φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



caligula overdose ตอนที่ ๑๖: ระหว่างเมอบิอุสกับโลกแห่งความเป็นจริง
เขียนเมื่อ 2020/07/22 12:10
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
>> ตอนที่แล้ว

ล้วงลึกปมในอดีตของธอร์น

หลังจากออกจากห้องชมรมได้แล้วและล้มมาริเอะได้ก็เข้าสู่เนื้อเรื่องช่วงสุดท้าย

เมื่อกลับไปที่ฐานของนักดนตรีในฐานะ lucid อีกครั้งก็สามารถดำเนินเนื้อเรื่องเสริมของธอร์นต่อได้

โดยคราวนี้จู่ๆธอร์นก็พามาที่แลนด์มาร์กทาวเวอร์แล้วชวนให้โดดลงไปฆ่าตัวตายด้วยกัน



เมื่อตัดสินใจล้วงลึกถึงปมในอดีตของธอร์น เธอก็กลับบอกแค่ว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการคืออยากจะรู้ว่าทำไมตัวเองถึงตาย เพราะตัวเองจริงๆน่ะตายไปแล้ว แล้วจู่ๆก็โดดลงไป



แต่มิวบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะมิวช่วยทำให้ธอร์นสามารถตกตึกกี่ครั้งก็ได้โดยไม่เป็นอะไร รวมถึงสาเหตุที่ที่นี่อยู่สภาพก่อสร้างไม่เสร็จอยู่ตลอดก็เพราะมิวทำเพื่อธอร์น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจทำตามความปรารถนาจริงๆของธอร์นได้



เรื่องราวในอดีตของธอร์นไม่มีการเปิดเผยในเนื้อเรื่องเสริมตรงนี้ รวมถึงสาเหตุที่ต้องโดดตึก เป็นตัวละครที่ไม่อาจล้วงลึกถึงอดีตได้ภายในเนื้อเรื่องเสริม

แต่นี่เป็นส่วนของเนื้อเรื่องหลักอยู่แล้ว ดังนั้นแค่ดำเนินเรื่องไปจนจบก็จะไขความลับทุกอย่างเอง

เนื้อเรื่องเสริมตรงนี้จึงเป็นแค่ส่วนที่ทำให้มองเห็นและเข้าใจความรู้สึกในมุมมองของธอร์นมากขึ้นเท่านั้น ต่างจากเนื้อเรื่องของตัวละครอื่นส่วนใหญ่




มาที่แลนด์มาร์กทาวเวอร์อีกครั้ง

หลังจากนั้นโชวโงะบอกว่าต้องการจะเล่าเรื่องอดีตของตัวเองให้ฟังต่อ เพื่อการนั้นจำเป็นต้องไปที่แลนด์มาร์กทาวเวอร์อีกครั้ง



เมื่อมาถึงยังไม่ทันได้คุยอะไรธอร์นก็ส่งข้อความมาเรียกให้เราไปหา



แต่ครั้งนี้เราอยู่กับพรรคพวกชมรมกลับบ้านและไม่อยากจะหักหลังพรรคพวกอีกแล้ว จึงตัดสินใจปฏิเสธไป การติดต่อกับธอร์นในฐานะ lucid จึงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ครั้งต่อไปที่เจอกันก็จะเป็นศัตรูกันอย่างเต็มตัว



ทางเลือกแยก: ตรงนี้เป็นจุดที่ให้เลือกว่าจะยังร่วมมือกับธอร์นต่อไปหรือเปล่า

หากเลือกที่จะไปหาธอร์นก็จะได้ดำเนินเนื้อเรื่องของนักดนตรีต่อ แต่เมื่อเลือกที่จะปฏิเสธธอร์น ก็จะจบเนื้อเรื่องที่เราเป็น lucid ไปร่วมสู้กับฝั่งนักดนตรีลงเท่านี้ แล้วเข้าสู่เนื้อเรื่องตอนท้ายมุ่งสู้ฉากจบที่แท้จริงโดยไม่มีทางแยกอีกแล้ว

เนื้อเรื่องเสริมของตัวละครฝั่งนักดนตรียังเหลือของชาโดว์ไนฟ์กับมาริเอะที่กว่าจะเริ่มขึ้นได้ก็ต้องเลือกดำเนินเนื้อเรื่องฝั่งนักดนตรีต่อแล้วรอหลังจากนี้ไป

แต่เรื่องราวของมาริเอะนั้นอ่านนิยายในนะยายจะได้เข้าใจรายละเอียดมากกว่า


โชวโงะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองต่อจากตอนที่อยู่ในห้องชมรมที่บอกว่าชื่อจริงของธอร์นคืออิจิกะ แต่เธอน่าจะตายไปแล้ว ความจริงแล้วคือเธอฆ่าตัวตายโดยโดดตึกแลนด์มาร์กทาวเวอร์แห่งนี้ในคืนวันหนึ่งขณะที่ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้นการที่ตึกนี้ในเมอบิอุสถูกทำให้ค้างอยู่ในสภาพที่สร้างไม่เสร็จก็น่าจะเป็นความต้องการของธอร์นนี่เอง



เมื่อกำลังจะล้วงลึกเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่ธอร์นมีท่าทีโกรธแค้นโชวโงะ ก็ได้ยินเพลงของธอร์นดังขึ้นมาซะก่อน ทำให้คิดว่าธอร์นน่าจะอยู่ที่นี่





ดังนั้นจึงลองตามขึ้นไปถึงดาดฟ้าของตึก แล้วก็พบธอร์นอยู่คนเดียว



ธอร์นบอกว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการก็คืออยู่ในโลกที่ตัวเองจะมีตัวตนได้อยู่ต่อไป เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงตัวเองได้ตายไปแล้วอย่างที่โชวโงะเล่ามา ดังนั้นจึงอยู่ได้แค่ในเมอบิอุสนี้เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องการโลกแห่งความเป็นจริงอีกแล้วและกำลังเตรียมแผนที่จะทำลายโลกแห่งความเป็นจริงทิ้ง



แล้วจู่ๆธอร์นก็พูดชวนให้โชวโงะโดดตึกลงไปตายด้วยกัน เสร็จแล้วก็โดดลงไปจริงๆ โดยทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าต้องการจะหยุดยั้งแผนการทำลายโลกจริงก็ให้ไล่ตามมาหยุดเธอให้ได้



แต่หลังจากนั้นเมื่อมองลงไปกลับไม่พบร่าง



โชวโงะบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ธอร์นมาปรากฏตัวให้เห็นต่อหน้าแล้วโดดตึกให้ดูหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งก็เหมือนครั้งนี้ โดดลงไปแล้วร่างก็หายไป หลังจากนั้นก็ยังกลับมาปรากฏตัวอีก

อาเรียมองแล้วก็รู้ว่ามิวได้ช่วยตั้งให้ธอร์นไม่ได้รับความเสียหายจากการตกจากที่สูง จึงทำให้สามารถโดดยังไงก็ได้โดยไม่ตาย ดังนั้นไม่ต้องห่วง



แล้วหลังจากนั้นโชวโงะก็บอกว่าถ้าพูดถึงสถานที่ที่อิจิกะน่าจะไปต่อจากนี้ไปก็คือสถานที่จัดคอนเสิร์ตในเมืองนี้ที่ชื่อ กร็อง กีญอล (グラン・ギニョールgrand guignol) ซึ่งเป็นสถานที่อิจิกะมักจะชอบไปบ่อยๆในโลกจริงในขณะมีชีวิตอยู่



ดังนั้นเป้าหมายสุดท้ายที่จะต้องไปได้แล้ว

แต่ก่อนจะลงจากตึก อิซึรุก็ได้พูดขึ้นว่าถ้าถึงเวลาแล้วจำเป็นจริงๆพวกเราก็อาจต้องทำลายมิวจริงๆ ขอให้ทำใจเอาไว้ด้วย





เรื่องช่วงสุดท้ายของแต่ละคน

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องช่วงสุดท้ายที่ต้องเผชิญหน้ากับธอร์น นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ดำเนินเนื้อเรื่องของสมาชิกในชมรมกลับบ้านที่เหลือให้หมด

ในที่นี้เนื่องจากโคตาโรวตายไปแล้วจึงไม่สามารถดำเนินเนื้อเรื่องส่วนที่เหลือต่อได้ ส่วนเนื้อเรื่องของเอย์จิเองก็ค้างคาอยู่ในขณะที่ยังไม่ได้ล้วงลงไปถึงอดีต เพียงแต่ก็รู้เรื่องนี้ผ่านทางเนื้อเรื่องของคุจินาชิแทนแล้ว ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมกว่านั้นยังต้องดูในเนื้อเรื่องของเอย์จิเอง

ส่วนเนื้อเรื่องของโคโตโนะ เคนสึเกะ มิฟุเอะ ซึ่งได้เข้าถึงส่วนที่ล้วงลึกถึงอดีตไปแล้วก็ยังมีต่อ เป็นเนื้อเรื่องช่วงท้ายให้เห็นบทลงเอย

นอกจากนี้เนื้อเรื่องของโชวโงะก็สามารถดำเนินไปถึงล้วงลึกปมในอดีต และต่อไปถึงช่วงสุดท้ายได้




เรื่องของโชวโงะนั้นต่อจากที่ครั้งก่อนไปเดตกับนักเรียนหญิงชื่อจิกะแล้วเกิดอาการไม่ดีขึ้นกะทันหัน วันนี้จิกะนัดโชวโงะไปเจออีกรอบ เธอพยายามชวนให้โชวโงะยอมคบด้วยอย่างจริงๆจังๆ แต่โชวโงะตั้งใจไว้แล้วว่ายังไงก็ไม่อาจยอมคบด้วยได้ จึงได้แต่ปฏิเสธไป



เมื่ออาเรียรู้เรื่องเข้าก็สงสัยว่าทำไมจึงทำแบบนี้ โชวโงะจึงบอกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคบกับใครได้หรอก เพราะเรื่องในอดีตที่ผ่านมา



หลังจากนั้นเมื่อตัดสินใจที่จะล้วงลึกเข้าไปถึงปมในอดีตของโชวโงะ เขาก็ยอมเล่าให้ฟังว่า จริงๆคืนที่อิจิกะฆ่าตัวตายนั้นเธอได้โทรมาชวนให้ฆ่าตัวตายไปด้วยกัน แต่โชวโงะกลับเพิกเฉย แล้วก็มารู้ตอนหลังว่าอิจิกะโดดจากตึกนี้ฆ่าตัวตายไปแล้ว



เพราะฉะนั้นจึงรู้สึกผิดเหมือนว่าตัวเองเป็นคนฆ่าอิจิกะเอง หลังจากนั้นตัวเองก็หนีความจริงแล้วเป็นฮิกิโกโมริมาโดยตลอด เรื่องราวก็ผ่านมาถึง ๑๓ ปีแล้ว ถึงตอนนี้ในโลกจริงตัวเองก็อายุ ๓๐ แล้ว



ตั้งแต่มาถึงเมอบิอุสแห่งนี้ไม่นานโชวโงะก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าโลกนี้ไม่ใช่ความเป็นจริง และเมื่อประมาณปี ๑ ปีก่อนธอร์นก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าแล้วโดดตึกให้ดู เป็นอย่างนี้ซ้ำไปมา



หลังจากนั้นก็มีข้อความส่งมาจากจิกะ บอกว่าจะฆ่าตัวตาย โชวโงะจึงรีบไปห้าม แล้วบอกความจริงเรื่องอิจิกะ และบอกว่าตัวเองจริงๆนั้นเป็นแค่ฮิกิโกโมริอายุ ๓๐ ปีแล้ว ดังนั้นจึงคิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคบใครได้



จิกะจึงเริ่มสงบลงแล้วบอกว่าจะยอมตัดใจก็ได้ แต่ขอให้ช่วยมาเดตกันอีกเป็นครั้งสุดท้าย

พอมานัดเจอกันอีกครั้งจิกะก็กลับบอกว่ายังไม่ยอมตัดใจง่ายๆ ถ้ากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วอยากจะให้ติดต่อกันต่อไป และจริงๆตัวเองก็ชอบคนอายุมากกว่าด้วย ๓๐ ก็ไม่เป็นไรหรอก

แต่พอโชงโงะถามอายุไปจิกะก็บอกว่าตัวเองจริงๆอายุ ๑๕ โชวโงะจึงรีบปฏิเสธไปทันทีเพราะไม่อยากโดนตำรวจจับ แต่ก็บอกว่าถ้าหากคิดอยากตายขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ติดต่อมาได้ จะไปช่วยห้ามอีก



สุดท้ายเมื่อมาคุยกันอีกทีในห้องชมรม โชวโงะได้พูดประโยคสุดท้ายว่ายังไงก็จะต้องกลับบ้านให้ได้ คราวนี้ไม่ใช่เพื่อหนี แต่เพื่อที่จะสู้





ส่วนมิฟุเอะยังพยายามหา NPC คนที่เป็นแม่ตัวเองในโลกนี้ต่อ ครั้งนี้ลองหาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซีพาราอีโซ คราวนี้หาเจอตัว แต่ก็อยู่ในสภาพที่กำลังจะถูกล้างข้อมูล ตอนนี้เริ่มจะจำมิฟุเอะไม่ได้แล้ว



มิฟุเอะพยายามเข้าไปคุยด้วยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก แล้วก็ได้พูดขอโทษ และก่อนที่จะหายไปเธอก็เรียกชื่อมิฟุเอะเหมือนกับว่าจะพอจำได้



หลังจากจบเรื่อง มิฟุเอะก็ทำเบนโตวให้กินเป็นการตอบแทน



สุดท้ายมิฟุเอะก็ดูมีกำลังใจและมีความมั่นใจว่าเมื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้จะต้องสามารถแก้ไขปัญหาได้ ยังไงก็ต้องพยายามด้วยกันเพื่อให้กลับบ้านให้ได้





ทางด้านอิซึรุได้ถูกอาเรียชวนให้ลองไปซื้อเสื้อผ้าใส่เอง เขาจึงไปเดินซื้อเสื้อผ้าตามร้านในย่านปาปิโกะ ปรากฏว่าเจอแต่พนักงานร้านที่พูดเซ้าซี้จนเขารำคาญสุดท้ายก็ไม่สามารถซื้ออะไรได้



หลังจากนั้นอาเรียก็ชวนให้อิซึรุไปร้องคาราโอเกะคนเดียว แต่กลับมีผู้หญิงเข้ามาตามติดจนเขารำคาญแล้วจู่ๆก็ทุบแก้วแตกแล้วเอาเศษแก้วกรีดหน้าตัวเอง จนผู้หญิงร้องตะโกนตกใจ



แต่เมื่ออิซึรุออกมากลับพบว่าใบหน้าเขาไม่ได้มีแผลอะไรเลย เช่นเดียวกับตอนโดนโจมตีในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แล้วเขาก็บอกว่าที่เมอบิอุสแห่งนี้ใบหน้าเขาสามารถรักษาตัวเองหายได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นแผลสักกี่ครั้งก็ตาม นี่น่าจะเป็นความสามารถพิเศษที่มิวมอบให้ แต่จริงๆตัวเองกลับไม่ได้ต้องการมันเลย





ทางด้านเคนสึเกะนั้นได้ชวนกันมาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ แล้วก็บังเอิญเจอชายที่ชื่อบลูมันอีก ครั้งนี้ก็มีปากเสียงกันอีกและเขาก็พุ่งเข้าโจมตีใส่



เมื่อเอาชนะเขาได้แล้วเขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์ลงแล้วเปิดใจเล่าเรื่องของตัวเองมากขึ้น บอกว่าตัวเองเข้าเมืองมาโดยตั้งใจจะตามความฝันที่อยากเป็นนักดนตรี แต่ก็ไม่สมหวังแล้วได้แต่ต้องไปเป็นพนักงานบริษัท แล้วก็ไม่ได้เลื่อนขั้นก้าวหน้าขึ้นเลย จนผ่านไป ๒๐ ปี อายุ ๔๐ แล้วก็ยังต๊อกต๋อยอยู่ ไม่มีความสุขกับงานเลย แล้วก็บอกว่าเคนสึเกะยังเด็กอยู่ให้ทำสิ่งที่ยังทำได้เมื่อยังเด็กอยู่ให้เต็มที่ อย่าต้องมากลายเป็นอย่างเขา



แต่เคนสึเกะฟังเรื่องของบลูมันแล้วกลับมองว่าเขาได้สู้ชีวิตอย่างเต็มที่ แม้สูญสิ้นความหวังแล้วก็ยังทนใช้ชีวิตต่อไป แบบนี้ดูไม่เลวหรอก ดีกว่าตัวเองที่ยังเด็กอยู่แท้ๆแต่กลับท้อแท้ตัดใจทั้งที่ยังไม่ได้พยายามเต็มที่ ทั้งที่ยังมีโอกาสอยู่แท้ๆ ถ้าพยายามก็อาจจะทำได้ก็ได้

หลังจากนั้นเคนสึเกะก็ไฟติดขึ้นมาแล้วแต่งกลอนขึ้นมาไปอ่านให้บลูมันฟัง เนื้อหาเกี่ยวกับความฝันและการใช้ชีวิต เขาฟังแล้วก็ชอบใจมากและดูจะได้กำลังใจขึ้นมา แล้วก็ชมว่าแม้เคนสึเกะอาจคิดว่าตัวเองไร้พรสวรรค์ แต่เมื่อเทียบกับเขาแล้วก็ยังดีกว่ามาก ยังเด็กอยู่ยังมีโอกาส



สุดท้ายเคนสึเกะได้พูดถึงความหวังในอนาคต แม้จะยังกังวลว่าอาจจะไม่สำเร็จแล้วอนาคตอาจจะต้องกลายเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่ตัวเองไม่อยากเป็น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมใจไว้ แต่ยังไงเมื่อยังมีโอกาสก็ต้องพยายามเต็มที่ก่อน ถ้าพลาดหวังแล้วถึงตอนนั้นค่อยมาท้อแท้ก็ยังทัน ดังนั้นจะต้องกลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริงให้ได้ เพื่อจะไปไล่ตามความฝันต่อไป





ส่วนโคโตโนะหลังจากที่วันก่อนได้เปิดใจเล่าเรื่องอดีตให้ฟังแล้วก็นึกออกว่านักเรียนหญิงที่ซุ่มโจมตีเธอเมื่อวันก่อนนั้นก็คือโทกิโกะ (登紀子) เป็นเพื่อนของแม่โคโตโนะเอง ที่นี่ทุกคนกลายเป็นเด็กมัธยมปลายหมดเลยดูอ่อนลงจากตัวจริงมากจนตอนแรกจำไม่ได้เลย



เมื่อนัดคุยเปิดใจกันโทกิโกะก็ขอโทษแล้วบอกว่าที่ทำไปเพราะเมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วได้เป็นเพื่อนกับโคโตโนะก็รู้สึกสนุกเหมือนได้กลับมาเป็นสมัยที่เรียนอยู่กับแม่ของโคโตโนะ ดังนั้นพอรู้ว่าโคโตโนะพยายามจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงจึงพยายามจะห้าม อยากให้อยู่มีความสุขที่นี่ด้วยกันต่อไป นอกจากนี้ก็ได้เล่าเรื่องหลังจากที่โคโตโนะมาเมอบิอุสแล้วให้ฟัง ว่าหลังจากนั้นแม่ของโคโตโนะก็ช่วยดูแลทักคุงลูกของโคโตโนะให้อยู่ไม่ต้องเป็นห่วง

หลังจากนั้นโคโตโนะก็บอกว่าได้เริ่มเรียนทำอาหารจากโทกิโกะ ก็เลยลองฝึกคิดค้นสูตรอาหารแล้วทำมาให้ลองกิน แล้วบอกว่าถ้ากลับสู่โลกจริงได้แล้วอาจจะลองฝึกเป็นนักปรุงอาหารดู แม้จะกลับไปแล้วคงต้องเจอกับความลำบากมากมายรออยู่ แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับมันให้ได้



สุดท้ายเมื่อได้ถามว่าผู้ชายที่เจอที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนั่นคือใคร โคโตโนะก็เล่าอดีตให้ฟังมากขึ้นอีกว่าที่จริงคนนั้นชื่อเรียวสึเกะ เป็นพ่อของทักคุงนั่นเอง แต่หลังจากพบว่าตั้งท้องแล้วเขาก็ขาดการติดต่อไปไม่รับผิดชอบอะไร จนสุดท้ายต้องเลี้ยงลูกคนเดียว แต่โลกแห่งความเป็นจริงนั้นก็ไม่ง่ายแบบนั้นเลย ต้องพบกับความลำบากมากมาย สุดท้ายพอรู้สึกตัวอีกทีก็หนีจากโลกแห่งความเป็นจริงมาอยู่เมอบิอุส



คุยไปมาเราจึงได้ขอเสนอตัวช่วยดูและโคโตโนะกับลูกเอง ตอนแรกเธอก็คิดว่าพูดเป็นเล่น แต่เมื่อยืนยันว่าตั้งใจจริงเธอทำท่าเหมือนจะลองไปคิดดูก่อน แล้วก็ชวนว่าถ้ากลับสู่โลกจริงได้แล้วมาเจอกันจะชวนไปหาทักคุง



เนื้อเรื่องเสริมมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันไป: เนื้อเรื่องเสริมของแต่ละตัวละครนั้นอาจมีรายละเอียดต่างกันไปขึ้นอยู่กับการเลือกตอบคำถามในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับว่าเลือกเป็นตัวละครเพศไหนด้วย

ฉากที่ลงเอยกับโคโตโนะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเลือกตัวเอกชาย และที่ผ่านมาเลือกตอบได้เข้าทางโคโตโนะมากที่สุด

กับตัวละครอื่นก็มีฉากแบบนี้เช่นกัน และถ้าเลือกตัวเอกหญิงก็จะมีฉากทำนองนี้กับตัวละครชายเช่นอิซึรุ

(เพียงแต่ว่าตัวเอกหญิงก็ลงเอยกับตัวละครหญิงบางคนได้เช่นกัน... ยุริ?)

อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้มีผลกับตอนจบของเรื่องจริงๆ เพราะเป็นแค่ส่วนของเรื่องเสริม เรื่องราวหลังจากจบเกมจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับจินตนาการของผู้เล่นเองแล้ว


เนื้อเรื่องของเอย์จิ

ส่วนเนื้อเรื่องของเอย์จินั้นเนื่องจากไม่ได้ดำเนินเรื่องของต่อจนถึงขั้นล้วงลึกถึงอดีต แม้จะมีเล่าถึงในส่วนของคุจินาชิไปส่วนหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ดำเนินไปถึงสุดท้าย ในที่นี้จึงสรุปสั้นๆจากที่ได้ดูเรื่องย่อมาจากที่อื่น

จากตรงนี้เป็นสปอยล์:

จริงๆแล้วเอย์จิเป็นทนาย ไม่ใช่ประธานบริษัทอย่างที่เคยโม้ไว้ เรื่องที่ว่าเคยถูกคนชื่อทาโดโกโระลักพาตัวไปก็เป็นเรื่องโกหก

ที่จริงแล้วคือเมื่อทาโดโกโระเจอดำเนินคดีข้อหาทำร้ายไอดอลที่เป็นเพื่อนของอายานะ ตอนนั้นเอย์จิได้เป็นทนายช่วยแก้ต่างให้เขาจนสำเร็จ

แต่ตอนหลังเมื่อเอย์จิมีปัญหากับครอบครัวของคุจินาชิ คือไปยักยอกทรัพย์บ้านนั้นแล้วเกิดถูกจับได้จึงไปขู่บังคับให้ทาโดโกโระช่วยไปจัดการเผาบ้าน โดยขู่ว่าไม่งั้นจะพลิกคดีแล้วเอาเขาเข้าคุก เหตุการณ์นี้ทำให้คนตาย ๓ คน คือพ่อแม่และพี่สาวของคุจินาชิ

แม้เอย์จิจะเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะมีเหตุจูงใจชัดเจน แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ว่าเขาเป็นต้นเหตุของการวางเพลิง เพราะวันที่เกิดเหตุมีพยานหลักฐานที่เขาจงใจสร้างขึ้นมาคอยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุแน่นอน

แต่ถ้าหากทาโดโกโระถูกจับได้แล้วพูดถึงเขาขึ้นมาก็อาจจะเดือดร้อนได้ ดังนั้นหลังจากที่พบว่าทาโดโกโระเข้ามาอยู่ในเมอบิอุสนี้ด้วยเอย์จิเลยพยายามหาตัวทาโดโกโระเพื่อจะฆ่าปิดปากให้ได้ไม่ให้สาวมาถึงตัวเอง

หากสนใจรายละเอียดดูได้ในคลิปนี้ https://www.youtube.com/watch?v=Vz28_sqbm18


หลังจากดำเนินเนื้อเรื่องเสริมจนครบสมบูรณ์ก็จะสามารถดูข้อมูลของคนนั้นได้ทั้งหมด และอายุก็เป็นอายุจริงด้วย ไม่เช่นนั้นจะเป็นอายุในเมอบิอุส ซึ่งแต่ละคนก็อยู่ที่ ๑๖-๑๘ ปีทั้งหมด ส่วนอายุจริงอาจน้อยหรือมากกว่านั้น



ถ้าแค่ไปถึงล้วงลึกอดีตแต่ยังไปไม่สุดก็จะมีข้อมูลแค่บางส่วน



ถ้ายังไปไม่ถึงล้วงลึกอดีตก็จะแสดงข้อมูลแค่พื้นฐาน



>> ตอนถัดไป


-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- บันเทิง >> เกม >> caligula

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

บทความแต่ละเดือน

2024年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2023年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2022年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2021年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2020年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

ค้นบทความเก่ากว่านั้น

ไทย

日本語

中文