ช่วงนี้เห็นกันว่าพวกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคนพยายามกล่าวโจมตีว่าคนรุ่นใหม่มีความชังชาติ คิดจะทำลายชาติ
พอเห็นเรื่องแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเก็บมาคิด แล้วก็ตัดสินใจที่จะขอเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย
คือหากมาลองคิดดู ที่จริงแล้วการกล่าวว่าใครชังชาติหรือขายชาตินั้นมันก็เป็นทั้งเรื่องที่ง่ายและก็มักง่ายด้วย
ก็การชังชาติขายชาติมันดูเป็นเรื่องรุนแรง และผู้ถูกกล่าวหาน่ะจะถูกมองเป็นคนไม่ดีขึ้นมาในทันที ยิ่งในสายตาของคนที่คิดว่าตัวเองรักชาติ
เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็รับชาติ ดังนั้นจึงรู้สึกไม่พอใจต่อคนที่ทำลายชาติ
แต่ว่าความรักชาติไม่ใช่สิ่งที่แค่แสดงออกมาด้วยคำพูด แต่ควรจะต้องดูที่สิ่งที่ทำออกมาไม่ใช่หรือ
บางคนบอกว่ารักชาติทุกวัน ยืนตรงเคารพเพลงชาติเสมอ แต่กลับกำลังทำการกระทำบางสิ่งที่เป็นการทำลายชาติซะเอง (โดยอาจจงใจหรือไม่จงใจ)
ในขณะที่บางคนอาจรักชาติพยายามทำเพื่อชาติเต็มที่ แต่ก็กลับถูกหาว่าชังชาติ
แค่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลก็ถูกหาว่าทรยศต่อชาติ เป็นภัยต่อชาติแล้ว ทั้งที่ตัวรัฐบาลไม่ใช่ตัวประเทศชาติสักหน่อย
คนที่รู้สึกว่าตัวเองรักชาติ กลับต้องถูกกล่าวหาว่าชังชาติ คงไม่มีอะไรจะเจ็บปวดไปกว่านี้อีกแล้ว
กลับกัน คนรุ่นใหม่ที่มองว่ารัฐบาลนั่นแหละที่เป็นตัวทำลายชาติน่ะเขาออกมาเคลื่อนไหวอะไรต่างๆก็เพราะรักชาติ อยากเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
ความคิดนี้ถูกหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่นั่นก็คือสิ่งที่เขามอง และคิดว่าเป็นทางออกของประเทศชาติ
แค่นั่นอาจเป็นความเปลี่ยนแปลงที่คนรุ่นเก่าบางคนอาจไม่ต้องการเท่านั้น จึงถูกโจมตี โดนกล่าวหาว่าเป็นเรื่องไม่ดีไป ถึงขั้นว่าเป็นภัยต่อชาติ
แต่ละคนก็มีมุมมองเกี่ยวกับชาติในแบบของตัวเอง ทำไมบางคนถึงพยายามผูกขาดความคิดว่าคนจะต้องคิดแบบเดียวกัน ผูกขาดความหมายของคำว่ารักชาติ ใครคิดต่างจากพวกตัวเองคือชังชาติ บางทีก็มีการสร้างข่าวโจมตีกัน
ทำไมจึงต้องพยายามที่จะสร้างความเกลียดชัง ความแตกแยกให้เกิดขึ้นภายในบ้านเมืองกันด้วยล่ะ ?
ที่ยิ่งแย่ก็คือผู้ที่ปลุกปั่นสร้างความเกลียดชังนี้ส่วนใหญ่กลับเป็นพวกผู้ใหญ่ในบ้านเมือง พวกเขาโจมตีคนรุ่นใหม่ซึ่งจะต้องเป็นอนาคตของชาติ
ประเทศชาติเป็นของทุกคน ไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ อยู่ชนชั้นไหนของสังคม ควรจะปรองดองกัน เปิดใจคุยกัน
อยากอยู่ในสังคมที่ต้องอยู่โดยหวาดระแวงซึ่งกันและกันตลอดหรือ ?
ทุกคนต่างก็รักชาติอยากปกป้องชาติไม่ใช่หรือ ดังนั้นจึงได้มีปฏิกิริยารุนแรงกับข้อกล่าวหาที่ว่าชังชาติขายชาติไง
บางคนถูกกล่าวหาว่าชังชาติมากก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ อยากจะหนีไปใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศไปตลอดให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเหมือนกัน
หรือใครที่อยู่เมืองนอกอยู่แล้ว ก็อาจจะยิ่งรู้สึกไม่อยากจะกลับไป
ต่อให้รักและผูกพันกับประเทศชาติแค่ไหน ถ้าต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความแตกแยกขัดแย้ง ไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้ แบบนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน
แต่การอยู่นอกประเทศก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเลิกคิดที่จะทำเพื่อประเทศชาติหรอก
คิดว่าตอนนี้คงจะมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่กำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังในประเทศ อยากจะหนีไปอยู่ที่อื่น
การจะหนีไปอยู่ที่อื่นคงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ไม่ว่าใครก็อยากจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีชีวิตที่ดีขึ้น การทำแบบนั้นไม่ควรถูกมองว่าชังชาติหรือทรยศต่อชาติ
แต่ถ้ามีโอกาสต่อให้อยู่ต่างประเทศก็ตาม อะไรที่ช่วยประเทศได้ก็ช่วยเท่าที่ทำได้ ยังคงอยากให้ทำต่อไปเหมือนเดิม
การจะเปลี่ยนแปลงประเทศชาติหรือพยายามพัฒนาประเทศนั้นไม่จำเป็นจะต้องทำจากในประเทศก็ได้ ยิ่งเดี๋ยวนี้การติดต่อสื่อสารข้ามไปมาทำได้โดยสะดวก
เราอยู่เมืองนอก สร้างผลงานดีๆออกมา มีชื่อเราเป็นคนไทยอยู่ นี่ก็สร้างชื่อให้ประเทศชาติได้
หรือเอาความรู้ประสบการณ์ต่างๆจากเมืองนอกมาเล่าให้คนในประเทศฟัง อาจจะผ่าน facebook ก็ได้ แค่นี้ก็ช่วยเปิดหูเปิดตาให้คนในประเทศแล้ว
เราอาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศก็ได้ แต่ประเทศไทยก็ยังเป็นของพวกเราทุกคน มีญาติพี่น้อง และลูกหลานที่อาจเกิดมาในอนาคต ที่ยังต้องอยู่ต่อไป
เราสามารถช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อประเทศ แสดงให้เห็นว่าเรารักชาติ ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่ด้วยการกระทำนี่แหละ
ถึงยังไงก็ตาม ประเทศชาติไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้น ยังอยากให้เชื่อมั่นต่อไป
ความปรองดองกันของคนในชาตินั้นสำคัญมาก
ต่อให้จะมีใครพยายามสร้างรอยร้าวสร้างความแตกแยกให้คนในชาติหรือยังไงก็ตาม หากทุกคนหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันดีๆ เข้าใจกัน ก็ไม่มีใครมาทำอะไรได้
ไม่ว่าใครจะอยู่ฝ่ายรัฐบาลทหาร หรือฝ่ายประชาชนที่ฝักใฝ่ประชาธิปไตย หากเอาอารมณ์เข้าปะทะกัน ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง เหตุผลมันไปหมดแล้ว ยิ่งสร้างเรื่องโกหกหรือข่าวปลอมมาโจมตีกันยิ่งไปกันใหญ่
สิ่งสำคัญคือการพูดคุยอย่างมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ไม่โจมตีกัน ไม่เสียดสีกัน ไม่โกหก ไม่กล่าวหาอีกฝ่ายโดยไม่มีหลักฐาน
อยากให้ชาติก้าวต่อไปได้ดีต้องเริ่มจากตัวเองก่อน
อนาคตของชาติ ยังไงก็อยู่ในมือของพวกเรา ไม่ว่าจะคนรุ่นไหน กลุ่มไหน
เราต่างก็คนไทย พูดภาษาไทยเหมือนกัน ยังไงก็คุยกันได้รู้เรื่องเข้าใจกว่าไปคุยกับคนชาติอื่น ถ้าเราไม่เข้าใจกันเองแล้วใครจะมาเข้าใจเรา
หากอยากให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ควรหยุดความขัดแย้ง หยุดกล่าวโจมตีกัน เปิดใจ หันหน้ามาคุยกัน
อยากเห็นอนาคตของประเทศไทยสดใส
หวังว่าเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้
ปัญหาต้องมีทางออก
抬头看看伟大的天空。明天都会有希望在等着我们。要相信未来