φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



เสาโทริอิสีขาวบนหาดทรายและเมโอโตะอิวะที่ชายฝั่งซากุราอิฟุตามิงาอุระเมืองอิโตชิมะ
เขียนเมื่อ 2024/12/11 17:39
แก้ไขล่าสุด 2024/12/14 09:23
# พฤหัส 14 พ.ย. 2024

บันทึกการเที่ยวในคิวชูตอนเหนือต่อจาก https://phyblas.hinaboshi.com/20241210

เป้าหมายหลักของการเที่ยววันสุดท้ายคือที่ ฟุตามิงาอุระ (見ケ浦ふたみがうら) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งใกล้เมืองฟุกุโอกะ ตั้งอยู่ที่เมืองอิโตชิมะ (糸島市いとしまし) ทางตะวันตกสุดของจังหวัดฟุกุโอกะ

สีชมพูเข้มในภาพนี้คือตำแหน่งเมืองอิโตชิมะในจังหวัดฟุกุโอกะ อยู่ทางซ้ายสุดเลย ติดกับเมืองฟุกุโอกะ




แต่สถานที่ที่จะไปครั้งนี้ถือว่าอยู่ตรงรอยต่อระหว่างเขตเมืองฟุกุโอกะกับเขตเมืองอิโตชิมะ แค่เดินนิดหน่อยก็ข้ามเขตแล้ว ดังนั้นครั้งนี้ก็เลยได้เดินทางข้ามเขตเมืองด้วย

ที่นี่มีชื่อเสียงตรงทิวทัศน์สวยงามที่มีโขดหิน ๒ ก้อนขนาดใกล้กันกลางทะเลที่เรียกว่าเมโอโตะอิวะ (夫婦岩めおといわ) หรือแปลว่าหินคู่สามีภรรยา ใช้เรียกหิน ๒ ก้อนที่ตั้งคู่กัน มักจะตั้งอยู่บนทะเล แต่ก็ไม่เสมอไป มีหลายแห่งในญี่ปุ่นที่มีหินแบบนี้อยู่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือที่ศาลเจ้าฟุตามิโอกิตามะ (二見興玉神社ふたみおきたまじんじゃ) ในเมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ แต่ว่าของอิโตชิมะเองก็มีชื่อเสียงมากรองๆลงมา

สำหรับหินเมโอโตะอิวะของที่นี่นั้นยังมีจุดเด่นตรงที่มีการสร้างเสาโทริอิสีขาว ซึ่งสร้างโดยศาลเจ้าซากุราอิ (桜井神社さくらいじんじゃ) ซึ่งที่จริงอยู่ห่างจากตรงนี้ไปอีกเป็นกิโลเมตร แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้านี้ จึงมักเรียกชื่อเต็มว่าซากุราอิฟุตามิงาอุระ (桜井二見ケ浦さくらいふたみがうら) เพราะว่ามีสถานที่อื่นที่ชื่อฟุตามิงาอุระเหมือนกันอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ในจังหวัดอื่น

การเดินทางไปนั้นไปได้โดยนั่งรถเมล์ไป โดยขึ้นจากท่ารถบัสที่ข้างสถานีฮากาตะได้โดยตรง นอกจากนี้ก็อาจนั่งรถไฟไปยังสถานีใกล้ๆแล้วค่อยนั่งรถเมล์ต่อจากตรงนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะทางไหนก็ต้องใช้เวลาชั่วโมงกว่า ครั้งนี้เรานั่งรถเมล์จากสถานีฮากาตะไป รถออกเวลา 9:28 ไปถึงที่หมายเวลา 10:43 ค่าโดยสาร ๑๐๖๐​ เยน

จุดขึ้นรถเมล์ภายในอาคารท่ารถบัส



รถคันที่นั่ง



ภายใน



แล้วรถเมล์ก็ออกเดินทาง ระหว่างทางมองออกไปทางขวาก็เห็นทิวทัศน์ริมฝั่งทะเลฟุกุโอกะได้







ผ่านแถวชายฝั่งโอดาโนฮามะ (小田浜海岸おだのはまかいがん) ซึ่งก็เป็นหาดทรายที่เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง อยู่ระหว่างทางก่อนถึงที่หมายเล็กน้อย ตรงนี้ก็ดูเป็นหาดทรายธรรมดา แต่มีของเล่นหลายอย่างสร้างไว้ เช่นชิงช้าโหนระหว่างต้นมะพร้าว ปากฉลาม



มีร้าน BBQ ริมทะเล และลองมองเข้าไปที่ริมทะเลดู



ก็เห็นประตูตั้งอยู่ใกล้ริมทะเล ดูแล้วหน้าตาคล้ายกับไปไหนก็ได้ของโดราเอมอน ถ้าผ่านตรงนั้นแล้วทะลุไปไหนได้จริงก็คงจะดี



แล้วก็มาถึงที่หมาย ลงรถเมล์ตรงนี้



จากตรงนี้มีทางลงไปยังทะเล เป็นที่จอดรถ



เดินลงต่อมาก็ถึงชายหาด




หันไปทางซ้ายก็เห็นหินเมโอโตะอิวะตั้งเด่นอยู่แล้ว



เห็นหาดทรายแบบนี้แล้วก็รู้สึกอยากขีดเขียนอะไรสักหน่อย ก็เป็นธรรมเนียมส่วนตัวอย่างหนึ่งว่าต้องเขียนชื่อสถานที่ด้วยอักษรไทย ครั้งนี้เขียนชื่อเมือง "อิโตชิมะ" แต่ว่าความจริงแล้วบริเวณที่เรายืนเขียนอยู่ตรงนี้ยังเป็นพื้นที่ส่วนของเมืองฟุกุโอกะอยู่ ต้องเดินเข้าไปใกล้โขดหินนั่นอีกหน่อยจึงจะข้ามไปยังเขตเมืองอิโตชิมะ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่นิดหน่อยเอง



รู้สึกยังไกลไปหน่อยเลยเข้ามาใกล้อีกนิดแล้วก็เขียนใหม่



ก็เหลือรอยขีดเขียนไว้บนพื้นทราย ใครผ่านมาเห็นก็จะได้รู้ว่ามีคนไทยมาเที่ยวที่นี่



แล้วก็เดินต่อตามซอกโขดหินมาเรื่อยๆ




เริ่มเห็นเสาโทริอิขาว ด้านหน้าโขดหิน



เดินมาจนถึงด้านหน้า ได้มองดูมุมที่เห็นโขดหินลอดผ่านเสาโทริอิ



เดินต่อมาอีก มุมนี้ก็สวย



ลองหันกลับมายังส่วนหาดทราย เห็นนักท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงนักท่องเที่ยว มีคนไทยด้วย ทำให้รู้ว่าที่นี่เป็นที่เที่ยวหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อย




จากตรงนี้เดินขึ้นไป



ขึ้นมาแล้วมองกลับลงมาด้านล่าง ตรงด้านหน้าเสาโทริอิคนเยอะจริงๆ แต่ว่าตรงหาดทรายแถวจุดที่เราลงรถเมล์มาตอนแรกนั่นคนโล่งมากเลย คนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมาลงที่ป้ายรถเมล์ตรงด้านหน้าเสานี้แล้วก็เดินลงมาดู ไม่ได้ไปถึงตรงโน้นกัน



จากนั้นก็ลองเดินย้อนกลับไปตามถนน ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือนิดหน่อยก็เห็นป้ายที่เขียนว่า "เมืองฟุกุโอกะ" (福岡市) ซึ่งบอกให้รู้ว่าผ่านตรงนี้ไปก็กลับสู่เขตเมืองฟุกุโอกะแล้ว ตะกี้เราเดินจากด้านล่างตรงหาดทรายเลยไม่ได้เห็นป้ายนี้แต่ที่จริงตอนแรกเราได้เดินผ่านมาจากทางโน้น



แล้วพอเดินผ่านป้ายมา ลองหันหลังไปมองก็จะเห็นว่าป้ายด้านนี้เขียนว่า "เมืองอิโตชิมะ" (糸島市) เท่ากับเราได้เดินข้ามเมืองกลับมาเมืองฟุกุโอกะแล้ว



จากตรงนี้มองลงไปก็ยังเห็นโขดหินกับเสาขาวได้อยู่



แล้วก็เดินต่อมาอีกหน่อยก็เจอร้านอาหารอิโตชิมะไคเซนโดว (糸島海鮮堂いとしまかいせんどう) เราตัดสินใจแวะกินที่นี่ ขณะนั้นเวลา 11:00 ร้านเปิดพอดี คนยังน้อยอยู่



ภายในร้าน หน้าต่างกระจกใสมองออกไปเห็นชายฝั่ง




เราเลือกนั่งที่ตรงนี้ มองไปเห็นโขดหินได้



เมนูของร้านนี้ ดูแล้วแพงๆทั้งนั้น ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ เหมือนมาจ่ายค่าชมบรรยากาศไปด้วย



ที่เราสั่งคือชุดข้าวหน้าปลาคัมปาจิใส่งา (ごまカンパチどん) ราคา ๒๐๐๐ เยน ซึ่งถือว่าเกือบถูกสุดแล้ว



ปกติไม่ค่อยมีโอกาสได้มากินข้าวหน้าปลาดิบแบบนี้บ่อยเพราะว่าแพง แต่ว่าก็อร่อยจริงๆ



หลังจากกินเสร็จลองดูสภาพในร้านแล้วก็พบว่าคนเริ่มแน่น ดีแล้วที่รีบมากินตั้งแต่ตอนโล่งๆ



จากนั้นก็เดินย้อนไปตามถนนต่อไป



ระหว่างทางก็มีพวกร้านกาแฟ



แล้วก็ย้อนมาถึงแถวป้ายรถเมล์ที่เรามาลงตอนแรก ทางซ้ายนี้เป็นร้านขายของและร้านกาแฟเล็กๆ เซกเกย์คาเฟ (絶景ぜっけいカフェ)



ทางเดินเข้าเป็นแบบนี้ เหมือนบันไดลงไปใต้ดิน




ภายในร้าน ตอนแรกนึกว่าใต้ดิน แต่ว่าเห็นหน้าต่าง มองออกไปเห็นทะเลได้สวย




เดินต่อไปอีกเพื่อไปดูทางโน้นอีกหน่อย




แล้วก็มาถึงป้ายรถเมล์ถัดไป ตรงแถวนี้เรียกว่าปาล์มบีช (PALMBEACH)






เราเดินมาถึงแค่นี้ก็พอแล้ว จากนั้นก็เดินย้อนกลับไป



ระหว่างทางก็ผ่านร้านที่ไปนั่งกินมา ตอนนี้เห็นร้านคนแน่นกว่าเดิมอีก มีคนรอคิวอยู่นอกร้าน เพราะเป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ดีแล้วที่เราไม่กินเวลานี้ไม่งั้นต้องรอนานแน่เลย



เดินย้อนกลับมาถึงตรงเสาโทริอิขาวอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้ลงไปแล้ว แค่ถ่ายจากด้านบนอีกหน่อย




ฝั่งตรงข้ามมีร้านข้าวหน้าปลาไหล แต่ราคาแพงมาก



จากตรงนี้ขึ้นรถเมล์กลับได้ แต่ว่าคราวนี้ขึ้นคนละสายกับตอนขามา สายนี้ไม่ได้กลับไปถึงตัวเมืองฟุกุโอกะ ต้องไปต่อรถไฟอีกที แต่ก็ดี ถือว่าได้แวะดูสถานีอีกแห่ง



ระหว่างทางก็ผ่านริมทะเลเหมือนตอนขามา ตรงนี้เป็นชายฝั่งโอดาฮามะซึ่งมีปากฉลามและชิงช้าต้นมะพร้าว



แล้วก็ผ่านสวนสาธารณะอุมิซึริ (海釣うみつ公園こうえん) ซึ่งเป็นบริเวณริมฝั่งสำหรับตกปลา




ระหว่างทางเจอทิวทัศน์สวยอยู่ประปราย



แล้วก็มาถึงปลายทางที่สถานีคิวไดงักเกงโทชิ (九大学研都市駅きゅうだいがっけんとしえき) ค่ารถเมล์ถึงตรงนี้คือ ๗๓๐ เยน



ที่นี่เป็นสถานีรถไฟบนสายจิกุฮิ (筑肥線ちくひせん) ของ JR ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงกับสายรถไฟใต้ดินของเมืองฟุกุโอกะ จากสถานีนี้สามารถนั่งรถไฟเข้าถึงใจกลางเมืองฟุกุโอกะ รวมถึงสถานเทนจิงและสถานีฮากาตะ



ลงรถเมล์มาแล้วก็เข้าไปในสถานี




ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงเวลาที่รถไฟรอบต่อไปออกก็เลยลองเดินมาดูอีกฝั่งของสถานี




แล้วก็ผ่านที่ตรวจตั๋วเข้ามา



บนชานชลา




แล้วรถไฟก็มา



ภายในขบวนรถไฟ



จากนั้นเราก็นั่งรถไฟไปลงที่สถานีเทนจิงเพื่อเดินเล่นด้วยเวลาที่เหลือช่วงบ่ายถึงเย็น https://phyblas.hinaboshi.com/20241212



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> ฟุกุโอกะ
-- ท่องเที่ยว >> รถไฟ
-- ท่องเที่ยว >> ทะเล

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文