# เสาร์ 9 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวจังหวัดโออิตะต่อจากตอนที่แล้วที่เที่ยวในยุฟุอิงเสร็จแล้วก็นั่งรถเมล์ออกมา
https://phyblas.hinaboshi.com/20241116สำหรับตอนนี้จะเริ่มเที่ยวใน
เมืองเบปปุ (
別府市) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดของจังหวัดโออิตะ
แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองเบปปุในจังหวัดโออิตะเป็นสีชมพูเข้ม ติดทะเลในส่วนที่เว้าลงไปเป็นอ่าว อ่าวตรงนั้นเรียกว่า
อ่าวเบปปุ (
別府湾)
เมืองนี้เป็นแหล่งอนเซงที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แต่ว่าต่างจากแหล่งอนเซงที่อื่นตรงที่ว่าไม่ใช่มีแค่อนเซงสำหรับให้แช่เท่านั้น แต่ยังมีแหล่งอนเซงรูปร่างแปลกๆสวยงามต่างๆหลายบ่อ เรียกรวมๆว่า
เบปปุจิโงกุเมงุริ (
別府地獄めぐり) ซึ่งกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง
นอกจากนี้ด้วยความที่มีอนเซงอยู่ทั่วเมืองทำให้มีควันพุ่งขึ้นมาตามจุดต่างๆภายในเมืองตลอด เมื่อมองทิวทัศน์จากมุมสูงก็เห็นได้ชัด ดูแปลกตา
ภายในเมืองล้อมรอบไปด้วยภูเขาและยังมีที่ลาดชันเยอะจึงมีจุดชมทิวทัศน์หลายจุด สามารถเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ของเมืองนี้ได้
เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของ
มหาวิทยาลัยริตสึเมย์กังเอเชียแปซิฟิก (
立命館アジア
太平洋大学) หรือเรียกย่อว่า APU ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติ จึงยังเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติ และทำให้มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่จำนวนไม่น้อยด้วย
แต่ว่าเริ่มแรกเราจะยังไม่ได้เข้าไปในตัวเมืองเบปปุ แต่แวะเที่ยวระหว่างทางก่อน
โดยรถเมล์ที่เรานั่งไปนั้นมีจุดเริ่มต้นที่ศูนย์รถบัสหน้าสถานียุฟุอิง และมีปลายทางอยู่ที่
สถานีเบปปุ (
別府駅) แต่ว่าระหว่างทางรถเมล์ต้องผ่านจุดขึ้น
รถกระเช้าเบปปุ (
別府ロープウェイ) ซึ่งเป็นรถกระเช้าสำหรับขึ้นไปยังยอด
เขาทสึรุมิ (
鶴見岳) ซึ่งมีความสูง ๑๓๗๕ จากบนนั้นสามารถมองลงมาเห็นทิวทัศน์เมืองเบปปุได้ ถ้าอากาศดี จึงเป็นสถานที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งของเมืองเบปปุ
รถเมล์ระหว่างยุฟุอิงกับเบปปุนั้น ถ้านั่งตรงยาวจากสถานียุฟุอิงไปสถานีเบปปุเลยจะราคา ๑๐๐๐ เยน แต่เราขึ้นจากสถานียุฟุอิงไปลงระหว่างทางที่จุดขึ้นรถกระเช้าเบปปุ ราคา ๗๕๐ เยน จากนั้นเที่ยวเสร็จแล้วจึงค่อยขึ้นต่อจากตรงนี้ไปถึงสถานีเบปปุ จ่ายอีก ๕๐๐ เยน รวมทั้งหมดเป็น ๑๒๕๐ เยน
ส่วนค่าขึ้นรถกระเช้าไปกลับอยู่ที่ ๑๘๐๐ เยน
ส่วนรอบรถเมล์นั้นมีประมาณชั่วโมงละเที่ยว นั่นหมายความว่าเรามีเวลาเที่ยวที่นี่ประมาณชั่วโมง
ตารางสรุปเวลาและค่าใช้จ่ายของเที่ยวนี้เป็นดังนี้
จาก |
ไป |
เวลา |
ค่าใช้จ่าย |
สถานียุฟุอิง |
จุดขึ้นรถกระเช้า |
11:35~12:10 |
750 เยน |
จุดขึ้นรถกระเช้า |
ยอดเขา |
12:20~12:30 |
1800 เยน |
ยอดเขา |
จุดขึ้นรถกระเช้า |
13:00~13:10 |
จุดขึ้นรถกระเช้า |
สถานีเบปปุ |
13:18~13:42 |
500 เยน |
รวม |
3050 เยน |
ทิวทัศน์ระหว่างทางจากยุฟุอิงไปจุดขึ้นรถกระเช้า มองลงไปสวยงามมาก
รถเมล์มาถึงจุดขึ้นรถกระเช้า
ตรงนี้มีเรื่องเล่านิดหน่อยว่ามีกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยที่ขึ้นมาจากยุฟุอิงเหมือนกันเขามาลงที่นี่แต่ไม่ค่อยเข้าใจวิธีการจ่ายและทอนเงิน ก็เลยมีปัญหากับคนขับ ยิ่งในกลุ่มไม่มีใครพูดภาษาญี่ปุ่นได้เลยก็เลยทำให้สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ต้องคุยกันอยู่สักพัก แล้วผู้โดยสารคนอื่นที่ลงหลังจากพวกเขาก็ต้องมารอเขาเคลียร์กันเสร็จก่อนด้วย ไม่งั้นก็ออกไม่ได้ เราก็เลยติดแหง็กอยู่ตรงนั้น กว่าจะได้ลงมาก็ช้าไป ๕ นาทีได้
แล้วกว่าผู้โดยสารอื่นจะลงจนครบแล้วก็ให้ผู้โดยสารอื่นขึ้นอีก สุดท้ายรถเมล์คันนั้นก็เลยต้องล่าช้าไปประมาณ ๗ นาที
นั่นทำให้ได้ยิ่งคิดได้ว่าเวลาเที่ยวญี่ปุ่นให้เตรียมบัตร IC ไปดีที่สุด โดยเฉพาะ Suica ซึ่งสามารถใช้ได้แทบทุกจังหวัดในญี่ปุ่น รวมถึงฟุกุโอกะและโออิตะด้วย เราและเพื่อนที่มาด้วยพกบัตร Suica ทำให้เวลาขึ้นลงก็แค่แตะบัตร ไม่ต้องเตรียมเศษเงิน สะดวกมาก
อีกอย่างก็คือการเที่ยวโดยไม่มีใครรู้ภาษาญี่ปุ่นเลยยิ่งต้องเตรียมตัวพร้อมเป็นพิเศษ เพราะมีปัญหาอะไรก็ไม่สามารถสื่อสารได้ ถ้าเป็นไปได้ มีคนพูดภาษาญี่ปุ่นได้อยู่ในกลุ่มจะดีมาก
หลังจากจบเรื่อง เราก็เดินขึ้นไปยังสถานีรถกระเช้า
ตารางเวลารอบรถกระเช้า มีทุก ๒๐ นาที รอบต่อไปที่เราขึ้นคือเวลา 12:20
ซื้อตั๋วเสร็จเดินมาขึ้นรถกระเช้า
ภายใน
แล้วก็ออกเดินทาง
ระหว่างกำลังขึ้นมองลงไปเห็นตัวเมืองเบปปุได้ด้วย เมืองนี้เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยทะเลและภูเขาแบบนี้
แต่พอขึ้นไปสักพักก็เริ่มเจอแต่หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีทิวทัศน์ก็ขาวโพลนมองไม่เห็นอะไรแล้ว
มีบางช่วงที่พ้นเหนือเมฆหมอกขึ้นมา
แต่เมื่อขึ้นมาถึงยอดก็พบว่ารอบนอกขาวโพลน
เมื่อมาดูนอกสถานีกระเช้าก็พบว่ามองออกไปไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เท่ากับว่ามาครั้งนี้ถ้าหวังเห็นทิวทัศน์ละก็คงได้แต่ผิดหวัง
ใกล้ๆนั้นมีศาลเจ้าอยู่ แต่แค่มองเข้าไปเห็นด้านในก็ลำบากแล้ว
เข้ามาดูด้านใน ก็แค่เล็กๆ ไม่มีอะไรมาก
จากนั้นก็เดินต่อเพื่อไปยังยอดเขา ที่จริงก็รู้ว่าต่อให้ไปก็คงไม่เห็นอะไรแล้ว แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้ชื่อว่าพิชิตยอดเขาได้ก็ยังดี จากสถานีรถกระเช้าไปยังส่วนที่เป็นยอดเขาจริงๆนั้นยังต้องเดินอีกนิดหน่อย แต่ก็ไม่ไกลมาก สามารถไปกลับได้ภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งก็ทันรถกระเช้าขาลงถัดไป
ตรงนี้มีเทอร์โมมิเตอร์ขนาดใหญ่ บอกให้รู้ว่าอุณหภูมิขณะนี้คือ ๖ องศาเท่านั้น หนาวทีเดียว แต่ตอนนั้นเรากลับไม่ได้รู้สึกว่าหนาวอะไรขนาดนั้น
เดินไปตามทางสู่ยอดเขา ทางเดินไม่ได้ชันมาก เดินง่าย
ส่วนทางขึ้นก็มีบันไดทำไว้อย่างดี
ตรงนี้เหมือนเป็นจุดแวะพักระหว่างทาง แต่ว่าไม่ได้เปิด
ระหว่างทางก็เจอผู้คนอยู่บ้าง แต่คิดว่าน่าจะไม่ถึงครึ่งของคนที่ขึ้นรถกระเช้ามา บางส่วนคงเห็นสภาพหมอกแล้วไม่อยากไปไหน
ตรงนี้มีรูปปั้นเทพจุโรวจิง (
寿老人) หนึ่งใน ๗ เทพแห่งโชคลาภของญี่ปุ่น ที่บนเขานี้มีรูปปั้นเทพทั้ง ๗ องค์อยู่ ถ้าเดินวนรอบก็เห็นได้ครบ แต่เราไม่ได้สนใจเก็บให้ครบ เอาแค่ที่เห็นได้ตามทางไปขึ้นเขาก็พอ
ทางขึ้นยอดเขาไปทางนี้
เริ่มเห็นส่วนยอดแล้ว
เมื่อถึงส่วนยอดเขา เจอพวกนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพส่วนยอดโดยไม่มีคนได้เลย
มีที่ให้หยอดเงินอธิษฐานด้วย
มองไปยังทางเบื้องหน้ายังมีเสาสำหรับส่งสัญญาณอยู่ด้วย แต่เห็นไม่ชัดเพราะหมอด แบบนี้ดูน่ากลัวดี
จากนั้นก็รีบเดินย้อนกลับไปให้ทันรถกระเช้าขาลง ระหว่างทางเห็นทางแยะไปหาเทพโฮเตย์ (
布袋) แต่เราไม่ได้ไป
ส่วนตรงนี้เป็นทางแยกไปหาเทพไดโกกุเตง (
大黒天) ไม่ได้ไปเหมือนกัน
แล้วก็ผ่านแท่นที่ทำไว้สำหรับชมทิวทัศน์
ซึ่งพอขึ้นมาแล้วก็พบแต่สีขาวโพลนตามคาด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ตรงนี้มีภาพถ่ายให้เห็นว่าเวลาฟ้าใสจะเห็นเป็นยังไงบ้าง นี่คือตัวเมืองเบปปุทั้งหมด ทิวทัศน์ดีมากจริงๆถ้าได้เห็น ก็เอามาดูเป็นตัวอย่างแล้วจินตนาการสมมุติว่าเราได้มาเห็นทิวทัศน์นี้แล้วละกัน
ในเมื่อไม่ได้เห็นอะไรก็ได้แต่กลับลงไปอย่างผิดหวัง
ระหว่างทางยังผ่านเทพฟุกุโรกุจุ (
福禄寿) หรือที่คนไทยรู้จักตามสำเนียงแต้จิ๋วว่า
ฮกลกซิ่ว นั่นเอง
แล้วก็กลับมาจนถึงสถานีรถกระเช้า
รีบมาขึ้นรถกระเช้ารอบ 13:00 ขาลงได้ทันเวลา
ระหว่างทางเมื่อลงมาอยู่ใต้หมู่เมฆก็เห็นทิวทัศน์เมืองเบปปุได้ ยังดีที่สามารถเห็นระหว่างทางได้ แม้ว่ามุมอาจจะไม่ดีเท่าได้เห็นจากข้างบนก็ตาม แต่ก็ช่วยไม่ได้ เห็นเท่านี้ก็ถือว่าดีแล้ว
แล้วก็ลงมาถึงสถานีด้านล่าง
รีบมารอรถเมล์
แล้วรถเมล์รอบ 13:18 มุ่งสู่เบปปุก็มา
จากนั้นเราก็นั่งรถเมล์ไปยังเบปปุ เพื่อเที่ยวภายในเมืองเบปปุต่อไป
https://phyblas.hinaboshi.com/20241118