# อาทิตย์ 27 ก.ค. 2025บันทึก ต่อจากที่เที่ยวอามากุสะเสร็จแล้วเดินทางข้ามฝั่งกลับมายังเกาะคิวชู
https://phyblas.hinaboshi.com/20250803ก่อนกลับฟุกุโอกะต้องผ่านเมืองคุมาโมโตะซึ่งเป็นเมืองหลักที่สำคัญของจังหวัดคุมาโมโตะ จึงแวะเที่ยวที่นี่สักหน่อย
เพื่อนเราไม่เคยไปเที่ยวคุมาโมโตะ ก็เลยอยากแวะชมปราสาทคุมาโมโตะ (
熊本城) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวหลักของเมือง แต่ว่าเราเคยไปมาแล้ว เล่าไว้ใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20241128ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการไปเที่ยวซ้ำ ครั้งนี้ก็เลยแยกทางกับเพื่อนสักพัก โดยตอนที่เพื่อนไปชมปราสาทคุมาโมโตะเราก็ไปเข้าชมสถานที่เที่ยวใกล้ๆแถวนั้นแทน
ใกล้ๆปราสาทคุมาโมโตะนั้นจริงๆแล้วก็มีสถานที่เที่ยวอีกหลายแห่ง ซึ่งครั้งที่แล้วเราก็ยังไม่ได้ไปชมอีกหลายส่วน ดังนั้นครั้งนี้จึงถือโอกาสแวะไปได้ สถานที่เที่ยวที่แวะไปครั้งนี้ได้แก่
หอศิลป์จังหวัดคุมาโมโตะ (
熊本県立美術館) และ
พิพิธภัณฑ์คุมาโมโตะ (
熊本博物館)
หลังจากข้ามกลับมาเกาะคิวชูก็เดินทางผ่านพื้นที่
เมืองอุกิ (
宇城市) และ
เมืองอุโตะ (
宇土市) ตามลำดับ และข้าม
สะพานฮิรากิ (
平木橋) ซึ่งเป็นสะพานที่พาดผ่าน
แม่น้ำมิโดริ (
緑川) ที่กั้นระหว่างเมืองอุโตะกับเมืองคุมาโมโตะไปก็เข้าสู่พื้นที่เมืองคุมาโมโตะแล้ว

แล้วก็มาจอดรถอยู่ตรงที่จอดรถหลังปราสาทคุมาโมโตะ แล้วเพื่อนก็แยกย้ายเข้าไปชมปราสาท ส่วนเราก็เดินไปอีกทาง จากตรงนั้นก็ได้เห็นตัวปราสาทซึ่งยังมีส่วนที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ตัวปราสาทยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวปี 2016

แล้วก็เดินมาถึงหอศิลป์ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของบริเวณด้านหลังปราสาท


ภายในดูกว้างใหญ่สวยงาม


ตรงนี้มีร้านกาแฟ

ส่วนตรงนี้เป็นส่วนจัดแสดงสุสานโบราณซึ่งเข้าชมได้ฟรี

ภายในก็ไม่กว้าง มีแบบจำลองสุสานโบราณตามท้องที่ต่างๆในจังหวัดคุมาโมโตะให้ดู ทำออกมาได้ดี น่าสนใจดี


นอกจากนั้นก็มีส่วนที่ต้องเสียค่าเข้าชม ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าไป ก็เดินออกมาแล้วก็เดินไปทางตะวันตกต่อ เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์

ข้ามสะพานตรงนี้ไป

ซึ่งเป็นสะพานที่ข้ามระหว่างหน้าผา มองลงไปเห็นถนนข้างล่าง


ระหว่างทางยังผ่าน
ศาลเจ้าโกโกกุจังหวัดคุมาโมโตะ (
熊本縣護國神社) แต่ว่าไม่ได้แวะเข้าไปชมข้างใน เพราะดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่ถ่ายจากด้านหน้าก็พอ

ตรงนี้มี
สนามเบสบอลฟุจิซากิได (
藤崎台県営野球場)

แล้วก็มาถึงพิพิธภัณฑ์ แต่ว่าตรงนี้เป็นด้านหลังซึ่งไม่ได้เปิด มีเขียนบอกว่าให้อ้อมไปเข้าด้านหน้า

ตรงนี้เป็นด้านข้าง ซึ่งก็ไม่ให้เข้า

ด้านหน้าที่เปิดให้เข้าอยู่ตรงนี้ เดินผ่านเข้าซอยแคบ

แล้วก็มาถึงทางเข้า

เข้ามาก็ซื้อตั๋วเข้าชม ราคา ๔๐๐เยน

แล้วก็เข้าไปยังส่วนจัดชมหลักทางนี้ ภายในให้ถ่ายรูปได้อิสระแค่ห้ามเปิดแฟลช

เข้ามาถึงก็เป็นส่วนที่เริ่มแนะนำคุมาโมโตะตั้งแต่ยุคโบราณตั้งแต่เริ่มมีมนุษย์มาอาศัยอยู่แถวนี้


ไล่ไปตามยุคเรื่อยๆจนถึงช่วงที่มีการสร้างพวกสุสานโบราณ

แล้วก็ยุคสมัยใหม่ ที่มีการปฏิวัติช่วงยุคเมย์จิ มีวิดีโอให้ดูด้วย

ช่วงยุคที่ทำสงครามชนะรัสเซียปี 1904-1905

ตรงนี้จำลองภายในบ้านสมัยหลังสงครามโลก


ทางนี้มีให้ออกไปชมรถจักรไอน้ำรุ่น 9600 ซึ่งตั้งอยู่นอกอาคาร

ตรงนี้อยู่กลางแจ้งแต่ก็เป็นบริเวณปิด ไม่สามารถออกนอกบริเวณได้

แล้วก็มีชั้น ๒

ชั้นนี้จัดแสดงเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตต่างๆที่พบภายในคุมาโมโตะ




นอกจากส่วนจัดแสดงแล้วที่นี่ยังมีท้องฟ้าจำลองด้วย ซึ่งต้องซื้อตั๋วเข้าชมอีกต่างหาก แต่เราไม่ได้มีเวลาจึงไม่ได้ชมตรงนี้


ก็เสร็จเท่านี้สำหรับเที่ยวพิพิธภัณฑ์คุมาโมโตะ ที่จริงเราอยู่ข้างในนานพอสมควรดูอะไรปเรื่อยๆเพราะรอเพื่อนที่ไปเที่ยวปราสาทคุมาโมโตะซึ่งก็ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมง รอจนเพื่อนบอกว่าชมเสร็จก็นัดเจอกันที่ลานจอดรถ

เดินกลับไปยังลานจอดรถเพื่อไปรวมกับเพื่อน โดยเส้นทางที่เดินนั้นเป็นคนละทางกับตอนแรกที่เดินผ่านจากทางหอศิลป์

ระหว่างทางผ่าน
บ้านเก่าโฮโซกาวะเกียวบุ (
旧細川刑部邸) ซึ่งตอนนี้ปิดไม่ให้เข้าชมอยู่

ทางเดินผ่านตรงนี้ยังดูมีที่กั้นปิดซ่อมอะไรต่างๆเยอะอยู่

หลังจากนั้นก็กลับมาถึงที่จอดรถ เจอเพื่อนซึ่งรออยู่ที่รถแล้ว แล้วก็ขึ้นรถออกเดินทางต่อ ที่เที่ยวที่ตั้งเป้าจะไปครั้งนี้หมดลงเท่านี้แล้ว จะเหลือก็แค่หาอะไรกินเป็นมื้อเย็นก่อนกลับ ครั้งนี้เราได้ตัดสินใจไปแวะกินราเมงที่
เมืองทามานะ (
玉名市) ซึ่งที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องราเมง เรียกว่า
ทามานะราเมง (
玉名ラーメン)
ตำแหน่งเมืองทามานะในจังหวัดคุมาโมโตะ แสดงเป็นสีชมพูเข้ม อยู่เกือบเหนือสุดของจังหวัด ติดกับเมืองคุมาโมโตะอยู่ส่วนหนึ่ง


ที่จริงพูดถึงจังหวัดราเมงแล้วของขึ้นชื่อก็คือ
คุมาโมโตะราเมง (
熊本ラーメン) ซึ่งเราก็เคยกินแล้วติดใจมากเหมือนกัน ส่วนทามานะราเมงนั้นมีความคล้ายคลึงกับคุมาโมโตะราเมงของเมืองคุมาโมโตะ และว่ากันว่ากำเนิดขึ้นก่อนและเป็นที่มาของคุมาโมโตะราเมงด้วย
โดยราเมงกระดูกหมูที่แพร่หลายในพื้นที่คิวชูนี้มีจุดกำเนิดมาจากเมืองคุรุเมะตอนใต้ของจังหวัดฟุกุโอกะ แล้วจึงแพร่มายังเมืองทามานะ เกิดเป็นทามานะราเมง แล้วจึงไปต่อถึงคุมาโมโตะ กลายเป็นคุมาโมโตะราเมงที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันนี้
ทามานะราเมงก็เป็นราเมงกระดูกหมูเช่นเดียวกับที่แพร่หลายทั่วไปในพื้นที่อื่นๆของคิวชู แต่จุดเด่นอยู่ที่การใส่กระเทียมที่นำมาทอดเกรียม คล้ายกับคุมาโมโตะราเมง แต่ว่าของคุมาโมโตะราเมงจะนำกระเทียมมาทำเป็นน้ำมันกระเทียมเรียกว่า
มายุ (マー
油) ซึ่งก็อร่อยเหมือนกัน
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปกินทามานะราเมงก็ลองค้นข้อมูลหาดูว่ามีร้านไหนที่ชื่อดังและไปได้ง่าย ก็มาเจอร้าน
ทามานะราเมงโทวเอง (
玉名ラーメン
桃苑) จึงตั้งเป้าไปที่ร้านนี้กัน
ระหว่างทางระหว่างยังอยู่ในเมืองคุมาโมโตะก็ผ่าน
สถานีคามิคุมาโมโตะ (
上熊本駅) ซึ่งเป็นสถานีหลักทางตอนเหนือของเมืองคุมาโมโตะ

จากนั้นก็เดินทางขึ้นเหนือมาเรื่อยๆแล้วไปทางตะวันตกนิดหน่อย ก็มาถึงเมืองทามานะ ภาพนี้ถ่ายระหว่างข้าม
สะพานใหญ่ทากาเสะ (
高瀬大橋) ซึ่งพาดผ่าน
แม่น้ำคิกุจิ (
菊池川) ที่ไหลผ่านกลางเมืองทามานะ

เข้ามาในบริเวณย่านใจกลางเมืองทามานะ


แล้วก็มาถึงที่หมาย มาจอดรถตรงที่จอดรถหน้า
ศูนย์วัฒนธรรมเมืองทามานะ (
玉名市文化センター) ที่อยู่ใกล้

แล้วก็ข้ามถนนมายังร้านทามานะราเมงโทวเอง

ตอนนั้นลองมองไปทางโน้นฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเห็นมีป้ายที่เขียนว่าเป็นที่จอดรถของร้านด้วย แต่ว่าเราไม่รู้เลยไปจอดที่หน้าศูนย์วัฒนธรรมไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีป้ายห้าม เลยคิดว่าคงไม่เป็นไร มันใกล้กว่าด้วย

เข้ามาในร้าน นั่งตรงโต๊ะที่นั่งสำหรับ ๔ คน

เมนูราเมงของร้านนี้

พวกเมนูเสริม มีเกี๊ยวซ่า

เราสั่งแบบมีใส่ทั้งไข่และเห็ดหูหนู ราคา ๑๐๕๐ เยน หลังจากที่เขายกชามราเมงมาส่งก็จะถามว่าจะเติมกระเทียมด้วยมั้ย แล้วก็เติมให้ตรงนั้นเลย ไม่ได้เติมมาให้ตั้งแต่แรก แล้วก็ไม่ได้มีวางไว้บนโต๊ะให้เติมกันเองด้วย เขาเติมให้ช้อนนึง แต่ที่จริงเห็นมีคนบอกให้เขาเติมมากถึง ๓ ช้อนด้วย ที่จริงแล้วเราก็น่าจะขอเติมเยอะกว่านี้ เพราะนี่เป็นจุดเด่นของทามานะราเมงเลย เป็นตัวทำให้อร่อย เอาเข้าจริงถ้าไม่มีกระเทียมนี่ก็ไม่ได้ต่างจากฮากาตะราเมงที่เรากินอยู่ที่ฟุกุโอกะเป็นประจำสักเท่าไหร่ ไม่มีกระเทียมคงไม่อาจเรียกว่าเป็นทามานะราเมงได้ โดยรวมแล้วก็อร่อยดี ไม่เสียทีที่อุตส่าห์มากินถึงนี่

นอกจากนี้ก็สั่งเกี๊ยวซ่าด้วย ราคา ๔๕๐ เยน มี ๕ ชิ้น นี่ก็อร่อยดี

กินเสร็จก็ได้เวลาเดินทางกลับ ระหว่างทางผ่าน
สะพานทามานะ (
玉名橋) ข้ามแม่น้ำคิกุจิกลับไปยังเส้นทางหลักเพื่อเดินทางกลับสู่ฟุกุโอกะต่อไป


แล้วก็กลับถึงฟุกุโอกะ มาที่สนามบินฟุกุโอกะเพื่อคืนรถ เสร็จแล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับ

ก็จบการเที่ยวรอบทะเลอาริอาเกะจังหวัดนางาซากิและคุมาโมโตะ ๒ วัน ๑ ลงเท่านี้ เป็นเที่ยวที่สนุกและคุ้มค่ามากทีเดียว ได้กินของอร่อยตลอดด้วย แม้อากาศจะร้อนทำให้ลำบากไปบ้างก็ตาม