ช่วงนี้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯเริ่มกลับมาเป็นหนักจนน่าเป็นห่วง และเป็นเรื่องที่ควรช่วยกันแก้อย่างจริงจัง
จะเห็นว่าหลายคนอาจก็ออกมาโทษรัฐบาลว่าไม่ดูแลแก้ปัญหาให้ดี ในขณะที่คนของรัฐบาลก็ออกมาประกาศว่าปัญหาอยู่ที่ประชาชน ให้ทำตัวเองให้ดี ให้ดูแลตัวเอง
อันที่จริงเรื่องนี้ก็มีสาเหตุจากอะไรหลายๆอย่าง มีทั้งที่มาจากภาครัฐและจากประชาชนเอง จะให้โทษอะไรฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้
แต่ธรรมชาติของมนุษย์โดยมากจะพยายามโทษคนอื่นมากกว่าจะโทษตัวเอง พอเป็นแบบนี้ก็ทำให้เกิดเรื่องหมองหมางกันขึ้น
ที่จริงปัญหาเรื่องฝุ่นควันพิษนั้นมาจากทั้งรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาป่าเผาไร่
ยกตัวอย่างเช่น กรุงเทพฯมีการใช้รถยนต์กันมากเกินไป เพราะประชาชนแออัดเบียดเสียดและการขนส่งมวลชนที่ยังไม่ดีพอ รถไฟฟ้ายังโยงไม่ทั่วถึง ส่วนรถเมล์ก็ไม่ได้วางระบบให้ดีพอ เข้าใจยาก ทำให้คนไม่อยากใช้
ปัญหานี้ถ้าจะแก้จากตัวเองก็คือพยายามใช้รถให้น้อยลง แต่ยังไงก็ตาม ในเมื่อรถเมล์กับรถไฟฟ้ายังไม่ดีพอมันก็ลำบากที่จะไม่ใช้รถ สุดท้ายเรื่องในภาพรวมพวกนี้ก็เป็นปัญหาที่ต้องพึ่งพารัฐบาลอยู่ดี
ส่วนเรื่องปัญหาฝุ่นควันพิษที่ภาคเหนือหรือภาคตะวันตกก็เกิดจากการเผาเป็นหลัก อันนี้ก็เป็นความผิดของประชาชนที่เห็นแก่ตัว ไม่ห่วงผลกระทบต่อส่วนรวม ซึ่งมันเป็นปัญหาที่ประชาชนทำตัวเองจริงๆ แต่มันก็เป็นแค่คนกลุ่มหนึ่ง รัฐก็สามารถพยายามช่วยหามาตรการมาจัดการควบคุมกับปัญหานี้ได้ จัดการลงโทษคนที่ทำให้หนัก
เรื่องโรงงานก็เช่นกัน ก็เป็นความผิดของพวกโรงงานที่มักง่ายปล่อยควันพิษมากมายโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตรงนี้เองก็ถ้าหากมีการออกกฎหมายควบคุมอย่างดีก็ควรจะช่วยได้
ดังนั้นที่อยากบอกก็คือ ทุกคนสามารถเริ่มแก้ที่ตัวเองได้ แต่ยังไงก็ตามขอบเขตที่คนธรรมดาจะทำได้ก็มีจำกัด และการทำสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐ
ดังนั้นการที่รัฐบาลบอกว่าให้ประชาชนดูแลตัวเอง แก้ที่ตัวเอง นั่นก็ไม่ผิด แต่ก็คงไม่ใช่ข้ออ้างที่ว่ารัฐบาลจะไม่หาทางจัดการอะไรเลยแล้วเอาแต่โทษประชาชน
และพูดถึงรัฐบาล จะบอกว่าโทษแค่รัฐบาลตอนนี้ก็คงไม่ถูกซะทีเดียว ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นจริงๆเป็นอะไรที่สะสมมาเรื่อยๆ
ทั้งเรื่องการรวมศูนย์กลางทุกอย่างที่กรุงเทพฯ ให้ให้รถยนต์มาอัดกันอยู่ตรงนี้ หรือเรื่องการปล่อยให้มีโรงงานโดยไม่ได้ควบคุม มันเป็นสิ่งที่สะสมในระยะยาว
แต่ปัญหาที่น่าจะพูดถึงก็คือ ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหาฝุ่นควันขึ้นมานั้นรัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง ลองมาทบทวนดู
อย่างเช่นเมื่อวันที่ 18 ม.ค. โฆษกออกมาประกาศว่าฝุ่นอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล ไม่ต้องตื่นตระหนก ทั้งๆที่วัดด้วยเครื่องวัดฝุ่นก็เห็นได้ชัดว่าปริมาณฝุ่นยังสูง และออกไปข้างนอกก็ยังรู้สึกได้
20 ม.ค. อธิบดีกรมควบคุมมลพิษออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการของคุณสุทธิชัย หยุ่น อันนี้มีคนสรุปเอาไว้ในนี้ https://www.facebook.com/natathan.s/posts/10162723566310433
หรือคลิปเต็มตรงนี้ https://www.youtube.com/watch?v=l8qpxT07pHA
พอดูแล้วก็จะเห็นได้ว่าขนาดอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเองยังดูจะไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีพอ และพูดตอบอะไรต่างๆแบบโยนความรับผิดชอบ ไม่จริงจังกับงาน เอาแต่โทษคนอื่น
ก็จะเห็นว่าดูแล้วรัฐบาลไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาอย่างเพียงพอ และไม่ได้มีความจริงจังอะไรในการแก้ไขปัญหาเลย แถมเอาแต่บอกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเล็ก ทั้งที่หลายคนเดือดร้อนจะแย่
แล้วยังมีที่นายกออกมาบอกว่าตัวเองแข็งแรงดีอยู่แล้ว คนทั่วไปไม่เป็นอะไร ส่วนคนที่มีอาการคือคนที่อ่อนแอหรือแพ้อยู่แล้ว ก็ให้รู้จักป้องกันดูแลตัวเองให้ดีกันไป เช่นใส่หน้ากากตอนออกไปข้างนอก
ซึ่งความจริงแล้วนั่นเป็นความคิดที่ผิดมาก ที่จริงต่อให้คนที่แข็งแรง ไม่มีอาการอะไรปรากฏให้เห็นตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เสียสุขภาพเลย เพราะมันก็สะสมไปเรื่อยๆ คนที่ควรจะป้องกันดูแลตัวเองก็ไม่ใช่แค่คนที่มีปัญหาสุขภาพ แต่ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบหมด ถ้าเป็นห่วงสุขภาพก็ควรจะดูแลตัวเองทั้งนั้น
การมาเอาแต่พยายามออกมาบอกประมาณว่าปัญหาไม่หนัก ไม่ต้องตื่นตระหนกนั้น กลับจะทำให้คนไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ในขณะที่ปัญหามันมีจริงอยู่ แบบนี้ก็ไม่ได้รับการแก้ปัญหา แล้วจะแย่ลงเรื่อยๆ
แค่ปลอบใจตัวเองว่าปัญหาไม่หนักแล้วปล่อยผ่านๆไปเฉยแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย การตระหนักถึงหรือตื่นตระหนกนั้นมันมีข้อดีของมันอยู่ อย่างน้อยก็ดีกว่าการประมาท
แล้วถามว่าถ้าเป็นคนอื่นมาเป็นรัฐบาลแทนจะแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้หรือเปล่า อันนี้ก็ตอบไม่ได้ ก็ได้แต่คิดกันไป บางคนเกลียดรัฐบาลนี้ก็จะใช้เป็นประเด็นโจมตีรัฐบาล ทั้งๆที่ต่อให้เป็นรัฐบาลอื่นมาก็จะแก้ได้หรือเปล่าไม่รู้
แต่อย่างน้อย ท่าทีของรัฐบาลก็แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ใส่ใจปัญหา ไม่ได้พยายามทำอะไรมากพอ
ดังนั้นคงไม่ควรจะบอกว่าประชาชนตั้งใจถือโอกาสใช้เรื่องนี้มาปั่นเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาล ในเมื่อปัญหามันเกิดขึ้นจริง และถ้าสามารถแก้ไขปัญหาได้ หรืออย่างน้อยได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจมากกว่านี้ มันก็ควรจะทำให้คนมองรัฐบาลดีกว่านี้ และไม่ออกมาบ่นกันมากมาย
ก็ขอสรุปทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ว่า ประชาชนเองก็ต้องดูแลตัวเองเต็มที่อยู่แล้ว แล้วก็ย่อมต้องแก้ปัญหาที่เกิดจากตัวเองเท่าที่จะทำได้ เช่นไม่เผา หรือลดการใช้รถ อันนี้แน่นอน
แต่มันก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะพยายามแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ซึ่งมันก็สำคัญไม่แพ้กันเลย แต่กลับยังไม่เห็นว่ารัฐบาลได้ทำอะไรที่ดีพอนอกจากเอาแต่ออกมาพูดให้คนไม่ตระหนก ซึ่งมีแต่จะทำให้คนประมาทและไม่รักษาสุขภาพกันยิ่งกว่าเดิม
เราคงจะไม่อาจโทษแต่รัฐบาล แต่ยังไงก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจริงๆที่จะจัดการ มีส่วนมากกว่าประชาชนธรรมดาแน่นอน ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไรดีพอ ต่อให้ประชาชนพยายามแค่ไหนก็อาจมีผลได้มากพอ
ขอส่งท้ายด้วยรูปภาพ ที่ถ่ายจากบนสามย่านมิตรทาวน์วันอาทิตย์ที่ 19 ม.ค.