# อาทิตย์ 10 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวจังหวัดโออิตะต่อจากตอนที่แล้วที่ไปเดินเล่นสบายๆริมชายฝั่งในเมืองเบปปุมา
https://phyblas.hinaboshi.com/20241120ในตอนนี้จะเป็นการเที่ยวใน
เมืองฮิจิ (
日出町) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆข้างๆเมืองเบปปุ
ตำแหน่งเมืองฮิจิ เป็นสีเหลืองเข้มริมฝั่งทะเลติดอ่าวเบปปุ
เมืองนี้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวชื่อดังอะไร ดังนั้นคนทั่วไปอาจไม่ได้รู้จักมากนัก เดิมทีเมืองนี้ไม่ได้อยู่ในแผนการเที่ยวตั้งแต่แรกด้วย ที่แวะมาก็เพราะว่าเหลือเวลา แต่เมื่อหาข้อมูลด็ก็พบว่ามีที่เที่ยวที่น่าสนใจอยู่ เช่น
ปราสาทฮิจิ (
日出城)
ปราสาทฮิจิก็เป็นปราสาทโบราณแห่งหนึ่งซึ่งเหลือแต่ซาก และไม่ได้มีการสร้างของใหม่ขึ้นมาแทนด้วย เช่นเดียวกับหลายแห่งในญี่ปุ่นที่เคยไปมา แต่ว่าความพิเศษของปราสาทนี้คือการที่อยู่ติดทะเล เพราะปกติแล้วปราสาทญี่ปุ่นจะไม่สร้างติดทะเล แต่ว่าปราสาทแห่งนี้อยู่ริมทะเลเลย จึงเป็นทิวทัศน์ปราสาทพร้อมกับทะเลได้ ถือว่าโดดเด่นทีเดียว น่าเสียหายแค่ว่าไม่เหลือตัวอาคารปราสาท ก็เลยอาจไม่ค่อยเป็นที่สนใจนัก
ปราสาทนี้สร้างขึ้นในปี 1602 เป็นศูนย์กลางการปกครอง
ฮิจิฮัง (
日出藩) โดยตระกูลคิโนชิตะ (
木下) และถูกรื้อทิ้งในปี 1874 พร้อมกับปราสาทส่วนใหญ่ทั่วไปในญี่ปุ่น
และก็เสียดายว่าหลังถูกรื้อไป พื้นที่ซึ่งเดิมเป็นตัวปราสาทฮิจิได้ถูกสร้างเป็นโรงเรียนประถม ทำให้เหลือส่วนประกอบเดิมไม่มาก และโอกาสที่จะมีการสร้างขึ้นมาใหม่ก็คงจะยาก
แม้จะไม่เหลือหอหลักแล้วแต่ก็ยังเห็นตัวฐานหิน และอาคารบางส่วนของปราสาทก็ยังคงเหลืออยู่ แค่ถูกย้ายจากออกจากที่เดิม แต่ก็อยู่ไม่ไกลกันมาก
เมืองฮิจิมีสถานีหลักอยู่ ๒ แห่งคือ
สถานีฮิจิ (
日出駅) ซึ่งชื่อเหมือนกับเมือง และ
สถานีโยวโกกุ (
暘谷駅) ซึ่งอยู่ใกล้ปราสาทฮิจิ แต่ ๒ สถานีนี้ก็อยู่ไม่ไกลกันมาก พวกสถานที่เที่ยวต่างๆก็อยู่ระหว่าง ๒ สถานีนี้ ดังนั้นครั้งนี้เราจึงตัดสินใจไปลงรถไฟที่สถานีโยวโกกุ แล้วเดินไปเที่ยวปราสาท จากนั้นก็เดินต่อไปขึ้นรถไฟขากลับที่สถานีฮิจิ
เรานั่งรถไฟออกจากสถานีเบปปุมา ระหว่างนั้นคนแน่นในระดับนึง แต่ก็พอจะมีที่นั่งอยู่
ระหว่างทางผ่าน
สถานีมหาวิทยาลัยเบปปุ (
別府大学駅) ซึ่งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเบปปุ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเล็กๆแห่งหนึ่งในเมือง
จากนั้นก็ผ่าน
สถานีคาเมงาวะ (
亀川駅) ซึ่งวันก่อนเราก็ได้นั่งรถเมล์ผ่านมาทีนึงแล้วตอนก่อนที่จะไปลุยบ่อนรกในเบปปุ
จากนั้นรถไฟก็ออกจากเขตเมืองเบปปุ เข้าสู่เขตเมืองฮิจิ
แล้วก็มาจอดที่
สถานีบุงโงะโทโยโอกะ (
豊後豊岡駅) ซึ่งอยู่ในเขตเมืองฮิจิแล้ว
แล้วถัดมาก็มาถึงสถานีโยวโกกุ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เราจะมาลง
อาคารสถานี ดูสวยดี
บนอาคารมีภาพตัวละครของ
ซันริโอะ (サンリオ) เช่นคิตตี นั่นเพราะว่าที่เมืองฮิจินี้เป็นที่ตั้งของ
ฮาร์โมนีแลนด์ (ハーモニーランド) ซึ่งเป็นธีมพาร์กของซันริโอะ และสถานีนี้ก็เป็นจุดที่สามารถขึ้นรถเมล์เพื่อไปที่นั่นได้ เราเห็นรถที่พาไปด้วย มีพวกเด็กๆขึ้นไปนั่งกัน
หน้าสถานี
เดินออกจากสถานีมา
ก่อนอื่นข้ามทางรถไฟไปทางใต้
เริ่มเข้าสู่ย่านที่ดูแล้วเต็มไปด้วยบ้านแบบเก่าๆ
แล้วก็มาถึงเป้าหมายแรก คือตัวป้อม
คิมงยางุระ (
鬼門櫓) ซึ่งเป็นตัวอาคารป้อมเล็กๆหลังหนึ่งของปราสาทฮิจิเก่าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แต่ว่าถูกย้ายออกมาตั้งใหม่ตรงนี้ซึ่งห่างจากปราสาทมานิดหน่อย
สามารถเข้าชมด้านในได้ ภายในมีจัดแสดงอะไรแค่นิดหน่อย
ในนี้มีแบบจำลองของตัวหอหลักของปราสาทซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากข้อมูลที่รวบรวมได้ รู้รูปต่างเดิมของตัวปราสาทแบบนี้ถ้าหากคิดอยากสร้างขึ้นใหม่ก็ดูจะทำได้ แต่คิดว่าคงทำยากเพราะพื้นที่ปราสาทเดิมถูกใช้สร้างโรงเรียน
มีบันไดให้ขึ้นชั้นบนด้วย
แต่ว่าข้างบนไม่มีอะไรอยู่เลย
มองข้ามไปทางโน้นเห็นส่วนฐานหินของปราสาท และที่ตั้งอยู่บนนั้นก็คือ
โรงเรียนประถมฮิจิ (
日出小学校) ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นที่ซึ่งเป็นปราสาทเดิม
ข้างๆคิมงยางุระเป็น
หอที่ระลึกโฮอาชิ บันริ (
帆足萬里記念館) และเป็น
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองฮิจิ (
日出町歴史資料館) ด้วย เข้าชมได้ไม่มีค่าเข้า
ลองเข้ามาข้างในมีจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองนี้นิดหน่อย แต่ว่าเล็กนิดเดียว ไม่ได้มีอะไรมาก
ช่องว่างระหว่างฐานหินของปราสาท มองไปเห็นทะเลอยู่ตรงโน้น
ระหว่างทางเดินต่อไปมีรูปปั้นของ
โฮอาชิ บันริ (
帆足萬里, 1778-1852) เป็นปราชญ์คนสำคัญของเมืองนี้
แล้วข้างๆกันนั้นก็มีรูปปั้นของ
ทากิ เรนตาโรว (
滝廉太郎, 1879-1903) นักเปียโนชื่อดังที่อายุสั้น
เดินถัดมาเจอ
นิโนะมารุยากาตะ (
二の
丸館) ซึ่งเป็นศูนย์การท่องเที่ยวของที่นี่และร้านขายของที่ระลึกด้วย ตั้งอยู่ในบริเวณที่เดิมเป็นส่วนนิโนะมารุ หรือตัวอาคารรองของปราสาทฮิจิ
เห็นมีขายมันถูกๆ เพื่อนเราเห็นก็สนใจ แต่ว่าอันนี้เป็นแค่มันดิบๆ ไม่ได้นำมาเผา ซื้อไปก็ต้องเผาเองจึงจะกินได้ ก็เลยไม่ได้ซื้อ
เดินถัดมาก็เจอ
โรงเรียนมัธยมต้นฮิจิ (
日出中学校)
จากตรงนี้เลี้ยวไปทางขวาก็เข้าสู่บริเวณซากปราสาท
เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ บรรยากาศในโรงเรียนก็เลยดูเงียบๆ
ตรงข้ามกันนั้นก็คือโรงเรียนประถมฮิจิ ซึ่งตั้งบนบริเวณที่เดิมเป็นปราสาทฮิจิ ตะกี้ก็ได้มองตัวโรงเรียนนี้มาจากอีกฝั่งแล้ว
ประตูทางนี้ถูกปิดไว้ไม่ให้ผ่านเข้าไปในโรงเรียน
เดินต่อลงไป เริ่มเห็นทะเล
จากตรงนี้ได้เห็นส่วนฐานของปราสาทคู่กับทะเล
มองขึ้นไปยังส่วนที่เคยเห็นหอหลัก แต่ตอนนี้ไม่มีอะไร
เดินขึ้นมาเรื่อยๆได้
เมื่อขึ้นมาก็มีทางให้เข้าไปยังส่วนบนปราสาทที่ตอนนี้เป็นโรงเรียนประถม
จากตรงนี้สามารถเดินเข้าโรงเรียนได้ ไม่มีรั้วกั้นเหมือนอย่างอีกด้านด้วย ก็เลยลองเดินเข้าไปดูหน่อย ยังไงวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ไม่มีใครอยู่ด้วย
ส่วนทางเข้าอีกทางที่ถูกกั้นอยู่ ตะกี้เรามองมาจากทางนั้น
มองจากนี้ลงไปเห็นทะเลที่อยู่ข้างล่าง
แล้วก็ลงมาเดินริมชายฝั่ง ตรงนี้เป็นบริเวณอ่าวเบปปุ
ทะเลตรงนี้ไม่มีหาดทราย เลยดูเฉยๆไม่ได้สวยอะไร ลงไปเล่นน้ำก็ไม่ได้
มองไปทางตะวันตกเฉียงใต้สามารถมองเห็นเมืองเบปปุอยู่ เมื่อเช้าเราก็มองมาจากตรงนั้น
จากนั้นเดินเลียบชายฝั่งไปทางตะวันออก
ระหว่างทางผ่านสระว่ายน้ำของโรงเรียน ซึ่งดูเหมือนจะถูกปล่อยทิ้งร้างไว้
เดินต่อมาก็เป็นบริเวณท่าเรือ
เดินห่างออกจากทะเลขึ้นมาตามทางลาดนิดหน่อย
ตรงนี้มี
เทกิซันโซว (
的山荘) เป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี 1915 ปัจจุบันถูกใช้เป็นร้านอาหาร แต่ถึงไม่กินก็สามารถเข้ามาเดินดูในบริเวณได้
เมนูของร้าน ราคาแพงมาก และยังต้องจองก่อนจึงจะสามารถกินได้ด้วย
เดินเล่นภายในบริเวณ
จากในนี้มองออกไปเห็นทางเดินริมทะเลที่ราเดินผ่านมาตอนแรกด้วย ที่จริงเมื่อครู่นี้เราก็มองจากฝั่งทะเลมาที่อาคารนี้เหมือนกัน ตอนนี้มองกลับไป
จากนั้นก็เดินต่อไปผ่านย่านชุมชน
แล้วก็มาถึง
ศาลเจ้าฮิจิวากามิยะฮาจิมัง (
日出若宮八幡神社) ซึ่งเป็นที่เที่ยวอีกแห่งของเมืองนี้
ภายในบริเวณศาลเจ้า ก็ไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอมีอะไรให้เดินดูชม และจังหวะที่ไปเห็นคนเยอะด้วยเหมือนจะมาทำพิธีอะไรอยู่
ป้อมประตูของศาลเจ้า
จากบนศาลเจ้า มองลงไปยังริมทะเล
ส่วนข้างๆนั้นเป็นอีกศาลเจ้า คือ
ศาลเจ้าอาตาโงะ (
愛宕神社)
แล้วถัดไปอีกใกล้ๆกันก็มี
วัดเรงเงะ (
蓮華寺)
จากนั้นก็เดินต่อไปทางตะวันออกอีก
แล้วก็มาถึง
หอศิลป์นิไกโดว (
二階堂美術館) ซึ่งก็เป็นที่เที่ยวอีกแห่งของเมืองนี้ แต่ต้องเสียค่าเข้าชม เราไม่ได้เข้าไป
จากนั้นเดินอีกหน่อยไปยังสถานีฮิจิ
แล้วก็มาถึงสถานีฮิจิ มีขนาดเล็กกว่าที่คิด เล็กกว่าสถานีโยโกกุที่เรามาลงตอนแรกทั้งที่เป็นสถานีที่ชื่อเดียวกับเมือง แต่ดูแล้วสถานีโยวโกกุอยู่ใกล้ส่วนสำคัญของเมืองมากกว่าและดูใหญ่กว่าด้วย
ทางเข้าสถานีนั้นเป็นอุโมงค์
พอเข้าแล้วก็ต้องเดินลอดจึงจะขึ้นไปถึงตัวสถานี
ลอดแล้วขึ้นมายังตัวสถานี จากนั้นก็แตะบัตร Suica เข้าไปด้านในได้
ป้ายสถานี
มองข้ามไปทางโน้นเห็นทางออกอุโมงค์อีกฝั่งของทางรถไฟ
แล้วรอสักพักจนรถไฟรอบเวลา 11:48 ก็มา โดยมาล่วงหน้าก่อนเวลาเพราะว่าสถานีนี้เป็นสถานีต้นทางของขบวนนี้
ได้เวลาขึ้นรถไฟเดินทางกลับเบปปุ ตอนต่อไปจะเป็นตอนสุดท้ายของการเที่ยวในเบปปุ