# อาทิตย์ 13 ก.ค. 2025ต่อจากตอนที่แล้วที่เดินทางมาถึงเมืองโอโงริแล้วชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คิวชูไป
https://phyblas.hinaboshi.com/20250713เป้าหมายต่อไปคือ
วัดเนียวอิริง (
如意輪寺) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวชื่อดังของเมืองนี้
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีประวัติย้อนไปถึงปี ค.ศ. 729 แต่ว่าที่ทำให้วัดนี้มีชื่อเสียงไม่ใช่เพราะประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน แต่เพิ่งจะมากลายเป็นที่รู้จักเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน โดยเริ่มมาจากการที่เจ้าอาวาสได้นำของประดับรูปกบจำนวนมากมาจากจีน กลายเป็นของสะสมที่สำคัญของวัด พอมีกบมากจึงทำให้เป็นจุดสนใจของวัด ในที่สุดก็ถูกเรียกว่า
คาเอรุเดระ (かえる
寺) ซึ่งแปลว่า "
วัดกบ" กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดฟุกุโอกะที่ผู้คนจากทั้งในและต่างประเทศต่างพากันแวะมาเที่ยว
วัดนี้สามารถเดินทางมาได้โดยนั่งรถไฟ โดยมีสถานีใกล้สุดคือ
สถานีมิตสึซาวะ (
三沢駅) แต่ก็ต้องเดินประมาณ ๙๐๐ กิโลเมตร นอกจากนี้ก็มี
สถานีมิกุนิงาโอกะ (
三国が
丘駅) อยู่ห่างไป ๑.๔ กิโลเมตร ไกลกว่าหน่อย แต่ว่าสถานีมิกุนิงาโอกะเป็นสถานีหลักที่มีรถไฟแบบด่วนจอด และยังอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์คิวชูด้วย
ครั้งนี้เรามาลงที่สถานีมิกุนิงาโอกะแล้วเที่ยวพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วก็เดินไปเที่ยววัดกบเสร็จแล้วก็กลับจากสถานีมิตสึซึวะ ทำให้ได้ใช้ทั้ง ๒ สถานี
นอกจากนี้แล้วที่ข้างๆวัดนี้ยังมีร้านราเมงชื่อดัง ชื่อว่าร้าน
เมนยะกางะ (
麺屋我ガ) ซึ่งก็เป็นราเมงกระดูกหมูแบบที่พบได้มากในฟุกุโอกะ แต่ว่าจุดเด่นอยู่ที่ซุปกระดูกหมูของร้านนี้ ถือเป็นร้านหนึ่งที่กินแล้วติดใจ เรามีโอกาสเที่ยวกินราเมงทั่วฟุกุโอกะมาเกินกว่า ๒๐๐ ร้านแล้วก็บอกได้ว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านที่ติดใจมากที่สุดร้านหนึ่ง
ร้านนี้มีสาขาอยู่ในเมืองฟุกุโอกะด้วย อยู่ที่ย่านอิมาอิซึมิใกล้เทนจิง ถ้าใครสนใจก็แวะไปที่สาขานั้นได้ ไม่จำเป็นต้องมาถึงที่นี่ก็ได้
และที่จริงนอกจากนั้นแล้วร้านนี้ยังมีสาขาในไทยด้วย อยู่แถวสถานีพร้อมพงษ์ ถึงกลับไทยไปก็ยังแวะไปกินได้
แต่ยังไงก็ตาม สาขาหลักของร้านนี้ก็อยู่ที่เมืองโอโงรินี้ ไหนๆได้แวะมานี่แล้วก็อยากแวะมากินสักหน่อย แม้ว่าจะไม่รู้ว่าต่างกันแค่ไหนก็ตาม
หลังจากออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วเราก็เดินไปยังวัดกบ ระหว่างทางก็ผ่านย่านที่อยู่อาศัย

ตรงนี้ทางซ้ายเป็น
โรงเรียนมัธยมปลายโอโงริ (
小郡高等学校)

ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นย่านที่เรียกว่า
มิสึซึโนะโมริ (
美鈴の
杜) เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย แล้วก็มีพวกร้านค้าเล็กน้อย


เรามีแวะเข้าไปในซูเปอร์
เซเรียเรกาเน็ตสาขามิสึซึโนะโมริ (Seria レガネット
美鈴の
杜)

ในนี้มีให้ชิมขนมฟรีด้วย ป้าที่ขายก็ดูใจดี ขนมก็อร่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้ออะไรไป

หลังจากนั้นก็เดินออกมาแล้วไปต่อ

เดินต่อไปจากตรงนี้ผ่านทางรถไฟ


แล้วก็เดินผ่านย่านชุมชนต่อ






ตอนที่กำลังจะถึงร้านเมนยะกางะก็ปรากฏว่าฝนลงเม็ดและกลายเป็นตกลงมาอย่างหนัก ต้องรีบหยิบร่มมากาง

ตอนที่มาถึงร้านก็พบว่ามีคนมาถือร่มต่อแถวคิวรอเข้าร้านอยู่

แล้วเราก็ต้องมาต่อแถวรอเข้าร้านอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โถมกระหน่ำ ที่นี่ไม่มีที่ร่มให้หลบฝน ต้องกางร่มเอาเองตามสภาพ ทำให้ตอนแรกก็ลังเลว่าจะตัดใจแล้วเดินไปร้านอื่นดีมั้ย แต่ว่าลองค้นดูแล้วแถวนี้ก็ไม่มีร้านที่อยู่ใกล้ อีกทั้งให้เดินไปที่อื่นตอนนี้กลับจะยิ่งเปียก สู้ยืนสงบนิ่งอยู่ที่นี่ดีกว่า

ระหว่างรออยู่ก็มองเข้าไปผ่านกระจกเห็นภายในตัวร้านอยู่ด้วย

หลังจากมาต่อแถวรออยู่สักพักเราจึงเพิ่งมารู้ว่าที่จริงแล้วร้านนี้ต้องมาลงชื่อไว้หน้าร้านด้วย ไม่ใช่แค่ต่อแถวรอก็พอ แต่ว่าไม่รู้ ยังโชคดีที่เจ้าหน้าที่เฝ้าหน้าร้านเขาเห็นพวกเราแล้วก็รู้ว่ามารอนานแล้วจึงช่วยแทรกคิวให้ตามลำดับที่ควรจะเป็น โชคดีที่ตอนเราเดินทางมาถึงร้านได้ถ่ายรูปหน้าร้านไว้ แล้วในภาพถ่ายก็มีข้อมูลว่าถ่ายกี่โมง จึงใช้เป็นหลักฐานได้ว่าเรามาถึงร้านนี้ตอนเวลา 12:42 ต้องขอบคุณพนักงานร้านมากด้วยที่ยอมให้ อีกทั้งฝนตกขนาดนี้ก็ยังตั้งใจทำงาน เป็นพนักงานที่ดีมาก
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 13:10 ก็ได้เข้าไปในร้าน เท่ากับต้องรอประมาณ ๒๐-๓๐ นาที สำหรับร้านดังในญี่ปุ่นแล้วก็ถือว่าเป็นปกติที่จะต้องรอประมาณนี้ ไม่ถือว่านานอะไร แต่ตลอดเวลาที่รออยู่นั้นฝนตกตลอด ทำให้รู้สึกว่ายาวนาน เป็นการรอกินราเมงที่ลำบากทีเดียว แต่ในเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจก็ทำอะไรไม่ได้

แล้วก็ได้เข้ามาในร้าน ข้างในดูแล้วไม่ได้กว้างมาก

เรามากับเพื่อนรวมแล้ว ๓ คน แต่ว่าที่นั่งเป็นโต๊ะแยะไม่ว่างอยู่ก็เลยได้มานั่งตรงที่นั่งเคาน์เตอร์

จากที่นั่งมองไปเห็นกบด้วย ยังไม่ทันได้เข้าวัดกบก็เริ่มเห็นกบแล้ว

เมนูของร้าน โดยพื้นฐานแล้วก็คือราเมงกระดูกหมู ใส่เครื่องต่างๆที่ต่างกันไป แล้วก็มีพวกเกี๊ยวซ่ากลับเกี๊ยวน้ำด้วย

เราสั่งราเมงใส่ไข่ ราคา ๙๕๐ เยน เป็นเมนูแนะนำของร้าน กินแล้วอร่อยมาก ไข่ก็เข้ากันได้ดีกับรสชาติของซุปมากทีเดียว

นอกจากนี้ก็มีสั่งเกี๊ยวซ่ามาแบ่งกัน ๖ ชิ้นราคา ๔๖๐ เยน

แล้วก็มีสั่งโอนิงิริห่อด้วยผักทากานะ ราคา ๑๓๐ เยน เห็นว่านี่ก็เป็นของขึ้นชื่อของร้านเหมือนกัน

โดยรวมแล้วทั้งราเมง เกี๊ยวซ่า และโอนิงิริ ทั้งหมดอร่อยดี ก็ถือว่าคุ้มค่าที่อุตส่าห์มาลำบากตากฝนรอ
หลังจากกินเสร็จออกมาฝนก็หยุดตกแล้ว แต่ว่าหลังจากนั้นก็ยังมีตกลงมาอีกที ก็ตกๆหยุดๆแบบนี้ไปอีกสัก ทำให้ต้องกางร่มเที่ยว

กินเสร็จก็ได้เวลาเดินไปยังวัดกบซึ่งก็อยู่ข้างๆนี้เอง

ทางเดินขึ้นไปยังตัววัดที่อยู่ข้างบน

เมื่อเข้ามาแล้วก็เจอกบมากมายอยู่ภายในบริเวณ ได้เดินชมกันเต็มอิ่ม







นอกจากนั้นแล้วก็มีบางบริเวณที่ไม่เกี่ยวกับกบ มุมแบบนี้ดูแล้วก็เป็นเหมือนวัดธรรมดา



หอคอยทาโฮวโตว (
多宝塔) ดูแล้วก็สวยดี แต่ว่าต้นไม้บัน หามุมถ่ายแบบชัดๆไม่ได้เลย

จากนั้นก็เดินลงไปตรงนี้

บริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยกบอยู่ประปราย

ตรงนี้เจอนักท่องเที่ยวเยอะเลย


พระนั่งบนกบ

กบพ่นฟอง

ตรงนี้เป็นจุดขายของ

มีขายพวกเครื่องราง

แล้วก็แผ่นป้ายเอมะสำหรับเขียนคำอธิษฐาน เป็นรูปกบ ราคา ๕๐๐ เยน

เพื่อนเราซื้อมาอันนึงมาเขียนคำอธิษฐาน

ที่แขวนแผ่นเอมะ

ส่วนตรงนี้เป็นบริเวณที่มีเก็บพวกของสะสมรูปกบมากมาย แต่ว่าเราไม่ได้เข้าไป

จากนั้นก็มีทางเดินลงต่อไปอีก


เสากบ

ตรงนี้เป็นทางออกอีกฝั่งของวัด เราเดินออกกันจากทางนี้


ตรงหน้าทางเข้าวัดฝั่งนี้ก็มีรูปปั้นกบตัวกลมๆอยู่มากมาย แต่ละตัวสามารถขีดเขียนเล่นได้


มีแมวขึ้นไปขี่อยู่บนตัวกบด้วย น่ารักดี

แผนที่ภายในวัด

หลังจากนั้นก็เดินออกจากวัดมา ได้เวลากลับโดยการเดินไปขึ้นรถไฟที่สถานีมิตสึซาวะ

ระหว่างทางก็ผ่านวัดข้างๆชื่อว่า
วัดเมียวงัง (
明願寺) เป็นแค่วัดเล็กๆไม่มีอะไรเด่น

เดินไปเรื่อยๆไปยังสถานี





มาถึงสถานีมิตสึซาวะ ที่นี่ดูเป็นสถานีเล็กๆ แต่ก็มีคนเฝ้าอยู่


เข้ามารอในชานชลา


แล้วรถไฟก็มา ได้เวลาเดินทางกลับ

แต่ว่าเรายังไม่ได้เดินทางกลับทันที แต่ได้ตัดสินใจแวะลงที่
สถานีนิชิเทตสึฟุตสึกาอิจิ (
西鉄二日市駅) ซึ่งอยู่ใน
เมืองจิกุชิโนะ (
筑紫野市) นี่เป็นสถานีจุดเปลี่ยนรถไฟที่สำคัญ จากสถานีนี้สามารถเดินทางไปดาไซฟุได้

แต่ที่เราแวะมาลงที่นี่ก็แค่เพื่อจะมาเดินห้างอิออน ที่จริงแล้วคือในย่านใจกลางเมืองฟุกุโอกะไม่มีห้างอิออนอยู่เลย แต่กลับมีห้างอิออนอยู่ตามย่านชานเมืองหรือเมืองรอบๆแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่อะไร

อากาศกำลังร้อนก็เลยมาซื้อน้ำแล้วก็กินไอศกรีมด้วย ข้างในห้างมีซูเปอร์และที่นั่งให้นั่งพักกินได้

จากนั้นก็กลับไปยังสถานี

แล้วก็ได้เวลานั่งรถไฟต่อเพื่อกลับเมืองฟุกุโอกะ

ก็จบการเที่ยวครั้งนี้ลง โดยรวมแล้วเที่ยวนี้ได้แวะทั้งพิพิธภัณฑ์ วัด และร้านราเมงด้วย ถือว่ามาทีคุ้มเลยทีเดียว