คืนที่สองในฮิโรชิมะ เข้าพักในเรียวกัง เดินชมโดมระเบิดปรมาณูยามค่ำคืน
เขียนเมื่อ 2013/05/15 02:19
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#พฤหัส 24 ม.ค. 2013
หลังจากเที่ยวเกาะมิยาจิมะเสร็จ https://phyblas.hinaboshi.com/20130507
ตอนนี้เราก็นั่งรถรางเพื่อกลับมายังตัวเมืองฮิโรชิมะ โดยก่อนอื่นต้องกลับเข้าโฮสเทลที่พักเมื่อคืนก่อนเพื่อไปเอาสัมภาระที่ฝากไว้ แล้วก็ย้ายไปพักยังเรียวกัง
ความจริงเราจะพักโฮสเทลสองคืนเลยก็ได้ แต่ว่าไหนๆมีโอกาสมาญี่ปุ่นแล้วก็อยากลองพักเรียวกังดูสักครั้ง แต่เนื่องจากเรียวกังแพงจึงขอพักแค่คืนเดียวพอ คืนแรกไปพักโฮสเทลก่อน ก็ได้บรรยากาศที่ต่างกันออกไปจะได้เปรียบเทียบกัน
เรียวกังที่เราจะไปพักนี้มีชื่อว่าจิซึรุเรียวกัง (千鶴旅館) อยู่แถวๆย่านใจกลางเมือง ซึ่งห่างจากโฮสเทลที่พักเมื่อคืนซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟออกไปอีกหน่อย
การเดินทางนั้นต้องนั่งรถรางไป การเดินทางในตัวเมืองฮิโรชิมะนั้นปกติต้องพึ่งพารถรางเป็นหลัก ไหนๆเราซื้อพาสสำหรับใช้ได้ไม่อั้นมาแล้วก็ต้องนั่งไม่คุ้ม
นี่เป็นผังรถรางของฮิโรชิมะ
ด้านบนขวาสุดคือสถานีรถไฟฮิโรชิมะ (広島駅) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของรถรางสาย 1, 2, 5, 6 ส่วนโฮสเทลที่เราพักเมื่อคืนนั้นอยู่ที่สถานีข้างๆสถานีรถไฟ คือสถานีเอนโกวบาชิโจว (猿猴橋町)
ส่วนปลายด้านซ้ายล่างสุดสาย 2 เส้นสีแดงนั่นคือสถานีฮิโรเดนมิยาจิมะงุจิ (広電宮島口) ซึ่งเราขึ้นมาตอนขากลับจากเกาะมิยาจิมะ
รถรางของเมืองฮิโรชิมะนี้มีชื่อเรียกย่อๆว่าฮิโรเดง (広電) เป็นระบบรถรางที่มีความยาวรวมยาวที่สุดในญี่ปุ่น
จิซึรุเรียวกังตั้งอยู่ระหว่างสถานีฮนโดริ (本通) กับฟุกุโระมาจิ (袋町) ซึ่งอยู่ตรงกลางของแผนที่ซึ่งมีสาย 1, 3, 7 ลากผ่าน ถ้ามาจากทางด้านสถานีรถไฟก็ต้องนั่งสาย 3 มา จะลงสถานีไหนก็ได้ ใกล้ทั้งคู่
แล้วเราก็มาถึงจิซึรุเรียวกัง ตอนนั้นเวลาประมาณทุ่มครึ่ง
เข้ามาภายในเป็นบ้านพักแคบๆ ดูลักษณะเหมือนเป็นบ้านคนธรรมดามากกว่าที่จะเป็นโรงแรม ไม่มีเคาน์เตอร์รับแขกเหมือนอย่างพวกโรงแรม แต่มีคุณป้าคนหนึ่งออกมาต้อนรับ และพาไปที่ห้องพัก
ห้องพักอยู่ชั้นสอง
ด้านหน้าห้องพัก
ภายในห้องพักเป็นแบบนี้กว้างขวางใช้ได้ทีเดียว มีที่นอนกับพื้นแบบญี่ปุ่น
อีกฝั่งมีโต๊ะแล้วก็โทรทัศน์ มีชุดยุกาตะวางไว้ให้เปลี่ยนด้วย
ค่าพักถ้ามาสองคนก็จ่ายคนละ ๓๗๕๐ เยน แพงว่าโฮสเทลถึง ๑.๕ เท่า แต่ดูแล้วอยู่สบายกว่า แถมได้อยู่แบบญี่ปุ่นแบบนี้ก็นับว่าคุ้ม
ที่นี่เวลาตอนจองก็ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำด้วย แค่แจ้งไว้ในเว็บเท่านั้น
เว็บของจิซึรุเรียวกัง สำหรับดูรายละเอียดและจอง http://www.chizuru-ryokan.com
ในบริเวณชั้นสองมีห้องน้ำด้วย แต่ก็ไม่มีห้องอาบน้ำอีกเหมือนกัน
ห้องอาบน้ำอยู่ที่ชั้นล่าง
ตรงนี้เป็นที่สำหรับวางกุญแจห้องสำหรับเวลาที่จะเช็กเอาต์ออก แค่วางกุญแจไว้แล้วไปได้เลย
หลังจากพักผ่อนแค่แป๊บเดียว ประมาณสองทุ่มเราก็ออกจากเรียวกังเพื่อไปเที่ยวกลางคืนกันต่อ
ทิวทัศน์เมืองฮิโรชิมะยามค่ำคืน
เป้าหมายของการออกมาเดินกลางคืนตอนนี้คือสถานที่ขึ้นชื่อของเมืองฮิโรชิมะ นั่นคือโดมระเบิดปรมาณู (原爆ドーム) เป็นอาคารที่เมื่อก่อนถูกระเบิดปรมาณูลิตเติลบอยของสหรัฐฯถล่มเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม 1945 ช่วยปลายสงครามโลกครั้งที่ ๒ ปัจจุบันเหลือแต่ซากแต่ก็ได้อนุรักษ์เอาไว้เพื่อเป็นที่ระลึกเตือนใจ ต่อมาก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย
ถ้ารวมกับศาลเจ้าอิตสึกุชิมะ (厳島神社) ซึ่งเพิ่งไปเที่ยวมาในตอนที่แล้ว ก็เท่ากับวันนี้วันเดียวเราได้เห็นมรดกโลกถึงสองแห่งพร้อมกันเลย จังหวัดฮิโรชิมะมีมรดกโลกอยู่ถึงสองแห่งแบบนี้ นับว่าเป็นสถานที่สุดยอดสำหรับการท่องเที่ยวจริงๆ
รายละเอียดจะกล่าวถึงอีกทีในส่วนเนื้อเรื่องของวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะแวะมาที่นี่อีกที ตอนนี้เราแค่มาเดินสำรวจยามค่ำคืนก่อน เพราะบรรยากาศตอนกลางวันกับกลางคืนนั้นต่างกัน ไหนๆก็มีโอกาสได้อยู่ค้างคืนก็ต้องมาดูสักหน่อย
ทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำใจกลางเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางระเบิดปรมาณู ดูแล้วบรรยากาศสวยงามดี ทางซ้ายของรูปจะเห็นโดมระเบิดปรมาณูตั้งเด่นอยู่
เข้ามาดูใกล้ๆ ลองถ่ายภาพในมุมต่างๆดู ดูแล้วให้บรรยากาศที่วังเวงน่ากลัว ภายในตัวอาคารถูกปิดผนึกห้ามคนนอกเข้าไป ตอนกลางคืนมีเปิดไฟเพื่อให้มองเห็นดูสวยงาม (?) เป็นสถานที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกหดหู่ได้ไม่น้อยจริงๆ เสียดายภาพถ่ายได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะมืด อาจไม่ค่อยสวยนัก ไว้พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่ตอนกลางวัน จะเห็นอะไรเยอะกว่านี้อีกมาก
จากนั้นเราก็เดินต่อเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป คือปราสาทฮิโรชิมะ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเมืองฮิโรชิมะ เป็นหนึ่งในปราสาทที่ถูกทำลายไปในสงครามโลกครั้งที่ ๒ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่ถูกทำลายโดยระเบิดปรมาณู รายละเอียดเกี่ยวกับปราสาทจะพูดถึงในตอนที่กลับมาเที่ยวชมตอนกลางวันในวันพรุ่งนี้
แถวปราสาทฮิโรชิมะไม่มีรถรางไปถึง แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากโดมระเบิดปรมาณูมากนัก จึงสามารถเดินไปถึงได้สบาย เส้นทางก็ไม่ยาก เดินแป๊บเดียวก็ถึง
ภาพถ่ายตัวหอหลักของปราสาทจากด้านนอก ปราสาทนี้มีคูน้ำล้อมรอบ โดยตัวหอหลักอยู่ค่อนไปทางด้านทิศเหนือ เมื่อเดินมาตรงนี้จะเห็นตัวปราสาทจากด้านนอก ตอนกลางคืนเปิดไฟสวย
ภาพปราสาทที่สะท้อนเงาลงบนผิวน้ำ
เรามีเดินเข้าไปด้านในด้วย บรรยากาศภายในบริเวณสวนนี้วังเวง ไม่มีใครเลย แม้จะมีแสงไฟเปิดอยู่ก็ตาม ดูแล้วก็น่ากลัว เดินไปไม่นานก็ถึงใต้ฐานปราสาท
แต่ก็ไม่ได้เดินขึ้นไปแถวหน้าทางเข้าตัวปราสาท แล้วเราก็เดินออกมาเลย
แล้วเราก็เดินกลับไปยังแถวเรียวกัง ก่อนกลับไปพักผ่อนเราก็ไปเดินตรงย่านร้านค้าที่เรียกว่าฮนโดริ (本通)
ที่นี่เป็นโถงทางเดินยาว เต็มไปด้วยร้านค้า ขณะที่ไปเดินนั้นสี่ทุ่มกว่าแล้ว คนก็เลยบางตาลง ร้านค้าก็ปิดไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังมีที่เปิดอยู่ สามารถไปหาอะไรทานได้
มื้อดึกวันนี้เราเดินเข้าร้าน Saizeriya (サイゼリヤ) ร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาลีซึ่งเปิดโดยคนญี่ปุ่น มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น และยังมีเปิดในจีนด้วย ตอนที่กลับมาปักกิ่งเรายังมีโอกาสได้ไปกินอีกทีด้วย เล่าไปใน https://phyblas.hinaboshi.com/20130329
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านไว้ แต่ถ่ายรูปของที่กินไว้ เป็นพิซซาหน้าหมึกยักษ์ ราคา ๓๙๙ เยน อร่อยไม่น้อย ไม่ได้ชิ้นใหญ่มากแต่ก็พออิ่มสำหรับมื้อดึกแบบนี้
เมื่อทานเสร็จเราก็เดินกลับเรียวกัง จากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อนเอาแรงสำหรับการเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้
แล้วการเที่ยววันที่ ๘ ในญี่ปุ่นซึ่งเป็นวันที่ ๒ ในการเที่ยวฮิโรชิมะก็จบลง สำหรับพรุ่งนี้จะเป็นการเที่ยวในตัวเมืองฮิโรชิมะทั้งวัน ติดตามอ่านกันต่อได้ https://phyblas.hinaboshi.com/20130519
(ภาพแมวที่ติดอยู่ที่ผนังภายในจิซึรุเรียวกัง)
หลังจากเที่ยวเกาะมิยาจิมะเสร็จ https://phyblas.hinaboshi.com/20130507
ตอนนี้เราก็นั่งรถรางเพื่อกลับมายังตัวเมืองฮิโรชิมะ โดยก่อนอื่นต้องกลับเข้าโฮสเทลที่พักเมื่อคืนก่อนเพื่อไปเอาสัมภาระที่ฝากไว้ แล้วก็ย้ายไปพักยังเรียวกัง
ความจริงเราจะพักโฮสเทลสองคืนเลยก็ได้ แต่ว่าไหนๆมีโอกาสมาญี่ปุ่นแล้วก็อยากลองพักเรียวกังดูสักครั้ง แต่เนื่องจากเรียวกังแพงจึงขอพักแค่คืนเดียวพอ คืนแรกไปพักโฮสเทลก่อน ก็ได้บรรยากาศที่ต่างกันออกไปจะได้เปรียบเทียบกัน
เรียวกังที่เราจะไปพักนี้มีชื่อว่าจิซึรุเรียวกัง (千鶴旅館) อยู่แถวๆย่านใจกลางเมือง ซึ่งห่างจากโฮสเทลที่พักเมื่อคืนซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟออกไปอีกหน่อย
การเดินทางนั้นต้องนั่งรถรางไป การเดินทางในตัวเมืองฮิโรชิมะนั้นปกติต้องพึ่งพารถรางเป็นหลัก ไหนๆเราซื้อพาสสำหรับใช้ได้ไม่อั้นมาแล้วก็ต้องนั่งไม่คุ้ม
นี่เป็นผังรถรางของฮิโรชิมะ
ด้านบนขวาสุดคือสถานีรถไฟฮิโรชิมะ (広島駅) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของรถรางสาย 1, 2, 5, 6 ส่วนโฮสเทลที่เราพักเมื่อคืนนั้นอยู่ที่สถานีข้างๆสถานีรถไฟ คือสถานีเอนโกวบาชิโจว (猿猴橋町)
ส่วนปลายด้านซ้ายล่างสุดสาย 2 เส้นสีแดงนั่นคือสถานีฮิโรเดนมิยาจิมะงุจิ (広電宮島口) ซึ่งเราขึ้นมาตอนขากลับจากเกาะมิยาจิมะ
รถรางของเมืองฮิโรชิมะนี้มีชื่อเรียกย่อๆว่าฮิโรเดง (広電) เป็นระบบรถรางที่มีความยาวรวมยาวที่สุดในญี่ปุ่น
จิซึรุเรียวกังตั้งอยู่ระหว่างสถานีฮนโดริ (本通) กับฟุกุโระมาจิ (袋町) ซึ่งอยู่ตรงกลางของแผนที่ซึ่งมีสาย 1, 3, 7 ลากผ่าน ถ้ามาจากทางด้านสถานีรถไฟก็ต้องนั่งสาย 3 มา จะลงสถานีไหนก็ได้ ใกล้ทั้งคู่
แล้วเราก็มาถึงจิซึรุเรียวกัง ตอนนั้นเวลาประมาณทุ่มครึ่ง
เข้ามาภายในเป็นบ้านพักแคบๆ ดูลักษณะเหมือนเป็นบ้านคนธรรมดามากกว่าที่จะเป็นโรงแรม ไม่มีเคาน์เตอร์รับแขกเหมือนอย่างพวกโรงแรม แต่มีคุณป้าคนหนึ่งออกมาต้อนรับ และพาไปที่ห้องพัก
ห้องพักอยู่ชั้นสอง
ด้านหน้าห้องพัก
ภายในห้องพักเป็นแบบนี้กว้างขวางใช้ได้ทีเดียว มีที่นอนกับพื้นแบบญี่ปุ่น
อีกฝั่งมีโต๊ะแล้วก็โทรทัศน์ มีชุดยุกาตะวางไว้ให้เปลี่ยนด้วย
ค่าพักถ้ามาสองคนก็จ่ายคนละ ๓๗๕๐ เยน แพงว่าโฮสเทลถึง ๑.๕ เท่า แต่ดูแล้วอยู่สบายกว่า แถมได้อยู่แบบญี่ปุ่นแบบนี้ก็นับว่าคุ้ม
ที่นี่เวลาตอนจองก็ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำด้วย แค่แจ้งไว้ในเว็บเท่านั้น
เว็บของจิซึรุเรียวกัง สำหรับดูรายละเอียดและจอง http://www.chizuru-ryokan.com
ในบริเวณชั้นสองมีห้องน้ำด้วย แต่ก็ไม่มีห้องอาบน้ำอีกเหมือนกัน
ห้องอาบน้ำอยู่ที่ชั้นล่าง
ตรงนี้เป็นที่สำหรับวางกุญแจห้องสำหรับเวลาที่จะเช็กเอาต์ออก แค่วางกุญแจไว้แล้วไปได้เลย
หลังจากพักผ่อนแค่แป๊บเดียว ประมาณสองทุ่มเราก็ออกจากเรียวกังเพื่อไปเที่ยวกลางคืนกันต่อ
ทิวทัศน์เมืองฮิโรชิมะยามค่ำคืน
เป้าหมายของการออกมาเดินกลางคืนตอนนี้คือสถานที่ขึ้นชื่อของเมืองฮิโรชิมะ นั่นคือโดมระเบิดปรมาณู (原爆ドーム) เป็นอาคารที่เมื่อก่อนถูกระเบิดปรมาณูลิตเติลบอยของสหรัฐฯถล่มเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม 1945 ช่วยปลายสงครามโลกครั้งที่ ๒ ปัจจุบันเหลือแต่ซากแต่ก็ได้อนุรักษ์เอาไว้เพื่อเป็นที่ระลึกเตือนใจ ต่อมาก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย
ถ้ารวมกับศาลเจ้าอิตสึกุชิมะ (厳島神社) ซึ่งเพิ่งไปเที่ยวมาในตอนที่แล้ว ก็เท่ากับวันนี้วันเดียวเราได้เห็นมรดกโลกถึงสองแห่งพร้อมกันเลย จังหวัดฮิโรชิมะมีมรดกโลกอยู่ถึงสองแห่งแบบนี้ นับว่าเป็นสถานที่สุดยอดสำหรับการท่องเที่ยวจริงๆ
รายละเอียดจะกล่าวถึงอีกทีในส่วนเนื้อเรื่องของวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะแวะมาที่นี่อีกที ตอนนี้เราแค่มาเดินสำรวจยามค่ำคืนก่อน เพราะบรรยากาศตอนกลางวันกับกลางคืนนั้นต่างกัน ไหนๆก็มีโอกาสได้อยู่ค้างคืนก็ต้องมาดูสักหน่อย
ทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำใจกลางเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางระเบิดปรมาณู ดูแล้วบรรยากาศสวยงามดี ทางซ้ายของรูปจะเห็นโดมระเบิดปรมาณูตั้งเด่นอยู่
เข้ามาดูใกล้ๆ ลองถ่ายภาพในมุมต่างๆดู ดูแล้วให้บรรยากาศที่วังเวงน่ากลัว ภายในตัวอาคารถูกปิดผนึกห้ามคนนอกเข้าไป ตอนกลางคืนมีเปิดไฟเพื่อให้มองเห็นดูสวยงาม (?) เป็นสถานที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกหดหู่ได้ไม่น้อยจริงๆ เสียดายภาพถ่ายได้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะมืด อาจไม่ค่อยสวยนัก ไว้พรุ่งนี้จะแวะมาใหม่ตอนกลางวัน จะเห็นอะไรเยอะกว่านี้อีกมาก
จากนั้นเราก็เดินต่อเพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป คือปราสาทฮิโรชิมะ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเมืองฮิโรชิมะ เป็นหนึ่งในปราสาทที่ถูกทำลายไปในสงครามโลกครั้งที่ ๒ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่ถูกทำลายโดยระเบิดปรมาณู รายละเอียดเกี่ยวกับปราสาทจะพูดถึงในตอนที่กลับมาเที่ยวชมตอนกลางวันในวันพรุ่งนี้
แถวปราสาทฮิโรชิมะไม่มีรถรางไปถึง แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากโดมระเบิดปรมาณูมากนัก จึงสามารถเดินไปถึงได้สบาย เส้นทางก็ไม่ยาก เดินแป๊บเดียวก็ถึง
ภาพถ่ายตัวหอหลักของปราสาทจากด้านนอก ปราสาทนี้มีคูน้ำล้อมรอบ โดยตัวหอหลักอยู่ค่อนไปทางด้านทิศเหนือ เมื่อเดินมาตรงนี้จะเห็นตัวปราสาทจากด้านนอก ตอนกลางคืนเปิดไฟสวย
ภาพปราสาทที่สะท้อนเงาลงบนผิวน้ำ
เรามีเดินเข้าไปด้านในด้วย บรรยากาศภายในบริเวณสวนนี้วังเวง ไม่มีใครเลย แม้จะมีแสงไฟเปิดอยู่ก็ตาม ดูแล้วก็น่ากลัว เดินไปไม่นานก็ถึงใต้ฐานปราสาท
แต่ก็ไม่ได้เดินขึ้นไปแถวหน้าทางเข้าตัวปราสาท แล้วเราก็เดินออกมาเลย
แล้วเราก็เดินกลับไปยังแถวเรียวกัง ก่อนกลับไปพักผ่อนเราก็ไปเดินตรงย่านร้านค้าที่เรียกว่าฮนโดริ (本通)
ที่นี่เป็นโถงทางเดินยาว เต็มไปด้วยร้านค้า ขณะที่ไปเดินนั้นสี่ทุ่มกว่าแล้ว คนก็เลยบางตาลง ร้านค้าก็ปิดไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังมีที่เปิดอยู่ สามารถไปหาอะไรทานได้
มื้อดึกวันนี้เราเดินเข้าร้าน Saizeriya (サイゼリヤ) ร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาลีซึ่งเปิดโดยคนญี่ปุ่น มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น และยังมีเปิดในจีนด้วย ตอนที่กลับมาปักกิ่งเรายังมีโอกาสได้ไปกินอีกทีด้วย เล่าไปใน https://phyblas.hinaboshi.com/20130329
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านไว้ แต่ถ่ายรูปของที่กินไว้ เป็นพิซซาหน้าหมึกยักษ์ ราคา ๓๙๙ เยน อร่อยไม่น้อย ไม่ได้ชิ้นใหญ่มากแต่ก็พออิ่มสำหรับมื้อดึกแบบนี้
เมื่อทานเสร็จเราก็เดินกลับเรียวกัง จากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อนเอาแรงสำหรับการเที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้
แล้วการเที่ยววันที่ ๘ ในญี่ปุ่นซึ่งเป็นวันที่ ๒ ในการเที่ยวฮิโรชิมะก็จบลง สำหรับพรุ่งนี้จะเป็นการเที่ยวในตัวเมืองฮิโรชิมะทั้งวัน ติดตามอ่านกันต่อได้ https://phyblas.hinaboshi.com/20130519
(ภาพแมวที่ติดอยู่ที่ผนังภายในจิซึรุเรียวกัง)