# จันทร์ 11 พ.ย. 2024บันทึกการเที่ยวจังหวัดคุมาโมโตะต่อหลังจากที่ตอนที่เดินทางมาถึงเมืองคุมาโมโตะ
https://phyblas.hinaboshi.com/20241127ในตอนนี้จะเป็นการเที่ยวใน
เมืองคุมาโมโตะ (
熊本市) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของจังหวัดคุมาโมโตะ และเกาะคิวชูตอนกลาง
ตำแหน่งเมืองคุมาโมโตะในจังหวัดคุมาโมโตะ แสดงเป็นสีม่วงเข้มในแผนที่
คุมาโมโตะเป็นเมืองใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะคิวชู แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่าเมืองฟุกุโอกะ แต่ว่าจากตำแหน่งแล้วน่าจะถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของคิวชู จากที่นี่สามารถเดินทางไปไหนในคิวชูก็ได้โดยสะดวก
ตอนที่มาถึงก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เย็นเกินไป ยังเที่ยวได้อยู่ เราก็ใช้เวลาที่เหลือตรงนี้ในการเก็บสถานที่เที่ยวทั้งหมดภายในเมืองคุมาโมโตะ
พูดถึงเมืองคุมาโมโตะแล้ว สถานที่เที่ยวที่ไม่ว่าใครก็ต้องแวะไปก็คือ
ปราสาทคุมาโมโตะ (
熊本城) เพราะเป็นสัญลักษณะหนึ่งของเมือง เป็นปราสาทชื่อดังที่มีความโดดเด่นที่สุดในคิวชู
ปราสาทคุมาโมโตะเป็นปราสาทเก่าแก่ ถูกสร้างตั้งแต่ในช่วงยุคมุโรมาจิ ผ่านยุคเซงโงกุ พอเข้าสู่ยุคเอโดะก็เป็นศูนย์กลางการปกครอง
คุมาโมโตะฮัง (
熊本藩) จนถึงสิ้นสุดยุคเอโดะ ปราสาทคุมาโมโตะรอดพ้นจากคำสั่งรื้อปราสาทต้นยุคเมย์จิ ทำให้ไม่ต้องถูกรื้อทิ้งเหมือนอย่างปราสาทอีกหลายแห่ง แต่ว่าในปี 1977 ใน
สงครามเซย์นัง (
西南戦争) ปราสาทนี้ได้รับความเสียหายทำให้หลายส่วนรวมถึงหอหลักถูกทำลายลงหมด
หลังจากนั้นในปี 1960 จึงได้มีการสร้างปราสาทคุมาโมโตะขึ้นมาใหม่ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กโดยให้ภายนอกดูเหมือนของเก่า ดังนั้นปราสาทคุมาโมโตะที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นของสร้างใหม่นี้
ในปี 2016 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในคุมาโมโตะทำให้ปราสาทนี้ได้รับความเสียหายใหญ่หลวง ต้องทำการซ่อมแซมอย่างยาวนาน ไม่สามารถเปิดให้เข้าชมได้ การซ่อมแซมเป็นไปอย่างล่าช้า แม้ว่าตอนนี้จะกลับมาเปิดให้เข้าขมได้แล้ว แต่ก็ยังมีหลายส่วนที่กำลังซ่อมแซมอยู่และไม่สามารถเข้าได้ ร่องรอยความเสียหายยังคงเห็นได้ประปราย กว่าจะซ่อมแซมให้กลับมาสมบูรณ์ได้ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี
บริเวณแถวปราสาทคุมาโมโตะนั้นยังมีย่านร้านค้าและแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ มีโรงแรมอยู่มากด้วย ครั้งนี้เราก็เลือกค้างค้นที่โรงแรมใกล้ปราสาท
การเดินทางไปปราสาทคุมาโมโตะสามารถไปได้โดยรถราง โดยถ้าเดินทางมาด้วยรถไฟก็อาจมาขึ้นจาก
สถานีคุมาโมโตะ (
熊本駅) หรือ
สถานีชินซึยเซนจิ (
新水前寺駅) ก็ได้ โดยถ้าใครเดินทางมาโดยชิงกันเซงก็จะต้องลงที่สถานีคุมาโมโตะ แต่ว่าครั้งนี้เรานั่งรถไฟจากทางตะวันออกมา ก็มาลงที่สถานีชินซึยเซนจิ จะใกล้กว่า ไม่ต้องไปถึงสถานีคุมาโมโตะ
โรงแรมที่เราจองไว้นั้นอยู่ใกล้
สถานีฮานาบาตะโจว (
花畑町駅) ของสายรถราง ซึ่งก็เป็นสถานีถัดจากปราสาทคุมาโมโตะ อยู่ใกล้กันเลย ดังนั้นครั้งนี้เราเดินทางไปลงที่สถานีนี้แล้วก็เข้าโรงแรมไปเช็กอินแล้วก็วางของ จากนั้นก็เดินไปเที่ยวปราสาททันที
รถรางนั้นสามารถขึ้นได้ด้วยบัตร IC เช่น Suica จึงเดินทางได้สะดวก ค่าโดยสารจากสถานีชินซึยเซนจิไปยังสถานีฮานาบาตะโจวคือ ๑๘๐ เยน
สถานีชินซึยเซนจิหลังจากลงจากรถไฟมา แตะบัตรออกตรงนี้
จากตรงนี้ทางเดินด้านบนเชื่อมไปยังสถานีรถรางได้เลย
ภายในสถานีรถราง
ตารางรอบรถ
แล้วรถรางก็มา
ภายในเต็มไปด้วยผู้คน
แล้วก็มาลงเป้าหมาย
จากตรงนี้เดินเข้าไปยัง
ถนนกินซะ (
銀座通り)
แล้วเลี้ยวไปก็เจอถึงโรงแรม
คุมาโมโตะกรีนโฮเทล (
熊本グリーンホテル) ที่เราจองไว้ ที่นี่เป็นโรงแรมจริงๆ พักเป็นห้อง ๒ คนธรรมดา ต่างจากคืนอื่นๆที่ผ่านมาที่เราไปพักพวกโฮสเทล เกสต์เฮาส์ หรือห้องพักรวม ราคาค่าที่พักคืนนี้คือ ๘๘๐๐ เยน ถือว่าไม่แพง เมืองนี้ค่าโรงแรมไม่แพงอยู่แล้ว หาที่พักถูกๆได้ไม่ยาก
เข้ามาแล้วขึ้นไปชั้น ๒ เป็นล็อบบี เข้าเช็กอินตรงนี้
แล้วก็ขึ้นไปห้องพัก
เป็นห้อง ๒ คน มี ๒ เตียงแบบนี้ ภาพนี้เป็นตอนเช้าวันถัดไปหลังจากที่ค้างคืนมาแล้ว เพราะตอนที่เข้าไปทีแรกเราไม่ได้ถ่ายภาพเก็บไว้
หลังจากวางของแล้วก็รีบออกมา มุ่งหน้าไปยังปราสาทคุมาโมโตะ
เดินแค่นิดเดียวก็เห็นปราสาทอยู่ตรงหน้าแล้ว
ข้ามคูล้อมปราสาทไป ทิวทัศน์ตรงนี้ดูสวยอยู่ แต่ว่าตนอไปแสงกำลังจ้า ถ่ายย้อนแสงแล้วได้ไม่ค่อยดี
หลังจากข้ามสะพานมา ตรงนี้ด้านขวาเป็นทางที่เดินเข้าไปยังทางเข้าปราสาท ส่วนด้านซ้ายเป็นย่านร้านค้า
ซากุระโนะบาบะ โจวไซเอง (
桜の
馬場 城彩苑) ซึ่งเดี๋ยวจะแวะไปเดินทีหลัง เพราะปิดช้ากว่า แต่ตอนนี้เที่ยวในปราสาทก่อน เพราะถ้าช้าไปปราสาทจะปิดก่อน ปราสาทปิด 5 โมงเย็น แต่ว่าปิดไม่ให้เข้าตั้งแต่เวลา 16:30 ตอนที่เราไปนั้น 15:40 ถือว่ายังพอมีเวลา
เดินเข้าไปตามทาง
ถึงทางเข้า จากตรงนี้ไปต้องจ่ายเงินค่าเข้าจึงจะผ่านเข้าไปในบริเวณได้
ค่าเข้า ๘๐๐ เยน รวมทั้งตัวปราสาทและบริเวณรอบๆปราสาททั้งหมด ไม่ใช่แค่ด้านในปราสาท ต่างจากปราสาทส่วนใหญ่แห่งอื่นในญี่ปุ่นที่เดินชมรอบปราสาทได้โดยไม่ต้องจ่าย จะเข้าอาคารตัวปราสาทถึงค่อยต้องจ่าย ฉะนั้นใครหวังแค่อยากเห็นตัวปราสาทในระยะใกล้จากภายนอกก็ยังจำเป็นต้องเสียค่าเข้าอยู่ดี
ผ่านเข้ามาด้านใน
ตรงนี้เห็นอาคารส่วนที่ได้รับความเสียหายหนัก ฐานหินเสียไปและตัวอาคารมีรอยร้าว ดูน่ากลัว เป็นร่องรอยจากแผ่นดินไหวที่ยังคงไม่ได้ซ่อมแซม เหลือไว้ให้มองอย่างปวดใจ
เดินถัดต่อมามุมนี้สามารถมองเห็นตัวอาคารหลักของปราสาท
เส้นทางเดินยังไปต่ออีกหน่อยกว่าจะถึงทางเข้าตัวหอหลัก
จากบนนี้มองออกไปทิวทัศน์ก็ดี แต่บริเวณใกล้ๆเห็นแต่บริเวณที่ก่อสร้างอยู่หลายจุด
เดินลอดด้านล่างอาคารตรงนี้เข้าไป
แล้วก็มาถึงลานกว้างด้านหน้าหอหลักปราสาท
ตรงนี้ก็เป็นจุดชมทิวทัศน์ได้ แต่มองไปสิ่งที่เด่นที่สุดกลับเป็นปั้นจั่น
ต่อไปก็เข้าไปชมด้านในอาคารหอหลัก
ภายในนี้พอลองเข้าไปก็กลับพบว่าแคบกว่าที่คิด ผิดจากที่มองจากภายนอก แล้วนักท่องเที่ยวก็เต็มไปหมดเลยรู้สึกไม่ได้น่าเดินเท่าไหร่ แล้วยังหาจังหวะถ่ายรูปยากด้วย ก็เลยแค่เดินชมผ่านๆ ไม่ได้เก็บรายะเอียดเลย แค่เดินขึ้นไปเรื่อยๆเพื่อไปยังส่วนยอด
ขึ้นมาเรื่อยๆก็ถึงชั้นบนสุด
จากตรงนี้สามารถมองผ่านกระจกออกไปข้างนอกชมทิวทัศน์ได้
แต่ก็เห็นหลายบริเวณโดยรอบที่กำลังก่อสร้างอยู่
จากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว เดินลงไป ออกจากปราสาท
กลับมายังบริเวณลานกว้างหน้าปราสาท
จากตรงนี้มีทางลงเหมือนจะเป็นทางออกอีกด้าน แต่ว่าเดินไปดูแล้วก็ปิดอยู่ ทางข้างหน้าเป็นพื้นที่ก่อสร้าง
สรุปแล้วทางเข้าออกก็มีอยู่ทางเดียว ไม่สามารถไปออกอีกด้านได้ จึงเดินย้อนกลับมาทางที่เข้าตอนแรก
ระหว่างทางก็ผ่านมุมนี้ที่มองปราสาทได้สวย แต่ว่าฟ้าเป็นเวลาเย็นแล้วเลยเริ่มเห็นแสงเป็นสีส้ม ภาพปราสาทอาบแสงอาทิตย์ยามเย็นแบบนี้ก็สวยดี
แล้วก็ออกมาถึงทางเข้าตอน 16:30 ซึ่งเป็นเวลาปิดไม่ให้คนเข้าพอดี
ก็ถือว่าเที่ยวปราสาทคุมาโมโตะเสร็จทันก่อนปิด จากนั้นต่อไปเราก็เดินย้อนไปเที่ยวตรงซากุระโนะบาบะ โจวไซเอง ต่อไป
ตอนต่อไปเป็นการเที่ยวช่วงเย็นจนถึงกลางคืน ปิดท้ายเรื่องเที่ยวของวันนี้