φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



วัดปี้หยวิน สถานที่พักศพของซุนยัดเซนชั่วคราว
เขียนเมื่อ 2015/04/21 10:39
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#พุธ 8 เม.ย. 2015

เซียงซาน (香山) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของปักกิ่ง เนื่องจากเป็นเขาที่อยู่ค่อนข้างใกล้ตัวเมืองปักกิ่ง เดินทางค่อนข้างสะดวก

บนเขาเซียงซานนั้นนอกจากจะไปเพื่อปีนเขาและชมธรรมชาติแล้ว ผู้คนยังไปเพื่อเยี่ยมชมโบราณสถานที่สำคัญและมีความสวยงามแห่งหนึ่ง นั่นก็คือวัดปี้หยวิน (碧云寺)

ในจีนมีการสร้างวัดขึ้นมากมายทั้งในตัวเมืองและนอกเมืองกลางป่าเขา ว่ากันโดยรวมแล้ววัดที่อยู่กลางป่าเขานั้นมักจะมีขนาดใหญ่ก่วาและก็ดูแล้วมีเสน่ห์น่าสนใจกว่าที่อยู่ในเมือง

สำหรับในปักกิ่งแล้ว ในบรรดาวัดที่อยู่บนเขา หากพูดวัดที่ไปง่ายที่สุดก็คงเป็นวัดปี้หยวินนี้เอง เพราะอยู่บนเขาเซียงซานซึ่งใกล้กับตัวเมืองมาก เดินทางมาได้สะดวก

วัดปี้หยวินตั้งอยู่บนตีนเขาเซียงซาน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1331 ซึ่งเป็นสมัยชราชวงศ์หยวน (元朝, ปี 1271 - 1368) ในปี 2001 วัดปี้หยวินได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์กรอนุรักษ์สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของจีน

ความสำคัญอย่างหนึ่งของวัดนี้คือเป็นสถานที่เก็บศพของซุนยัดเซน (孙中山, ซุนจงซาน) หลังจากที่เขาเสียชีวิตในเดือน 12 มีนาคม 1925 ศพเขาถูกนำมาฝังชั่วคราวไว้ที่นี่ก่อนที่สุสานจงซาน (中山陵) ซึ่งอยู่ที่หนานจิงจะสร้างเสร็จและถูกย้ายไปฝังที่นั่นในเดือนพฤษภาคม

จุดเด่นอย่างหนึ่งของวัดปี้หยวินก็คือเจดีย์ห้ายอดที่เรียกว่าจินกางเป่าจั้วถ่า (金刚宝座塔) ดูโดดเด่นสวยงามตั้งอยู่ในบริเวณด้านในสุดของวัด

คำว่าจิงกางเป่าซั่วถ่าถ้าแปลเป็นไทยตรงๆก็จะเป็น "เจดีย์บรรลังก์เพชร" หรือใช้คำให้สวยๆหน่อยก็เป็น "วัชรอาสนเจดีย์" เจดีย์แบบนี้ในปักกิ่งยังมีเจดีย์ที่วัดเจินเจวี๋ยซื่อ (真觉寺), วัดซีหวง (西黄寺) และบนเขายวี่เฉวียนซาน (玉泉山) แต่ว่าวัดซีหวงและเขายวี่เฉวียนซานเป็นเขตหวงห้ามไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม ส่วนวัดเจินเจวี๋ยตอนนี้ปิดปรับปรุงอยู่ ดังนั้นจึงไม่อาจไปเห็นได้สักที่

วัดเจินเจวี๋ยมีเขียนถึงไปแล้วตอนที่ไปหาหมอแล้วแวะไป ได้ถ่ายรูปมาด้วยแม้จะเข้าไม่ได้ https://phyblas.hinaboshi.com/20141224

ส่วนเจดีย์บนเขายวี่เฉวียนซานได้เขียนถึงไปในตอนที่แล้วที่พูดถึงสุสานจิ่งไท่ มีถ่ายรูปไว้จากไกลๆ https://phyblas.hinaboshi.com/20150419

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ก็ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วนี่เอง



หลังจากชมสุสานจิ่งไท่เสร็จเราก็ขึ้นรถเมล์ต่อเพื่อไปยังเซียงซาน

การไปยังเซียงซานนั้นปัจจุบันยังไม่มีรถไฟฟ้าไปถึงแต่ในอนาคตมีแผนจะสร้าง อย่างไรก็ตามสำหรับตอนนี้ก็มีรถเมล์หลายสายที่สามารถไปได้ แต่ว่าสายส่วนใหญ่นั้นไปไม่ถึงสวนสาธารณะเซียงซาน ถึงแค่ย่านชุมชนที่อยู่ใกล้กับทางขึ้นเขาเท่านั้น มีเพียงสาย 563 เท่านั้นที่ไปถึงประตูตะวันออกของสวนสาธารณะเซียงซาน

รถเมล์สาย 563 มีต้นทางอยู่ที่ซีจื๋อเหมิน (西直门) ซึ่งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองค่อนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ สามารถนั่งจากตรงนั้นไปถึงเซียงซานได้โดยตรง แต่ว่าระยะทางไกลและใช้เวลานั่งนานเป็นชั่วโมง จึงไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมนัก วิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการมาเซียงซานคือนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีเป่ย์กงเหมิน (北宫门站) แล้วค่อยมาขึ้น 563 จากที่นั่น ซึ่งประหยัดเวลาไปได้มาก เพราะรถเมล์ระหว่างที่วิ่งในเมืองจะต้องเจอรถติดทำให้นานมาก รถไฟฟ้ายังไงก็เร็วกว่ามาก เป่ย์กงเหมินคือประตูเหนือของพระราชวังฤดูร้อน จากตรงนั้นนั่งรถเมล์ต่อไม่นานก็ถึงเซียงซานได้แล้ว

ที่ว่านั่งรถใช้เวลานั้นเป็นประสบการณ์ตรง เพราะที่จริงแล้วครั้งนี้ตอนที่เดินทางมาลงที่เหนียงเนี่ยงฝู่ (娘娘府) เพื่อเยี่ยมสุสานจิ่งไท่ซึ่งเป็นทางผ่านนั้น เรานั่งรถมาตั้งแต่จากตัวเมือง ระหว่างทางเจอรถติดทำให้ใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึง พอเป็นแบบนี้เลยเสียเวลาไปเยอะทั้งที่ถ้าขึ้นจากเป่ย์กงเหมินก็คงจะเร็วกว่า

รอไม่นานรถเมล์สาย 563 ก็มา สภาพคนแน่นเต็มคันรถ ดูแล้วส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยว



ป้ายปลายทางของรถเมล์สายนี้คือป้ายเซียงซานกงหยวนตงเหมิน (香山公园东门) ซึ่งก็คือประตูตะวันออกสวนสาธารณะเขาเซียงซาน ซึ่งอยู่ถัดจากป้ายที่ชื่อว่าเซียงซาน (香山) เฉยๆ ซึ่งส่วนใหญ่รถเมล์สายอื่นจะลงแค่ถึงป้ายนี้


พอถึงป้ายเซียงซาน คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ลงจากรถ แถมมีบางคนเพิ่งขึ้นมาด้วยซ้ำ บางคนอาจนั่งรถเมล์สายอื่นมาก็เลยมาลงได้แค่ป้ายนี้ พอจะไปต่อให้ถึงทางขึ้นเขาเซียงซานก็ยังต้องนั่ง 563 ต่ออีก แต่อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะจากตรงนี้จะเดินต่อไปยังทางขึ้นเขาเลยก็ยังได้ ไม่ได้ไกลถึงขนาดจะเดินไม่ได้



แล้วก็มาถึงป้ายปลายทาง พอลงไปตรงนี้เป็นท่ารถของรถเมล์สาย 563 โดยเฉพาะ ต้องเดินผ่านตรงนี้ไปนิดหน่อยจึงจะถึงทางเข้าสวนสาธารณะเซียงซานจริงๆ



ระหว่างทางก็มีร้านอาหารหรือร้านขายขนมเล็กๆน้อยๆอยู่ประปราย แวะเติมพลังก่อนไปปีนเขาได้




ก่อนถึงหน้าทางเข้าเราเห็นร้านขายเต้าหู้เหม็นฉางซา (长沙臭豆腐) ราคาถ้วยละ ๑๐ หยวน เรามองดูว่าน่ากินดีก็เลยลองซื้อมาลองท้องสักถ้วย



แต่อยากบ่นนิดหน่อยว่าร้านนี้เขาเอาลำโพง (ที่เห็นในภาพ) มาเปิดแล้วประกาศโฆษณาซึ่งบันทึกเสียงไว้ เสียงประกาศดังตลอดเวลา เสียงดังซ้ำๆว่า "ไม่ต้องไปถึงฉางซาก็สามารถทานเต้าหู้เหม็นฉางซาได้... บลาๆๆ" ไม่รู้ว่าคนที่ตั้งร้านอยู่รอบข้างจะรำคาญหรือเปล่า แต่เราว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่มั้ง


เต้าหูเหม็นฉางซาก็อร่อยดี ไม่รู้สึกว่าเหม็นอย่างชื่อหรอก แต่ก็เผ็ดอยู่



มาถึงด้านหน้าทางเข้าเห็นตัวมาสค็อตหน้าตาเหมือนแกะยืนอยู่ด้วย





บัตรผ่านประตูสวนสาธารณะเซียงซาน ราคา ๑๐ หยวนเท่านั้น ส่วนค่าเข้าวัดปี้หยวินราคา ๑๐ หยวน แต่ถ้าซื้อบัตรทางเข้าพร้อมกับวัดปี้หยวินก็จะลดเหลือ ๑๕ หยวน ประหยัดไปได้ ๕ หยวน เราตั้งใจเข้าชมวัดปี้หยวินอยู่แล้วก็เลยเลือกซื้ออันนี้



อันที่จริงมีบัตรที่ควบบัตรผ่านประตูกับรถกระเช้าขายด้วย ราคา ๖๐ หยวน ทั้งๆที่ปกติค่าขึ้นรถกระเช้าเฉยๆก็ ๖๐ หยวนอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าซื้อบัตรนี้ก็เท่ากับเหมือนไม่ต้องจ่ายค่าเข้าประตูเลย ดูแล้วคุ้มดี แต่ว่าเนื่องจากเรายังไม่แน่ใจว่าจะขึ้นรถกระเช้าดีหรือเปล่า กะดูสถานการณ์ก่อนอีกทีก็เลยยังไม่ซื้อ


แผนที่เซียงซาน บริเวณกว้างมากทีเดียว



ประตูทางเข้า



เข้ามาด้านใน



อาคารที่เจอก่อนเป็นอันดับแรกหลังเข้ามาก็คือฉินเจิ้งเตี้ยน (勤政殿) แปลว่าอาคารรัฐบาลขยัน สร้างในปี 1745 ถูกทำลายลงไปในปี 1860 แต่สร้างขึ้นมาใหม่ในปี 2002 อาคารนี้เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิราชวงศ์ชิงใช้ทำงานในขณะที่พำนักอยู่ที่เซียงซานนี้



ภายใน



เดินต่อไปเป้าหมายแรกเราจะไปวัดปี้หยวินซึ่งอยู่ตรงตีนเขาทิศเหนือ




ป้ายชี้บอกทางไปวัดปี้หยวินและทางขึ้นรถกระเช้า อยู่ทางขวา



เดินชมดอกไม้ไปตามทาง






อาคารนี้เป็นภัตตาคาร



บึงเล็กๆระหว่างทาง




ผ่านประตูนี้ไปก็จะถึงหน้าทางเข้าวัดปี้หยวิน



ประตูหน้าทางเข้าไปสู่ทางเดินหน้าวัด



ด้านหน้ามีแผนที่วัดให้ดู จะเห็นว่าใหญ่มาก ต้องเดินเข้าไปลึกกว่าจะถึงปลายทาง ระหว่างทางยิ่งเดินก็ยิ่งขึ้นเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ



จากตรงนี้ไปต้องใช้ตั๋วเพื่อเข้าไป ถ้ายังไม่ได้ซื้อตั๋วก็มีที่ขายตั๋วอยู่ด้านหน้า แต่เราใช้บัตรแบบควบประตูทางเข้ากับวัดไปพร้อมกันแล้วแต่แรกก็แค่ยื่นบัตรเท่านั้น



ประตูทางเข้าหน้าสุดของวัด มีป้ายเขียนชื่อวัด ๔ ภาษา



ผ่านเข้าไปเจออาคารทางผ่านหน้าวัดที่เรียกว่าซานเหมินเตี้ยน (三门殿)



ด้านในมียักษ์เฝ้าประตู



ผ่านซานเหมินมาก็เจออาคารมี่เล่อเตี้ยน (弥勒殿) คืออาคารพระเมตไตรย



และข้างๆมีหอระฆังและหอกลองตามปกติของวัดทั่วไป



และเมื่อเดินผ่านอาคารมีเล่าเตี้ยน ถัดมาก็เจอกับอาคารต้าสยงเป่าเตี้ยน (大雄宝殿) ซึ่งเป็นอาคารที่ข้างในมีพระศากยมุนี



ด้านข้างนั้นทั้งสองข้างเป็นอาคารที่เป็นร้านค้าเล็กๆ




ภายในอาคารต้าสยงเป่าเตี้ยน




เดินทะลุออกมาก็เจอกับศาลาที่สลักแผ่นหินบันทึกการสร้างวัดใหม่ในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ปี 1749



ด้านหลังศาลาเป็นอาคารผูซ่าเตี้ยน (菩萨殿) หรืออาคารพระโพธิสัตว์



ทางซ้ายมีทางเชื่อมต่อไปยังอาคารหลัวฮ่านถาง (罗汉堂) คือหอที่มีพระอรหันต์



ภายในหลัวฮ่านถาง



จากนั้นเดินต่อไปด้านหลังผูซ่าเตี้ยน ในที่สุดก็จะเจออาคารหอที่ระลึกซุนยัดเซน (孙中山纪念堂, ซุนจงซานจี้เนี่ยนถาน) อยู่ถัดไป



ภายในมีรูปปั้นซุนยัดเซน และโลงศพแก้วซึ่งทางโซเวียตมอบให้ แต่ตอนที่ส่งมาถึงศพซุนยัดเซนได้ถูกฝังไปแล้วก็เลยไม่ได้ใช้โลงนี้จึงนำมาตั้งแสดงไว้ที่นี่เป็นที่ระลึก



ส่วนทางนี้เก็บหนังสือที่เขียนโดยซุนยัดเซน



ข้างๆอาคารนี้เป็นที่จัดแสดงชีวประวัติของซุนยัดเซน




แผนที่แสดงตำแหน่งสถานที่สำคัญที่ซุนยัดเซนเคยไป ทั้งในและนอกประเทศ มีกรุงเทพฯด้วย



เกี่ยวกับเรื่องของซุนยัดเซนไม่ขอพูดถึงมากไปกว่านี้มากมายเพราะมีหออนุสรณ์คล้ายๆกันแบบนี้และเคยเล่าถึงไปแล้ว ลองอ่านได้ในบันทึกที่เที่ยวบ้านเก่าของซุนยัดเซนในเมืองจงซาน https://phyblas.hinaboshi.com/20120829

เดินต่อถัดมา



ขึ้นไปก็จะเริ่มเห็นซุ้มประตูหน้าทางเข้าสู่เจดีย์จิงกางเป่าซั่วถ่า



เจดีย์นี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยราชวงศ์ชิง (清朝, ปี 1644 - 1912) สูง ๓๔.๗ เมตร ที่นี่เป็นที่พักศพของซุนยัดเซนก่อนที่จะย้ายออกไป



เดินขึ้นไป



ข้างมาด้านในอาคารฐานเจดีย์ เพื่อจะปีนขึ้นไปชมส่วนยอด ตรงนี้เป็นตำแหน่งที่เคยเป็นที่พักศพซุนยัดเซน โดยหลังจากที่ศพของเขาถูกย้ายไปที่หนานจิงแล้วก็ได้เอาเสื้อผ้าที่เขาใส่ฝังไว้ตรงนี้แทนที่



ส่วนยอด สามารถเดินเล่นชมยอดเจดีย์อย่างใกล้ชิดได้





มองลงไปยังเส้นทางที่ผ่านมา เดินมาไกลมากทีเดียว



มองไปทางทิศใต้ยังเห็นรถกระเช้าสำหรับขึ้นเขาด้วย ในจังหวะนั้นเราตัดสินใจแล้วว่าเดี๋ยวจะไปนั่งรถกระเช้านี้ขึ้นเขาเซียงซานต่อดีกว่า เพราะแค่เดินในวัดปี้หยวินกว่าจะมาถึงยอดตรงนี้ก็เหนื่อยไปมากแล้ว ประหยัดแรงไว้ดีกว่า



ขอแบ่งตอนไว้เท่านี้ ตอนต่อไปจึงจะไปชมด้านบนเขาเซียงซาน



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ท่องเที่ยว >> ศาสนสถาน >> วัด
-- ประเทศจีน >> จีนแผ่นดินใหญ่ >> ปักกิ่ง
-- ท่องเที่ยว >> ภูเขา
-- ประวัติศาสตร์ >> ประวัติศาสตร์จีน

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文