# 22~25 ก.พ. 2023ช่วงวันที่ 8 ถึง 22 กุมภาพันธ์ 2023 ได้บินไปอยู่ไต้หวัน แล้วก็เดินกลับ นั่งเครื่องบินจากสนามบินนานาชาติเถาหยวนมาลงสนามบินเซนได ซึ่งได้เล่าไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20230222แต่ปัญหาก็คือการเข้าญี่ปุ่นในตอนนี้จำเป็นต้องมีหลักฐานแสดงว่าฉีดวัคซีนโควิดที่ทางญี่ปุ่นยอมรับแล้วครบ ๓ เข็ม หรือไม่ก็มีผลตรวจโควิดภายใน ๗๒ ชั่วโมง
ที่จริงเรามีฉีดวัคซีนครบ ๓ ครั้งแล้วที่ไต้หวัน มีหลักฐานการฉีดพกอยู่ด้วย แต่ว่าเข็มที่ ๓ เป็นวัคซีนเกาตวานของไต้หวัน (เล่าไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20220328) ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับจากทางญี่ปุ่น จึงไม่ถูกนับรวมด้วย
ดังนั้นจึงทำให้ไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะสามารถเข้ามายังประเทศญี่ปุ่นได้โดยไม่โดนกักตัว ผลก็คือต้องกักตัวที่โรงแรมเป็นเวลา ๓ วันตามระเบียบ ซึ่งในที่นี้ก็คือให้พักโรงแรมจนถึงวันที่ 25 ก.พ.
ที่จริงตอนขึ้นเครื่องจากไต้หวันนั้นอะไรๆก็ดูราบรื่นไม่มีปัญหา ทางสายการบินเขาก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลย แต่พอมาถึงสนามบินเซนไดผ่านด่านตรวจคัดกรองโรคเราก็ถูกกักตัวเอาไว้ แล้วก็ถูกพาไปคุยกันยาวเลย กว่าจะสรุปผลว่าให้กักตัว
โดยในการกักตัวนั้นจะทำที่โรงแรมใกล้สนามบินเซนได ส่วนการเดินทางไปโรงแรมนั้นให้นั่งแท็กซีไป โดยเขาจะทั้งจองโรงแรมและเรียกแท็กซีให้ ทั้งค่าแท็กซีและค่าพักโรงแรมต้องออกเองทั้งหมด ครั้งนี้เราเสียค่าแท็กซีไป ๒,๗๕๐ เยน ส่วนค่าโรงแรม ๒๓,๕๐๐ เยน
ส่วนรายละเอียดการกักตัวนั้นจริงๆก็ไม่ได้มีอะไรมาก ไม่ได้เคร่งครัดอะไร แค่ให้ไปพักอยู่โรงแรมโดยไม่ให้ทำอะไรมาก สามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกและกินข้าวในร้านได้ แค่เลี่ยงการสัมผัสผู้คนเกินกว่าจำเป็น และในเช้าที่ ๒ และ ๓ (ในที่นีคือเช้าวันที่ 24 และ 25 ก.พ.) ต้องทำการตรวจโควิดด้วยอุปกรณ์ตรวจที่เขาเตรียมไว้ให้ด้วยตัวเองและถ่ายภาพผลตรวจส่งอีเมลให้เขาดู ถ้าหากผลเป็นลบทั้ง ๒ ครั้ง ก็ออกจากโรงแรมไปได้เลย การกักตัวก็สิ้นสุดลงเท่านี้
ดังนั้นทำให้ครั้งนี้เราต้องมาพักอยู่โรงแรมตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. ที่ลงเครื่องมา และออกจากโรงแรมในเช้าวันที่ 25 ก.พ.
ก่อนที่จะเล่าเรื่องโรงแรม ขอเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่อง เหนือน่านฟ้าญี่ปุ่น ระหว่างทางผ่านภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะ ดูสวยงามมาก โชคดีที่ได้นั่งริมหน้าต่างด้วย เลยได้ถ่ายภาพมา
แล้วเครื่องบินก็มาลงจอด
หลังจากที่ลงจอดแล้วเราก็เดินออกจากเครื่อง เข้ามาผ่านด่านตรวจคัดกรองโรค ดังที่เล่าไปแล้ว ระหว่างนั้นไม่ได้ถ่ายภาพอะไรไว้เลยเพราะอยู่กับพนักงานตลอด จนกว่าจะได้มีโอกาสถ่ายอีกทีก็ตอนกำลังจะไปขึ้นรถแท็กซี ออกมาด้านนอก อากาศหนาวมาก
รถแท็กซีคันที่พาไปส่งที่โรงแรม
แล้วเราก็ขึ้นแท็กซีนั่ง แล้วเขาก็พามาส่งจนถึงหน้าโรงแรม
โรงแรมที่พักนี้ชื่อว่า โฮเทลรูตอินนาโตริอิวานุมะอินเตอร์ (ホテルルートイン
名取岩沼インター) ตั้งอยู่ในตอนใต้สุดของเมืองนาโตริ (
名取市) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ของสนามบินเซนได แต่ว่าถ้าข้ามถนนไปก็เป็นเมืองอิวานุมะ (
岩沼市) แล้ว จึงเรียกได้ว่าที่นี่ตั้งอยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างเมืองนาโตริและเมืองอิวานุมะ
เดินเข้าประตูหน้าโรงแรมไป
เข้ามาก็เจอเคาน์เตอร์ให้เช็กอิน แต่ว่าตอนไปถึงมีคนยืนอยู่ ต้องรอคิวสักพัก
ระหว่างนั้นก็เลยมองไปรอบๆแล้วถ่ายภาพในบริเวณห้องล็อบบี
หลังจากนั้นก็เช็กอินและจ่ายค่าพักโรงแรมทั้ง ๓ คืนล่วงหน้า แล้วก็เข้ามาพักที่ห้อง สภาพห้องเป็นแบบนี้ ดูแล้วก็ใช้ได้ทีเดียว
ห้องอยู่ชั้น ๓ ทิวทัศน์ที่มองออกไปก็เป็นแบบนี้ ดูสวยงามดี เป็นบ้านนอกที่ไม่ค่อยมีอะไร ดูเงียบสงบ
ทางซ้ายบนคือใบเสร็จค่าแท็กซี ทางขวาคือใบเสร็จค่าโรงแรม ส่วนซ้ายล่างคือนามบัตรคนของทางสายการบิน EVA ซึ่งเป็นคนรับผิดชอบการกักตัวของเราครั้งนี้ เขามีเขียนว่าให้ติดต่อส่งอีเมลไปยังไงระหว่างที่กักตัวอยู่ด้วย
ส่วนนี่เป็นเอกสารสัญญาเกี่ยวกับการกักตัว ซึ่งเซ็นตอนอยู่ที่สนามบิน แล้วเขาให้ติดตัวมาด้วย
แม้จะเรียกว่ากักตัว แต่เขาไม่ได้ห้ามออกไปกินข้าวข้างนอก ดังนั้นพอถึงตอนเย็นจึงเดินไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารแถวๆนี้ ซึ่งก็ต้องเดินไปพอสมควรจึงจะมีร้าน เพราะแถวนี้โล่งมาก อาคารร้านต่างๆก็ตั้งอยู่แบบห่างๆหลวมๆ
เดินมาถึงตรงนี้ก็พอจะเริ่มเจอร้าน
นี่คือร้านราเมงยามาโอกะ สาขานาโตริ (ラーメン
山岡家 名取店)
เข้ามาสั่งราเมงกิน
จากนั้นก็เดินกลับ ระหว่างทางแวะร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน (ฝั่งเมืองอิวานุมะ) ซื้ออะไรเก็บกลับไปกินที่ห้อง
เมื่อกลับมาถึงก่อนจะขึ้นห้องก็มากดกาแฟที่ล็อบบีเอาไปดื่มที่ห้องได้ นี่เป็นบริการฟรีของทางโรงแรม
แล้ววันต่อมา เช้าวันที่ 23 ก.พ. ก็มากินอาหารเช้า ซึ่งทางโรงแรมบริการให้กินได้ฟรีทุกเช้า
ส่วนตอนเย็นก็เดินออกไปหาอะไรกินอีก ฝั่งตรงข้ามถนน คือฝั่งเมืองอิวานุมะก็มีร้านอาหารอยู่
ข้ามถนนไปกินทีคัตสึยะ สาขามิยางิอิวานุมะ (かつや
宮城岩沼店)
แล้วต่อมาก็เช้าวันที่ 24 ก.พ. ก็มากินมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากนั้นก็ทำการตรวจโควิดด้วยอุปกรณ์ที่คนที่สนามบินได้เตรียมไว้ให้ ตามข้อตกลงการกักตัวครั้งนี้
ผลการตรวจเป็นลบ จากนั้นก็ส่งอีเมลให้ผู้รับผิดชอบการกักตัวของสายการบิน EVA เขาดู
ส่วนมื้อเย็นมากินที่ร้านอาหารของโรงแรม ซึ่งก็เป็นที่เดียวกับที่กินมื้อเช้า เพียงแต่ว่าอาหารมื้อเย็นที่นี่ไม่ได้ฟรี แต่ต้องเสีย ๘๐๐ โดยต้องจองล่วงหน้าไว้ตั้งแต่เช้าด้วย ซึ่งราคาก็ถือว่าไม่ได้แพง เย็นนี้จึงตัดสินใจกินที่นี่
อาหารตอนเย็นจะต่างจากมื้อเช้า
ในห้องอาหารมีโทรทัศน์อยู่ ระหว่างกินก็ดูไป เห็นออกข่าวเรื่องสงครามยูเครนอยู่ เพราะวันที่ 24 ก.พ. เป็นวันครบรอบหนึ่งปีของสงครามยูเครนซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2022 และป่านนี้ก็ยังคงดำเนินอยู่ ทุกคนก็เป็นห่วงกันว่าเมื่อไหร่จะจบสักที
แล้วเช้าวันที่ 25 ก.พ. ตื่นมาก็มากินอาหารเช้าที่เดิมอีก
หลังจากนั้นก็ตรวจโควิด ได้ผลตรวจเป็นลบ ส่งอีเมลไปรายงานผล เท่านี้การกักตัวก็สิ้นสุดลง เป็นอิสระแล้ว สามารถออกจากโรงแรมและเดินทางกลับได้
เราออกจากโรงแรมตอนสิบโมงเช้า ลาก่อนโรงแรมที่พักอยู่มา ๓ คืน
การเดินทางกลับเซนไดนั้นทำได้โดยไปนั่งรถไฟ ที่นี่อยู่ใกล้กับสถานีทาเตโกชิ (
館腰駅) อยู่ทางเหนือห่างไป ๒.๓ กิโลเมตร เป็นระยะทางที่เดินไปได้
ระหว่างทางที่เดินไปตามถนน ขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ
ฝั่งตรงข้ามมีร้านราเมงตั้งอยู่โดดเดี่ยวดี
เดินต่อไปเรื่อยๆ
ตรงนี้มีป้ายบอกทางว่าถ้าเลี้ยวขวาไปสนามบิน ถ้าตรงต่อไปจะไปยังเมืองเซนได
ข้ามมาเดินฝั่งตะวันตกของถนน
แล้วในที่สุดก็มาถึงสถานีทาเตโกชิ เป็นสถานีเล็กๆ
ตรงสถานีมีที่แตะบัตรตั้งอยู่ตรงกลางทางเข้า ไม่มีที่กั้นใดๆ แตะบัตรแล้วเดินผ่านเข้าไปในชานชลาได้เลย
ตอนที่มาถึงนั้นรถไฟกำลังออกพอดี เลยรีบไปถ่ายรูปป้ายสถานีแบบรีบๆ แล้วมาขึ้นรถไฟให้ทัน
ได้ถ่ายด้านหน้ารถไฟขณะกำลังออก หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถไฟแล้วเดินทางกลับเซนได
เกิดเหตุไม่คาดคิดทำให้ต้องมาอยู่โรงแรมกักตัว เสียเงินไปมาก แต่ก็ดีที่ไม่ได้ลำบากอะไรมากมายนัก ระหว่างที่กักตัวอยู่ก็สามารถทำอะไรๆในคอมได้ เลยเหมือนแค่มาพักร้อนอยู่บ้านนอก ไม่ว่าอะไรก็ตามก็ถือเป็นประสบการณ์
ก็หวังว่าสถานการณ์โควิดจะสิ้นสุดลงและกลับมาใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างเมื่อก่อนและเดินทางข้ามประเทศได้โดยไม่ต้องตรวจโลกกันสักที จะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก