# เสาร์ 2 ก.ย. 2023
ต่อจากตอนที่แล้วหลังจากที่เดินทางมาถึงฮาโกดาเตะแล้วเข้าไปยังที่พักแล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20230913เมืองฮาโกดาเตะนั้นเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ ๓ ของฮกไกโด โดยตั้งอยู่ในตำแหน่งเกือบใต้สุดของเกาะ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เพราะมีทั้งสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และยังมีทิวทัศน์ที่สวยงามด้วย
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองฮาโกดาเตะในกิ่งจังหวัดโอชิมะของฮกไกโด เป็นติ่งสีชมพูเข้มทางขวา
เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้คือนั่งรถกระเช้าขึ้น
เขาฮาโกดาเตะ (函館山) ไปชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงามของเมืองฮาโกดาเตะ
เขาฮาโกดาเตะนั้นมีความสูง ๓๓๔ เมตร เป็นแหลมที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองฮาโกดาเตะ จาก
จุดชมทิวทัศน์เขาฮาโกดาเตะ (函館山展望台) ซึ่งอยู่บนยอดสามารถเห็นตัวเมืองฮาโกดาเตะได้ชัดเจน ด้วยความที่ตำแหน่งดีมากจึงมีชื่อเสียงเรื่องทิวทัศน์ เลยกลายเป็นสถานที่เที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะในเวลายามค่ำคืน
การขึ้นไปบนเขานั้นสามารถทำได้ง่ายโดยใช้รถกระเช้า
ฮาโกดาเตะยามะโรปเวย์ (函館山ロープウェイ) โดยค่าขึ้นกระเช้าขาไปกลับรวม ๑๘๐๐ เยน
จากบ้านพักโมโตมาจิโนะยาโดะ เซตสึเงกกะที่เราอยู่คืนนี้นั้นสามารถเดินไปยังจุดขึ้นรถกระเช้าได้ไม่ไกลนัก โดยเริ่มจากเดินปีนผ่านทางลาดเขา
ฮิโยริซากะ (日和坂)บริเวณแถวย่านนี้เรียกว่า
โมโตมาจิ (元町) เป็นย่านบนทางลาดเขาที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างแบบยุโรปสวยงาม มีโบสต์คริสต์อยู่หลายแห่ง
นี่คือโบสถ์ออร์โธดอกซ์ฮาโกดาเตะ (
函館ハリストス
正教会) เป็นโบสถ์เก่าที่ถูกสร้างตั้งแต่ประมาณปี 1860 โดยทางรัสเซีย ตั้งอยู่ข้างๆสถานกงสุลรัสเซียในสมัยนั้น
โบสถ์นักบุญโยฮาเนะ (
函館聖ヨハネ
教会) สร้างขึ้นในปี 1878 ชื่อโยฮาเนะนั้นเป็นชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นของนักบุญยอห์น
โบสถ์คาธอลิกโมโตมาจิ (カトリック
元町教会) สร้างขึ้นในปี 1924
ตรงนี้เป็นทางลาดเขานัมบุซากะ (
南部坂)
แล้วก็เดินมาถึง
สถานีรถกระเช้าตีนเขาฮาโกดาเตะ (函館山ロープウェイ山麓) เดินเข้าไปด้านใน ซื้อตั๋วแล้วก็ขึ้นไปชั้น ๒ เพื่อขึ้นกระเช้า มีคนเยอะหนาแน่นมากจึงต้องต่อคิว
ฝูงชนก่อนเข้ากระเช้า
ภาพถ่ายจากบนกระเช้า พอดีได้ยืนในตำแหน่งริมหน้าต่างด้านหน้าเลยมองเห็นทางเบื้องหน้าขณะมุ่งไปได้
ตอนใกล้ถึงสถานีด้านบน
เมื่อลงจากรถกระเช้ามาก็พบฝูงชนที่กำลังต่อแถวคิวรอขากลับ ที่จริงขาขึ้นก็ว่าคนแน่นแล้ว แต่ดูแล้วขากลับคนแน่นกว่าอีก
จากนั้นก็ขึ้นมายังจุดชมทิวทัศน์ ได้เห็นทิวทัศน์ริม
อ่าวฮาโกดาเตะ (函館湾) สวยงาม แต่กว่าจะได้ตำแหน่งถ่ายรูปก็ต้องเบียดเสียดกับผู้คนพอสมควร
นี่เป็นภาพที่เด็ดที่สุด ได้ถ่ายภาพย่านตัวเมืองบนแหลมที่ขนาบด้วยทะเล และทางขวายังเห็นพระจันทร์ด้วย
หลังจากนั้นเดินลงมา
ตรงนี้ก็มีจุดให้ชมทิวทัศน์ได้ดีเช่นกัน
เดินลงมาด้านล่างเห็นตัวอาคารอื่นๆบนนั้นนอกจากอาคารจุดชมทิวทัศน์แล้วก็มีสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์อยู่ด้วย
หลังจากชมทิวทัศน์เสร็จก็ได้เวลากลับลง โดยขาลงก็ต้องกลับด้วยรถกระเช้า แต่ว่าแถวคิวขากลับนั้นยาวมากจนต้องต่อแถวคิวตั้งแต่ด้านนอกตัวอาคารเลย
ก็รอไปเรื่อยๆจนแถวคิวเริ่มเข้ามาถึงด้านในตัวอาคาร ในนั้นมีขายของที่ระลึกด้วย แต่ว่าไม่ได้แวะไป
แล้วก็ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะถึงคิวที่ได้เข้ารถกระเช้า ในที่สุดก็ได้ลงจากเขาไป
ตอนที่ลงมาถึงนั้นก็เป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว หลังจากนั้นก็ได้เวลาเดินไปหามื้อเย็นกิน ซึ่งก็ได้จองร้านเอาไว้แล้ว ชื่อร้านเมย์เมย์เตย์ (
羊羊亭) เป็นร้านเนื้อแกะย่างเจงกิสข่าน หรือจิงงิสึกัง (ジンギスカン) อาหารปิ้งย่างของขึ้นชื่อของฮกไกโด
จากสถานีรถกระเช้าไปยังร้านเป้าหมายนั้นไม่ไกลมากสามารถเดินไปได้ ระหว่างทางผ่านย่านในเมืองซึ่งดูแล้วสวนงามดี
ที่เมืองนี้มีรถรางวิ่งไปมา ครั้งนี้เราไม่มีโอกาสได้นั่งรถรางเลยเพราะไปไหนก็ขับรถไปเอง แต่ระหว่างที่เดินอยู่ก็เจอรถรางวิ่งผ่านไปมา มีถ่ายรูปมาบ้าง
ระหว่างทางเดินผ่านสถานีรถราง ชื่อ
สถานีจูจิไง (十字街停留場) ข้างๆกันนี้ยังมี
หออนุสรณ์ซากาโมโตะ เรียวมะฮกไกโด (北海道坂本龍馬記念館) อยู่ด้วย แม้ว่าจริงๆแล้วซากาโมโตะ เรียวมะจะไม่เคยได้มาฮกไกโดเลย แต่ลูกหลานเขาเป็นคนสร้างให้ เปิดตั้งแต่ปี 2009
จากตรงนี้เดินต่อไปอีกหน่อย
ระหว่างทางมีแผนที่แสดงสถานที่ท่องเที่ยวภายในบริเวณนี้
แล้วก็เดินมาถึงเมย์เมย์เตย์ ซึ่งอยู่ในย่านร้านอาหารข้างๆโรงแรม
ลาวิสตาฮาโกดาเตะเบย์ (ラビスタ函館ベイ) เข้ามาสั่งอะไรต่างๆทานกันมากมาย สุดท้ายแล้วจ่ายค่าอาหารตกคนละ ๖๐๐๐ เยน น่าจะถือเป็นมื้อที่แพงที่สุดตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นมาเลย เนื้อย่างถือเป็นของแพงจริงๆ ยิ่งเป็นของชื่อดังประจำถิ่นด้วยแล้ว
นี่คือน้ำคัตสึเงง (カツゲン) เป็นเครื่องดื่มพวกนมที่มีขายเฉพาะที่ฮกไกโดเท่านั้น ไม่มีขายที่อื่นในญี่ปุ่น ดังนั้นถ้ามาฮกไกโดก็น่าแวะดื่มดู อร่อยดี
นอกจากนี้ก็ยังมีสั่งการานะ (ガラナ) ซึ่งก็เป็นเครื่องดื่มอีกชนิดที่มีขายแค่ที่ฮกไกโดเช่นกัน แต่เป็นน้ำอัดลมคล้ายเป๊ปซี่ ดื่มดูแล้วซ่าเหลือเกิน ไม่ค่อยถูกใจนักถ้าเทียบกับคัตสึเงง อึ่ง คำว่าการาระเป็นชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นของคำว่า "กวารานา" ซึ่งเป็นชื่อผลไม้ชนิดหนึ่งในแถบอเมริกาใต้
นั่งกินกันอยู่ในร้านานประมาณชั่วโมงกว่า จนถึงสี่ทุ่มจึงออกมา
จากนั้นก็ยังเดินเล่นดูในย่านแถวนั้นอีกหน่อย
มีแวะร้านแฟมิลีมาร์ตที่อยู่ใกล้ๆ
ทิวทัศน์เมื่อมองไปยังถนนทางเหนือจากด้านหน้าร้าน
ในแฟมิลีมาร์ตของที่นี่มีขายคัตสึเงงด้วย ราคา ๑๒๕ เยน บนกล่องก็มีเขียนไว้ว่าขายที่ฮกไกโดเท่านั้น ดังนั้นถ้าอยากดื่มก็ต้องซื้อตอนนี้เท่านั้น กลับไปแล้วก็หาไม่ได้แล้ว
ตรงนี้ยังมีขายราเมงฮาโกดาเตะ ของขึ้นชื่อของเมืองฮาโกดาเตะด้วย
ขนมปังอุมะมุสึเมะ
หลังจากนั้นก็ค่อยๆเดินกลับไปยังที่พัก โดยระหว่างทางก็ได้ชมทิวทัศน์ในเมืองตามทางผ่านไปด้วย แม้ว่าจะดึกแล้ว แต่ก็ยังมีแสงไฟ ดูแล้วสวยงาม
นี่คือภาพที่ถ่ายจากสะพานชิจิไซ (
七財橋) ซึ่งผ่านระหว่างทาง
มองออกไปทางนี้เป็นทะเล
ข้ามมาเจอโกดังอิฐแดงคาเนโมริ (
金森赤レンガ
倉庫) เป็นอาคารโกดังเก่าที่ทำจากอิฐแดง ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์การค้า
ถ้ามาตอนกลางวันก็คงได้เข้าไปเดินดูด้านใน แต่ตอนนี้ปิดหมดแล้ว
ส่วนข้างๆกันนั้นคือ
ฮาโกดาเตะนิชิฮาโตบะ (函館西波止場) เป็นตลาดขายของสด
ทิวทัศน์ริมทะเลจากตรงนี้
เดินถัดมาเจอรูปปั้นนีจิมะ โจว (
新島 襄, ปี 1843-1890) เป็นนักการศึกษาที่สำคัญคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นช่วงยุคเมย์จิ เขาลักลอบออกนอกประเทศเดินทางไปยังประเทศตะวันตกโดยออกจากท่าเรือที่ฮาโกดาเตะในปี 1864 แล้วก็กลับมาญี่ปุ่นในปี 1875 ในฐานะผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์
ประวัติคร่าวๆของเขา
ใกล้ๆรูปปั้นนั้นเป็นป้ายรถเมล์ฮิงาชิฮามะซัมบาชิมาเอะ (
東浜桟橋前)
แล้วก็เดินต่อมาอีกหน่อยจนกลับถึงที่พักตอนห้าทุ่มกว่า หลังจากนั้นก็รอต่อคิวอาบน้ำกันยาว กว่าจะได้นอนก็ดึกเลย ระหว่างนั้นเพื่อนยังมีหยิบขนมขึ้นมากินกันอีกด้วย แต่เราก็กินไม่ไหวแล้วจึงแค่ถ่ายรูปมาเฉยๆ
หลังจากนั้นก็เข้านอนกัน เป็นอันจบการเที่ยวไปอีกวัน
วันรุ่งขึ้นจะเข้าสู่วันสุดท้ายในการเที่ยวแล้ว ซึ่งจะได้ไปเที่ยวสถานที่น่าสนใจที่เหลือภายในฮาโกดาเตะกัน
https://phyblas.hinaboshi.com/20230915