#อังคาร 29 ม.ค. 2019ต่อจากตอนที่แล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20190202หลังจากเดินทางมาถึงเกาสยงและเข้าพักในโรงแรม เช้าวันต่อมาก็จะเดินทางไปเที่ยวในจังหวัดผิงตง
ผิงตง (屏東) เป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้สุดของไต้หวัน อยู่ถัดไปจากเกาสยง สถานที่เที่ยวก็มีอยู่หลายที่ ที่คนนิยมไปมากที่สุดคือเขิ่นติง (
墾丁) ที่เป็นแหลมทางตอนใต้สุดของไต้หวัน
ครั้งนี้ที่ตัดสินใจมาเที่ยวคือเกาะ
หลิวฉิวหยวี่ (琉球嶼) หรือที่นิยมเรียกว่า
เสี่ยวหลิวฉิว (小琉球) โดยคำว่า "เสี่ยว" (
小) แปลว่าเล็ก
ภาพจาก google แสดงตำแหน่งเสี่ยวหลิวฉิวเป็นเกาะเล็กๆทางตะวันตกเฉียงใต้ใกล้ชายฝั่งเกาะไต้หวัน
คำว่า "หลิวฉิว" (
琉球) อ่านแบบภาษาญี่ปุ่นคือ "ริวกิว" (りゅうきゅう) เป็นชื่ออาณาจักรสมัยก่อนในบริเวณที่ปัจจุบันเป็นจังหวัดโอกินาวะ (
沖縄) ของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวหลิวฉิวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโอกินาวะ ตำแหน่งก็อยู่ห่างไกลกันมาก โอกินาวะอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน แต่เสี่ยวหลิวฉิวอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้
เกาะเสี่ยวหลิวฉิวมีขนาด ๖.๘ ตร.กม. ห่างจากเกาะไต้หวันไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๑๕ กม. มีฐานะเป็นตำบลหนึ่งในจังหวัดผิงตง ประชากรหมื่นกว่าคน เป็นส่วนหนึ่งของ
เขตทิวทัศแห่งชาติอ่าวต้าเผิง (大鵬灣國家風景區)เกาะนี้มีธรรมชาติทางทะเลที่สวยงาม ดึงดูดให้ผู้คนมาท่องเที่ยว และด้วยความที่อยู่ใกล้ทำให้ไปได้ง่าย นั่งเรือไม่นานก็ถึง
การเดินทางไปเสี่ยวหลิวฉิวโดยทั่วไปจะต้องมาขึ้นเรือจากท่าเรือที่ตำบล
ตงก่าง (東港) ซึ่งเป็นบริเวณชายฝั่งของเกาะไต้หวันที่อยู่ใกล้กับเกาะนี้มากที่สุด ระยะเวลาเดินเรือประมาณ ๒๐-๓๐ นาที มีเรือประมาณชั่วโมงละ ๑-๒ เที่ยว
ข้อมูลเดินเรือดูได้ที่
http://liuqiu.pthg.gov.tw/liuqiu/web_tw.php?prog=traffic&view=sailนอกจากนี้ก็ยังมีเรือจากเกาสยงไปโดยตรงเช่นกัน แต่ไม่มาก
ท่าเรือในเกาะนี้มีอยู่ ๒ จุดคือท่าเรือท่องเที่ยวไป๋ซาเหว่ย์ (
白沙尾觀光港) กับท่าเรือประมงต้าฝู (
大福漁港)
เที่ยวเรือส่วนใหญ่จะไปจอดที่ท่าเรือไป๋ซาเหว่ย์ ซึ่งอยู่ทางปลายตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะ
ส่วนท่าเรือต้าฝูอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ค่อนข้างจะอยู่กลางเกาะ มีจำนวนเที่ยวเรือค่อนข้างน้อย
สำหรับการเดินทางในวันนี้ เราตื่นกันตั้งแต่หกโมงกว่า เพื่อจะออกจากโรงแรม 6:50 ไปขึ้นรถไฟฟ้า
มาลงที่สถานีรถไฟฟ้า
สถานีรถไฟเกาสยง (高雄車站) ใจกลางเมือง
ปัจจุบันสถานีเกาสยงได้ถูกย้ายลงไปเป็นสถานีอยู่ใต้ดินตั้งแต่ปี 2002 ตัวอาคารเก่าถูกเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์
ท่ารถที่ต้องไปขึ้นอยู่ใกล้กับสถานีเก่านี้ แต่ก่อนอื่นเราเดินไปหาอะไรกินเป็นมื้อเช้ากันแถวใกล้ๆก่อน
เจอร้านนี้ กินหัวถุ่ยต้านปิ่ง (
火腿蛋餅) ราคา ๒๕
แล้วมาขึ้นท่ารถ ท่ารถเองก็มีหลายบริษัท แต่ที่จะไปตงก่างคือท่ารถของเกาสยงเค่อยวิ่น (
高雄客運)
นอกจากนี้ยังมีกั๋วกวางเค่อยวิ่น (
國光客運) ตั้งอยู่ข้างๆ แต่ของบริษัทนี้ไม่มีไปตงก่าง
ซื้อตั๋วสำหรับไปตงก่าง ปกติราคาเที่ยวนึง ๑๒๑ ดังนั้นถ้าไปกลับก็ควรจะเป็น ๒๔๒ แต่ว่ามีตั๋วไปกลับให้ซื้อราคา ๑๙๔ ประหยัดไปได้ถึง ๔๘ หยวนเลยทีเดียว
รถที่จะไปตงก่างนั้นมีปลายทางอยู่ที่ป้ายต้าเผิงวานซึ่งอยู่ค่อนไปทางตะวันออกของใจกลางเมืองตงก่าง
เที่ยวรถมีประมาณทุกครึ่งชั่วโมง ส่วนที่เราขึ้นคือรอบ 7:35
รอรถเมล์อยู่สักพัก แล้วรถเมล์ก็มา ได้เวลาออกเดินทางไปยังตงก่าง
ระยะเวลาเดินทางมากกว่าหนึ่งชั่วโมงไปหน่อย ถึงประมาณ 8:45
เนื่องจากรถเมล์นี้ไม่ได้มีปลายทางอยู่ที่ในเมืองจึงต้องระวังป้ายที่จะลงให้ดี เราถามคนที่อยู่ในรถว่าควรลงป้ายไหนใกล้สุด จึงรู้ว่าควรลงที่ป้ายปากถนนกวางฟู่ (
光復路口, กวางฟู่ลู่โข่ว) อยู่ใกล้ใจกลางเมืองมากที่สุด อยู่ใกล้หัวมุม ถ้าเลยจากป้ายนี้รถเมล์จะเลี้ยวซ้ายแล้วออกห่างใจกลางเมืองไปทางตะวันออก
อย่างไรก็ตาม ป้ายนี้ยังอยู่ห่างจากท่าเรือไปอีกพอสมควร ต้องเดินไป แต่เราดูตารางเวลาเดินเรือแล้วมีรอบ 9:00 จึงมีเวลาเดินไปแค่ ๑๕ นาที ตอนแรกก็ลังเลว่าควรรอรอบถัดไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจวิ่งไป เพราะถ้าไม่ทันเที่ยวนี้กว่าจะมีอีกทีคือ 10:10 โน่นเลย
วิ่งไปตามถนนจงซาน (
中山路) ซึ่งเป็นถนนหลักใจกลางเมือง
ไปเรื่อยๆในที่สุดก็เห็นทะเล
เลี้ยวซ้ายมาก็เริ่มเห็นท่าเรือ
เรารีบวิ่งเข้าไปซื้อตั๋วเรือ แล้วก็รีบไปขึ้นเรือเลย ทันเวลาเฉียดฉิว
ค่าตั๋วคือ ๒๓๐ ถ้าไปกลับควรจะรวมกันเป็น ๔๖๐ แต่ถ้าซื้อเหมาไปกลับจะลดเหลือ ๔๑๐ ประหยัดไป ๕๐ เราจึงตัดสินใจซื้อแบบไปกลับ
เพียงแต่ตั๋วไปกลับจะมีความยุ่งยากอยู่อย่างนึงตรงที่ว่าขากลับต้องขึ้นเรือของบริษัทเดียวกันกับที่เราขึ้นไปเท่านั้น บริษัทเดินเรือที่นี่มีอยู่สองบริษัทคือตงหลิว (
東琉) กับไท่ฟู่ (
泰富)
สำหรับรอบ 9:00 ที่เราขึ้นไปนี้เป็นของตงหลิว
บรรยากาศภายในเรือ
ใช้เวลา ๒๐ นาที เดินทางมาถึงท่าเรือไป๋ซาเหว่ย์
สำหรับการเดินทางเที่ยวบนเกาะนี้ มีหลายวิธี จะเหมารถก็ได้ จะเช่าจักรยานก็ได้ หรือจะเดินก็ได้ เพราะเกาะไม่ใหญ่ อยู่ในขอบเขตที่สามารถเดินทั่วได้ นอกจากนี้ยังมีรถเมล์สายที่วิ่งวนรอบๆเกาะด้วย แต่จำนวนเที่ยวน้อยถ้าจะนั่งต้องดูเวลาดีๆ อาจใช้เมื่อเดินไปไกลแล้วไม่อยากเดินกลับ
ครั้งนี้ตัดสินใจใช้เดินเอา เพราะเผื่อเวลาไว้เที่ยวเกาะนี้ทั้งวันอยู่แล้ว เดินเที่ยวสบายๆ แม้ตอนแรกจะยังไม่แน่ใจว่าจะเดินทั่วไหวหรือเปล่า
สำหรับเส้นทางเดินในครั้งนี้ในรายละเอียดได้วาดเป็นแผนที่ไว้ ใส่ไว้ตอนท้ายสุด
เริ่มจากเดินเลียบชายฝั่งไปทางเหนือ
ตรงนี้เป็นบริเวณริมฝั่งทะเลทางเหนือสุดของเกาะ
ตรงนี้มีวัดชื่อวัดหลิงซาน (
靈山寺)
ใกล้ๆกันนั้นเดินต่อมาอีกหน่อยเจอ
หินแจกัน (花瓶石, ฮวาผิงสือ) เป็นหินที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของที่นี่ เวลาค้นข้อมูลเกาะนี้มักจะปรากฏรูปหินนี้ขึ้นมา จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำเกาะไป ดูๆไปก็คล้ายๆกับเขาตะปูที่จังหวัดพังงา
ทะเลแถวๆนี้สวยงามมาก
น้ำใสไหลเย็น
ชมทะเลตรงนี้เสร็จก็เดินขึ้นไปจากอีกทาง
เดินไปเรื่อยๆจนถึงถนนใหญ่แล้วเดินถัดต่อมาก็เจอจุดท่องเที่ยวถัดไป คือถ้ำคนสวย (
美人洞, เหม่ย์เหรินต้ง)
ที่นี่เป็นถ้ำที่เข้าไปเดินได้ แต่ว่าการจะเข้าชมที่นี่ต้องเสียค่าตั๋วเข้าชม โดยมีสถานที่หลายแห่งบนเกาะนี้ที่ใช้ตั๋วเดียวกันนี้ในการเข้า ราคารวม ๑๒๐ หยวน
เราตัดสินใจไม่ซื้อตั๋วเข้าชมด้านในเพราะยังไม่แน่ว่าจะเดินไปยังจุดอื่นๆที่ต้องใช้ตั๋วเข้าชม แต่ละจุดค่อนข้างอยู่ไกลกัน และตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าขาเจ็บอยู่ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะเดินไปได้ไกลแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม เดินไปตามทางต่อไป
ตรงนี้เจอจุดที่เข้าไปชมทิวทัศน์ได้อีกจุด
จากตรงนี้มองไปทะเลสวยมาก
ตรงนี้เป็นอีกจุดที่ต้องใช้ตั๋วเพื่อเข้าไป ซึ่งก็ไม่ได้เข้า
เดินต่อมาตรงนี้ก็ยังเจออีกจุดที่ต้องใช้ตั๋วเข้าไป
แล้วก็เดินต่อมา จากตรงนี้มีทางให้เดินเข้าไปชมทะเลได้ ส่วนนี้ไม่ต้องใช้ตั๋วจึงเข้าไปได้สบาย
ทิวทัศน์ริมทะเลตรงนี้ก็สวยงามมาก
ตอนเดินกลับขึ้นไปผ่านทางนี้
ดูแล้วจะเป็นตึกร้างที่ใช้เดินทะลุระหว่างริมฝั่งกับด้านบน
สุดท้ายก็กลับขึ้นมาด้านบนบริเวณเดิม แล้วก็เดินต่อไป
ระหว่างทางก็เจอร้านอาหารอยู่ประปราย
ตรงนี้ดูจะเป็นอีกจุดที่ลงไปเดินใกล้ชายฝั่งได้ แต่ก็ไม่ได้ลงไป
จากนั้นเนื่องจากคิดว่าอยากไปชมย่านเมืองกลางเกาะมากกว่าที่จะเอาแต่เดินเลียบริมชายฝั่ง จึงตัดสินใจเริ่มเลี้ยวซ้ายเข้าไปกลางเกาะ
เดินเข้ามาเริ่มเห็นบ้านที่อยู่อาศัยและร้านอาหาร
โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง
ยิ่งเดินเข้ามาก็เจอบ้านมากขึ้น
แวะกินมื้อเที่ยงกันที่ร้านนึงตรงนี้ อันนี้คือก๋วยเตี๋ยวเกิงเนื้อหมู (
肉羹粄條)
เดินต่อมาเจอวัดอู่เหลียนกง (
五連宮)
เดินต่อมา
มาถึงนี่ก็ยังเจอตู้คีบตุ๊กตาด้วย
แถวนี้ผู้คนคับคั่ง มี 7-11 ด้วย
เดินผ่านวัดปี้หยวิน (
碧雲寺)
จากตรงนี้ต้องตัดสินใจว่าจะเดินผ่านเส้นทางกลางเกาะเพื่อไปยังส่วนปลายด้านตะวันตกเฉียงใต้ หรือว่าจะเดินไปทางตะวันออกเฉียงใต้เพื่อไปยังย่านท่าเรือ เราเห็นว่ายังมีเวลาจึงตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆสู่ปลายเกาะต่อ
ตรงนี้เป็นโรงเรียนประถมอีกแห่ง
ส่วนตรงนี้เป็นโรงเรียนมัธยม
ตลอดถนนสายนี้ดูแล้วมีแต่บ้านคนเป็นหลัก
แมวกับต้นไม้
วัดอีกแห่งตามทาง วัดเทียนเซียนกง (
天仙宮)
เดินต่อไป
เจอทางแยกตรงนี้ ถ้าเลี้ยวขวาก็จะไปยังถ้ำผีดำ (
烏鬼洞, อูกุ่ยต้ง) ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันตกของเกาะ
เดินมาถึงทางออกถ้ำผีดำ ส่วนทางเข้าน่าจะต้องเดินย้อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ว่าที่นี่เป็นที่ที่ต้องใช้ตั๋วในการเข้าชม เราไม่ได้ซื้อตั้งแต่แรกจึงไม่ได้เข้า
ส่วนตรงนี้เป็นพิพิธภัณฑ์แต่ไม่ได้เปิดอยู่
เดินต่อไปอีกก็ถึงแหลมทางตะวันตกสุดของเกาะ มีศาลาที่เรียกว่าศาลาพระอาทิตย์ตก (
日落停, รื่อลั่วถิง) เนื่องอยู่ทิศตะวันตกจึงเหมาะที่จะมาตอนเย็นเพื่อชมพระอาทิตย์ตกทะเล
หน้าผาข้างๆศาลา
ดูแล้วอันตรายแต่ก็เห็นมีคนไปนั่งอยู่บนหินตรงนั้นด้วย
มีคนมาสร้างสุสาน (ฮวงซุ้ย) ไว้ตรงนี้ด้วย ไม่ใช่มีแค่อันนี้ แต่ระหว่างทางยังเจอสุสานแบบนี้อยู่ประปราย
เดินต่อไปไม่ไกลเป็นส่วนที่เป็นอ่าวเล็กๆปลายตะวันตกเฉียงใต้สุดของเกาะ เรียกว่าไหจื๋อโข่ว (
海子口)
วัดเล็กๆ เทียนหนานฝูอานกง (
天南福安宮)
จากนั้นก็ต้องเดินย้อนกลับไปเพื่อไปยังท่าเรือที่เราขึ้นกันมาซึ่งอยู่คนละปลายของเกาะ อุตส่าห์เดินมาจนสุดได้ แต่ก็ต้องเดินกลับอีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
หินตรงนี้เรียกว่าหินกวนอิม (
觀音石, กวานอินสือ)
มีป้ายรถเมล์อยู่ตรงนี้ ที่จริงก็คิดว่าถ้าจังหวะดีก็รอรถเมล์อยู่ตรงนี้ แต่ดูเวลาแล้วยังต้องรออีกนาน และเราก็ยังเดินกันไหวจึงเดินต่อไป
หินตรงชายฝั่งนี้ก็สวย แต่ถ้าเทียบกับที่ชมผ่านมาทางฝั่งตะวันตกก็ถือว่าเฉยๆแล้ว
ถัดมาเจอย่านชุมชนเล็กๆอีกจุด แถวนี้เรียกว่าชายฝั่งหินหนา (
厚石海岸, โฮ่วสือไห่อ้าน) เป็นจุดชมทะเลจุดนึง
มีป้ายรถเมล์อีกป้าย
เดินผ่านอีกวัด วัดฮว่าซานไต้เทียนกง (
華山代天宮)
ถึงย่านท่าเรือกลางเกาะ
ตรงนี้เป็นย่านชุมชนที่ดูหนาแน่นอีกจุด
ถ้าไปทางนั้นจะเป็นท่าเรือต้าฝูที่สามารถกลับไปยังตงก่างได้ แต่ว่าเราขึ้นจากที่นี่ไม่ได้เพราะซื้อตั๋วไปกลับจากท่าเหรือไป๋ซาเหว่ย์ซึ่งเป็นท่าเรือเดิมตอนขามา
เราลองถามคนแถวนั้นว่าถ้าจะขึ้นรถเมล์กลับท่าเรือทางโน้นจะต้องไปขึ้นที่ไหน รอนานแค่ไหน แต่บังเอิญว่าคนที่ถามนั้นเขาดูใจดี และเหมือนจะมีธุระต้องไปทางโน้นพอดีก็เลยอาสาให้ติดรถจักรยานยนต์ไปส่งถึงที่ ต้องถือว่าโชคดีมาก ทำให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะทีเดียว
ภาพย่านเมืองระหว่างทาง
ภาพพวกนี้ถ่ายแบบสุ่มๆขณะซ้อนท้ายจักรยานยนต์อยู่โดยไม่ได้มอง
สุดท้ายเขาก็มาส่งจนถึงท่าเรือ
ขณะที่ไปถึงเป็นเวลาเกือบสองโมง ตอนแรกคิดว่าจะไปนั่งเรือรอบสองโมงได้ แต่พอไปถึงเขาบอกว่าเรือรอบสองโมงนั้นคนเต็มจึงออกเรือไปก่อนแล้ว ต้องรอรอบสามโมง
เพียงแต่ว่าเรือที่นี่คนค่อนข้างแน่น ปกติจะต้องมาก่อนเวลาเพื่อให้ได้ที่นั่ง ไม่มีการจองที่ เรือรอบสามโมงจะมาจอดให้ขึ้นไปได้ตั้งแต่สองโมงครึ่ง ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าได้ขึ้นเรือแน่ต้องมาตั้งแต่สองโมงครึ่ง
เมื่อใกล้บ่ายสองครึ่งก็มีคนมารอขึ้นเรือเต็มไปหมดแล้ว พอถึงเวลาคนก็พากันขึ้นเรือ ขึ้นไปนั่งบนเรือสักพักคนก็ค่อยๆขึ้นมาบนเรือจนเต็มในไม่ช้า สุดท้ายเรือก็ออกประมาณสามโมงตามเวลา
การเที่ยวบนเกาะก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ ตอนต่อไปจะกลับไปเดินเที่ยวในเมืองตงก่างต่อ
https://phyblas.hinaboshi.com/20190205สรุปเส้นทางเดินทั้งหมด
a ท่าเรือไป๋ซาเหว่ย์
b หินแจกัน
c ถ้ำคนสวย
d ชายฝั่งที่ลงไปเดินมา
e วัดอู่เหลียนกง
f วัดปี้หยวิน
g วัดเทียนเซียนกง
h ถ้ำผีดำ
i ศาลาพระอาทิตย์ตก
j ไหจื๋อโข่ว
k หินกวนอิม
l ชายฝั่งหินหนา
m วัดฮว่าซานไต้เทียนกง
n ท่าเรือต้าฝู
o จุดที่คนใจดีให้ซ้อนจักรยานยนต์กลับไปยังท่าเรือไป๋ซา