φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas



กำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถ สุดยอดแห่งกำแพงเมืองจีน
เขียนเมื่อ 2015/05/29 01:31
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42


#พุธ 27 พ.ค. 2015

อยู่ปักกิ่งมานานเคยมีโอกาสได้ไปกำแมืองจีนมาหลายครั้งแล้ว กำแพงเมืองจีนมีอยู่หลายครั้งแต่ละครั้งที่ไปก็เป็นคนละด่านไม่ซ้ำกัน ถึงตอนนี้ก็ยังมีด่านที่ยังไม่ได้ไปอีกมากมาย

ครั้งนี้ในที่สุดมีโอกาสได้ไปกำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถ (司马台长城) ซึ่งเป็นด่านที่อยากไปมาตั้งนานแล้วแต่เนื่องจากอยู่ไกลไปลำบากก็เลยหาเพื่อนไปด้วยได้ยากก็เลยไม่ได้ไปสักที แต่ในที่สุดก็หาเพื่อนไปด้วยกันได้คนนึงก็เลยได้เวลาลุยสักที

กำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถนี้เป็นด่านที่มีชื่อเสียงมาก ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งกำแพงเมืองจีนเนื่องจากตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่เป็นผาสูงชันทำให้ทิวทัศน์สวยงามมาก

อาจด้วยความที่อยู่ไกลจากตัวเมืองปักกิ่งมากและเพราะปีนยากและอันตรายทำให้ผู้คนไม่นิยมมาด่านนี้กันมากนักแม้ว่าจะมีชื่อเสียงมากจนหลายคนอาจเคยได้ยินชื่อผ่านหูมาบ้างก็ตาม

กำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถตั้งอยู่ในอำเภอมี่หยวิน (密云) ซึ่งเป็นอำเภอทางตอนเหนือสุดของปักกิ่ง การเดินทางมานั้นต้องนั่งรถจากตัวเมืองปักกิ่งไปยังใจกลางเมืองมี่หยวิน แล้วนั่งรถเมล์ไปอีกต่อ

ด่านนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกำแพงเมืองจีนด่านจินซานหลิ่ง (金山岭长城) ที่เคยไปมาก่อนหน้านี้ https://phyblas.hinaboshi.com/20130930

การเดินทางไปนั้นลำบากพอๆกัน แต่ตอนนั้นที่เราไปด่านจินซานหลิ่งคือมหาวิทยาลัยจัดไปก็เลยนั่งรถคันใหญ่ไปพร้อมกันสบาย หากมีคนเยอะไปด้วยกันยังไงเหมารถไปเลยก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด



กำแพงในส่วนของด่านซือหม่าไถมีความยาวทั้งหมด ๕.๖ ก.ม. ประกอบไปด้วยป้อมทั้งหมด ๓๖ ป้อม โดยแบ่งเป็นฝั่งตะวันตก ๑๙ ป้อม ฝั่งตะวันออก ๑๖ ป้อมโดยระหว่าง ๒ ฝั่งไม่ได้ต่อเนื่องกันแต่มีแม่น้ำสายเล็กๆกั้นกลางอยู่ ความจริงแล้วเมื่อก่อนเคยเชื่อมต่อกันแต่ว่าพังไปตามธรรมชาติ

กำแพงส่วนนี้เริ่มสร้างในสมัยราชวงศ์ฉีเหนือ (北齐, ปี 550 - 577) ซึ่งเป็นราชวงศ์หนึ่งในช่วงกลางยุคราชวงศ์ใต้เหนือ (南北朝, ปี 420 - 589) แต่ว่าที่เหลือในปัจจุบันนี้สร้างในยุคราชวงศ์หมิง (明朝, ปี 1368 - 1644)

ปัจจุบันส่วนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมทั่วไปมีแค่ฝั่งตะวันออก ส่วนฝั่งตะวันตกเข้าไปไม่ได้ ฝั่งตะวันออกที่เปิดนี้ก็เปิดให้เข้าชมได้เพียงแค่ ๑๐ ป้อมเท่านั้น ไม่สามารถเดินไปยังป้อมที่ ๑๖ ซึ่งสวยงามและมีชื่อเสียงได้ซึ่งก็น่าเสียดาย แต่อันที่จริงดูเหมือนว่าเมื่อก่อนเคยมีอุบัติเหตุทำให้ตอนนี้เขากั้นให้เดินได้แค่กำแพงส่วนตะวันออกถึงป้อมที่ ๑๐

หากได้เห็นเส้นทางสู่ป้อมหมายเลข ๑๖ แล้วละก็ จะรู้ว่ามันอันตรายมากจริงๆ ต่อให้ปีนได้คนส่วนใหญ่ก็คงไม่กล้าปีนไปถึงหรอก แต่ไม่เป็นไรเพราะแค่มองจากด้านล่างก็สามารถเห็นความสวยงามตระการตาของป้อม ๑๖ ได้

การที่กั้นให้เดินได้แค่ ๑๐ ป้อมทำให้ซือหม่าไถถือเป็นด่านที่ค่อนข้างสั้น ใช้เวลาเดินไม่นานก็หมดแล้ว ตอนแรกคิดว่าต้องเผื่อเวลาเดินเยอะหน่อย พอมาจริงๆกลับพบว่าใช้เวลาบนกำแพงไปแค่ประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น



ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ซือหม่าไถมีความเปลี่ยนแปลงอะไรๆหลายอย่าง เคยอ่านบันทึกและดูรูปของคนที่ไปมาก่อนก็พบว่ามีอะไรไม่ค่อยเหมือนกัน ต่างไปพอสมควร

อย่างแรกเลยก็คือตอนนี้หน้าทางเข้าสู่บริเวณที่ปีนกำแพงนั้นมีการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้นคือเมืองริมน้ำกู๋เป่ย์ (古北水镇) ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นให้มีลักษณะเหมือนเป็นเมืองโบราณ เต็มไปด้วยอาคารเก่าๆตั้งอยู่ริมน้ำดูสวยงาม

เมืองริมน้ำนี้เขาบอกว่าสร้างขึ้นมาจากการบูรณะย่านชุมชนที่ตั้งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่สมัยอดีตโดยเมื่อก่อนเคยเป็นที่อาศัยของคนที่คอยดูแลกำแพงเมืองจีนในส่วนนี้อยู่ภายในฝั่งด้านในของกำแพง มีซากโบราณสถานเหลืออยู่

ดังนั้นเขาก็เลยพยายามสร้างเมืองขึ้นมาใหม่กลายเป็นสถานท่องเที่ยวและที่พักแรมสำหรับคนที่มาเที่ยวกำแพงเมืองจีนแล้วอยากถือโอกาสเที่ยวชมอย่างอื่นไปด้วยหรือหาที่พักแรม เพราะการเดินทางมาถึงที่นี่เป็นเรื่องยากลำบาก จึงมีบางคนเลือกที่จะมาค้าง แม้ว่าที่จริงแล้วสามารถเที่ยวแบบไปกลับในวันเดียวได้จากตัวเมืองปักกิ่ง

แต่ว่าการมีตัวตนอยู่ของเมืองริมน้ำนี้กลับดูเหมือนจะกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี นั่นเพราะมันถูกสร้างอยู่ขวางทางเข้ากำแพงเมืองจีนทำให้การจะเข้าไปปีนกำแพงอย่างเดียวกลายเป็นเรื่องที่มีข้อจำกัด

ณ ปัจจุบันนี้ใครที่อยากชมกำแพงเมืองจีนอย่างเดียวโดยไม่เที่ยวเมืองริมน้ำจะต้องทำการจองผ่านเว็บก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าชมกำแพงเมืองจีนแบบเดี่ยวๆได้ ต้องถูกบังคับให้ซื้อบัตรเข้าชมเมืองริมน้ำ ถ้าไม่ซื้อก็ไม่สามารถเดินผ่านเมืองริมน้ำเพื่อไปถึงกำแพงเมืองจีนได้

สำหรับการจองให้เข้าไปในเว็บนี้ http://www.wtown.com/index.php/Yuyue/great_wall_reservation

ปัญหาก็คือค่าเข้าเมืองริมน้ำนั้นแพงมาก ปัจจุบันราคา ๑๕๐ หยวน และอาจแพงขึ้นอีกเพราะราคามีการปรับขึ้นเรื่อยๆ ส่วนบัตรเข้าชมกำแพงเมืองจีนด่านนี้ราคาแค่ ๔๐ หยวนเท่านั้น ต่างกันมาก

อีกทั้งจากการอ่านความเห็นของหลายคนในเน็ตก็ทำให้รู้ว่าคนค่อนข้างมีความคิดเห็นเป็นลบกับเมืองริมน้ำนี้ เพราะราคาแพงเกินควรไปมาก แล้วสิ่งก่อสร้างแทบทั้งหมดคือสร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่ของที่อนุรักษ์มาตั้งแต่สมัยโบราณเหมือนอย่างพวกหมู่บ้านโบราณทั้งหลายที่มีอยู่ในจีนดังนั้นจึงไม่ได้คุ้มที่จะเสียเงินขนาดนั้นเพื่อไปชม

อันที่จริงแล้วเหมือนคนจะดูออกว่านี่เป็นแผนทางการตลาดรูปแบบหนึ่ง คือใช้ชื่อเสียงของกำแพงเมืองจีนด่านซือหม่าไถเพื่อให้คนมาเที่ยวทีนี่ ถ้าใครตั้งใจมาปีนกำแพงโดยไม่รู้มาก่อนว่ามีระบบแบบนี้และไม่ได้จองเอาไว้ เขาก็มีแต่ต้องจำยอมซื้อตั๋วเข้าชมเมืองริมน้ำซึ่งไม่ได้ตั้งใจมาแต่แรกแถมยังแพงกว่ามาก อุตส่าห์มาถึงที่แล้วใครจะอยากเสียเที่ยวล่ะต่อให้ต้องจ่ายแพงแค่ไหนก็คงยอม

ความยุ่งยากไม่ได้มีอยู่แค่นั้น เพราะเวลาที่จองนั้นจะต้องกำหนดเวลาไปให้แน่นอน แต่ละวันมีเพียง ๓ เวลาคือสิบโมงเช้า, เที่ยง และบ่ายสองโมง ถ้ามาไม่ตรงกับเวลาในรอบที่จองเอาไว้ก็เข้าไม่ได้ หรือถ้าจองเอาไว้แล้วมาถึงก่อนเวลาที่จองก็ต้องรอเวลาอีก ยิ่งทำให้การวางแผนมาที่นี่เป็นเรื่องยุ่งยากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่าจะมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลย

ดังนั้นแค่จองเอาไว้แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย ถ้าจองไว้แล้วมาไม่ทันก็อด ต้องมายอมเสียค่าเข้าชมเมืองริมน้ำเพื่อจะเข้าชมอยู่ดี

มันดูแย่ก็จริง แต่ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่านี่เป็นโลกของทุนนิยม ยังไงเขาก็ต้องหาทางที่จะหาตังค์จากนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด เอาเป็นว่าอย่างน้อยเขาก็ยังเปิดช่องทางให้สามารถจ่ายแค่ ๔๐ หยวนเข้าชมได้ตามปกติอยู่ ไม่ได้มัดมือชกโดยสมบูรณ์แบบ ก็ยังดี เพียงแต่ว่าทำให้ยุ่งยากกว่าเดิมมากเท่านั้นเอง

แม้จะยุ่งยากอยู่บ้างแต่กำแพงเมืองจีนด่านนี้ก็ดีจริงๆคุ้มค่าที่มาจริงๆ ถ้าเพื่อให้ได้มาชมที่นี่แล้วละก็ไม่ว่าอุปสรรคแบบไหนก็ไม่อาจขวางกั้น ยังไงก็ควรจะมาอยู่ดี

มีเรื่องดีอยู่บ้างเหมือนกันสำหรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับที่นี่ นั่นคือการเดินทางสะดวกขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนไม่มีรถเมล์มาถึงที่นี่โดยตรงทำให้การเดินทางยุ่งยากกว่าพอสมควร แต่ปัจจุบันมีรถเมล์สาย 密51 จากใจกลางตัวเมืองมี่หยวินซึ่งออกทุกประมาณครึ่งชั่วโมงและไปถึงค่อนข้างใกล้ทางเข้าไม่ต้องเดินต่อไกล

อีกเรื่องก็คือระบบรถกระเช้าของที่นี่ทำดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่นี่มีรถกระเช้ามานานแล้วก็จริงแต่ว่าเมื่อก่อนรถกระเช้านั่งไปแล้วยังต้องต่อรถรางอีกที ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรถกระเช้าต่อเดียวแถมยังเร็วขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องเดินอีกสักพักจึงจะถึงตัวกำแพงด้านบนอยู่ดี



ช่วงที่เรามาเที่ยวนี้เป็นปลายเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นต้นฤดูร้อนที่อากาศยังคงไม่ได้ร้อนจนเกินไป ถือว่ากำลังดีเพราะสายลมที่ค่อนข้างแรงบนเขาช่วยดับความร้อนไปได้พอสมควร

เนื่องจากไม่แน่ใจเวลาว่าจะเดินทางถึงเมื่อไหร่จึงจองเอาไว้ ๒ เวลาคือสิบโมงเช้ากับเที่ยง กะว่าถ้าสิบโมงไม่ทันก็รอเที่ยงเลย การจองล่วงหน้านั้นไม่ต้องเสียตังค์ดังนั้นจะจองเผื่อไว้กี่เวลาก็ไม่มีปัญหา ถ้าจองแล้วไม่ไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

การเดินทางเริ่มจากนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่ตงจื๋อเหมิน (东直门) จากนั้นก็ขึ้นรถเมล์สาย 980 เพื่อเดินทางไปยังมี่หยวิน ให้ระวังให้ดีว่ามันมีรถช้าและรถเร็ว ให้นั่งรถเร็วไม่เช่นนั้นจะช้ามากเพราะรถช้าจอดระหว่างทางเยอะมาก ในขณะที่รถเร็วจะขึ้นทางด่วน

ให้มาลงที่ป้ายมี่หยวินซีต้าเฉียว (密云西大桥) จากตรงนี้สามารถนั่งรถสาย 密51 เพื่อไปยังซือหม่าไถได้ เราออกเดินทางเจ็ดโมงครึ่ง และถึงตอนประมาณแปดโมงสี่สิบ ดังนั้นใช้เวลาประมาณชั่วโมงกับอีกสิบกว่านาที




ตอนที่ลงมาถึงเราได้เจอกับคนขับรถรับจ้างซึ่งมาเล็งหาผู้โดยสารที่จะเดินทางไปเที่ยว เขาเป็นคนขับที่ใช้ระบบมิเตอร์คล้ายๆกับแท็กซีแต่ว่าไม่ใช่แท็กซีของทางการ เป็นอีกระบบซึ่งใช้การจ่ายเงินทางเน็ต เคยได้ยินคนพูดถึงมาบ้างแต่ว่าไม่เคยใช้

การจะใช้บริการระบบนี้ได้ต้องสมัครในเว็บ ดูแล้วยุ่งยาก แต่เราก็คิดว่าน่าลองดูเพราะดูจากเวลาแล้วถ้ารอรถเมล์สาย 密51 ละก็ไม่น่าทัน เขาบอกว่าถ้าไปกับเขาแล้วคิดเงินตามมิเตอร์น่าจะประมาณ ๑๐๐ หยวน และเขาสามารถรอให้เราเที่ยวเสร็จแล้วค่อยกลับมาส่ง รวมแล้วคิดเงินแค่ตามมิเตอร์ก็ประมาณ ๒๐๐ หยวน

เราให้เพื่อนเป็นคนจัดการเรื่องระบบนี่เพราะเราไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร แต่โทรศัพท์ของเพื่อนไม่ค่อยเหลือเน็ตใช้แล้วคนขับก็เลยขับพาเราไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งแถวนั้นซึ่งมีไวไฟใช้ฟรี แต่พอพยายามเข้าระบบก็ปรากฏว่าระบบนี้ต้องเอาไอดีไปผูกกับบัญชีในธนาคาร ซึ่งเราทั้งสองคนต่างก็ลืมรหัสสำหรับจ่ายเงินในเน็ตไปแล้ว (คนละอันกับรหัส ATM) เพราะไม่ค่อยได้ซื้อของผ่านเน็ต

สรุปแล้วผลสุดท้ายเขาเลยบอกว่าไม่ต้องเข้าระบบก็ได้ แต่จ่ายให้เขา ๒๕๐ หยวน ซึ่งมันก็แพงกว่าเดิมนิดหน่อย อย่างไรก็ตาม เมื่อเราถามเขาว่าออกตอนนี้จะไปทันสิบโมงหรือไม่ เขาก็บอกว่าไม่น่าทันเพราะระหว่างที่เสียเวลาไปๆมาๆตอนนั้นก็เกือบ ๙ โมงแล้ว แค่ชั่วโมงเดียวยากที่จะไปถึงที่หมาย

เราเห็นว่าไหนๆยังไงก็ไม่ทันรอบสิบโมงแน่นอนแล้ว ก็เลยตัดสินใจบอกคนขับว่าเราขอกลับไปรอรถเมล์ดีกว่า เพราะไม่มีความจำเป็นต้องรีบแล้ว อยากประหยัดเงิน

คนขับเขาก็พยายามเสนอว่าเขาสามารถพาไปขึ้นกำแพงอีกทางได้ แค่จ่ายให้เขาเพิ่มอีกหน่อยแต่ถ้าเข้าตามทางที่เขาบอกจะไม่ต้องจ่ายค่าผ่านประตู แถมยังเข้าเมื่อไหร่ก็ได้

แต่เราไม่ค่อยกล้าที่จะเสี่ยง เพราะคนขับรถที่เสนอแผนที่แปลกไปจากข้อมูลที่คนทั่วไปเข้าใจนั้นมักจะไว้ใจไม่ค่อยได้ ถ้าเราวางแผนไว้แล้วไม่ควรจะเปลี่ยนง่ายๆดังนั้นจึงปฏิเสธไปแทบจะทันที

คนขับรถคันนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างดีพอสมควร พอเราปฏิเสธแผนเขาไปแล้วเขาก็ไม่ตื๊อต่อ แถมยังพาเราไปส่งยังป้ายรถเมล์ที่สามารถขึ้นสาย 密51 ได้ด้วยโดยที่ไม่คิดตังค์เลย

เราคิดว่าครั้งนี้โชคดีที่เจอคนขับรถที่ค่อนข้างใจดี เรารู้สึกว่าที่เขาพูดค่อนข้างเชื่อถือได้ เพราะตอนที่ถามว่าไปทันสิบโมงมั้ยเขาก็ตอบตรงๆว่าไม่น่าทัน ถ้าเขาตอบว่าทันเราก็คงจะไปกับเขาแล้ว นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาก็มีจรรยาบรรณอยู่

ตำแหน่งที่เขาพาเรามาส่งนั้นอยู่ห่างออกไปจากป้ายเดิมอยู่ ๓ ป้ายซึ่งตั้งอยู่หน้าหอวัฒนธรรมมี่หยวิน (密云文化馆)



เราเริ่มรอตั้งแต่ยังไม่ถึงเก้าโมงครึ่ง รอไปประมาณครึ่งชั่วโมงรถเมล์สาย 密51 ก็ผ่านมาตอนเกือบสิบโมง



รถเมล์ใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิด แค่หนึ่งชั่วโมงกับอีกสิบห้านาทีก็มาถึงปลายทาง ขณะนั้นสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว ตำแหน่งที่ลงอยู่ห่างจากทางเข้าไปเล็กน้อย



เดินข้ามสะพานเพื่อเข้าสู่บริเวณเมืองริมน้ำกู๋เป่ย์



มองทิวทัศน์ริมน้ำจากบนสะพาน ดูไปแล้วที่นี่ก็สวยงามอยู่เหมือนกัน




บริเวณนี้เป็นส่วนของเมืองริมน้ำส่วนต้นซึ่งยังไม่ต้องใช้บัตรผ่านเพื่อเข้าไป จะเห็นว่าแค่นี้ก็ได้บรรยากาศสวยงามพอสมควรแล้ว



เมื่อเดินเข้ามาสักพักก็ถึงหน้าทางเข้าส่วนที่ต้องใช้ตั๋วผ่านทางเพื่อเข้าชม คนที่จะผ่านเข้าไปต้องซื้อตั๋วสำหรับเข้าชมเมืองริมน้ำราคา ๑๕๐ หยวน ส่วนคนที่ตั้งใจจะไปแค่กำแพงเมืองจีนต้องรออยู่ด้านหน้านี้แล้วจะมีรถมารับตามเวลาที่กำหนดไว้ ๓ คันต่อวันดังที่บอกไว้ข้างต้น



ตอนที่มาถึงนั้นยังไม่ถึงสิบเอ็ดโมงครึ่งเลย ยังมีเวลาเหลือเฟือจึงหยิบเสบียงที่เตรียมไว้ล่วงหน้ามาทาน เสร็จแล้วก็เดินสำรวจบริเวณรอบๆ

แถวๆนี้ถือว่าไม่เลวเลย เหมาะที่จะเดินฆ่าเวลา แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่มาก เพราะส่วนหลักๆจริงๆยังไงก็ต้องเสียเงินจ่ายบัตรผ่านประตูเข้าไปอีก แต่แค่นี้ก็คิดว่าพอแล้ว







อาคารนี้เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ดูแล้วรู้สึกว่าเขาทำไว้ค่อนข้างเว่อ ใหญ่โต



สภาพข้างในดูแล้วอย่างกับโรงแรมเลยทีเดียว




นี่เป็นจุดสอบถามข้อมูล เราถามอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นี่เล็กน้อยแล้วก็ขอแผนที่มาด้วย



พอถึงใกล้เที่ยงเราก็รีบกลับมา แต่รถก็ยังไม่ออก พอถามแล้วเขาก็บอกว่าเที่ยงเป็นเวลาที่เริ่มจำหน่ายตั๋วให้กับคนที่จองไว้ รถจะออกจริงๆเมื่อทุกคนพร้อม ค่าบัตรเข้าชมก็จ่ายตรงนี้ ราคา ๔๐ หยวน ถือว่าถูกมาก และเราเป็นนักเรียนสามารถซื้อบัตรครึ่งราคาได้ก็เหลือแค่ ๒๐ หยวน

ในที่สุดก็ออกตอนเที่ยงยี่สิบ รถที่ใช้เป็นบัสขนาดเล็ก แต่คนที่มารอไม่ได้มากอย่างที่คิด นั่งไม่เต็มคัน แถมที่จริงแล้วบางคนไม่ใช่คนที่จองเอาไว้แต่พอดีรถมีที่เหลือก็เลยเข้าเสียบแทน ก็ถือว่าโชคดี อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าต่อให้ไม่ได้จองเอาไว้ถ้ามีที่เหลือก็สามารถเข้าได้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็จองไว้ดีกว่า ยังไงก็ปลอดภัยที่สุด




พอเข้าไปแล้วระหว่างทางสามารถเห็นทิวทัศน์ของเมืองริมน้ำได้ผ่านหน้าต่างรถ ดูแล้วก็สวยอยู่ แต่ก็ดูร้างๆไม่ค่อยมีคน




แต่บางส่วนเหมือนจะก่อสร้างอยู่ก็เลยยิ่งดูร้างๆ





ใช้เวลานั่งรถแค่แป๊บเดียว แล้วก็มาถึงส่วนทางขึ้นกำแพง



ทางขึ้นไปมีอยู่ ๒ ทาง ทางหนึ่งคือขึ้นกระเช้า ส่วนอีกทางคือเดินขึ้นไป เราตัดสินใจที่จะเดินขึ้นไปแล้วตอนขาลงค่อยนั่งกระเช้าลง


นี่คือทางสำหรับเดินขึ้นไป ต้องใช้เวลาเดินประมาณ ๒๐ นาทีจึงจะถึงตัวกำแพง



เส้นทางถูกทำไว้อย่างดี เดินไม่ลำบากเลย



ดูแผนที่สักหน่อย ตอนนี้เราอยู่กลางทาง ทางซ้ายเป็นทะเลสาบ



มองลงไป ทิวทัศน์สวยงาม





เดินต่อไปเรื่อยๆในที่สุดก็เริ่มเห็นกำแพงเมืองจีนอยู่ตรงหน้าแล้ว



แต่ว่าที่เห็นอยู่นี้คือกำแพงฝั่งตะวันตกซึ่งเขาไม่เปิดให้ขึ้นไปปีน ได้แต่มองอยู่จากตรงนี้



มองจากมุมนี้จะเห็นว่ากำแพงขาดช่วงอยู่โดยมีหน้าผากั้น มีสะพานเล็กๆเชื่อมอยู่ซึ่งดูแล้วน่ากลัวมาก ที่จริงมีทางลงเพื่อไปยังสะพานนั้นเพื่อข้าม แต่ไม่รู้ว่าเขาจะกั้นไว้ไม่ให้ข้ามได้หรือเปล่า แต่ถึงข้ามได้ก็คงไม่กล้าข้าม อีกทั้งฝั่งโน้นมองไปก็ไม่เห็นมีใครสักคน คงไม่สามารถไปปีนได้จริงๆ



เอาเถอะ เราเดินในส่วนที่เขาเปิดให้เข้าชมได้ทั่วไปก็พอ เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ เอาล่ะในที่สุดก็เดินทางมาถึงกำแพงส่วนที่ปีนได้แล้ว



เมื่อขึ้นมาถึงตรงส่วนนี้เรียกว่าป้อมหมายเลข ๒ ฝั่งตะวันออก มองไปทางตะวันตกจะเห็นป้อมหมายเลข ๑ และไกลออกไปเห็นกำแพงส่วนตะวันตกซึ่งทอดตัวยาวไปอีกไกลซึ่งเขาไม่ให้ข้ามไป และก็ไม่เห็นมีคนเดินอยู่ทางโน้นเลยจริงๆ ได้แต่มองอยู่ไกลๆและชื่นชมไป



และนี่คือเส้นทางที่เราต้องเดินไปจริงๆ แค่เริ่มต้นก็ชันขนาดนี้แล้ว สมกับที่ใครๆต่างก็ชื่นชมถึงความโหดของที่นี่ เป้าหมายแรกคือป้อมหมายเลข ๓



พอใกล้ถึงแล้วมองกลับลงไป



ถึงป้อมหมายเลข ๓ แล้ว ต้องเดินอ้อมด้านข้างจึงจะมีทางเข้า



ด้านในป้อม ๓



หนทางต่อไป เดินขึ้นไปอีก มุ่งสู่ป้อม ๔



หันกลับมามองป้อม ๓



ถึงป้อม ๔ แล้ว ป้อมนี้ไม่มีเพดาน และมองไกลออกไปก็เห็นป้อมถัดๆไปซึ่งอยู่สูงขึ้นไปอีก



เดินต่อไป



มองกลับไปยังป้อม ๔



หนทางลำบากแต่เราก็สู้ต่อไปเพราะทิวทัศน์ที่จะได้เห็นนั้นก็ยิ่งสวยงามขึ้นเรื่อยๆ



ป้อม ๕



จากภายในป้อม ๕ มองย้อนกลับไป



ทิวทัศน์ด้านล่าง มองเห็นเมืองริมน้ำอยู่ไกลๆ



เดินต่อ หนทางยังสูงขึ้นไปอีก



สูงชันยิ่งปีนยิ่งเหนื่อย เบื้องหน้าคือป้อม ๖



ผ่านป้อม ๖ มา ถัดมาเป็นป้อม ๗ ก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก



ถึงป้อม ๗ แล้ว



มองลงไปเห็นเมืองริมน้ำทั้งหมด



จากนั้นข้างหน้าเป็นป้อม ๘ และมองสูงขึ้นไปอีกก็เป็นป้อม ๙ และป้อม ๑๐



เดินมาถึงป้อม ๘



ต่อมาข้างบนนี้คือป้อม ๙



ระหว่างทางเพื่อนเราสังเกตเห็นว่าอิฐบางก้อนมีสลักอะไรไว้ด้วย ตัวหนังสือเลือนมากทำให้อ่านยาก แต่พอดูแล้วก็รู้ได้ว่ามันถูกสลักตั้งแต่สมัยที่สร้างกำแพงเมื่อยุคราชวงศ์หมิง



ถึงป้อม ๙ แล้ว มองย้อนไปยังป้อม ๘ และ ๗



เดินผ่านป้อม ๙ แล้วต่อมาข้างหน้าเริ่มเห็นป้อม ๑๐ และ ๑๑



ในที่สุดก็เดินมาถึงป้อม ๑๐ ซึ่งเป็นป้อมสุดท้ายที่เขาเปิดให้เข้าได้แล้ว



เมื่อเข้ามาในป้อม ๑๐ ก็พบแผ่นป้ายกั้นทางไว้ไม่ให้ไปต่อ



ป้อม ๑๑ และหนทางข้างหน้าที่ถูกปิดกั้น ได้แต่มองจากตรงนี้ ป้อมที่อยู่ถัดๆไปน่าจะอยู่สูงขึ้นไปอีกมองไม่เห็น



เมื่อถึงตรงนี้เราพบว่าเวลายังค่อนข้างเหลือเฟือก็เลยนั่งพักกันสักครู่ ในป้อมนั้นมียามที่คอยเฝ้าสถานที่นี้อยู่ก็ได้ชวนเขาคุยนิดหน่อย


จากตรงนี้มองลงไปเห็นเส้นทางรถกระเช้า



เส้นทางที่จะไปสู่จุดขึ้นกระเช้าด้านบนอยู่ระหว่างป้อม ๘ และ ๙ เราเดินย้อนกลับไปหน่อยก็เจอทางลง



จากตัวกำแพงไปสู่จุดขึ้นกระเช้ายังต้องเดินลงไปอีกพอสมควร เห็นคนเดินสวนมาอยู่ประปราย บางคนถามเราว่าอีกไกลมั้ยกว่าจะถึงตัวกำแพง เขาคงคิดไม่ถึงว่าอุตส่าห์ขึ้นกระเช้ามาแล้วกลับยังต้องเดินต่ออีกไกลขนาดนั้น




ระหว่างทางเดินผ่านทางรถรางซึ่งน่าจะเป็นเส้นทางที่สมัยก่อนใช้เพื่อขึ้นมาถึงนี่ แต่ตอนนี้เลิกใช้ไปแล้วเพราะใช้รถกระเช้าต่อเดียวถึง



เดินมาไกลพอสมควรในที่สุดก็ถึงสถานีรถกระเช้า



จากตรงนี้เมื่อมองไปก็สามารถเห็นกำแพงในส่วนที่ไม่สามารถเดินไปถึงได้



ขยายเข้าไปดูชัดๆจะเห็นว่ามันดูสวยงามแต่ก็อันตรายมากจริงๆ




ได้เวลาขึ้นรถกระเช้า ค่าขึ้นนั้นขาเดียว ๙๐ หยวน ถ้าไปกลับก็ ๑๖๐ แพงมากทีเดียว แต่ยังไงก็ต้องนั่งไม่งั้นก็ต้องเดินกลับไปทางเดิมซึ่งไกลพอสมควร



ระหว่างนั่งรถกระเช้าก็ได้มุมถ่ายภาพสวยๆอีกหลายภาพซึ่งถ้าหากไม่นั่งก็คงจะไม่ได้เห็น ดังนั้นแม้ค่ากระเช้าจะแพงแต่ก็คุ้มแล้ว






ถึงด้านล่างแล้ว เดินออกมาจากสถานีกระเช้าแล้วเดินมายังประตูที่นั่งรถผ่านมาตอนแรก จากตรงนี้สามารถนั่งรถกลับไปได้ ตามกำหนดแล้วรถที่พากลับจะมาตอนสามโมงครึ่ง แต่ในขณะนั้นยังไม่สามโมงเลย แต่ก็เห็นคนมารออยู่จำนวนนึง และจังหวะที่เราไปถึงนั้นเขาบอกว่ารถกำลังจะออกพอดี เราได้แต่งงว่าทำไมออกเร็วกว่ากำหนด แต่ก็ขึ้นรถไป รถก็พาส่งกลับไปยังทางเข้าจริงๆ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ก็ดีแล้วทำให้ได้กลับเร็วกว่าเดิม



เดินมารอรถ 密51 ในตำแหน่งเดิมจากที่ลงรถมาตอนแรก



ครั้งนี้รถค่อนข้างโล่ง ไม่ค่อยมีคน



แล้วก็กลับมาถึงตัวเมืองมี่หยวิน ครั้งนี้ลงที่ท่ารถซึ่งเป็นต้นทางของสาย 980 จังหวะที่เรามาถึงพบว่ารถกำลังจะออกพอดีก็เลยรีบขึ้นรถเพื่อกลับสู่ตัวเมืองปักกิ่ง ลงที่ตงจื๋อเหมิน




ก่อนกลับก็แวะหาอะไรทานที่กุ่ยเจีย (簋街) ซึ่งอยู่ข้างๆกับตงจื๋อเหมิน

锅仔羊杂
干锅金钱肚

เมื่อทานเสร็จก็ได้เวลาบอกลาแยกย้ายกับเพื่อนเพื่อกลับ



แม้การเดินทางจะลำบากไปบ้างและเหนื่อยไม่น้อยเลยแต่ก็คิดว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้ไปชม กำแพงเมืองจีนด่านนี้สุดยอดจริงๆ หากไม่มีโอกาสได้มาคงจะรู้สึกเสียดายแย่เลยที่พลาดสถานที่สวยงามแบบนี้ไป



-----------------------------------------

囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧

ดูสถิติของหน้านี้

หมวดหมู่

-- ประเทศจีน >> จีนแผ่นดินใหญ่ >> ปักกิ่ง
-- ท่องเที่ยว >> ภูเขา
-- ท่องเที่ยว >> ทะเลสาบ

ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ

สารบัญ

รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib

-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
     ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ

บทความแบ่งตามหมวด



ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ

  ค้นหาบทความ

  บทความแนะนำ

ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ

บทความแต่ละเดือน

2024年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2023年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2022年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2021年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

2020年

1月 2月 3月 4月
5月 6月 7月 8月
9月 10月 11月 12月

ค้นบทความเก่ากว่านั้น

ไทย

日本語

中文