จะเห็นว่าเราหายจากการเขียนบล็อกไปนานเลยเที่ยวนี้สาเหตุก็ตามหัวบล็อกเลย คือตอนนี้เพิ่งจะย้ายมาเรียนต่อที่ปักกิ่ง ซึ่งก็ทำให้ยังมีอะไรต้องปรับตัวอยู่มากก็เลยไม่มีเวลามาเขียนบล็อก
การมาปักกิ่งนี้ก็เป็นครั้งแรก ก็มีอะไรตื่นตาตื่นใจไม่ใช่เล่น เริ่มตั้งแต่มาถึงสนามบิน มันกว้างมากเลย จนตอนลงจากเครื่องมาต้องนั่งรถไฟฟ้าต่อเพื่อไปรับกระเป๋า
รูปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง คนเยอะมากรอนานสุดๆ
พอรับกระเป๋าแล้วออกมาด้านนอกก็มีรถจากมหาวิทยาลัยมารับ บริการส่งถึงหอพัก แต่ก็รอนานมากกว่าคนจะเต็มคันแล้วค่อยออก ไปถึงมหาวิทยาลัยฟ้าก็เกือบมืดแล้ว ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากกิน จัดของนิดหน่อย แล้วก็นอน
พูดถึงอาหารที่นี่เนี่ย ไม่ชินสุดๆเลย มันทั้งเลี่ยนน้ำมันมาก และให้ปริมาณมาก
ยกตัวอย่างเช่นชามนี้ เจอในโรงอาหาร เป็นบะหมี่ผัดผัก (คงไม่มีใครมองเป็นสปาเก็ตตีนะ) ราคาแค่ 3.5 หยวน (ราวๆ 17 บาท) เท่านั้น! รสชาติก็พอได้แต่เลี่ยนน้ำมัน และให้มาเยอะเกิน กินไม่หมดเลยทีเดียว ถ้าให้เก็บไว้กินสองมื้อได้อาจพอไหว
แต่ถ้าไม่ใช่อาหารในโรงอาหารละก็ จะราคาแพงไปเลย แต่ปริมาณก็ให้มาเยอะด้วย พอหารปริมาณแล้วก็น่าจะพอๆกับในไทย ปัญหาคือเราไม่เคยกินหมดเลยสักครั้ง ไปกินทีไรก็เสียดายของมาก
ที่หอพักที่เราอยู่เป็นหอพักนักศึกษาต่างชาติ มีขายอาหารญี่ปุ่นกับอาหารเกาหลีด้วย
แน่นอนเราก็ต้องมีแวะไปแจมร้านอาหารญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่ง ซึ่งก็พบว่าแม้แต่อาหารญี่ปุ่นก็ไม่วายที่จะมาแบบจานยักษ์ เราก็เลยสั่งแค่ซูชิก็พอแล้ว ซึ่งราคาก็แน่นอนว่าแพงอยู่ แต่ก็อร่อยคุ้มดี
แล้วก็แวะไปกินร้านอาหารเกาหลี เจอไก่ชุดแป้งทอดคล้ายๆของญี่ปุ่นเลย แต่จานยักษ์อย่างที่เห็น กินแค่กับอย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องกินข้าวก็อิ่มแย่แล้ว
อ้าวไหงกลายเป็นพูดเรื่องของกินอย่างเดียวเลย แบบว่าช่วงนี้ถ่ายมาแค่ภาพของกิน ...ยังไงก็กลับมาก่อนดีกว่า
ปัญหาที่ทำให้มาเขียนบล็อกช้าไม่ได้มีแค่นั้น ปัญหาคือมาถึงก็เป็นหวัดไม่หายสักที แม้ไม่ได้หนักมากแต่ทำให้ไม่มีสมาธิทำอะไรเท่าไหร่ เลยทำได้แต่นั่งดูอนิเมะไปวันๆ สุดท้ายตัดสินใจไปหาหมอ
ก็สังเกตได้อย่างหนึ่งพอได้ยาแก้หวัดมา คือยาที่นี่ไม่เหมือนกับของที่ไทยเลย เพราะต้องทานทีในปริมาณเยอะมาก 3-5 เม็ดต่อมื้อ แถมทานวันละสามครั้งตามปกติ แสดงว่ามันอ่อนมากเลย
และเนื่องจากที่นี่ในหอพักไม่มีตู้เย็นให้ เราจึงใช้วิธีนี้เลย
จะบอกว่ามันเย็นเหมือนใส่ตู้เย็นจริงๆนะ
หลังจากนี้จะหาเวลามาเล่าเรื่องชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่นี่ให้อ่านกัน
นอกจากนี้คงมีคนสงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆเราถึงได้ทุนมาเรียนที่ปักกิ่ง นี่ก็เป็นจุดสำคัญที่อยากมาแบ่งปันประสบการณ์ลงในบล็อกเช่นกัน
อธิบายคร่าวๆก่อน เรามาเรียนด้วยทุนที่เรียกว่าทุนรัฐบาลจีน หรือ csc เป็นทุนที่ให้มาเรียนปริญญาโทหรือปริญญาเอกที่จีน สามารถเลือกสาขาอะไรก็ได้ และถ้าใครยังมีภาษาจีนพื้นฐานไม่มากพอเขาก็จะให้เรียนภาษาจีนก่อนเป็นเวลาหนึ่งปี ข้อดีของทุนคือไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ไม่ต้องใช้ทุนเลย
ชีวิตตอนนี้จึงดูเหมือนลงตัวดี ขอแค่ปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตที่ปักกิ่งได้ก็น่าจะสบาย ตอนนี้เปิดเทอมแล้ว เราเริ่มต้นด้วยการเรียนภาษาก่อนหนึ่งปี จากนั้นค่อยเริ่มเรียน ป.โท จริงๆ
ระหว่างนี้คงจะได้มีเรื่องมาเล่าเรื่อยๆเลย ส่วนเรื่องเล่าในไต้หวันที่เคยเขียนไว้ก็ยังเล่าไม่จบก็จะยังคงทยอยมาลงเรื่อยๆตามโอกาสอยู่ บางทีอาจได้เอาเรื่องราวของปักกิ่งกับไต้หวันมาเปรียบเทียบกันด้วย
ตอนนี้ถ้าใครถามว่ามาจีนแล้วรู้สึกถูกใจหรือเปล่า ก็ตอบได้เลยว่าถูกใจดีแล้ว ไม่น่าจะผิดหวังอะไร แม้ว่าหลายๆอย่างมันจะไม่อาจดีสู้ไต้หวันเลยก็ตามนะ (โดยเฉพาะเรื่องอาหาร สำคัญมาก!)
ปิดท้ายด้วยตารางเรียนเทอมแรกนี้