φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



ปราสาทวาตาริและยูริกัง พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเมืองวาตาริ
เขียนเมื่อ 2023/11/13 14:43
แก้ไขล่าสุด 2023/11/19 15:35
# เสาร์ 11 พ.ย. 2023

หลังจากที่ตอนที่แล้วได้แวะไปเที่ยวปราสาทซากาโมโตะมา https://phyblas.hinaboshi.com/20231112

เราก็นั่งรถไฟไปตามสายโจวบังย้อนขึ้นมาทางเหนือ จนมาถึงเมืองวาตาริ (亘理町わたりちょう) ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของการเที่ยวในวันนี้

ตำแหน่งเมืองวาตาริ แสดงเป็นสีเหลืองเข้มเล็กๆด้านล่าง




เมืองวาตาริเป็นอีกเมืองที่เคยมีปราสาทตั้งอยู่ นั่นคือปราสาทวาตาริ (亘理城わたりじょう) หรือเรียกอีกชื่อว่า ปราสาทกางิว (臥牛城がぎゅうじょう) ผู้ครองปราสาทนี้เป็นสายย่อยของตระกูลดาเตะซึ่งปกครองเซนได

ปราสาทนี้ก็ถูกรื้อทิ้งในช่วงต้นยุคเมย์จิเช่นเดียวกับปราสาทอื่นส่วนใหญ่ และข้อมูลของรูปร่างเดิมเกี่ยวกับตัวปราสาทก็น้อยด้วย จึงไม่สามารถสร้างจำลองตัวปราสาทเดิมขึ้นมาใหม่ได้ ปัจจุบันบริเวณที่เคยเป็นหอหลักของตัวปราสาทนี้ได้กลายมาเป็นที่ตั้งศาลเจ้าวาตาริ (亘理神社わたりじんじゃ) และสวนสาธารณะคิวกัง (旧館公園きゅうかんこうえん)

นอกจากนี้แล้ว ยังได้มีการสร้างอาคาร ยูริกัง (悠里館ゆうりかん) ซึ่งทำเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองวาตาริ โดยตัวอาคารนั้นได้ถูกทำเป็นลักษณะเหมือนปราสาทญี่ปุ่น ตั้งอยู่ข้างๆสถานีรถไฟวาตาริ ถ้าใครนั่งรถไฟก็จะเห็นอาคารนี้ตั้งอยู่สวยเด่น กลายเป็นจุดสนใจของเมืองนี้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาคารถูกสร้างให้หน้าตาคล้ายปราสาท จึงอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่ายูริกังเป็นปราสาทวาตาริได้ ถ้าเราค้นภาพด้วยชือปราสาทนี้ในกูเกิล ภาพส่วนใหญ่ที่ขึ้นมาก็คือตัวอาคารยูริกัง

ในการเที่ยวครั้งนี้เราเริ่มจากไปชมบริเวณที่เดิมเป็นปราสาทวาตาริ และก็ค่อยมาเข้าชมยูริกัง ก่อนจะขึ้นรถไฟเดินทางกลับ

รถไฟที่นั่งมานั้นถึงสถานีวาตาริเวลา 10:48 ส่วนรถไฟขากลับที่นั่งนั้นเป็นรอบ 12:52 (แต่รถไฟมาช้ากว่ากำหนด ออกจริงคือ 12:57) โดยรวมเวลาที่ใช้เที่ยวที่นี่คือประมาณ ๒ ชั่วโมง



หลังจากที่รถไฟออกจากสถานียามาชิตะแล้วก็เข้าสู่เขตเมืองวาตาริ ซึ่งอยู่ถัดมาทางตอนเหนือ มาจอดที่สถานีแรกคือสถานีฮามาโยชิดะ (浜吉田駅はまよしだえき) ซึ่งอยู่ตอนใต้ของเมือง



จากนั้นจึงมาจอดที่สถานีวาตาริซึ่งเป็นสถานีหลักของเมืองนี้





เดินออกมาทางฝั่งตะวันตกของสถานี



เดินห่างจากตัวอาคารสถานีมาหน่อยก็สามารถมองเห็นยูริกังตั้งอยู่หลังสถานี ดูสวยเด่น



จากตรงนี้เดินทางไปทางตะวันตก มุ่งหน้าสู่ปราสาทวาตาริ






ระหว่างทางผ่านโรงเรียนประถมวาตาริ (亘理小学校わたりしょうがっこう)




แล้วก็มาถึง



บันไดขึ้นไปยังศาลเจ้าวาตาริ



ภายในบริเวณศาลเจ้า







ตรงนี้มีแผ่นป้ายที่อธิบายเกี่ยวักบปราสาทวาตาริ



แผนที่ปราสาทวาตาริในอดีต



พอเดินลึกเข้าไปด้านในก็พบว่าเต็มไปด้วยแผ่นป้ายหินที่สลักข้อความต่างๆอยู่เต็มไปหมด







จากบนศาลเจ้า เดินลงบันไดไปทางนี้เป็นส่วนของสวนสาธารณะ




ในบริเวณนี้มีคูน้ำซึ่งเคยเป็นคู่ของปราสาทวาตาริ แต่ก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆในด้านหนึ่งเท่านั้น




ป้ายอธิบายเกี่ยวกับซากคูน้ำ



จากนั้นเดินออกจากสวนสาธารณะ ภาพนี้ถ่ายจากด้านนอกหน้าทางเข้าสวนสาธารณะหลังเดินออกมาแล้ว



จากตรงนี้เดินต่อไปอีกหน่อย มีเป้าหมายอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆและมีความเกี่ยวข้องกัน



แล้วก็มาถึงวัดเซนเนง (専念寺せんねんじ) ซึ่งประตูซัมมง (山門さんもん) ของวัดนี้เดิมทีเป็นประตูของปราสาทวาตาริแล้วถูกย้ายมาสร้างใหม่ที่วัดนี้ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก



ส่วนด้านในวัดนั้นกำลังก่อสร้างอยู่จึงไม่สามารถเข้าไปชมได้ แต่ก็ยังดีที่ได้มาเห็นตัวประตูซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญ แค่นี้ก็พอแล้ว



จากนั้นที่เหลือก็ไม่มีอะไรแล้ว จึงเดินย้อนกลับไปยังสถานีวาตาริ




เดินกลับมาถึงแล้ว เห็นตัวยูริกังเด่นมาแต่ไกล



จากด้านนอกสถานี มองเข้าไปเห็นบริเวณชานชลา และสะพานข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งมียูริกังอยู่



เดินขึ้นสะพานข้ามจากตรงนี้ไป



บนสะพานข้าม



เมื่อข้ามมาก็จะโผล่ชั้น ๒ ของยูริกังโดยตรง ทางด้านโน้นเป็นห้องสมุด



และตรงนี้ยังมีร้านอาหารอยู่ด้วย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง ที่จริงก็อยากแวะกิน แต่ดูแล้วไม่มีเวลาพอจงไม่ได้แวะ



มองลงไปข้างล่าง



จากนั้นก็เดินลงมาด้านล่าง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนจัดแสดงในนี้เข้าชมได้ไม่มีค่าเข้า



เมื่อเข้ามาก็จะเจอที่นั่งให้ชมวิดีโออธิบายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ ดูแล้วทำออกมาได้ดีทีเดียว เรานั่งฟังอยู่ตรงนี้จนจบแล้วจึงเดินเข้าไปชมด้านในต่อ




ภายในส่วนจัดแสดงนี้เป็นห้องใหญ่ห้องเดียว มีของจัดแสดงเยอะมาก มีทั้งวัตถุโบราณ และแบบจำลองต่างๆที่เกี่ยวข้อง ดูแล้วทำออกมาได้ดีมากยิ่งกว่าพวกพิพิธภัณฑ์ที่เก็บค่าเข้าเสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าที่แบบนี้จะไม่เก็บค่าเข้าชม















ตรงนี้เป็นห้องที่ให้นั่งชมวิดีโออีก ฉายเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านที่นี่ แต่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรมาก



ชมห้องจัดแสดงหลักเสร็จก็เดินต่อมามีห้องเล็กๆอยู่ตรงนี้ ซึ่งจัดแสดงพวกรูปต่างๆ



นี่เป็นภาพแสดงความเสียหายจากเหตุการณ์คลื่นทสึนามิปี 2011 โดยเปรียบเทียบให้เห็นภาพก่อนและหลังเหตุการณ์ และภาพปัจจุบันหลังจากที่ฟื้นฟูบ้านเมืองจากความเสียหายแล้ว



ชมเสร็จก็ออกมาเดินดูบริเวณรอบๆอาคาร



ตรงนี้เป็นทางเข้าสู่สถานีวาตาริอีกทาง



ข้างๆนั้นเป็นสะพานชื่อว่า ยูกิวโนะฮาชิ (悠久ゆうきゅうはし) แปลว่า "สะพานแห่งนิรันดร์"



ทิวทัศน์จากบนสะพาน ที่เห็นนี้เป็นคลองเล็กๆที่ลากผ่านกลางเมืองวาตาริลงสู่ทะเล



ตัวอาคารจากบนสะพานฝั่งตรงข้ามคลอง



จากนั้นเดินเลียบคลองไปทางนี้



ภาพอาคารที่ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามคลอง




เดินมานิดหน่อยก็ข้ามสะพานนั้นกลับเข้าไปฝั่งเดิม



ทิวทัศน์จากบนสะพาน




จากนั้นก็เดินกลับเข้ามายังตัวอาคาร



แล้วก็ขึ้นไปยังชั้น ๕ ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ที่นี่เป็นจุดชมทิวทัศน์



เดินออกมาที่ระเบียง จากตรงนี้ชมทิวทัศน์รอบๆได้ จังหวะนั้นเห็นฝูงนกกำลังบินอยู่พอดี



มองลงไปเห็นตัวสถานีรถไฟและทางรถไฟ




ตัวเมืองทางฝั่งตะวันออกซึ่งมีบ้านอยู่แค่เบาบาง




การเที่ยวที่นี่ก็จบลงเท่านี้ จากนั้นก็กลับมาที่สถานีวาตาริเพื่อขึ้นรถไฟ ตอนที่ไปถึงนั้นดูหน้าจอแสดงเวลารถไฟแล้วก็พบว่ารถไฟฝั่งทิศตรงข้ามคือที่ออกจากเซนไดไปยังทางฟุกุชิมะนั้นเกิดช้ากว่าเวลาไปถึง ๓๖ นาที ซึ่งช้าไปมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โชคดีรถไฟที่เราจะนั่งไปนั้นเป็นฝั่งตรงข้าม คือฝั่งที่กับเซนไดไป ซึ่งตอนหลังก็พบว่ามาช้ากว่ากำหนดเช่นกัน แต่ช้าไป ๕ นาที ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหามาก



ในอาคารสถานีมีตู้ขายพวกกาแฟและเครื่องดื่มร้อนๆอัตโนมัติ เห็นมีซุปข้าวโพดด้วย ราคา ๑๓๐ เยน เลยกดมาดื่มระหว่างรอรถไฟ



จากนั้นรถไฟก็มาถึงและออกเวลา 12:57 เราก็ขึ้นรถไฟขบวนนี้เพื่อเดินทางกลับเซนได



ระหว่างทางผ่านสถานีโอกุมะ (逢隈駅おおくまえき) ซึ่งเป็นอีกสถานีบนสายโจวบังซึ่งอยู่ในเมืองวาตาริ เป็นสถานีทางเหนือสุดก่อนที่จะไปรวมกับสายหลักโทวโฮกุที่สถานีอิวานุมะ



การเที่ยวชมปราสาทตามทางรถไฟสายโจวบังในวันนี้ก็จบลงเท่านี้ ได้ไปเที่ยว ๓ เมือง ชมปราสาทถึง ๓ แห่ง นับว่าเป็นอีกวันที่ได้เที่ยวอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศญี่ปุ่น >> มิยางิ
-- ท่องเที่ยว >> ปราสาท☑ >> ปราสาทญี่ปุ่น
-- ท่องเที่ยว >> ศาสนสถาน >> ศาลเจ้า
-- ท่องเที่ยว >> รถไฟ
-- ท่องเที่ยว >> พิพิธภัณฑ์

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

บทความแต่ละเดือน

2024年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2023年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2022年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2021年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2020年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

ค้นบทความเก่ากว่านั้น

ไทย

日本語

中文