# พฤหัส 21 มี.ค. 2019เนื่องจากมีเรื่องให้ต้องเดินทางกลับไทยในวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นวันวสันตวิษุวัต ครั้งนี้เลยคิดว่าถือโอกาสเที่ยวระหว่างทางกลับบ้านสักหน่อย พอลองดูตั๋วเครื่องบินเห็นมีตั๋วไปมาเก๊าและจากมาเก๊ากลับไทยในราคาถูก เลยตัดสินใจแวะเที่ยวมาเก๊า
มาเก๊าเป็นสถานที่ที่อยากไปมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาส ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีทีเดียว
มาเก๊าเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน เช่นเดียวกับฮ่องกง แต่เล็กกว่ามาก เมื่อก่อนเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสจึงทำให้มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ มีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นโบราณสถานีและสถานที่สมัยใหม่มากมาย
หลายคนน่าจะพอรู้จักมาเก๊ากันอยู่แล้วแต่อาจไม่รู้ละเอียด มาเก๊าเป็นดินแดนที่น่าสนใจมาก จึงได้ทำการเขียนบทความเพื่อแนะนำมาเก๊าเอาไว้แยกต่างหากในหน้านี้สำหรับคนสนใจตามอ่านได้
https://phyblas.hinaboshi.com/macauเที่ยวบินที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้เป็นดังนี้
ไทเป (เถาหยวน) 6:35 >> มาเก๊า 8:30
ไทเกอร์แอร์ไต้หวัน IT301 ราคา 1955 บาท
มาเก๊า 17:55 >> กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) 19:50
แอร์เอเซีย FD765 ราคา 2073 บาท
เท่ากับว่ามีเวลาอยู่ในมาเก๊าประมาณ ๙ ชั่วโมง แต่กว่าจะเข้าถึงตัวเมืองก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง และต้องเผื่อเวลาไปสนามบินก่อน ๒ ชั่วโมง ดังนั้นรวมแล้วมีเวลาไม่ถึง ๖ ชั่วโมงในการเที่ยวในเมือง
มาเก๊าแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนคือส่วนคาบสมุทรและส่วนเกาะ สนามบินอยู่ในส่วนเกาะ แต่ตัวเมืองหลักอยู่ในส่วนคาบสมุทร ต้องนั่งรถเมล์เพื่อเดินทางไปเข้าเมือง
เป้าหมายครั้งนี้คือเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักของมาเก๊าซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในส่วนใจกลางเมือง เพราะเป็นการมาเที่ยวครั้งแรกจึงอยากเน้นเดินทำความรู้จักย่านต่างๆโดยภาพรวมให้มากที่สุด มากกว่าที่จะเก็บรายละเอียดเฉพาะสถานที่ ครั้งนี้จึงเป็นการเดินกลางแจ้งทั้งหมด
ที่มาเก๊าคนส่วนใหญ่ใช้ภาษาจีนกวางตุ้งเช่นเดียวกับที่ฮ่องกง การมาเที่ยวครั้งนี้จึงมีเป้าหมายที่จะถือโอกาสฝึกใช้ภาษากวางตุ้งไปด้วย ปกติหาโอกาสได้ใช้ยาก
คนมาเก๊าไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่จะเก่งจีนกลางกว่าคนฮ่องกง ดังนั้นไม่ได้จำเป็นต้องใช้ภาษากวางตุ้ง ใช้แค่จีนกลางก็อยู่ได้ไม่ลำบาก แต่ภาษากวางตุ้งเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนที่นี่ ได้ยินตลอดเวลา ยังไงถ้าได้กวางตุ้งก็ได้เปรียบ
นอกจากนี้ยังมีบางส่วนใช้ภาษาโปรตุเกสเพราะเคยเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสมาก่อน และถือเป็นภาษาราชการภาษานึง ตามป้ายต่างๆจะกำกับภาษาโปรตุเกส ทำให้เที่ยวแล้วได้ทำความคุ้นเคยผ่านตาภาษาโปรตุเกสไปด้วย แต่ปัจจุบันคนที่พูดภาษาโปรตุเกสได้จริงๆมีน้อยมาก
เนื่องจากมาเที่ยวแค่ไม่กี่ชั่วโมงจึงตัดสินใจใช้เปิดโรมมิงเอาโดยใช้ใช้ซิมจีนที่เคยซื้อมาตั้งแต่ตอนที่ไปซัวเถาปีที่แล้ว มาเก๊าแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของจีนแต่ก็ไม่สามารถใช้ซิมจีนได้โดยตรงโดยที่ไม่เปิดโรมมิง
ข้อเสียของซิมจีนก็คือถ้าเข้าเว็บจะไม่สามารถเปิดเว็บที่ทางจีนบล็อกได้ แม้จะเป็นโรมมิงก็ตาม เช่น facebook รวมถึงแผนที่ google ก็ใช้ไม่ได้ ครั้งนี้จึงใช้แผนที่ของไป่ตู้แทน เช่นเดียวกับตอนเที่ยวจีน
เราเริ่มออกเดินทางไปยังสนามบินเถาหยวนตั้งแต่คืนวันพุธที่ 20 แล้วค้างคืนที่สนามบิน พอถึงสักตี ๓ ก็ไปเช็กอิน แล้วก็เข้าไปรอขึ้นเครื่อง
แล้วเครื่องก็มาถึงสนามบินมาเก๊าประมาณ 8:15 ก่อนเวลาเล็กน้อย พอมาถึงลงจอดกลางลานจอดเครื่องบินแล้วเขาก็ให้ขึ้นรถเพื่อไปยังประตูอาคาร
ภาพรถของสายการบินมาเก๊า ถ่ายจากบนรถ
ปรากฏว่ารถเคลื่อนไปได้แค่นิดเดียวก็ถึงทางเข้าอาคารแล้ว ทำให้น่าสงสัยว่าทำไมไม่ให้เดินไปเองตั้งแต่แรกอาจเร็วกว่ารอขึ้นรถ
จากนั้นก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมา ก็ไม่มีปัญหาอะไร คนไทยเข้ามาเก๊าได้สบายอยู่แล้ว อยู่ได้ ๓ วันโดยไม่ต้องมีวีซ่า
ผ่านเข้ามาก็เป็นส่วนรับประเป๋า แต่ครั้งนี้เราไม่ได้มีสัมภาระอยู่แล้ว เพื่อจะได้เดินเที่ยวได้อย่างสบายตัวไม่ต้องมีสัมภาระเป็นภาระ ดังนั้นจึงผ่านออกไปทันที
จากนั้นออกมา เจอที่แลกเงิน ก่อนอื่นต้องแลกเงินสำหรับใช้ในมาเก๊า ในมาเก๊าใช้เงินที่เรียกว่า
ปาตากามาเก๊า (Pataca de Macau) นอกจากนี้เงินฮ่องกงก็ใช้ในมาเก๊าได้ด้วย แต่ความคุ้มค่าจะน้อยกว่าเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่ว่าจะไปฮ่องกงต่อก็แลกเป็นเงินมาเก๊าจะคุ้มกว่า
เนื่องจากว่าครั้งก่อนไปญี่ปุ่นแล้วเหลือเงินเยนกลับมาเยอะ ก็เลยเอาเงินเยนนั้นมาใช้แลกในครั้งนี้ ใช้แลกไป ๒๐๐๐ เยน แลกแล้วได้มาทั้งหมด ๑๓๗.๒ ปาตากา ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็คือประมาณ ๕-๖๐๐ บาท ถือว่าเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวเพียงไม่กี่ชั่วโมงโดยไม่เน้นซื้อของ
แล้วก็เดินไปขึ้นรถเมล์ทางนั้น
ป้ายรถเมล์สนามบิน
ตอนแรกไม่ได้วางแผนมาดีนักจึงงงๆว่าควรจะนั่งรถเมล์สายไหนไป พอลองถามคนเขาก็แนะนำให้นั่งสาย AP1 สายนี้เป็นสายที่วิ่งระหว่างสนามบินกับ
ปอร์ตัสดูแซร์กู (Portas do Cerco) หรือ
กวานจ๋า (关闸, 關閘) ซึ่งเป็นตรงชายแดนกั้นข้ามไปยังจูไห่
ในมาเก๊ารถเมล์ทั่วไปราคา ๖ ปาตากาตลอดสาย ต้องพกเศษไปจ่ายพอดี ไม่มีทอนเศษ แต่ว่าคนที่นั่นปกติจะใช้บัตรเติมเงินแตะตอนขึ้นรถ เพื่อความสะดวกจะได้ไม่ต้องเติมเศษตลอด
บนรถเมล์
ระหว่างทางเก็บภาพมาบางส่วนด้วย เริ่มจากวิ่งผ่าน
มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเก๊า (澳门科技大学, 澳門科技大學, Universidade de Ciência e Tecnologia de Macau)ผ่านย่านเมืองภายในเกาะ มีตึกอยู่เยอะแต่ก็ไม่ได้หนาแน่นเท่าส่วนคาบสมุทร
รถเมล์สายนี้ใช้เส้นทางข้าม
สะพานมิตรภาพ (友谊大桥, 友誼大橋, Ponte de Amizade) ซึ่งเป็นสะพานที่อยู่ทางตะวันออกสุดใน ๓ สะพานที่ใช้ข้ามระหว่างมาเก๊าส่วนเกาะกับส่วนคาบสมุทร
ทิวทัศน์ระหว่างอยู่บนสะพาน
ที่เห็นอยู่ทางตะวันตกคือ
สะพานผู้สำเร็จราชการการ์วาลญู (嘉乐庇总督大桥, 嘉樂庇總督大橋, Ponte Governador Nobre de Carvalho) เป็นสะพานแรกที่ถูกสร้างขึ้น
ตรงส่วนปลายคาบสมุทรมาเก๊ามีหอคอยตั้งโดดเด่นอยู่ นั่นคือ
หอคอยท่องเทียวมาเก๊า (澳门旅游塔, 澳門旅遊塔, Torre de Macau) สูง ๓๓๘ เมตร จากด้านบนสามารถเล่นบันจีจัมพ์ได้ ถือเป็นที่เล่นบันจีจัมพ์ที่สูงที่สุดในโลก
ที่เห็นเขียวๆคือ
ศูนย์วิทยาศาสตร์มาเก๊า (澳门科学馆, 澳門科學館, Centro de Ciência de Macau) กำลังอยู่ในระหว่างซ่อมแซม
ตึกต่างๆบนคาบสมุทร
ข้ามฝั่งมาถึง
ท่าเรือโดยสารส่วนนอก (外港客运码头, 外港客運碼頭, Terminal Marítimo de Passageiros do Porto Exterior) ที่นี่มีเที่ยวเรือโดยสารไปมาระหว่างมาเก๊ากับฮ่องกง
เนื่องจากไม่ได้วางแผนไว้แต่แรกว่าควรจะลงตรงไหนดี เลยดูตามทางแล้วดูว่าตรงไหนเหมาะที่จะเริ่มลงไปเดิน
ผ่านป้าย
ถนนมิตรภาพ / สะพานลอย (友谊马路/行车天桥, 友誼馬路/行車天橋, Avenida Amizade / Viaduto) ก็ยังไม่ได้ลง
ผ่านป้าย
ถนนโนวาอาเรยาเปรตา / หน่ามหว่า (黑纱环新街/南华, 黑沙環新街/南華, Rua Nova Areia Preta / Nam WA)สุดท้ายตัดสินใจลงรถที่ป้าย
ถนนใหญ่ตะวันออกเฉียงเหนือ / โปลีเต็กซ์ (东北大马路/保利达, 東北大馬路/保利達, Avenida Nordeste / Edf. Polytex) บริเวณนี้ถือว่าอยู่ค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาเก๊า
แผนที่แสดงเส้นทางเดินรถเมล์
แถวบริเวณที่ลงรถมานี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยชุมชนแออัด
หลังจากที่ลงมาก็ค่อยตั้งหลักดูว่าตัวเองอยู่แถวไหน และค่อยเริ่มตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี มีทางเลือกอยู่ว่าจะตรงไปยังจุดท่องเที่ยวหลักใจกลางเมืองเลยหรือว่าจะไปให้ถึงประตูที่ข้ามไปยังจูไห่
ระหว่างที่ยังไม่แน่ใจเส้นทางได้ลองถามทางยามที่อยู่แถวๆนั้น ลองคุยเป็นภาษากวางตุ้งเพื่อฝึก ก็คุยพอรู้เรื่องอยู่
สุดท้ายลองพิจารณาดูแล้วว่าจากจุดที่ลงนี้เดินต่อไปถึงชายแดนทางเหนือได้ง่ายใกล้กว่าไปย่านใจกลางเมือง จึงตัดสินใจว่าจะเดินขึ้นเหนือไปเดินดูตรงชายแดน แล้วค่อยเดินเลียบชายฝั่งทางตะวันตกไป
เดินไปตามทางขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ แถวนี้ไม่มีอะไรที่ดูเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีแต่ที่อยู่อาศัย แต่ก็ทำให้ได้มาเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่นี่ดี
ผ่าน
ศูนย์การค้าไหลไหล (来来购物广场, 來來購物廣場) เป็นซูเปอร์เล็กๆแห่งหนึ่ง ที่นี่เปิด 9:30 ตอนที่ไปดูแล้วเป็นเวลา 9:28 ก่อนห้างเปิดแป๊บเดียว จึงเห็นคนมายืนรอเข้าไป
ลองเข้าไปเดินดูด้านใน
ที่จริงที่เข้าเพื่อจะไปหาห้องน้ำแวะสักหน่อย แต่สุดท้ายก็หาไม่พบ พอลองถามพนักงานเขาก็บอกว่าที่นี่ไม่มีห้องน้ำ แต่เราไม่ได้ถามต่อว่าต้องไปหาที่ไหน สุดท้ายก็เลยไม่ได้เข้า
ออกมาจากห้างแล้วก็เดินต่อไป
เดินมาถึงแยกสามเหลี่ยมที่มีสวนเล็กๆอยู่ตรงกลาง ชื่อว่า
สวนสามเหลี่ยมอาเรยาเปรตา (黑沙还三角花园, 黑沙環三角花園, Triangular Da Areia Preta Garden)ศาลากลางสวน
จากแยกตรงนี้หากเดินไปก็จะไปทางเหนือต่อเรื่อยๆก็จะถึงชายแดน แต่ขอตัดจบตอนไว้ที่ตรงนี้ ตอนต่อไปมาดูย่านแถวชายแดน
https://phyblas.hinaboshi.com/20190326แผนที่สรุปเส้นทางที่เดินมาถึงและกำลังจะเดินต่อไป