกปกครองอย่างอิสระ แต่ห้ามพูดอย่างนี้ให้คนไต้หวันได้ยินเพราะเขาจะไม่พอใจ
- คนไต้หวันหลายคนเวลาคุยเรื่องปัญหาทางการเมืองกับจีนแผ่นดินใหญ่แล้วจะหน้าจริงจังขึ้นมาทันที พยายามหลีกเลี่ยงดีที่สุด
การศึกษา
- มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งที่นี่คือมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันหรือที่เรียก ย่อๆว่าไถต้า ใครเข้าได้ก็ถือว่าสุดยอด ส่วนอันดับสองถามแต่ละคนจะได้คำตอบไม่เหมือนกัน แล้วแต่โพล
- ไถต้าเป็นมหาวิทยาลัยที่เด่นสุดในหลายๆด้าน มันกว้างใหญ่มากและแทบจะมีทุกอย่าง และเป็นแห่งเดียวในไต้หวันที่ติดอันดับท็อปร้อยมหาวิทยาลัยโลก
- มหาวิทยาลัยที่เห็นของรัฐบาลจะขึ้นต้นด้วยคำว่า 國立(กั๋วลี่ = แห่งชาติ = national) เสมอ ด้วยเหตุนี้เห็นชื่อแล้วจะรู้ทันทีว่าเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลหรือเอกชน
- ปีการศึกษาที่นี่เริ่มเทอม ๑ ต้นเดือนกันยายน สิ้นสุดต้นมกราคม เทอม ๒ เริ่มกุมภาพันธ์ สิ้นสุดมิถุนายน
- สถาบันภาษาที่นี่แบ่งการเรียนเป็น ๔ เทอมต่อปี เทอมละ ๓ เดือน
- เรียนภาษาที่นี่ถ้าในห้องมีเพื่อนชาวต่างชาติอื่นๆก็มักจะได้ภาษาเขาไปด้วย ไม่แปลก
- เวลาเพื่อนต่างชาติคุยภาษาของเขาเรามักมองแล้วตลก แต่เราจะรู้สึกได้ว่าเวลาเราคุยภาษาไทยเขาก็ตลกเราเช่นกัน (สรุปอย่าไปตลกเขาเลย)
- ภาษาจีนที่นี่เรียนเป็นตัวเต็มล้วนๆ แต่ถ้าเขียนตัวย่อมาอาจารย์ก็ยังรู้เรื่อง เพียงแต่จะโดนบอกให้แก้เป็นตัวเต็มทันควัน
- อย่างไรก็ตาม เวลาเขียนรีบๆก็เห็นมีคนเขียนจีนตัวย่อกันอยู่ดี เพราะมันง่ายกว่า
- มีมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ชื่อซ้ำกับในจีนแผ่นดินใหญ่ บางแห่งก็มีความเกี่ยวพันทางประวัติศาสตร์ บางแห่งก็แค่บังเอิญ ดังนั้นเวลาพูดถึงต้องบอกด้วยว่าของแผ่นดินใหญ่หรือของไต้หวัน
- เช่นมหาวิทยาลัยชิงหัวของไต้หวันมีที่มาจากชิงหัวที่จีน เนื่องจากสมัยที่เจียงไคเชกแพ้แล้วหนีมาไต้หวันมีนักวิชาการจากแผ่นดินใหญ่ หนีมาด้วยจำนวนมาก และได้ตั้งมหาวิทยาลัยใหม่หลายแห่งให้เหมือนกับในแผ่นดินใหญ่
- แต่ชิงหัวที่จีนก็ยังคงอยู่มาตลอด ปัจจุบันดังกลายเป็นมหาวิทยาลัยดังระดับโลก ดังกว่าชิงหัวที่ไต้หวันเสียอีก
- ที่นี่มีมหาวิทยาลัยชื่อมหาวิทยาลัยซุนยัดเซนและมหาวิทยาลัยเจียงไคเชก ซึ่งก็ดังมากทั้งคู่ ที่จีนแผ่นดินใหญ่ก็มีมหาวิทยาลัยซุนยัดเซนอยู่ที่กว่างโจว แต่กลับไม่มีมหาวิทยาลัยเหมาเจ๋อตง
- ถ้าถามคนไต้หวันว่ามหาวิทยาลัยแห่งไหนสวยสุดอาจได้รับคำตอบต่างกันไป เพราะมีที่สวยอยู่หลายแห่ง (ดูที่หน้า >> มหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในไต้หวัน)
คมนาคม
- ถนนในไต้หวันชื่อโหลมาก ถ้าเดินทางข้ามเมืองไปจะเจอถนนชื่อซ้ำกับถนนในอีกเมืองแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกันเลยเยอะมาก
- ในทุกๆเมืองจะต้องมีถนนชื่อถนนจงเจิ้ง (= เจียงไคเชก) กับถนนจงซาน (= ซุนยัดเซน) เป็นถนนสายหลักกลางเมือง ไปเมืองไหนก็เจอ แต่ทั้งหมดนี้เป็นถนนคนละสาย แค่ชื่อเหมือนกัน
- มีอยู่ ๒ เมืองที่มีรถไฟฟ้าใช้ คือไทเปกับเกาสยง
- ของไทเปนั้นโยงเป็นเครือข่ายไปทั่วเมืองไปจนถึงชานเมือง อยากไปไหนก็แทบจะไปได้หมด
- รถไฟฟ้าที่นี่เชื่อมต่อกันภายในสถานี หมายถึงว่าหยอดบัตรทีเดียวจะไปที่ไหนก็ได้ภายในเครือข่ายรถไฟฟ้า ไม่เหมือนของกรุงเทพฯแยกเป็น bts, mrt, airport link
- รถไฟที่นี่สุดยอดมาก เป็นการคมนาคมหลักของทั้งเกาะ เรียงเป็นรูปวงแหวนวนรอบเกาะ เสมือนกระดูกสันหลัง (ดูที่หน้า >> รถไฟในไต้หวัน)
- รถไฟที่นี่เร็วกว่ารถเมล์ระหว่างเมือง (รถทัวร์) ทำให้สะดวกมาก
- รถไฟสายหลักเป็นรถไฟธรรมดาไม่ใช่ความเร็วสูง แต่ก็เร็วมากเหมือนกัน
- รถไฟมาทุก ๑๐-๒๐ นาที (ช่วงไทเปถึงซินจู๋นะ ถ้าเป็นช่วงอื่นอาจมาน้อยลง) สะดวกมาก ส่วนใหญ่อยากขึ้นเมื่อไหร่ก็ขึ้นได้
- สามารถซื้อบัตรเดินทางสะดวกซึ่งสามารถใช้ขึ้นทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟ ได้ในบัตรเดียว สำหรับรถไฟใช้ได้ตั้งแต่ไทเปจนถึงซินจู๋และไทเปถึงจีหลง รถเมล์ใช้ได้แค่ในไทเปกับจีหลง
- ที่เถาหยวนก็ใช้บัตรรถเมล์ได้แต่ต้องซื้อคนละอันกับอันข้างบน แต่รถไฟยังใช้อันเดียวกับข้อข้างบนได้ ส่วนเมืองอื่นๆก็มีบัตรรถเมล์ของเมืองนั้นๆ
- ที่นี่มีรถเมล์ประจำเมืองอยู่แทบทุกเมือง แม้จะบ้านนอกแค่ไหนก็ตาม
- รถเมล์แต่ละเมืองระบบไม่ค่อยเหมือนกันเลย เหมือนเป็นอิสระต่อกัน เดินทางไปต่างเมืองทีต้องปรับตัวนิดหน่อย
- รถเมล์ระหว่างเมือง (รถทัวร์) แม้จะช้ากว่ารถไฟแต่ก็ยังนิยมใช้ เพราะมีจุดขึ้นลงหลายที่ในเมืองต้นทางกับปลายทาง
- ด้วยรถไฟและรถเมล์ แทบจะไปไหนก็ได้บนเกาะอย่างสบาย จึงไม่จำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวนัก
- อย่างไรก็ตาม แท็กซีแพงมาก ยอมรอรถเมล์สักหน่อยดีที่สุด
- รถเมล์หลายสายมีเวลาออกแน่นอน ทำให้กะเวลาไปไหนมาไหนได้ง่ายมาก แต่หลายสายก็ไม่แน่นอน
- ที่ป้ายรถเมล์ทุกแห่งมีเขียนว่ารถเมล์สายอะไรผ่านบ้าง และยังเขียนว่าแต่ละสายลงที่ไหนบ้าง แถมถ้าเป็นป้ายหลักๆจะมีแผนที่ให้ดูด้วย
- ที่เมืองใหญ่อย่างไทเปกับไถจง ที่ป้ายรถเมล์มีเขียนบอกด้วยว่าอีกกี่นาทีรถเมล์สายอะไรมาถึง
- ที่นี่รถไฟความเร็วสูงก็มีแต่ยังไม่ทั่วถึงและจอดเฉพาะเมืองหลักๆ
- รถไฟความเร็วสูงเร็วมาก จากต้นทางเหนือสุด (ไทเป) ไปปลายทางใต้สุด (เกาสยง) ใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่ง
- ที่นี่เพิ่งกำลังจะสร้างแอร์พอร์ตลิงค์เสร็จ ก็คืออย่างน้อยไทยเราก็มีแอร์พอร์ตลิงค์ใช้ก่อนเขา อย่างไรก็ตามดูเหมือนของเขาจะดูดีกว่ามาก