φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



บันทึกความประทับใจ 星空のメモリア(โฮชิโซระโนะเมโมเรีย)
เขียนเมื่อ 2010/02/04 09:34
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42

รู้สึกว่าช่วงหลังๆที่ผ่านมานี้เราเขียนแต่เรื่องเกี่ยวกับวิชวลโนเวลเกือบจะทั้งหมดเลย ถึงตอนนี้ก็ยอมรับเลยว่าตัวเองช่วงนี้กำลังบ้าวิชวลโนเวลเป็นอย่างมาก

เมื่อก่อน ตอนที่เริ่มหัดเล่นวิชวลโนเวลใหม่ๆนั้นตอนนั้นยังไม่ได้เล่นมากขนาดนี้ คงเพราะความที่ยังไม่เก่งภาษาญี่ปุ่นมาก และอาจเพราะมีมาตรฐานในการเลือกเกมค่อนข้างสูง เกมที่เราเริ่มเล่นในตอนนั้นคือ clannad ซึ่งมันดีมากจนทำให้เราไม่เลือกเล่นเกมอะไรอีกง่ายๆ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มกลับมาโหลดเกมเล่นอย่างมากมายอีกครั้ง คงเพราะด้วยความที่เปิดใจมากขึ้นและรู้สึกอยากลองอะไรหลากหลาย

อย่างไรก็ตาม มาถึงตอนนี้หลังจากที่ได้เล่นเกมมาเยอะ ก็มาเจอเกมที่คิดว่าดีมากสุดๆอีกเกม ซึ่งอาจทำให้เรากลับมาเล่นวิชวลโนเวลน้อยลงมาก เพราะมีมาตรฐานในการเลือกเล่นที่สูงขึ้น นั่นก็คือโฮชิโซระโนะเมโมเรีย

เป็นเรื่องจริงที่ว่าเวลาคนเราเจออะไรที่ดีมากๆ มันจะทำให้เมินเฉยต่อสิ่งที่ดูด้อยกว่าไปเลยทีเดียว

สำหรับเนื้อหาคร่าวๆของเกมนี้ ตั้งแต่ทีแรกได้อ่านมาจากบล็อกของนาคุง http://sakuranomiya.exteen.com/spoil-game แต่อ่านไปถึงก่อนแยกเนื้อเรื่องก็เกิดสนใจมากจนหยุดอ่านแล้วหันมาเล่นเอง

 

หลังจากที่หน้าก่อนได้แปลบทของจินามิไป วันนี้จึงตั้งใจที่จะเขียนหน้านี้ขึ้นมา เป็นสรุปคร่าวๆเกี่ยวกับเนื้อหาในเกมนี้

 

จุดเด่นต่างๆของเกมนี้
1. เนื้อเรื่องถือว่าดีมาก โครงเรื่องลึกซึ้ง ไม่ใช่แนวตลาด เน้นความรักในครอบครัวกับเพื่อนพ้องมากกว่าความรักหนุ่มสาวทั่วไปซึ่งมีอยู่เกร่อ
2. โครงเรื่องซับซ้อนมาก ปริศนาเยอะ และผูกเรื่องได้อย่างดี ตัวละครแต่ละคนมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันเกือบหมด และมีการโยงปริศนาระหว่างแต่ละบทถึงกัน
3. ไม่มีฮาเรม ไม่มีฉากแบบนางเอกหลายคนแย่งเอาใจพระเอกคนเดียว ในเรื่องนี้ที่ชอบพระเอกแต่แรกมีแค่คนเดียวเอง
4. ไม่มีฉากเซอร์วิสไร้เหตุผล เช่นพระเอกเดินชนนางเอกแล้วไปจับโดน... หรืออยู่ดีๆเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วก็เจอ...
5. ตัวละครมีการแบ่งบทบาทกันได้ดี และนางเอกหลักทุกคนปรากฏตัวทุกบท มีส่วนช่วยในบทที่ไม่ใช่บทตัวเองด้วย ไม่ใช่ว่าพอแยกเนื้อเรื่องแล้วตัวละครอื่นหาย
6. รุ่นพ่อรุ่นแม่มีบทบาทสำคัญต่อเนื้อเรื่องมาก เกมนี้มีตัวละครรุ่นพ่อแม่ออกมาเยอะมาก โดยเนื้อเรื่องในอดีตของรุ่นพ่อแม่โยงเข้ากับเนื้อเรื่องปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง (น่าจะเอาเนื้อเรื่องรุ่นพ่อแม่ไปสร้างภาคเสริมได้อีกด้วยซ้ำ)
7. ภาพมีการเคลื่อนไหวโดยการซูมเข้าซูมออกบ่อยครั้งซึ่งช่วยให้ได้อารมณ์ในการเล่นมากขึ้น และยังปรับแต่งและดูฉากได้ทั่วถึง ภาพซีจีก็ไม่ใช่น้อย
8. เพลงประกอบเพราะและเข้ากับเนื้อเรื่องดีมาก หาเกมที่เพลงเพราะแบบนี้ได้ยากพอดูเลย
9. มีเนื้อหาที่ค่อนข้างเป็นวิชาการปนอยู่มากมาย ซึ่งหากใครอ่านแล้วตั้งใจศึกษาไปด้วยจะได้ความรู้ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครๆหลายคนสนใจดาราศาสตร์ขึ้นมาได้
10. เมื่อดำเนินเรื่องมาดี มีการแสดงภาพมากพอที่จะรู้สึกตาม และมีเพลงประกอบที่เพราะและได้อารมณ์ จากองค์ประกอบต่างๆนั้น ทำให้เวลาถึงฉากซึ้งขึ้นมาก็จะเข้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดี

 

ตัวละคร

มินาโฮชิ อาสึโฮะ(南星 明日歩) พากย์โดย : ซากาโมโตะ ฟูริ(佐本二厘)
ฮิซากากิ โคโมโมะ(姫榊 こもも) พากย์โดย : มิยาซาวะ ยุอานะ(宮沢ゆあな)
ฮิซากากิ โคซาเมะ(姫榊 こさめ) พากย์โดย : คุสึโนกิ สึซึเนะ(楠鈴音)
อาโออิ อิสึซึ(蒼 衣鈴)พากย์โดย : อาซึมะ คาริน(東かりん)
โคงะซากะ จินามิ(小河坂 千波) พากย์โดย : มินาซึกิ เรน(みなづき蓮)
แมร์(メア) พากย์โดย : อันซึ มิทสึ(杏子御津)
โอโตทสึ ยุเมะ(乙津 夢) พากย์โดย : โทโนะ โซโยงิ(遠野そよぎ)
สึวะ เซ็ทสึนะ(諏訪 雪菜) พากย์โดย : อิโตว มิโดริ(伊藤瞳子)
โคงะซากะ ชิโนะ(小河坂 詩乃) พากย์โดย : อิชิกาวะ โนนะ(石川乃奈)
อาโออิ สึซึฮะ(蒼 鈴葉) พากย์โดย : อุซามิ มิโมเอะ(宇佐美みもえ)
ฮิซากากิ มายากะ(姫榊 万夜花) พากย์โดย : โคโตโมะ วาคาบะ(小友わかば)
โอกาอิซึมิ ฮารุโตะ(岡泉 温土) พากย์โดย : ไอซาวะ ฟามิ( 相沢ファミ)
มินาโฮชิ โซวอิจิโรว(南星 総一郎) พากย์โดย : โชวโตว เอรุซะ(松涛エルザ)
อาสึกะ มิไร(飛鳥 未来) พากย์โดย : ฮิไร ทัทสึยะ(平井達矢)
เรน(レン) พากย์โดย : คามิมุระ ฮินะ(神村ひな)
มิชิมะ ไทงะ(三嶋 大河) พากย์โดย : ทานิ ชุนสึเกะ(谷俊介)
โคงะซากะ คาสึมิ(小河坂 歌澄) พากย์โดย : อิโตว โชวโกะ(伊藤硝子)

[ตัวเอก] โคงะซากะ โยว(小河坂 洋) พากย์โดย : ตัวผู้เล่นเอง

 

เกมนี้มีนางเอกอยู่ ๖ คน (หากไม่นับแมร์) และค่อนข้างบังคับลำดับการจบพอสมควร โดยเริ่มแรกจบได้แค่บทอาสึโฮะ โคโมโมะ อิสึซึ เท่านั้น บทจินามิเล่นได้เมื่อจบบทอิสึซึ บทโคซาเมะเล่นได้เมื่อจบบทโคโมโมะ และเมื่อจบทั้่งห้าคนถึงจะเล่นบทยุเมะได้

ตลอดเกมจะมีปริศนาและข้อสงสัยมากมายทิ้งเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเกมจนถึงก่อนแยกบท แม้แต่ตอนที่เข้าบทของตัวละครหลักแล้วก็อาจจะทิ้งปริศนาไว้เพิ่มอีก แต่ทุกอย่างจะไปคลี่คลายเอาในบทของยุเมะซึ่งเป็นตัวละครคนสุดท้าย จะเล่นบทนี้ได้ต่อเมื่อจบบทของทั้งห้าคนที่เหลือแล้วเท่านั้น แต่บางอย่างก็ยังไม่ลงตัวเหมือนจะเอาไว้ขยายต่อในภาคหน้า

ต่อไปจะเป็นการสรุปเนื้อเรื่องโดยย่อคร่าวๆแบบบีบย่อที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากใครอ่านตรงนี้จบก็คือได้รับรู้เนื้อเรื่องคร่าวๆทั้งหมดแล้ว เพียงแต่รายละเอียดปลีกย่อยนั้นมีอีกเยอะมาก ไม่สามารถอธิบายได้ครอบคลุมเลย หากต้องการอ่านละเอียดขึ้นมาหน่อยอาจต้องอ่านในบทแปลย่อ

ตรงนี้เหมาะกับคนที่อยากรู้เนื้อเรื่องคร่าวๆแต่ยังไม่มีเวลาที่จะอ่านอย่างละเอียด *ระวังขาดอรรถรส*

แต่หากใครมีเวลา แนะนำให้อ่านเรื่องย่อแบบละเอียดได้ที่บล็อกของนาคุง http://sakuranomiya.exteen.com/bishoujo-game ยกเว้นบทจินามิอ่านที่ https://phyblas.hinaboshi.com/20100201

ซึ่งจะได้อรรถรสกว่ามาก แต่หากเป็นไปได้ แนะนำให้ลองเล่นเอง จะได้อรรถรสเป็นอย่างมากที่สุด

เตือนอีกครั้งว่า ใครที่ไม่ชอบสปอย และยังต้องการเล่นเกมนี้อยู่ แนะนำให้ปิดหน้านี้ทันที และค่อยกลับมาอ่านหลังเล่นจบ

.

.

 

 

เนื้อเรื่องหลัก

โคงะซากะ โยวได้ย้ายกลับมาอาศัยอยู่ที่เมืองฮิบาริงะซากิบ้านเกิด หลังจากที่ได้ย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่มาเป็นเวลา ๗ ปี เนื่องจากคุณแม่ของเขาได้ตายลง จึงกลับมาอาศัยอยู่กับน้าชื่อชิโนะ พร้อมกับจินามิ น้องสาว

โยวได้รำลึกความทรงจำว่าเมื่อก่อนเคยไปที่จุดชมวิวและสัญญากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้เมื่อครั้งที่จะจากกันว่าจะต้องกลับมาเจอกันและจะแต่งงานกัน เขาจึงได้ลองกลับไปยังจุดชมวิวแห่งนั้นซึ่งก็พบว่าตอนนี้กลายเป็นสถานที่ห้ามเข้าไปแล้ว และที่นั่นโยวก็ได้พบกับสาวน้อยยมทูตซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับเด็กคนนั้นในตอนนั้นมาก แต่เมื่อคุยดูจึงรู้ว่าไม่ใช่ เธอแนะนำตัวว่าตัวเองชื่อแมร์ เป็นยมทูตที่มีหน้าที่ตัดฝันร้าย

โยวได้เข้าไปในร้านกาแฟชื่อร้านมิลกีเวย์ และได้พบกับเพื่อนเก่าสมัยประถมคนหนึ่งคือมินาโฮชิ อาสึโฮะ ซึ่งนี่เป็นร้านของพ่อเธอ และเธอก็กำลังช่วยงานพ่อทำงานที่ร้านอยู่ เธอจำโยวได้เป็นอย่างดีและได้รู้ว่าเธอเรียนอยู่โรงเรียนฮิบาริที่โยวกำลังจะย้ายเข้าไปเรียน

วันนั้นเป็นวันทานาบาตะ โยวได้ไปที่จุดชมวิวอีกครั้งตอนกลางคืนและพบแมร์ ซึ่งแมร์ก็ได้ใช้เคียวฟันลงไปกลางอกของโยว เมื่อรู้สึกตัวขึ้นอีกทีโยวก็ได้ลืมชื่อของเด็กสาวที่จุดชมวิวในอดีตคนนั้นไปแล้ว แมร์บอกว่านั่นคือฝันร้ายของโยวและเธอได้ทำการตัดมันทิ้งตามหน้าที่เรียบร้อยแล้ว

โยวได้เข้าเรียนที่โรงเรียนฮิบาริ และได้อยู่ห้องเดียวกับอาสึโฮะ และได้รู้จักเพื่อนอีกคนหนึ่งคือฮิซากากิ โคซาเมะ ซึ่งทั้งสองคนชวนโยวเข้าชมรมดูดาวซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นชมรมอย่างเป็นทางการเนื่องจากคนไม่พอ ที่นั่นเขาได้รู้จักรุ่นพี่โอกาอิซึมิ ฮารุโตะ ซึ่งเป็นประธานชมรม

โยวได้รู้ว่าในชมรมยังมีรุ่นพี่อีกคนชื่อสึวะ เซ็ทสึนะ แต่เธอแทบจะไม่เคยเข้ามาทำกิจกรรมชมรมเลย ซึ่งตอนแรกโยวคิดว่าเธออาจเป็นเด็กสาวในความทรงจำก็ได้แต่เมื่อพบก็รู้ว่าไม่ใช่ โยวพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสาวในความทรงจำ แต่ก็ไม่พบเลย

ชมรมขณะนี้กำลังมีปัญหาอยู่กับฮิซากากิ โคโมโมะ พี่สาวฝาแฝดของโคซาเมะและเป็นสมาชิกสภานักเรียน เธอบอกว่าถ้าหากขึ้นเทอมสองแล้วคนยังไม่พอชมรมจะต้องถูกยุบ ดังนั้นทุกคนจึงต้องพยายามหาสมาชักกันยกใหญ่

โยวพยายามชวนจินามิเข้าชมรมแต่ไม่สำเร็จเพราะจินามิสนใจชมรมวิจัยสิ่งลึกลับซึ่งมีอาสึกะ มิไร เพื่อนห้องเดียวกับโยวนั่นเองเป็นประธานชมรม โยวพยายามชวนอาโออิ อิสึซึ เด็กสาวที่อาศัยอยู่บ้านข้างๆโยว และเป็นเพื่อนห้องเดียวกับจินามิ แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธ

หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้สักพักจินามิเริ่มจะสนิทกับสึซึฮะ น้องสาวของอิสึซึ ส่วนตัวอิสึซึนั้นเป็นคนที่ไม่ชอบการคบเพื่อน จินามิพยายามตีสนิทกับอิสึซึแต่ก็โดนปฏิเสธทุกครั้ง แต่ก็มีท่าทีอ่อนลงเรื่อยๆ วันหนึ่งโยวไปพบอิสึซึถือกล้องดูดาวอยู่จึงรู้ว่าอิสึซึเองก็สนใจดูดาว จึงยิ่งพยายามตื๊อให้เข้าชมรมดูดาวให้ได้

โยวตามถามจนรู้ว่าอิสึซึชอบท้องฟ้าทางใต้ เธอบอกว่าเป็นท้องฟ้าในความทรงจำซึ่งไม่สามารถจะเห็นได้ในตอนนี้เนื่องจากญี่ปุ่นอยู่ซีกโลกเหนือ โยวจึงวางแผนร่วมกับเพื่อนๆในชมรมเพื่อจะสร้างท้องฟ้าจำลองขึ้นให้อิสึซึดู ในที่สุดเธอก็รู้สึกประทับใจมากและยอมเข้าชมรมด้วย แต่เธอก็ยังคงมีท่าทีปิดกั้นตัวองอยู่ และไม่ได้บอกว่าทำไมถึงชอบท้องฟ้าทางใต้

วันหนึ่งโยวได้ช่วยหญิงสาวคนหนึ่งเข็นรถจักรยานยนต์ซึ่งเสียอยู่จนกลับมาถึงบ้านของเธอ จนมารู้เอาภายหลังว่าเธอคือแม่ของฝาแฝดโคโมโมะกับโคซาเมะ ชื่อมายากะ และสมัยเรียนยังเคยอยู่ชมรมดาราศาสตร์ (ซึ่งปัจจุบันคือชมรมดูดาว) รวมทั้งโซวอิจิโรว พ่อของอาสึโฮะเองก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเธอและเคยเป็นหัวหน้าชมรมมาก่อน ส่วนชิโนะ น้าของโยวเองก็เคยอยู่ชมรมดาราศาสตร์เหมือนกัน แต่เป็นรุ่นน้อง บ้านของมายากะเป็นศาลเจ้าที่เรียกว่าตำหนักนภาดาราและเธอเองก็เป็นผู้ดูแล ส่วนโคโมโมะกับโคซาเมะเองก็ช่วยงานที่ศาลเจ้าอยู่เหมือนกัน

ช่วงต้นปิดเทอมฤดูร้อนมีงานเทศกาลซึ่งวันนั้นโคโมโมะได้ออกมาร่ายรำง้าวในงาน วันนั้นโยวได้รู้เกี่ยวกับเทพเจ้าและพิธีบูชาของตำหนักนภาดาราจากมายากะมาอีกนิดหน่อย ภายในงานโยวได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งมีความรู้สึกว่าเหมือนเด็กในความทรงจำของเขา แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทักอะไรเธอก็หายตัวไป โยวนึกได้ว่าตั้งแต่ย้ายกลับมาฮิบาริงะซากิ ก่อนหน้านี้เธอมีปรากฏตัวให้เขาเห็นมาแล้วหลายครั้ง

วันหนึ่งโยวไปที่จุดชมวิวพร้อมกับจินามิ โดยจินามิได้วิ่งนำไปก่อน แต่เมื่อโยวไปถึงที่นั่นก็พบว่าจินามิสลบอยู่ และเห็นเงาหญิงสาวสวมชุดมิโกะคนนึงถือง้าวอยู่แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว จินามิไม่เป็นอะไรมากแค่มีแผลโดนตีที่หลังคอ แมร์บอกว่ามีคนพยายามจะทำร้ายเธอแต่พอดีจินามิมาเลยโดนทำร้ายไปแทน จากรูปการณ์ทำให้โยวคิดว่าคนที่ทำร้ายจินามิต้องเป็นคนที่เขารู้จักอยู่แน่

ไม่กี่วันต่อมา มีข้อความเข้าโทรศัพท์ของโยวว่าให้มาที่จุดชมวิวโดยบอกว่าตัวเองคือคนที่ทำร้ายจินามิเอง เมื่อไปถึงที่นั่นก็เจอกับโคซาเมะถือง้าวอยู่ ซึ่งเธอจะพยายามทำร้ายแมร์แต่โยวก็เข้าไปห้ามโดยเอาเคียวของแมร์มากันเอาไว้ โคซาเมะบอกว่าแมร์เป็นเพียงฝันมายาเท่านั้น และคนของตำหนักนภาดาราอย่างเธอก็มีหน้าที่ส่งสิ่งนี้ให้กลับคืน โยวไม่เข้าใจความหมายที่พูดแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแมร์ทั้งนั้น

ท้ายที่สุดแล้วคนที่มาช่วยไว้กลับเป็นโคโมโมะซึ่งเอามือมารับง้าวไว้  ในที่สุดโคซาเมะก็ยอมสงบลงและเลิกความคิดที่จะจัดการกับแมร์ โคโมโมะบอกว่าที่โคซาเมะทำอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเธออยากทำ แต่น่าจะเพื่อปกป้องใครสักคน

วันต่อมาโคซาเมะมาขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดและบอกว่าจะไม่ทำร้ายแมร์อีกแล้ว ส่วนโคโมโมะก็มาบอกว่าขอเข้าชมรมดูดาวด้วย โดยที่บอกว่าแค่เพื่อจะมาเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยเท่านั้น แต่ในที่สุดชมรมดูดาวก็สามารถอยู่ต่อไปได้

 

บทโคโมโมะ

วันเปิดเทอมใหม่โคโมโมะชวนโยวเข้าไปทำงานในสภานักเรียน ซึ่งโยวก็ตกลง ในวันนั้นโยวไปโรงพยาบาลกับโคโมโมะเพื่อตรวจแผลที่ได้มาจาโคซาเมะเมื่อครั้งไปช่วยแมร์ซึ่งตอนนี้กำลังจะหายแล้ว เธอบอกว่าอยากไปขอโทษแมร์เรื่องโคซาเมะ จึงให้โยวพาไปที่จุดชมวิว เธอบอกว่าเธอไม่ชอบที่นั่น แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร โยวพยายามจะคุยถามความเห็นว่าแมร์เป็นใครแต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ จนโคโมโมะบอกว่าค่อยคิดทีหลังก็ได้

วันต่อมาโคโมโมะบอกว่าช่วงนี้ตัวเองฝันร้ายอยู่ ฝันว่าตัวเองลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสีแดงและก็ตกลงร่วงตกลงมาตาย ในวันนั้นเธอได้ชวนไปหาแมร์อีกครั้งและทำให้รู้ว่าคนที่ทำร้ายแมร์นั้นยังมีอยู่คน ซึ่งเขาสงสัยว่าจะเป็นเซ็ทสึนะ โคโมโมะจึงไปถามเซ็ทสึนะ แต่เธอก็ไม่ค่อยจะยอมตอบอะไร

โคโมโมะมีอาการปวดหัวทุกครั้งที่มาที่จุดชมวิว โยวถามแมร์ว่าให้เธอช่วยตัดฝันร้ายให้โคโมโมะได้มั้ย แต่พอจะลองแมร์ก็บอกว่ารู้สึกเหมือนจะเคยเจอโคโมโมะมาก่อนและจำได้ว่าเธอคือคนที่แมร์ตัดฝันร้ายให้เป็นครั้งแรก แต่ก็จำเหตุการณ์ในตอนนั้นไม่ค่อยได้แล้ว

ชมรมดูดาวตั้งใจว่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับอุกกาบาตที่ตกลงมาที่เมืองนี้เมื่อนานมาแล้วเพื่อแสดงในงานโรงเรียน จึงไปหามายากะและได้ข้อมูลว่าหินดาวตกนั้นตกลงมาเมื่อ ๖๖ ปีก่อนและปีต่อมาโรงเรียนฮิบาริก็ได้ก่อตั้งขึ้น มันคือหินที่แสดงในงานที่โคโมโมะรำง้าววันก่อนนั่นเอง ซึ่งถูกเก็บรักษาอยู่ในศาลเจ้าที่เรียกว่าตำหนักนภาดาราที่มายากะดูแลอยู่นี้ซึ่งคอยบูชาเทพแห่งดวงดาวอยู่ โดยหินนี้ถือว่าเป็นร่างสถิตของเทพแห่งดวงดาวจึงต้องเก็บรักษาเอาไว้ นอกจากนี้ยังได้ยินว่าเมื่อ ๗ ปีก่อนมีอุกกาบาตตกลงมาอีกลูกแต่ไม่มีใครหาพบ

โคโมโมะยังคงฝันร้ายต่อไปนับวันจะยิ่งชัดเจนขึ้น เธอเริ่มกังวลว่าแท้จริงแล้วตัวเธอเองอาจตายไปแล้วอย่างในฝันนั่นก็เป็นได้ วันหนึ่งโคโมโมะหยุดเรียน โยวจึงไปหาที่ศาลเจ้าหลังเลิกเรียน เขาได้คุยกับมายากะถามถึงเรื่องฝันร้ายของโคโมโมะและจุดชมวิว มายากะตอบว่าวันนั้นเมื่อ ๗ ปีก่อน โคโมโมะเองเคยไปเล่นที่จุดชมวิวแล้วตกต้นไม้สูง แต่ก็ไม่เป็นอะไรร้ายแรง แต่เธอรู้สึกกลัวต่อเหตุการณ์ครั้งนั้นมากจนฝันร้ายอยู่นานแต่จู่ๆวันหนึ่งก็กลับลืมเหตุการณ์วันนั้นไป เมื่อสามีเธอทราบเรื่องจึงได้สั่งปิด ทำให้จุดชมวิวกลายเป็นสถานที่ห้ามเข้า เมื่อฟังจบโยวมีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยตรงกับฝันของโคโมโมะที่ตัวเองได้ยินมา

แต่หลังจากนั้นไม่นานโคโมโมะก็นึกเรื่องจริงออกในที่สุด เหตุการณ์ในครั้งนั้นคนที่ตายไปไม่ใช่โคโมโมะแต่เป็นโคซาเมะ โคซาเมะเล่าให้โยวฟังว่าวันนั้นเธอแอบขโมยหินดาวตกที่ตั้งบูชาอยู่ในศาลเจ้าแล้วออกไปเล่นที่จุดชมวิว เธอปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ในจังหวะนั้นมีอุกกาบาตลูกใหญ่ตกลงมา เธอจ้องมองมันเพลินจนเสียหลักตกลงมาแล้วตายทันทีต่อหน้าต่อตาโคโมโมะ พอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็ฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองมีร่างกายที่ผิดปกติ ไม่กินก็อยู่ได้ และไม่โดนแดดเผา เมื่อคุยกับพ่อแม่และตรวจดูจึงรู้ว่าตัวเองนั้นจริงๆได้ตายไปแล้ว

วันนั้นโคโมโมะซึ่งกำลังตกใจที่ได้เห็นโคซาเมะตายไปตรงหน้าได้ประกอบพิธีอัญเชิญแห่งดาราญาณขึ้นโดยใช้หินดาวตกที่โคซาเมะขโมยมา ทำให้เกิดเป็นตัวตนของโคซาเมะตอนนี้ขึ้น ซึ่งเป็นตัวตนที่คล้ายกับเทพแห่งดวงดาวอย่างแมร์แต่ว่าไม่ใช่ แค่ยืมพลังจากเทพแห่งดวงดาวในหินดาวตกมาใช้เท่านั้นจึงทำให้คงตัวตนอยู่ได้ หลังจากนั้นไม่นานโคโมโมะก็ได้เจอกับแมร์และได้ขอให้ช่วยลบความทรงจำนั้นไป

โคซาเมะไปหาแมร์ที่จุดชมวิวและบอกว่าให้แมร์ใช้เคียวฟันตัวเองเพื่อจะได้หายไป แต่โยวกับโคโมโมะตามมาเห็นทันและได้ห้ามไว้ โคโมโมะบอกว่าถ้าจะตัดฝันร้ายละก็ให้ฟันมาที่เธอเองดีกว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วหากโคซาเมะเป็นฝันร้ายของเธอจริงๆละก็เธอก็จะหายไป แต่หากไม่ใช่แล้วเธอก็จะคงอยู่

สุดท้ายแมร์จึงฟันไปที่โคโมโมะแทน และก็พบว่าโคซาเมะไม่ได้หายไป นั่นเพราะเธอไม่ใช่ฝันร้ายของโคโมโมะอีกต่อไปแล้ว และจากนี้ไปก็จะอยู่ด้วยกันตลอดไป

 

บทโคซาเมะ

จากเนื้อเรื่องของโคโมโมะ ทำให้รู้แล้วว่าตัวตนของโคซาเมะนั้นคือร่างที่ยืมพลังจากเทพแห่งดวงดาวมาเพื่อใช้ชีวิตอยู่ นั่นทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใคร เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์และสักวันอาจจะหายไปเมื่อไหร่ก็ได้

วันหนึ่งทุกคนในชมรมดูดาวนัดกันไปชมพระจันทร์เต็มดวงกัน ซึ่งโคซาเมะก็มีท่าทีกังวลขึ้นมาเหมือนไม่อยากไป แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่โยวมองท่าทีนั้นออกจึงพยายามจะถามภายหลัง แต่เธอก็ตอบเป็นทีเล่นทีจริงและมักจะบอกว่าการถามซักไซ้เป็นเรื่องไม่ดี ถึงอย่างนั้นเธอก็หลุดความจริงออกมาทีละน้อยเพียงแต่ไม่รู้ว่าตรงไหนเป็นเรื่องเล่นหรือจริง

โยวมาช่วยงานที่ศาลเจ้าอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งโคซาเมะชวนโยวย่างมันเผากันหลังทำความสะอาดใบไม้เสร็จ และก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยประกายไฟกระเด็นโดนมือของโคซาเมะจนเป็นแผลใหญ่ ซึ่งโยวก็มีท่าทีเป็นห่วงมาก แต่พอวันต่อมาเจอกันอีกทีแผลนั้นได้หายไปแล้วโดยไม่เหลือร่องรอย ทำให้เขาแปลกใจมาก

โคซาเมะคุยกับเซ็ทสึนะเรื่องที่ว่าจะส่งเธอกลับไปเมื่อไหร่ เพราะเซ็ทสึนะเป็นคนที่ทางสาขาหลักของตำหนักนภาดาราส่งให้มาคอยส่งเทพแห่งดวงดาวซึ่งเป็นความฝันมายาที่ฮิบารินี้กลับไป คนที่โจมตีใส่แมร์ทีแรกก็คือเธอเอง และโคซาเมะเองก็เป็นดาราญาณที่ยืมพลังจากเทพแห่งดวงดาวมาใช้ จึงอยู่ในหน้าที่ของเธอที่จะต้องส่งกลับด้วยเช่นกัน แต่เพราะเซ็ทสึนะได้รู้จักกับโคซาเมะจนถึงขั้นสนิทกัน สุดท้ายจึงไม่อาจที่จะส่งโคซาเมะกลับได้ลง นั่นเเพราะรู้ว่าโคซาเมะเป็นคนดีเกินไป คิดถึงแต่เรื่องของคนอื่นมากกว่าตัวเองอยู่ตลอด

แล้วคืนที่ทุกคนนัดมาชมจันทร์กันก็มาถึง สุดท้ายโคซาเมะก็ไม่ได้มาร่วมด้วย ทำให้โยวเป็นห่วงและขอออกก่อนเวลาเพื่อตามไปหาโคซาเมะที่ศาลเจ้า

เมื่อไปที่ศาลเจ้าก็พบโคซาเมะ แต่เธออยู่ในสภาพที่โปร่งแสง เมื่อเอื้อมมือไปก็ไม่อาจจะสัมผัสได้ โคซาเมะได้เล่าความจริงทั้งหมดถึงตัวตนของเธอให้โยวฟัง เธอบอกว่าหินดาวตกที่เธอยืมพลังมาใช้อยู่นั้นน่าจะมาจากดวงจันทร์ ดังนั้นในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงซึ่งเป็นคืนวันที่พระจันทร์สะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์อย่างเต็มที่บดบังแสงที่แท้จริงจากพระจันทร์เอง เธอจะสูญเสียพลังทำให้ตัวตนในการคงอยู่เบาบางลง โยวเริ่มเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกตัวเองได้ เขาพยายามเข้าไปกอดโคซาเมะอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาสามารถสัมผัสเธอได้ แม้แต่โคซาเมะเองก็ตกใจ บอกว่าโยวอาจเปนเพราะพลังของโยวเองถึงทำให้เป็นแบบนี้ได้

โยวสารภาพรักกับเธอบอกว่าไม่ว่าเธอจะเป็นใครเขาก็สามารถรับได้เสมอ แม้ว่าสักวันหนึ่งจะหายไปก็ตาม ในระหว่างนี้เขาจะทำให้เธอมีความสุขเอง

คืนต่อมามีคนมาทำลับๆล่อๆแถวศาลเจ้า เซ็ทสึนะได้มาเจอเข้าและพบว่าเธอคืออาสึกะ อิมะเป็นมิโกะจากสำนักงานใหญ่ของตำหนักนภาดารา มาเพื่อมาจัดการส่งโคซาเมะกลับ แต่เซ็ทสึนะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับโคซาเมะทั้งนั้นและบอกว่าต่อจากนี้เธอจะเป็นคนปกป้องโคซาเมะเอง

ขณะเดียวกันนั้นโยวมาหาโคซาเมะที่ศาลเจ้าแต่ก็ไม่พบจึงเดาว่าเธอน่าจะไปที่จุดชมวิวเพื่อขอให้แมร์ช่วยส่งเธอกลับให้ เมื่อไปถึงก็พบแมร์ เธอบอกว่าเธอส่งโคซาเมะกลับไปแล้ว แต่โยวดูออกว่าแมร์โกหกจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แมร์จึงยอมบอกความจริงว่าที่จริงแล้วเธอยังวนเวียนอยู่แถวๆนี้ แค่ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นตัวตนได้เหมือนกับที่แมร์ทำเท่านั้น

โยวขอยืมเคียวของแมร์มาเพื่อใช้ทำร้ายตัวเองให้บาดเจ็บมากจนเข้าใกล้ความตาย ซึ่งทำให้เขาสามารถเห็นโคซาเมะได้ในที่สุด เขาบอกว่ายังไงก็ไม่ยอมให้เจอจากไปเด็ดขาด ก่อนที่ตัวเองจะหมดสติไป

โยวตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันต่อมาโดยมีโคซาเมะอยู่เคียงข้าง เธอบอกว่าเธอได้เข้าใจความรู้สึกของการมีชีวิตอยู่โดยที่รู้ว่าจะต้องสูญเสียคนรักไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะจากไปไหนอีกแล้ว จากนี้ไปก็จะขออยู่เคียงข้างกันตลอดไป

 

บทอิสึซึ

หลังจากที่เข้าชมรมมา อิสึซึก็มักจะไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมชมรม ขาดเกือบตลอด และยังคงทำตัวเหินห่างต่อคนอื่นอยู่เสมอแม้ว่าทุกคนจะพยายามตีตัวสนิทด้วยก็ตาม แม้เธอจะมาทานข้าวเย็นกับโยวที่บ้านทุกคืนเนื่องจากตามสึซึฮะมา แต่เธอก็ดูไม่เต็มใจและไม่ค่อยจะยอมพูดอะไรด้วย

วันหนึ่งในช่วงภาคเรียนที่ ๒ โยวได้ไปดูดาวกับอิสึซึที่ดาดฟ้าโรงเรียน จังหวะที่อิสึซึไปห้องน้ำ โยวได้แอบดูที่กล้องดูดาวของอิสึซึแต่ก็พบว่ากล้องนั้นมืดสนิท ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย เหมือนจะกำลังเสียอยู่ เมื่อโยวถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ อิสึซึก็ตอบว่าเธอก็ไม่ได้ชอบการดูดาวอยู่แล้ว แค่ชอบท้องฟ้าทางใต้เท่านั้น ยิ่งเห็นแต่ความมืดแบบนี้สิยิ่งดี เธอเล่าให้ฟังว่ากล้องดูดาวนี้เมื่อตอนที่ศูนย์ดาราศาสตร์กำลังจะปิดทำการเมื่อ ๔ ปีก่อน ผู้อำนวยการศูนย์ดาราศาสตร์เป็นคนให้เธอมาพร้อมกับกุญแจดาดฟ้า และเธอก็ทำมันเสียหลังจากนั้นไม่นาน

อิสึซึรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากจะสนิทกับใครมากๆทั้งนั้น เพราะจะทำให้เวลาแยกจากกันขึ้นมาต้องเจ็บปวด ในที่สุดเธอตัดสินใจบอกชิโนะว่าต่อจากนี้ไปจะขอไม่มาทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกันอีกแล้ว ซึ่งชิโนะก็ตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรและบอกว่าถ้าเปลี่ยนใจก็ยังยินดีต้อนรับเสมอ

ทุกคนในชมรมอยากจะให้อิสึซึเข้าชมรมบ่อยๆ สุดท้ายจึงสรุปว่าน่าจะให้อิสึซึได้เห็นออโรรา ซึ่งต้องการห้องฉายดาวขนาดใหญ่ จึงเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์ดาราศาสตร์ซึ่งปิดไปแล้ว โดยอาสึโฮะบอกว่าพ่อเธอเคยทำงานอยู่ที่นั่นน่าจะรู้อะไรบ้าง ซึ่งเมื่อถามก็ได้ความว่าศูนย์ดาราศาสตร์ปิดไปด้วยปัญหาทางการเงิน แต่ยังไม่ได้รื้อทิ้ง ในส่วนของท้องฟ้าจำลองยังใช้งานได้อยู่

ตอนกลางคืนโยวไปที่ศูนย์ดาราศาสตร์และได้เจอกับอิสึซึเข้า เธอเล่าเรื่องเมื่อ ๔ ปีก่อนให้ฟัง ตอนนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ศูนย์ดาราศาสตร์เปิดทำการ อิสึซึไม่ออกจากห้องฉายดาวไป ได้แต่ยืนร้องไห้อยู่ ผู้อำนวยการศูนย์ดาราศาสตร์ได้ปรากฏตัวขึ้น เขามอบกล้องดูดาวพร้อมกับกุญแจดาดฟ้าโรงเรียนให้ เพราะจะทำให้เธอมองฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวได้ แต่เขาไม่รู้ว่าท้องฟ้าที่เธออยากดูนั้นเป็นท้องฟ้าทางใต้ซึ่งไม่สามารถเห็นได้จากที่นี่

โซวอิจิโรวพ่อของอาสึโฮะบอกว่าตัวเองรู้จักกับอิสึซึมาก่อนเพราะพ่อแม่เธอเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกับเขา เขาเล่าอดีตของเธอให้ฟัง ว่าพ่อแม่เธอถูกย้ายไปทำงานอยู่ที่ออสเตรเลีย อิสึซึเกิดและโตที่นั่นแต่ก็ย้ายกลับมาที่นี่เมื่อ ๗ ปีก่อน เธอมีท่าทีไม่อยากมาเพราะสนิทอยู่กับคนที่นั่นมาก เมื่อได้ยินเรื่องนี้ทำให้โยวเข้าใจว่าทำไมอิสึซึถึงไม่ค่อยอยากมีเพื่อน นั่นเพราะไม่อยากจะต้องเจ็บปวดเวลาแยกจากอีกนั่นเอง และที่เธอคิดถึงท้องฟ้าทางใต้เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำครั้งเมื่ออยู่ที่นั่น

โซวอิจิโรวติดต่อผู้อำนวยการศูนย์ดาราศาสตร์ให้เนื่องจากเคยรู้จักกันมาก่อน ในที่สุดเขาก็บอกว่าจะเปิดห้องฉายดาวให้ชมกัน อิสึซึได้เห็นท้องฟ้าในความทรงจำพร้อมกับออโรราอีกครั้ง และโยวบอกว่าสักวันจะพาอิสึซึกลับไปเห็นท้องฟ้าทางใต้ให้ได้เพราะเขาชอบเธอ ซึ่งเธอก็ซึ้งใจและรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก

แต่โยวก็เริ่มคิดได้ว่าถึงจะพาเธอไปให้ได้เห็นท้องฟ้าในความทรงจำมาแล้วกี่ครั้ง เธอก็ยังคงเฝ้าโหยหามันอยู่เรื่อยไป ยังคงเอาแต่มองอดีตอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่น่าจะมองอนาคตที่อยู่ตรงหน้าบ้าง เขาเสนอจะซ่อมกล้องให้ แต่อิสึซึก็ไม่ยอม

ในคืนหนึ่งขณะที่ทุกคนมาดูดาวกัน จินามิยืมกล้องของอิสึซึไปดู ในตอนนั้นแมร์ก็ปรากฏตัวขึ้นและบอกว่านั่นคือฝันร้ายของอิสึซึ เธอได้ใช้เคียวฟันอิสึซึ ทันใดนั้นกล้องก็ได้แตกสลายเป็นชิ้นๆคามือจินามิ อิสึซึซึ่งเห็นภาพนั้นก็ตกใจและโทษว่าจินามิเป็นคนทำกล้องพัง และก็บอกว่าจะตัดความเป็นเพื่อนกับจินามิแล้วก็หนีไป

แต่โยวเข้าใจดีว่ากล้องนั้นเป็นฝันร้ายของอิสึซึ เพราะมันไม่สามารถมองเห็นอะไรได้นอกจากภาพที่มืดมิด เช่นเดียวกับอดีตของอิสึซึ ดังนั้นแมร์จึงได้ตัดมันทิ้ง

หลังจากวันนั้นอิสึซึพยายามเลี่ยงไม่เจอกับจินามิ แต่ก็ยังคบอยู่กับโยวตลอด แต่ก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับว่าโยวพยายามจะเลี่ยงไม่ไปกับเธอ ไม่ว่าอิสึซึจะชวนไปไหนโยวก็บอกว่ามีธุระ ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมาก

หลายวันต่อมาโยวเรียกอิสึซึขึ้นไปที่ดาดฟ้าตอนเย็น เมื่อไปถึงก็พบจินามิถือกล้องของเธอที่เต็มไปด้วยรอยแผล ซึ่งเกิดจากการซ่อมจากสภาพที่แตกเป็นเสี่ยงๆไปนั้น ซึ่งหลายวันที่ผ่านมาจินามิร่วมกันกับโยวช่วยกันพยายามซ่อมมาตลอดจนแทบไม่ได้หลับได้นอน และนั่นคือสาเหตุที่โยวบอกว่ามีธุระตลอดเวลา ในที่สุดอิสึซึกับจินามิก็ปรับความเข้าใจกันได้ และจากนี้ก็จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป

 

บทจินามิ

รุ่นพี่โอกาอิซึมิพูดถึงหีบเพลงคาไลโดซึ่งเป็นสมบัติประจำชมรมว่า ได้ฝากคุณครูคนหนึ่งไปซ่อม แต่พอเปิดขึ้นมาลองฟังก็กลับไม่มีเสียง พอเขาเอากลับไปให้คุณครูคนนั้นดูอีกทีเขาก็บอกว่าจะขอไม่ซ่อมให้ เขาเลยบอกว่ากะจะเอาไปให้ร้านซ่อมให้แทน แต่โยวบอกว่าเขาอยากเอาไปให้แมร์ได้ดูสักหน่อยก่อน ซึ่งพอเขาเอาไปให้แมร์ดูก็ปรากฏว่าเธอได้ทำมันพังเป็นชิ้นๆ

วันต่อมาขณะทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านมิลกีเวย์โยวหยิบหีบเพลงมาคืนพร้อมกับขอโทษที่แมร์ทำมันพัง บังเอิญว่าโซวอิจิโรวมาเห็นเข้าจึงบอกว่าเขาสามารถติดต่อกับคุณครูคนนึงที่น่าจะซ่อมได้ดีเขาเคยเป็นที่ปรึกษาชมรมดาราศาสตร์มาตั้งแต่สมัยที่ตัวเองเคยเรียนอยู่โรงเรียนฮิบาริ แต่เมื่อถามดูจึงรู้ว่านั่นคื่อคุณครูคนเดียวกับที่โอกาอิซึมิเคยไปขอที่บอกว่าจะไม่ซ่อมให้ แต่โซวอิจิโรวบอกว่าครั้งนี้เขาจะเป็นคนเอาไปขอให้เอง

สองวันต่อมาอาสึกะมาเล่าให้ฟังว่าได้ยินนักเรียนที่ทำกิจกรรมชมรมจนดึกบอกว่ามีเสียงดนตรีดังขึ้นจากชั้นสองที่ไม่น่าจะมีใคร วันนั้นทุกคนจึงนัดกันเพื่อออกไปสำรวจโรงเรียนตอนกลางคืน เมื่อไปถึงชั้นสองก็พบว่ามีห้องหนึ่งเปิดไฟและมีเสียงดนตรีดังอยู่ ซึ่งก็คือห้องชมรมดูดาว แต่เมื่อทุกคนเปิดประตูเข้าไปไฟก็ดับลงพร้อมกับเสียงเพลง พร้อมกันนั้นก็มีเงาคนสองคนเดินออกมา แต่เมื่อไล่ตามไปก็หายไปแล้ว

วันต่อมาทุกคนมาคุยกันที่ร้านมิลกีเวย์ อาสึกะถามโซวอิจิโรวเกี่ยวกับตำนานเล่าขานเรื่องยมทูตที่มาพรากความรัก โซวอิจิโรวก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนมีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันแต่พอฝ่ายชายรู้ว่าตัวเองจะตายก็อยากให้คนรักลืมตัวเองจึงให้ยมทูตช่วยลบความทรงจำของเขาไปจากหญิงสาวจากนั้นทั้งคู่จึงแยกจากกัน

ตอนกลางคืนทุกคนนัดกันไปสำรวจโรงเรียนอีก โยวกับจินามิมาถึงหน้าโรงเรียนแล้วไม่เห็นอาสึโฮะกับอาสึกะจึงเข้าไปในโรงเรียนแค่สองคน จินามิได้ยินเสียงเพลงหนึ่งดังขึ้น นั่นเป็นเพลงที่พ่อของเธอเองเป็นคนแต่งขึ้น เมื่อเธอตามเสียงนั้นไปก็พบเด็กสาวคนหนึ่งถือเคียวยืนรออยู่ เธอใช้เคียวฟันจินามิจนสลบไป โยวซึ่งเห็นเหตุการณ์ก็ถามว่าเธอเป็นใครและทำอะไรลงไป เธอตอบว่าตัวเองชื่อเรน หรือที่คนที่ชมรมเรียกกันว่ายมทูตแห่งความรัก ส่วนคนที่ตำหนักนภาดาราจะเรียกเธอว่าเทพแห่งดวงดาว ส่วนที่เธอทำไปนั้นคือการตัดฝันร้ายให้จินามิ เช่นเดียวกับที่แมร์ทำให้โยวมาก่อน

โยวพาจินามิซึ่งสลบอยู่กลับบ้านไป ในคืนนั้นโยวฝันถึงอดีตของตัวเองและจินามิ เมื่อก่อนจินามิต่างจากตอนนี้มาก เป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเลย สมัยที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่นั้นเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต่อต้านครอบครัว จนวันหนึ่งได้รับการบ้านช่วงปิดเทอมมาให้ทำงานฝีมือขึ้น จินามิเลือกทำหีบเพลงซึ่งใช้เนื้อเพลงที่พ่อเป็นคนแต่ง โดยมีโยวคอยช่วยทำ หลังจากที่ทำเสร็จเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นคนร่าเริงที่พร้อมจะหาเพื่อนได้ตลอดเวลา

โยวกับจินามิเป็นพี่น้องต่างพ่อกัน เมื่อก่อนโยวเคยอยู่ที่บ้านนี้พร้อมกับแม่ น้า (ชิโนะ) และยายมาก่อน แต่พอแม่เลิกกับพ่อของโยวแล้วกลับไปคบกับพ่อของจินามิจนตั้งครรภ์ขึ้นมา เธอก็ได้มีปัญหากับทางบ้านจนต้องย้ายไปอยู่ห้องเช่าและเลี้ยงดูลูกทั้งสองเองตามลำพัง ส่วนพ่อของจินามิได้ตายไปหลังจากนั้นไม่นาน

จินามิรู้ความจริงว่าตัวเองทำให้ครอบครัวต้องลำบากมาตลอด แถมยังเป็นคนไม่ได้เรื่องทำอะไรไม่เป็นเลย จึงรู้สึกเกลียดคุณพ่อและเกลียดตัวเอง รู้สึกผิดอยู่เรื่อยมา ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามจะทำในสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ นั่นคือการหาเพื่อนให้ได้เยอะๆ เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

จินามิได้รู้สึกตัวขึ้นมาในที่แปลกประหลาดเหมือนกับอยู่ในความฝันและมีเพียงเรนอยู่ข้างๆ เรนบอกว่าตัวเองได้สัญญาไว้กับพ่อของโยวว่าให้คอยดูแลจินามิ เธอมาเพื่อบอกจินามิว่าพ่อแม่ของเธอซึ่งตอนนี้กลายเป็นดาราญาณไปแล้วนั้นฝากบอกมาว่าความสุขของพวกเขาคือการที่จินามิมีความสุข ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ไม่ต้องเป็นทุกข์อะไรทั้งนั้น

ตำนานเรื่องเล่านั่นแท้จริงแล้วเป็นเรื่องของคาสึมิ แม่ของจินามิและโยวนั่นเอง ซึ่งเธอคบกับพ่อของจินามิก่อน แต่หลังจากที่เรนช่วยพรากความรักของทั้งสองไป เธอก็กลับมาคบกับไทงะ พ่อของโยว จนแต่งงานกันมีลูก แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็กลับมาเจอกันและรักกันอีกครั้ง นั่นคือที่มาของเรื่องทั้งหมด

ไทงะคืออดีตครูที่ปรึกษาชมรมดาราศาสตร์ที่โซวอิจิโรวพูดถึงนั่นเอง เขาเป็นคนสร้างหีบเพลงคาไลโดนั้นขึ้นมาเองเพื่อรำลึกถึงการตายของพ่อของจินามิ ซึ่งเคยอยู่ชมรมดาราศาสตร์เช่นเดียวกัน โดยใช้ทำนองที่เขาแต่ง นอกจากนี้ไทงะยังเคยไปเป็นผู้อำนวยการศูนย์ดาราศาสตร์อยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่จะกลับมาเป็นคุณครูตามเดิม และเขาเป็นคนให้กล้องดูดาวกับกุญแจดาดฟ้าโรงเรียนกับอิสึซึเอง ส่วนที่ช่วงนี้ตอนกลางคืนมีเสียงเพลงดังในโรงเรียนเพราะเขาแอบมาซ่อมหีบเพลงอยู่นั่นเอง

ตอนเช้าจินามิตื่นขึ้นมาโดยมีชิโนะอยู่เคียงข้าง ชิโนะบอกว่าแม้คุณพ่อคุณแม่จะจากไปแล้ว แต่ต่อจากนี้เธอจะคอยเป็นแม่แทนให้เอง จากนี้ไปทั้งสามคนจะใช้ชีวิตอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน

 

บทอาสึโฮะ

อาสึโฮะแอบมีใจให้โยวมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่เพราะรู้ว่าโยวสนใจเด็กในความทรงจำที่จุดชมดาวอยู่จึงทำให้รู้สึกกังวล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะพยายามสารภาพรักกับโยว หลังจากที่พยายามรวบรวมความกล้าอยู่หลายครั้งเธอก็ได้สารภาพรักสำเร็จ ซึ่งโยวก็ได้ตอบรับ อาสึโฮะแปลกใจเพราะนึกว่าโยวชอบเด็กในความทรงจะอยู่เสียอีก แต่โยวก็บอกว่าเธอคนนั้นไม่ใช่รักแรกหรอก เป็นแค่เพื่อนคนสำคัญเท่านั้น

เมื่อโยวบอกเรื่องที่เขาคบกันอยู่ ให้โซวอิจิโรวรู้ เขาก็เล่าให้ฟังถึงอดีตว่าเมื่อก่อนเขาเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง สนใจแต่ทำงานจนไม่ได้สนครอบครัวทำให้ภรรยาหนีไป และทำให้อาสึโฮะต้องเจอกับเรื่องไม่ดี จึงเลิกงานด้านดาราศาสตร์แล้วมาเปิดร้านกาแฟเพื่อจะได้มีเวลากับอาสึโฮะ เขาบอกว่าอยากให้อาสึโฮะหยุดทำงานเพื่อจะได้มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น แต่อาสึโฮะไม่พอใจเพราะว่าที่ช่วยก็เพราะอยากช่วย ทำให้เธอมีปัญหาทะเลาะกับพ่อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจความรู้สึก

โยวเริ่มสังเกตว่าอาสึโฮะมักจะอยู่ด้านขวาของเขาตลอดเวลา แถมเวลาพูดคุยกันยังชอบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ตลอด หลังจากคิดว่าทำไมอยู่สักพักในที่สุดโยวก็เข้าใจว่าเพราะหูขวาของเธอไม่ดีมาแต่กำเนิด อาสึโฮะรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกความจริง ประกอบกับความกังวลใจว่าโยวยังไม่ได้ลืมเด็กในความทรงจำด้วย จึงได้พยายามตีตัวออกห่างโยว ในที่สุดก็ขอบอกเลิกกับโยว

โยวไปหาแมร์บอกว่าให้ช่วยเอาเคียวฟันตัวเขาเองอีกครั้งเพื่อจะได้ลืมเด็กในความทรงจำ แมร์ทำตามที่โยวขอแต่ความทรงจำนั้นก็กลับยังไม่หายไป ซึ่งแมร์บอกว่าเป็นเพราะความทรงจำนั้นไม่ใช่ฝันร้ายของเขาอีกแล้ว

โยวนัดอาสึโฮะมาที่ดาดฟ้า อาสึโฮะได้หยิบทันซากุกระดาษขอพรของวันทานาบาตะไปด้วย มันเป็นกระดาษที่โยวเมื่อสมัยเด็กได้เขียนไว้ก่อนจากกัน เขียนไว้ว่าอยากเจอกับยุเมะ ซึ่งก็คือชื่อเด็กในความทรงจำของโยว อาสึโฮะเอามาคืนให้โยวเพื่อที่โยวจะได้จำชื่อเด็กคนนั้นได้ แต่ไม่ทันที่จะได้คืนให้ แมร์ก็ปรากฏตัวขึ้นใช้เคียวฟันใส่อาสึโฮะทำให้กระดาษขอพรนั้นหายไป และบอกว่านั่นคือฝันร้ายสำหรับอาสึโฮะ เธอเสียใจมากแต่โยวบอกว่าไม่เป็นไรเพราะมันไม่ได้สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป และขอกลับมาคืนดีกับอาสึโฮะอีกรอบ

อาสึโฮะเล่าว่าวันที่โยวย้ายไปนั้นมีดาวตกขนาดใหญ่ตกลงมา เธอจึงมองเหม่อจนเกือบโดนรถชนเข้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่กลับทำให้โซวอิจิโรวรู้สึกโทษตัวเองว่าเพราะไม่ดูแลลูกทั้งๆที่รู้ว่าลูกหูไม่ดีเลยเกือบจะต้องสูญเสีย นั่นเป็นสาเหตุให้เขาออกจากงานมาเปิดร้านกาแฟ

ในวันงานนิทรรศการอาสึโฮะวาดรูปดาวตกที่เธอเห็นในวันนั้นมาตั้งแสดงในงานและให้พ่อเห็น เธอบอกว่าไม่เคยรู้สึกต่อว่าพ่อที่เอาแต่ทำงาน เพราะเธอชอบพ่อที่ชอบดาวดังนั้นหากไม่อยู่เพราะเรื่องนี้ก็ไม่เป็นอะไรหรอก และเธอก็เกือบถูกรถชนเพราะตัวเองชอบดาว ไม่ใช่เพราะว่าพ่อไม่อยู่บ้านหรอก เพราะฉะนั้นแล้วในที่สุดทั้งคู่ก็ปรับความเข้าใจกันสำเร็จ

 

บทยุเมะ

วันหนึ่งโยวได้รับข้อความว่าให้ไปรออยู่ที่ดาดฟ้าหลังเลิกเรียน ซึ่งโยวก็พอเดาได้อยู่แล้วว่าคนที่เรียกเขาก็คืออาสึโฮะ เธอสารภาพรักกับโยว แต่เขาก็ปฏิเสธในทันที ซึ่งอาสึโฮะก็รู้สึกตกใจนิดหน่อยแต่ก็บอกว่าไม่ได้เสียใจอะไรมาก เธอคิดว่ายังไงโยวก็คงจะชอบเด็กผู้หญิงในความทรงจำนั้นอยู่จริงๆ เธอตัดสินใจหยิบแผ่นกระดาษเขียนคำขอพรที่โยวเคยเขียนเมื่อครั้งทานาบาตะ ๗ ปีก่อนให้โยว ในนั้นมีชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ ซึ่งทำให้โยวรู้ว่าเธอชื่อยุเมะ

วันต่อมาทุกคนรู้เรื่องที่โยวปฏิเสธรักอาสึโฮะกันหมด อาสึโฮะจึงบอกถึงสาเหตุให้ทุกคนเข้าใจ และยังบอกว่าให้ช่วยกันตามหาเด็กในความทรงจำของโยวให้ด้วย ซึ่งทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือ แม้จะยากมากเพราะรู้เพียงแต่ชื่อคำเดียว แต่แล้วก็หาจนรู้ว่าเธอพักอยู่ที่โรงพยาบาลที่พ่อของโคโมโมะทำงานอยู่

วันต่อมา โยวไปที่โรงพยาบาลและพบยุเมะอยู่ พอได้เห็นเขาก็มั่นใจว่าเธอคือเด็กในความทรงจำของเขาแน่นอน เมื่อได้คุยกันสักพักเธอก็บอกว่าเธอไม่รู้จักโยว และเธอเองก็เพิ่งย้ายมาจากโรงพยาบาลในเมืองใหญ่เอง และเพิ่งเคยมีคนมาเยี่ยมเป็นครั้งแรก โยวได้ยินก็ตกใจและเป็นกังวลแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อมาก

คืนนั้นโยวได้ไปหาแมร์บอกว่าเขานึกชื่อของเด็กสาวในความทรงจำได้แล้ว และได้ไปเจอเธอมา แมร์ดูมีท่าทีกังวลและรู้สึกเหมือนว่าที่ตัวเองทำไปอาจจะผิดก็ได้ เธอมีหลุดพูดมานิดหน่อยว่ามีสัญญาอะไรบางอย่างไว้กับยุเมะ

วันต่อมาโยวไปหายุเมะอีกครั้ง คราวนี้เขาเริ่มจับได้ว่าแท้จริงแล้วยุเมะจำเขาได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ เธอยังชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องดวงดาวอีกด้วย หลังจากวันนั้นมาโยวก็มาเยี่ยมเธออีกประจำ และทุกครั้งเธอก็จะยังแกล้งทำเป็นจำเขาไม่ได้แต่ก็หลุดออกมาเสมอ นอกจากนี้ยังชวนคุยเรื่องดวงดาวตลอด เธอบอกว่าเธอมีครูที่คอยสอนเธอเรื่องนี้อยู่สองคน คนนึงคือคุณยาย เป็นคนสอนเกี่ยวกับตำนานต่างๆ ส่วนอีกคนนึงคือคุณภูต เป็นคนที่สอนเกี่ยวกับความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ และเธอก็พูดออกมาว่าที่ฮิบาริงะซากินี้เป็นบ้านเกิด เมื่อก่อนเธอก็อาศัยอยู่ที่นี่ แต่เพราะอาการป่วยจึงได้ย้ายไปหาทางรักษาในเมืองใหญ่ แต่ก็เพิ่งจะกลับมาที่นี่ไม่นานนี้ โยวรู้สึกสงสัยว่าเธอเป็นโรคอะไรแต่ก็ไม่กล้าถาม

โยวพยายามจะถามอะไรหลายๆอย่างจากแมร์ แต่เธอก็ไม่ค่อยจะตอบอะไร โยวสงสัยว่าทำไมแมร์ถึงหน้าตาคล้ายกับยุเมะมาก จึงได้ลองถามในความรู้ที่โยวได้จากยุเมะมากับแมร์ดู ปรากฏว่าแมร์ไม่รู้เรื่องเลย สรุปว่านอกจากหน้าตาคล้ายกันแล้ว ทั้งนิสัยและความรู้อะไรต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นโยวก็ได้เข้ามาคุยกับแมร์อีกเป็นประจำโดยเอาเรื่องที่คุยกับยุเมะมาพูดให้แมร์ฟัง และเธอก็หลุดพูดอะไรแปลกๆออกมาอยู่เรื่อยๆ

เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน คืนหนึ่งตอนที่แมร์กำลังรอโยวมาพบอยู่นั้น เรนได้เข้ามาหาแมร์และบอกว่าตัวเองเป็นพวกเดียวกับแมร์ แต่แมร์บอกว่าตัวเองไม่รู้จักเธอและพอคุยกันก็จะทะเลาะกันเพราะต่างฝ่ายต่างมองว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก เรนเลยบอกว่าตัวเองอายุมากกว่า เพราะตื่นขึ้นมาจากหินดาวตกตั้ง ๒๐ กว่าปีก่อน ส่วนแมร์เพิ่งตื่นขึ้นมาจากหินดาวตกที่ฮิบาริงะซากิเมื่อ ๗ ปีก่อน

ในคืนนั้นไทงะได้มาหามายากะ พร้อมพาเรนมาด้วย ทั้งสามคนทักทายกันอย่างคนรู้จักกันมาก่อน คุยกันเรื่องที่มีคนจากตำหนักนภาดารามาสั่งให้ส่งเทพแห่งดวงดาวที่จุดชมวิวกลับ ซึ่งตอนแรกมายากะเข้าใจว่านั่นหมายถึงเรน แต่ความจริงแล้วหมายถึงแมร์ ถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีคนของตำหนักนภาดารารู้ว่าเรนมีตัวตนอยู่ที่นี่ ยกเว้นมายากะซึ่งเธอเก็บเป็นความลับ จากนั้นไทงะก็พูดถึงเรื่องตัวตนของเรน โดยพูดโยงถึงทฤษฎีต่างๆจนมายากะฟังแล้วปวดตัว แต่สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยว่าวิทยาศาสตร์ปัจจุบันยังไม่สามารถอธิบายได้ รู้แต่ว่าเรนตื่นขึ้นมาโดยมีหินดาวตกที่จี้ของไทงะเป็นร่างสถิต แมร์เองก็มีหินดาวตกที่เป็นร่างสถิตเหมือนกันคือหินดาวตกเมื่อ ๗ ปีก่อน แต่ว่าตอนนี้ยังหาไม่พบ ส่วนโคซาเมะก็เป็นตัวตนที่คล้ายๆกันโดยมีร่างสถิตคือหินดาวตกที่บูชาอยู่ในศาลเจ้า แต่ต่างที่โคซาเมะเป็นแค่ดาราญาณที่ยืมพลังจากเทพแห่งดวงดาวมาใช้เท่านั้น ไม่ใช่ตัวเทพแห่งดวงดาวเองอย่างเรนกับแมร์

โยวและเพื่อนๆคนอื่นๆก็ยังคงมาเยี่ยมยุเมะอย่างสม่ำเสมอจนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน นับวันเขายิ่งแน่ใจในความรู้สึกว่าตัวเองชอบยุเมะ ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะสารภาพรักกับเธอ แต่แล้วยุเมะก็ปฏิเสธอย่างทันที เธอบอกว่าเธอไม่อาจเป็นคนรักของโยวได้ เป็นแค่เพียงฝันร้ายของเขาเท่านั้น และเธอคิดกับโยวแค่เพื่อนเท่านั้น ถ้าหากโยวคิดที่จะเป็นมากเกินไปเกินกว่านั้นละก็ จะขอไม่ให้มาเยี่ยมอีกต่อไป ก่อนจากกันยุเมะย้ำให้ฟังว่าโยวนั้นเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอตลอดมา

ในคืนนั้นโยวได้ไปหาแมร์และบอกสิ่งที่เกิดขึ้น ในที่สุดแมร์ก็เล่าให้ฟังว่าเธอเคยทำสัญญากับยุเมะเอาไว้ว่าให้ช่วยทำให้โยวลืมเธอ ดังนั้นแมร์จึงรอโยวอยู่ที่นี่มาโดยตลอด โยวเริ่มเข้าใจความรู้สึกของยุเมะ แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกเสียใจอยู่ดี แมร์เห็นโยวเป็นทุกข์ก็รู้สึกไม่สบายใจและพยายามปลอบโยว เธอจูบโยวเข้าที่หน้าผากเช่นเดียวกับที่ยุเมะเคยทำเมื่อสมัยเด็ก

เวลาผ่านไปอีกหลายวันจนเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ช่วงนั้นเพื่อนๆคนอื่นยังมาเยี่ยมยุเมะตามปกติแต่โยวกลับไม่ได้ไปเยี่ยมยุเมะอีกเลยหลังจากวันนั้น จนเพื่อนๆเริ่มเป็นห่วงเพราะทุกคนก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้พยายามวางแผนบางอย่างเพื่อช่วยโยว

คืนหนึ่งเรนได้ปรากฏตัวในบ้านโยว โยวได้ยินเธอกำลังคุยกับชิโนะและไม่นานก็หายไป โยวสงสัยในสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันเพราะมันเกี่ยวกับพ่อแม่เขาและจินามิ ชิโนะจึงเล่าให้ฟังถึงอดีตให้ฟัง (เหมือนกับในบทจินามิ) โยวได้ฟังเรื่องของพ่อแม่จินามิแล้วจึงรู้ว่ามันช่างคล้ายกับเขาเหลือเกิน เรื่องที่พยายามจะให้คนรักลืมตัวเองไปเนื่องจากโรคร้าย

และในคืนนั้นตามแผนที่ทุกคนได้ช่วยกันทำไว้ โคโมโมะแอบไปพายุเมะออกมาจากโรงพยาบาลตอนกลางดึกเพื่อขึ้นรถจักรยานยนต์ไปกับโยว ซึ่งโยวต้องการจะพายุเมะไปที่จุดชมวิว เมื่อไปถึงที่นั่นโยวได้เล่าเรื่องตำนานวันทานาบาตะที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว พร้อมดับตำนานที่เขารู้เพิ่มเติมซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้ เมื่อเล่าจบยุเมะก็เล่าเรื่องความปรารถนาของเธอให้ฟัง ยุเมะนั้นร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็กแม้แต่ตอนที่ได้รู้จักกับโยวหรือจนถึงแยกจากกัน เพียงแต่เธอไม่เคยบอกให้โยวรู้

ยุเมะเล่าให้ฟังว่าเธอได้อธิษฐานกับดาวตกเอาไว้ว่าถ้าหากเธอหายดีละก็จะกลับมารักษาสัญญาที่ให้ไว้กับโยวคือเมื่อกลับมาเจอกันจะแต่งงานกัน แต่หากไม่หายแล้วละก็ขอให้โยวลืมเธอไปเสีย และขอให้มีความสุขกับคนอื่นที่ตัวเองรัก ซึ่งโยวก็เข้าใจได้ว่าเพราะคำปรารถนานั้นเองที่ทำให้แมร์ปรากฏตัวขึ้น เธออยากให้เป็นอย่างแรกมากกว่าดังนั้นจึงพยายามที่จะรักษาถึงขนาดย้ายเข้าไปรักษาในเมือง แต่สุดท้ายก็กลับยังไม่หายมาจนถึงตอนนี้ เธอบอกว่าที่ผ่านมาเธออยากเป็นพี่สาวที่ดีของโยว เธอพยายามศึกษาหาความรู้มาโดยตลอดแม้ว่าจะยังป่วยอยู่ก็ตาม เพื่อสักวันที่กลับมาพบกันจะได้มาคุยกับโยวได้

โยวบอกว่ายุเมะไม่จำเป็นต้องฝืนขนาดนั้นก็ได้ เพราะไม่อยากเห็นยุเมะต้องทนอีกต่อไป แต่ยุเมะกลับบอกว่าไม่ใช่หรอก ที่ฝืนอยู่นั้นคือโยวเองต่างหาก ตัวเองแม้จะกำลังฝืนอยู่ก็จริงแต่ก็รู้ว่าโยวนั้นกำลังฝืนอยู่ยิ่งกว่ามาก เพราะเธอรู้เรื่องทางบ้านของโยว รู้ว่าโยวทนเพื่อครอบครัวมาโดยตลอด ไม่เคยคบเพื่อนที่ไหน เอาแต่ช่วยแม่ทำงานเพื่อหวังจะแบ่งเบาภาระ ไม่พยายามที่จะพึ่งพาใคร ดังนั้นเธอถึงชอบโยว และอยากให้โยวรู้สึกสบายอย่างไม่ต้องฝืนมาโดยตลอด เธอเข้ากอดโยวไว้พร้อมพูดปลอบใจ และจูบเข้าที่หน้าผากของโยว

สองวันต่อมาโยวได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลให้ไปหา เมื่อไปถึงคุณนางพยาบาลก็บอกกับเขาว่ายุเมะเริ่มอาการแย่ลงและได้ฝากจดหมายเอาไว้ให้เขา เนื้อหาในนั้นบอกว่าอาการป่วยของเธอเป็นสาเหตุเนื่องมาจากดวงดาว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังชอบดาวและอยากให้โยวยังคงชอบดาวอยู่เช่นเดิม แม้ว่ามันจะทำให้เธอทุกข์ทรมานอยู่ก็ตาม

วันต่อมาอาสึกะมาปลอบโยวและบอกว่าอย่าเพิ่งตัดใจ เขาบอกว่าน้องสาวของตัวเองก็อยู่ดีๆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ ๕ ปีก่อน แต่ก็ยังมีความเชื่อว่าจะยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ไม่ตัดใจเท่านั้น ความเชื่ออาจก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ ดังนั้นขอแค่มีความหวังอยู่ต่อไปเท่านั้น

ในคืนนั้นหิมะตกอย่างหนักจนมองไม่เห็นดาว ยุเมะนอนอยู่บนเตียงในสภาพใกล้จะหลับ ในขณะที่คุณภูตได้ปรากฏตัวขึ้นข้างเตียง เขาคือคนที่คอยสอนความรู้ต่างๆให้ยุเมะมาตลอด ซึ่งตัวตนของเขาก็คือเซระ จิฮิโระ พ่อของจินามิซึ่งตายไปแล้วนั่นเอง ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะเป็นดาราญาณ มีเพียงยุเมะเท่านั้นที่สามารถมองเห็นเขาได้ นอกจากนี้เขาเป็นญาติห่างๆของยุเมะ นั่นเพราะคุณยายของยุเมะเคยนามสกุลเซระเหมือนกับเขา และเขาก็เคยป่วยจนตายด้วยโรคนี้ นี่คือโรคทางพันธุกรรม ยุเมะได้ขอบคุณที่เขาคอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด เมื่อเขาจากไปเธอก็ร้องไห้ออกมาและภาวนาจากในจริงว่าอยากที่จะได้อยู่ร่วมกับโยว

คืนนั้นโยวออกมาหาแมร์ที่จุดชมวิวและพบว่าแมร์ได้ยืนรออยู่ท่ามกลางหิมะ เธอบอกว่าวิธีที่จะช่วยชีวิตยุเมะไว้ได้ในตอนนี้มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ตัวตนของแมร์ตอนนี้เกิดขึ้นมาจากความปรารถนาของโยวกับยุเมะที่อธิษฐานพร้อมกันในวันที่หินดาวตกของเธอนั้นตกลงมา แม้ว่าตอนนี้จะหาหินนั้นไม่พบก็ตาม ดังนั้นหากโยวใช้เคียวของเธอส่งเธอกลับไปพลังความปรารถนาของทั้งคู่ซึ่งอยู่กับตัวเธอก็จะถูกส่งกลับไปหาทั้งสองคน ซึ่งนั่นจะช่วยยุเมะได้

โยวบอกว่าถ้านั่นจะทำให้แมร์หายไปละก็เขาทำไม่ลงหรอก แต่แมร์บอกว่าเธอไม่ได้หายไปไหน เพียงแค่มองไม่เห็นเท่านั้นสักวันหนึ่งหากหาพบหินดาวตกที่เป็นร่างสถิตของเธอเจอแล้วละก็ เธอก็จะสามารถกลับมาได้ ทั้งคู่สัญญาว่าจะต้องกลับมาเจอกันอีกให้ได้ แมร์บอกว่าเพราะโยวกับยุเมะทำให้เธอเกิดขึ้นมา ดังนั้นทั้งสองคนจึงเหมือนกับเป็นพ่อแม่ของเธอ เป็นครอบครัวเดียวกัน...

หลังจากนั้น เวลาผ่านมานานหลายปี ยุเมะกำลังเล่าเรื่องท้องฟ้าให้เด็กคนหนึ่งฟังอยู่ ซึ่งเธอก็คือลูกของโยวกับยุเมะที่ชื่อว่าเมอา (ชื่อในภาษาญี่ปุ่นที่อ่านออกเสียงเหมือนกับคำว่าแมร์) เธอมีลักษณะหน้าตาและนิสัยคล้ายกับแมร์มาก ดูเหมือนว่าความปรารถนาของทุกคนต่างได้เป็นจริงขึ้นมาแล้ว ทั้งสามคนได้อยู่กันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุข

 

ข้อมูลเนื้อเรื่อง

ตรงนี้จะขอสรุปประเด็นต่างๆที่ทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องมาจนถึงจบในหลายๆบทรวมกัน ทั้งนี้บางส่วนอาจเป็นแค่ข้อสันนิษฐานส่วนตัวซึ่งอาจจะผิดก็ได้ และประเด็นที่ไม่แน่ใจจะยังไม่พูดถึง

ตัวตนของแมร์กับเรน เทพแห่งดวงดาว

ในเรื่องจะได้รู้จากคำบอกเล่าของมายากะเป็นส่วนใหญ่ เทพแห่งดวงดาวซึ่งเป็นวิญญาณที่สถิตอยู่ในหินดาวตก ตำหนักนภาดาราของมายากะนั้นทำหน้าที่บูชาอยู่ และมีหน้าที่คอยส่งกลับคืน ก็คือหมายถึงคอยทำให้หลับอยู่ภายในหินดาวตกซึ่งเป็นร่างสถิตอยู่ตลอดเวลา ง้าวที่โคซาเมะกับเซทสึนะใช้ไล่ฟันแมร์นั้นมีพลังในการส่งเทพแห่งดวงดาวให้กลับคืน ตัวแมร์และเรนนั้นมีบ้านเกิดอยู่ ซึ่งมาจากดาวที่เป็นต้นกำเนิดของหินนั้น แต่เจ้าตัวลืมไปแล้ว

การที่เทพแห่งดวงดาวจะตื่นขึ้นมาได้ต้องอาศัยความปรารถนาอย่างแรงกล้า แมร์เกิดจากคำอธิษฐานของโยวกับยุเมะในคืนวันที่ตกลงมาเมื่อ ๗ ปีก่อน โดยที่หินดาวตกที่เป็นร่างสถิตนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนเรนเกิดขึ้นมาจากคำอธิษฐานของพี่สาวของไทงะซึ่งอยากให้มีใครสักคนช่วยดูแลไทงะตั้งแต่อยู่ที่บ้านเก่า และเรนก็ได้คอยติดตามไทงะมาโดยตลอดโดยมีหินดาวตกที่อยู่กับจี้ของเขาเป็นร่างสถิต

เทพแห่งดวงดาวจะไม่สามารถอยู่ไกลจากร่างสถิตได้ ยิ่งอยู่ไกลพลังก็จะยิ่งลดลง และไม่สามารถปรากฏให้ใครเห็นได้ แมร์แน่ใจว่าร่างสถิตของตัวเองอยู่ที่จุดชมวิว แต่ก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

โคซาเมะ ดาราญาณที่ยืมพลังของเทพแห่งดวงดาว

ตัวตนของโคซาเมะนั้นต่างออกไปจากแมร์กับเรน คือเป็นแค่ร่างวิญญาณที่ยืมพลังของเทพแห่งดวงดาวมาใช้เพื่อปรากฏตัวให้คนเห็นได้เท่านั้น โคซาเมะซึ่งตายไปในตอนนั้นสามารถกลับมาอยู่ในสภาพนี้ได้เนื่องจากการทำพิธีอัญเชิญแห่งดาราญาณของโคโมโมะ ที่ร่างของโคซาเมะสามารถเติบโตได้เหมือนกับคนปกตินั้นเนื่องจากความรับรู้ตามสามัญสำนึกของคนทั่วไป

ดาราญาณ วิญญาณแห่งดวงดาว

จากความเชื่อที่ว่าชีวิตนั้นมีต้นกำเนิดมาจากดวงดาว ดังนั้นเมื่อคนตายไปก็จะกลับคืนสู่สภาพวิญญาณ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นได้ (จากคำบอกของจิฮิโระ) หลายคนอาจตายแล้วสลายหายไปเลย แต่ถึงจะคงอยู่ในสภาพดาราญาณได้ก็ไม่สามารถปรากฏให้ใครเห็นได้ แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดขึ้นได้เช่นการที่จิฮิโระสามารถปรากฏตัวให้ยุเมะเห็นได้ และที่คาสึมิส่งเสียงพูดคุยกับชิโนะและโยวในบางครั้ง

ตำนานเล่าขาน ยมทูตแห่งความรัก อดีตของชมรมดาราศาสตร์

นั่นเป็นเรื่องราวของคาสึมิกับจิฮิโระ พ่อแม่ของจินามิ ซึ่งได้กลายมาเป็นเรื่องเล่าขาน ยมทูตแห่งความรักก็คือเรน

ชมรมดาราศาสตร์ในยุคนั้นมีสมาชิกคือ โซวอิจิโรว(ประธานชมรม) มายากะ จิฮิโระ ซึ่งอยู่รุ่นเดียวกัน และชิโนะซึ่งเป็นรุ่นน้องอยู่หนึ่งปี ส่วนคาสึมินั้นอยู่ชมรมดนตรีเครื่องเป่าแต่ก็คบกับจิฮิโระอยู่ ระหว่างนั้นก็มีคุณครูหนุ่มคนหนึ่งย้ายเข้ามาทำงานใหม่และได้เป็นที่ปรึกษาชมรมดาราศาสตร์ทันที นั่นก็คือไทงะ

จากนั้นไม่นาน จิฮิโระรู้ว่าตัวเองป่วยและจะต้องตายในไม่ช้าจึงได้ขอให้เรนช่วยลบความทรงจำของเขาไปจากคาสึมิ เพื่อให้เธอลืมเขา สุดท้ายคาสึมิก็ลืมจิฮิโระและในที่สุดก็ไปคบกับไทงะ จนแต่งงานกันมีลูกก็คือโยว หลังจากนั้นพอไทงะรู้ว่าจิฮิโระกำลังจะตายจึงรู้สึกอยากให้ทั้งคู่ได้กลับมา เจอกันอีกครั้ง โดยตัวเองยอมเลิกกับคาสึมิ สุดท้ายคาสึมิก็กลับมาคบกับจิฮิโระจนมีลูกคือจินามิ แต่ในที่สุดจิฮิโระก็ตายลง หีบเพลงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชมรมไทงะสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกให้กับการ ตายของจิฮิโระ

คำมั่นสัญญา และการตัดฝันร้าย

เทพแห่งดวงดาวนั้นเกิดขึ้นมาจากความปรารถนาอันแรงกล้า ดังนั้นจึงยึดถือคำมั่นสัญญาเป็นสิ่งสำคัญ แมร์เกิดขึ้นจากคำอธิษฐานของยุเมะว่าถ้าหากเธอไม่หายจากโรค ขอให้โยวลืมเธอไปและได้รักกับใครสักคน แมร์เก็บคำอธิษฐานนั้นไว้เป็นคำสัญญาและรอคอยโยวมาตลอด จนพอได้เจอโยวก็ได้ทำการตัดฝันร้ายของเขาทำให้ลืมชื่อของยุเมะไป และหลังจากนั้นก็ยังคงเฝ้าคอยต่อไปและคอยช่วยโยวจนโยวได้สมหวังกับคนรัก ดังที่ปรากฏใน ๕ บทหลัก ส่วนเรนเองก็ตอบรับต่อคำอธิษฐานของพี่สาวของไทงะที่อยากให้มีคนคอยดูแลไทงะ จึงตามดูแลไทงะตลอดมา

สำหรับการตัดฝันร้ายนั้นดูเหมือนจะเป็นความสามารถอย่างหนึ่งที่เทพแห่งดวงดาวมีติดตัว ซึ่งเป็นพลังที่คอยช่วยเหลือให้ผู้คนมีความสุขได้ เนื่องจากตัวเทพแห่งดวงดาวนั้นมีคุณสมบัติบางอย่างเป็นเหมือนกับฝันร้าย ซึ่งคนที่ตำหนักนภาดาราเรียกตัวตนนั้นว่าความฝันมายา เคียวที่ติดตัวเทพแห่งดวงดาวอยู่นั้นมีพลังในการส่งเทพแห่งดวงดาวเองกลับไปสู่ที่ควรอยู่ได้ มันจึงใช้ตัดฝันร้ายได้ด้วย

อดีตของอาสึกะ

ในบทของจินามิ อาสึกะบอกว่าน้องสาวของตัวเองถูกลักพาตัวไปโดยมนุษย์ต่างดาว และในบทของยุเมะอาสึกะก็มีพูดถึงเรื่องที่น้องสาวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อ ๕ ปีก่อน ซึ่งจากที่ปรากฏในบทของโคซาเมะนั้น มีมิโกะชื่ออาสึกะ อิมะ ปรากฏตัวขึ้น นั่นน่าจะเป็นน้องสาวของอาสึกะแน่นอน แต่เรื่องราวเป็นยังไงไม่มีพูดถึง แต่น่าจะติดตามได้ในภาค Eternal heart

นอกจากนี้เนื้อหาที่เป็นข้อมูลเชิงวิชาการจริงๆในเรื่องก็เยอะ แต่หากมีโอกาสจะสรุปเป็นอีกหน้าหนึ่งคงจะสะดวกกว่า

 

บทสรุป

 เนื้อเรื่องของยุเมะถือเป็นบทสุดท้ายซึ่งจบได้อย่างลงตัวที่สุด เป็นฉากจบที่แท้จริงของเรื่องโดยสมบูรณ์ เนื้อเรื่องถูกกำหนดมาแต่แรกแล้วว่ายุเมะเป็นนางเอกคนหลักซึ่งปรากฏตัวมาท้ายสุด แต่ก็มีบทบาทที่ทำให้ซึ้งและน่าจดจำยิ่ง เป็นบทเดียวที่จบด้วยเพลงโฮชิโซระโนะเมโมเรีย

แต่ความจริงหลังจบบทยุเมะยังมีบทแมร์ให้เล่นอีก ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพียงแค่บทเสริมแถมท้ายเกมเท่านั้น เพราะไม่ได้เป็นบทลงเอยที่ลงตัวนัก บางทีอาจไม่นับว่าแมร์เป็นนางเอกหลักคนหนึ่งก็ได้ แต่ถึงจะไม่ใช่ แมร์ก็ยังเป็นตัวละครสำคัญที่สุดในเรื่อง มีบทเด่นยิ่งกว่านางเอกหลักทั้งหมดเสียอีก

บทของแมร์แยกมาจากช่วงปลายบทของยุเมะ หลังจากที่โยวไปที่จุดชมวิวกับยุเมะ ซึ่งในบทนี้แมร์จะไม่ได้หายตัวจากไป แต่ยุเมะเองก็จะยังคงไม่หายจากโรคเช่นกัน บทของแมร์จบลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่โยวพาแมร์ไปเที่ยวชมเมืองและพาไปแนะนำให้คนที่บ้านรู้จัก โดยที่อะไรต่างๆยังค้างคาอยู่

สำหรับบทของยุเมะที่แปลไปนั้น ค่อนข้างตัดทอนเนื้อหาออกไปมาก เนื่องจากไม่อยากให้ยาวเกินไป ทำให้เนื้อหาขาดไปเยอะมาก แต่ถึงตัดไปขนาดนี้แล้วก็ยังยาวมากอยู่ดี ส่วนที่ตัดไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือที่ในเรื่องมีการหมุนย้อนเวลากลับครั้งหนึ่งเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ แต่เนื่องจากอธิบายยากและพอจะละได้เลยตัดไป ไว้เมื่อมีโอกาสก็อยากจะหาเวลามาลองแปลอย่างละเอียดอีกที

ทั้งบทของยุเมะและแมร์มีเนื้อเรื่องต่อซึ่งติดตามได้ในภาค Eternal heart และยังน่าจะช่วยไขเนื้อเรื่องที่เหลือที่ยังค้างคาอยู่ด้วย คงต้องติดตามกันต่อไป (แต่ใครเล่นภาค Eternal heart ไปแล้วอย่าเพิ่งมาสปอยในหน้านี้เลยนะ)

 

 

หลังเล่นจบ ลำดับความชอบตัวละครโดยส่วนตัว
1. แมร์
2. ยุเมะ
3. อิสึซึ
4. อาสึโฮะ
5. โคซาเมะ
6. โคโมโมะ
7. จินามิ

ลำดับความชอบเนื้อเรื่องโดยส่วนตัว
1. บทจินามิ
2. บทยุเมะ
3. บทโคโมโมะ
4. บทอิสึซึ
5. บทอาสึโฮะ
6. บทโคซาเมะ
7. บทแมร์
(รู้สึกจะมีแนวโน้มค่อนข้างสวนทางกับความชอบตัวละคร)

ข้อสังเกตแต่ละบท
- บทที่ยาวที่สุดคือบทยุเมะ ยาวเกินสามถึงห้าเท่าของบทอื่น ยาวยิ่งกว่าเนื้อเรื่องก่อนทางแยก
- บทที่เนื้อหาต่อความยาวอัดแน่นที่สุดคือบทจินามิ เพราะจบลงในเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ แต่มีเนื้อหาเยอะกว่าบทอื่นๆยกเว้นบทยุเมะ
- บทที่เนื้อหาเบาบางที่สุดคือบทอาสึโฮะ ไม่ได้เปิดเผยเนื้อเรื่องที่เชื่อมโยงต่อบทอื่นสักเท่าไหร่
- ในต้นบทอาสึโฮะกับบทยุเมะมีเหตุการณ์คล้ายกัน คืออาสึโฮะสารภาพรักกับโยว แต่ผลลัพธ์ไปคนละทางกันเลย
- หินดาวตกเมื่อ ๗ ปีก่อนของแมร์นั้น มีผลเกี่ยวเนื่องถึงทั้งอาสึโฮะ โคโมโมะ โคซาเมะ และยุเมะ คนที่เกี่ยวพันกับเรื่องนี้น้อยสุดมีแค่อิสึซึซึ่งน่าจะกลับมาญี่ปุ่นหลังจากนั้น
- ในเนื้อเรื่อง มีตัวละครรุ่นพ่อแม่ปรากฏเกือบครบ ที่ไม่ได้พูดถึงพ่อแม่เลยมีแค่อิสึซึกับยุเมะ ส่วนคุณหมอพ่อของโคโมโมะกับโคซาเมะก็เป็นตัวละครที่แค่เอ่ยถึงแต่ไม่ปรากฏตัวให้เห็น
- ตัวละครที่ปรากฏเสียงในเกมนี้มีรูปให้เห็นหมด ยกเว้นจิฮิโระที่เห็นแค่เงา กับอิมะ(น้องของอาสึกะ) แม้แต่คุณพยาบาลที่ปรากฏมาในบทยุเมะแป๊บเดียวก็ยังมีรูปให้เห็น
- หลังแยกเนื้อเรื่องแล้ว นางเอกหลักทุกคนยังคงปรากฏในบทของคนอื่นครบทุกบทไม่ขาด เพราะมีบทบาทและส่วนร่วมอยู่ทั้งสิ้น รวมถึงสึซึฮะด้วย ยกเว้นยุเมะที่ปรากฏตัวในบทอื่นไม่ได้
- เซ็ทสึนะเป็นตัวละครหญิงที่จืดจางที่สุด ปรากฏตัวน้อยกว่าที่คิด มาแค่บทโคโมโมะกับโคซาเมะ และในบทยุเมะก็มีบทแค่นิดหน่อย น้อยกว่ามายากะเสียอีก
- มีแค่บทจินามิเท่านั้นที่เหตุการณ์เกิดในวันต่อจากแยกเนื้อเรื่อง(เริ่มที่ 18 สิงหาคม ในขณะที่เนื้อเรื่องรวมจบวันที่ 17) และยังดำเนินจบภายในช่วงปิดเทอม
- บทของยุเมะดำเนินเรื่องยาวนานไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวจนสามารถเห็นกลุ่มดาวฤดูหนาวได้ เป็นเพียงบทเดียวที่ได้เห็นสามเหลี่ยมฤดูหนาว
- กลุ่มดาวฤดูใบไม้ผลิปรากฏในบทของอาสึโฮะกับยุเมะ โดยเป็นเนื้อเรื่องที่ไปถึงแบบโดดข้าม เนื่องจากเรื่องเริ่มที่ฤดูร้อนและไม่มีบทไหนที่ดำเนินต่อเนื่องจนถึงฤดูใบไม้ผลิ
- บทจินามิดำเนินเรื่องไม่พ้นฤดูร้อนด้วยซ้ำ จึงไม่ได้เห็นแม้แต่กลุ่มดาวฤดูใบไม้ร่วง และไม่ถึงช่วงที่เริ่มเปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดแขนยาวแบบฤดูหนาว

 

ส่วนข้อมูลเนื้อเรื่องนั้นไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าใจถูกทั้งหมดหรือเปล่า ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมถ้าเป็นไปได้อยากให้มาช่วยเสริมเหมือนกัน

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่อุตส่าห์ตามอ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อไปถ้ามีโอกาสอยากจะแปลบทยุเมะอย่างละเอียด หรือไม่ก็เป็นเนื้อเรื่องภาค Eternal Heart



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- บันเทิง >> เกม >> vn

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

ไทย

日本語

中文