# พุธ 31 พ.ค. 2023
อยู่เซนไดมาเกือบจะครบปีแล้ว บัตรประจำตัวผู้พำนักอยู่ใกล้จะหมดอายุจึงต้องไปต่ออายุ สำหรับคนที่อยู่เซนไดสามารถไปต่อได้ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเซนได (
仙台出入国在留管理局) ซึ่งอยู่ในย่าน
ทซึตสึจิงาโอกะ (榴岡) ซึ่งอยู่ใกล้ใจกลางเมือง ค่อนไปทางตะวันออก
ย่านที่เราอยู่คือแถวอิจิบังโจว (
一番町) นั้นอยู่ฝั่งตะวันตกของสถานีเซนได ในขณะที่ย่านทซึตสึจิงาโอกะนั้นอยู่ฝั่งตะวันออก คนละฝั่งกัน แต่ก็อยู่ในระยะที่สามารถเดินไปได้ เราจึงตัดสินใจเดินไป
ครั้งนี้เราไปช่วงเช้าก่อนที่จะไปทำงานที่มหาวิทยาลัยโทวโฮกุ พอดีเป็นวันที่ไม่ต้องรีบไปตั้งแต่เช้า จึงถือโอกาสไปทำธุระเอาตอนนี้ และเนื่องจากย่านแถวนั้นมีอะไรอยู่พอสมควร และเราไม่เคยไปมาก่อน ครั้งนี้ก็เลยถือโอกาสไปเดินดูอะไรแถวนั้นด้วย จากนั้นเสร็จแล้วค่อยไปทำงาน
ระหว่างทางเดินผ่านตึก SS30 สูง ๑๔๓ เมตร เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในเซนได แถวนี้อยู่ในย่านจูโอว (
中央) ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองแถวๆฝั่งตะวันตกของสถานีเซนได
จากนั้นลอดผ่านอุโมงค์เพื่อทะลุผ่านทางรถไฟสายหลักที่ลากผ่านกลางเมือง
พอข้ามไปก็ถึงย่านทซึตสึจิงาโอกะ แถวนี้มีร้านค้าต่างๆเช่นโยโดบาชิคาเมรา (ヨドバシカメラ) ห้างขนาดใหญ่ที่เน้นขายกล้อง มีหลายสาขาทั่วประเทศ นี่เป็นสาขาเซนได
จากนั้นก็เดินขึ้นไปตามถนนฮิงาชิฮาจิบังโจว (
東八番丁通り) ผ่าน
สถานีมิยางิโนะโดริ (宮城野通駅) เป็นสถานีรถไฟใต้ดินของเมืองเซนได อยู่ถัดจากสถานีเซนไดไปทางตะวันออกเฉียงใต้เล็กน้อย ถือเป็นสถานีหลักของย่านทซึตสึจิงาโอกะ
เดินขึ้นเหนือมาเจอถนนมิยางิโนะ (
宮城野通り) เป็นถนนใหญ่สายสั้นๆที่ลากจากฝั่งตะวันออกของสถานีเซนไดไปผ่านย่านทซึตสึจิงาโอกะ
หลังจากนั้นเขาก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนฮิงาชิคุบังโจว (
東九番丁通り)
แล้วเดินต่อมาก็มาโผล่ที่ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 48 (
国道48号) เป็นถนนสำคัญที่ตัดผ่านกลางเมืองเซนได ช่วงตอนตะวันตกของสถานีเซนไดจะเรียกว่าถนนฮิโรเสะ (
広瀬通り)
จากตรงนี้เดินต่อไป
สวนที่เห็นทางขวาคือ
สวนสาธารณะทซึตสึจิงาโอกะ (榴岡公園) ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวหลักของย่านนี้
ที่เราเดินอยู่ตรงนี้เป็นฝั่งตรงข้ามสวนสาธารณะทซึตสึจิงาโอกะ ที่เห็นหอคอยมียอดกลมๆนั่นคือกรมอุตุนิยมวิทยาของเมืองเซนได
จากนั้นเดินแยกมาที่ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 45 (
国道45号) เป็นทางหลวงสำคัญอีกเส้น ลากจากเซนไดไปยังอาโอโมริ ที่เห็นมีหอคอยอยู่ข้างหน้าคือตึก NTT คอม (NTTコム) ส่วนเป้าหมายของเราคือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองก็อยู่ทางขวานี้เอง
นี่คืออาคารสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเซนได
แต่ว่าส่วนที่เราต้องเข้าไปติดต่อนั้นเป็นตึกแยกเล็กๆข้างๆ
เมื่อเข้าไปติดต่อเราก็พบว่าเตรียมเอกสารมาไม่พร้อม ต้องให้ทางมหาวิทยาลัยช่วยกรอกอะไรบางส่วน ครั้งนี้เลยยังทำอะไรไม่ได้ ไว้ต้องมาใหม่อีกรอบ น่าเสียดาย อุตส่าห์เดินมา แต่ก็ไม่เป็นไร ไหนๆมาแล้วเราก็ถือโอกาสเดินเล่นเที่ยวอะไรแถวๆนี้ต่อ
ภาพถ่ายอาคารสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจากฝั่งตรงข้ามถนน เห็นหอคอยของกรมอุตุนิยมอยู่ด้านหลังด้วย
จากนั้นเราเดินต่อไปทางตะวันออกอีกหน่อย
เดินเลี้ยวเข้าซอยนี้ไปทางใต้
ตรงนี้คือโรงเรียนมัธยมต้นมิยางิโนะ (
宮城野中学校)
มองจากทางใต้ด้านนอกสนามโรงเรียน เห็นหอคอย NTT คอม
จากนั้นเดินย้อนมาทางตะวันตกก็เจอสวนสาธารณะทซึตสึจิงาโอกะ
เดินขึ้นสะพานลอยมาเพื่อข้ามถนนแล้วเข้าไปยังสวนสาธารณะ
เมื่อเข้ามา ก็เห็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นบ้านเมืองเซนได (
仙台市歴史民俗資料館) ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมตะวันออกเฉียงเหนือของสวนสาธารณะนี้
ทางเข้าอยู่ด้านหน้า เดินอ้อมมาทางนี้
ตึกนี้เป็นอาคารเก่าที่สร้างเมื่อปี 1874 เมื่อก่อนใช้เป็นอาคารที่พักทหาร จากนั้นจึงปรับปรุงใหม่ แล้วกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2001 ภายในจัดแสดงพวกของเก่าและประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของเมืองเซนได
การเข้าชมต้องเสียค่าเข้า ๒๔๐ เยน
เดินเข้าไปชั้นแรกก็เจอที่ขายตั๋ว ซื้อตั๋วจากตรงนั้น
จากนั้นส่วนจัดแสดงอยู่ชั้น ๒ ซื้อตั๋วแล้วก็เดินขึ้นไปได้
แผนที่ส่วนจัดแสดง ดูแล้วจะเห็นว่ากว้างพอสมควร แม้จะมีแค่ชั้นเดียว
เริ่มชมจากส่วนห้องที่ขึ้นบันไดมาเจอ ตรงนี้มีแผนที่บริเวณเมืองเซนไดและเขียนถึงประวัติศาสตร์
ของสิบสองราศี
จากนั้นเดินเข้ามาทางซ้าย
ห้องนี้แสดงเตียงและอาวุธปืนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง สมัยก่อนที่นี่เคยเป็นอาคารที่พักของทหาร
แล้วก็เดินเข้ามาด้านในสุด มีจัดแสดงอะไรอยู่มากมาย
จากนั้นเดินย้อนกลับมา ต่อไปเข้าชมห้องจัดแสดงทางฝั่งขวาบ้าง
ตรงส่วนนี้จัดแสดงเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในเมือง
ทางนี้เป็นพวกอุปกรณ์การเกษตร
ชุดฟางที่เกษตรกรใส่
เดินต่อลึกเข้ามาเป็นห้องที่ติดกับบันไดทางเดินฉุกเฉิน
ส่วนห้องเล็กๆตรงนี้จำลองบ้านเกษตรกร
แล้วก็ห้องด้านในสุด จัดแสดงเกี่ยวกับพวกงานเทศกาลต่างๆของเซนได
เซนไดทานาบาตะ (
仙台七夕祭)
ฮินะมัตสึริ (ひな
祭り)
จากนั้นก็เดินหมดแล้ว ภาพนี้ถ่ายจากห้องด้านในสุดมองกลับไปทะลุไปถึงห้องไกลสุดฝั่งตรงข้าม
เดินกลับลงมา
ตรงส่วนชั้นล่างมีที่นั่งอ่านหนังสือ มีพวกหนังสือนำเที่ยวในเซนไดอยู่ด้วย
หลังจากนั้นก็ออกมาจากอาคาร ถ่ายภาพอาคารอีกทีก่อนเดินจากไป
จากนั้นเดินชมในบริเวณสวนสาธารณะนี้ต่อ ตรงนี้มีเวทีสำหรับใช้จัดงานอะไรต่างๆด้วย ทำออกมาสวยดี
ในบริเวณสวนเห็นผู้คนออกมาเดินเล่นกันประปราย
ลานน้ำพุกลางสวนสาธารณะ
เดินต่อมาทางตะวันตกเรื่อยๆ
ก็มาถึงทางออกฝั่งตะวันตก การเดินชมภายในสวนก็หมดแค่นี้ จริงๆบริเวณสวนนี้มีต้นซากุระจำนวนมาก ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิจะบานสวย มีอะไรให้ชมมากกว่านี้ แต่ว่าตอนนี้เห็นแต่ต้นไม้เขียวๆธรรมดาไม่มีอะไรมาก
เมื่อเดินออกมา ตรงนี้มีป้ายชี้ไปยังศาลเจ้า
ทซึตสึจิงาโอกะเทมมังงู (榴岡天満宮) เป็นศาลเจ้าเล็กๆทางตะวันตกของสวนสาธารณะทซึตสึจิงาโอกะ
เดินเข้าซอยมานิดหน่อยก็ถึงทางเข้าศาลเจ้า
ภายในบริเวณศาลเจ้า ที่นี่เล็กแค่นิดเดียว ไม่มีอะไรมาก เดินดูผ่านๆแป๊บเดียวก็เสร็จ
อาคารหลัก
ในนี้เด่นที่วัว สมเป็นศาลเจ้าเทมมังงู
แล้วก็เดินออกจากศาลเจ้ามา ไปทางตะวันตกต่อ
แล้วเดินออกจากซอยมาโผล่ที่ถนนมิยางิโนะ ซึ่งเราก็เดินผ่านมาแล้วในตอนแรก
ที่ตรงนี้มี
สถานีทซึตสึจิงาโอกะ (榴ケ岡駅) เป็นสถานีรถไฟใน
สายเซนเซกิ (仙石線) ซึ่งเชื่อมไปถึงเมืองอิชิโนมากิ แต่ไม่สะดวกนักถ้าจะเราจะขึ้นรถไฟที่สถานีนี้ เพราะที่ต้องการขึ้นจริงๆคือรถไฟใต้ดินเซนไดสายโทวไซ ซึ่งเป็นคนละสายกัน ถ้าขึั้นจากตรงนี้ไปก็ต้องไปเปลี่ยนที่สถานีเซนไดอยู่ดี และสถานีนี้อยู่ใต้ดินก็จริง แต่เป็นคนละระบบกันกับรถไฟใต้ดินเซนได
ดังนั้นเราจึงตัดสินใจไม่ขึ้นรถไฟที่สถานีนี้ แล้วเดินย้อนเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินที่สถานีมิยางิโนะโดริที่ได้ผ่านมาตอนแรก ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นัก
เดินไปตามถนนมิยางิโนะ ไปทางตะวันตก
ระหว่างทางพอดีเห็นหอคอยห้าชั้นสวยๆโดยไม่ตั้งใจอยู่ทางซ้าย ค้นดูจึงรู้ว่าหอคอยนั้นเป็นของ
วัดโควโชว (孝勝寺) ซึ่งเป็นวัดเล็กในนิกายนิจิเรนชู (
日蓮宗) เลยตัดสินใจเลี้ยวเข้ามาแวะดูสักหน่อย โดยระหว่างทางผ่าน
สวนสาธารณะทซึตสึจิงาโอกะยนโจวเมะ (榴岡四丁目公園) เป็นสวนขนาดเล็กมาก จากสวนนี้มองไปเห็นหอคอยนี้ได้สวย
ป้ายหน้าสวนสาธารณะ มองเข้าไป พื้นที่สวนนี้มีอยู่แค่นี้
จากนั้นมาเดินหาทางเข้าตัววัด แต่ก็ไม่เจอ
จนเดินมาเจอทางเข้าซึ่งเป็นส่วนด้านหลัง และเป็นที่จอดรถ เห็นด้านหลังตัวอาคารวัด
แต่ว่าจากตรงนี้มีรั้วกั้นไม่สามารถเข้าไปในบริเวณตัววัดได้ โดยมีป้ายติดว่าภายในก่อสร้างอยู่ จึงเข้าชมไม่ได้ ถือว่ามาในจังหวะไม่ดี แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเดิมทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาชมตั้งแต่แรก ที่สำคัญคือได้ชมหอคอยห้าชั้นจากด้านนอกก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ภาพถ่ายจากรั้วด้านนอก มองเข้าไป
หลังจากนั้นเราก็เดินต่อเพื่อไปยังสถานีมิยางิโนะโดริ ระหว่างทางเดินผ่านส่วนของถนนฮิงาชิคุบังโจว แล้วก็ยังผ่านวัดอีกแห่ง คือวัดเอนโตกุ (
圓徳寺) เป็นวัดเล็กๆ
ส่วนฝั่งตรงข้ามกันนั้นเป็นวัดโฮวอง (
報恩寺) เป็นวัดเล็กๆของนิกายเท็นได (
天台) เท่าที่ดูแผนที่แล้วแถวนี้มีวัดเล็กๆเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าเดินชมไปเรื่อยๆคงไม่จบสิ้นง่ายๆ
จากนั้นจึงเดินย้อนกลับมาถึงสถานีมิยางิโนะโดริจนได้
จากนั้นเราลงไปยังตัวสถานีเพื่อนั่งรถไฟใต้ดินไปทำงาน แต่ก่อนอื่นเห็นในสถานีเต็มไปด้วยอัมปังแมน ก็เลยถ่ายภาพเก็บมาด้วย ที่จริงแล้วใกล้ๆกับสถานีนี้มีพิพิธภัณฑ์เด็กอัมปังแมนเซนได (
仙台アンパンマンこどもミュージアム) อยู่ด้วย ดังนั้นอัมปังแมนเลยกลายเป็นจุดขายของย่านนี้ไป ไว้ถ้ามีโอกาสเราก็อาจจะแวะไปชมพิพิธภัณฑ์นั้นด้วย แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
จะเห็นได้ว่าพื้นในสถานีมีหลายจุดที่มีรูปอัมปังแมนอยู่
ก็เป็นอันจบการเดินเที่ยวในย่านทซึตสึจิงาโอกะของเซนไดลงเท่านี้ แค่มาทำธุระแต่ก็ได้เที่ยวไปในตัว เถือเป็นย่านที่มีอะไรให้ชมมากมายกว่าที่คิดจริงๆ