φυβλαςのβλογ
บล็อกของ phyblas
ทวีต
วัดเจี้ยไถ วัดเก่าแก่บนเขาทางตะวันตกของปักกิ่ง
เขียนเมื่อ 2015/04/13 08:02
แก้ไขล่าสุด 2021/09/28 16:42
#จันทร์ 6 เม.ย. 2015
นอกเมืองปักกิ่งมีวัดโบราณอยู่หลายแห่งที่สวยๆน่าลองไปแวะชมดู
วันก่อนได้ไป
วัดหยวินจวี (云居寺)
มาแล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20150328
จากนั้นคราวนี้เราได้ไปเที่ยวชมวัดอีกแห่ง วัดที่ไปคราวนี้คือ
วัดเจี้ยไถ (戒台寺)
ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของปักกิ่ง วัดนี้ตั้งอยู่ใน
เขตเหมินโถวโกว (门头沟区)
ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของปักกิ่ง ตั้งอยู่บนเขาชื่อ
เขาหม่าอ้าน (马鞍山)
ใกล้ๆกับวัดเจี้ยไถยังมีวัดอีกแห่งที่มีชื่อเสียงคือ
วัดถานเจ้อ (潭柘寺)
อยู่ห่างกันไม่กี่กิโลเมตร วัดถานเจอนั้นทั้งเก่าแก่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงยิ่งกว่าวัดเจี้ยไถพอสมควร แต่เนื่องจากว่าเราเคยไปวัดถานเจ้อมาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้นำมาเล่าลงในบล็อกนี้ ดังนั้นคราวนี้จึงไปแต่วัดเจี้ยไถ ส่วนเรื่องของวัดถานเจ้อนั้นไว้หากมีเวลาจะนำมาเขียนถึงภายหลัง มีสถานที่อีกหลายแห่งในปักกิ่งที่เคยไปแต่ไม่มีเวลาเล่าถึง หากจะเขียนย้อนหลังคงต้องทยอยเขียนเมื่อมีเวลา
วัดเจี้ยไถถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายยุคราชวงศ์สุย (隋朝, ปี 581 - 619) ถึงต้นสมัยราชวงศ์ถัง (唐朝, ปี 618 - 907) เดิมชื่อว่าวัดฮุ่ยจวี้ (慧聚寺)
ในยุคราชวงศ์เหลียว (辽朝, ปี 916 - 1125) ได้มีพระที่ชื่อว่าฝ่าจวิน (法均) มาสร้างเจี้ยถาน (戒坛) เอาไว้ที่วัดนี้ คำว่าเจี้ยถานถ้าแปลตรงๆก็คือแท่นถือศีล เป็นแท่นบูชาแบบหนึ่งที่มีพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก วัดนี้และ
วัดไคหยวน (开元寺)
ที่เมืองเฉวียนโจว (泉州) มณฑลฝูเจี้ยน และ
วัดเจาชิ่ง (昭庆寺)
ในเมืองหางโจว (杭州) มณฑลเจ้อเจียง รวมกันเรียกว่า จงกั๋วซานต้าเจี้ยไถ (中国三大戒坛) แปลว่าแท่นถือศีลสามแห่งใหญ่ในจีน แต่ว่าวัดเจี้ยไถนี้มีเจี้ยถานที่ใหญ่ที่สุด ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเสินโจวตี้อีถาน (神州第一坛) แปลว่าแท่นที่หนึ่งในเสินโจว โดยคำว่าเสินโจวเป็นอีกชื่อที่ใช้เรียกแผ่นดินจีนมาตั้งแต่สมัยก่อน
วัดจึงถูกเรียกว่าวัดเจี้ยถาน (戒坛寺) แต่คำว่าถาน (坛) ซึ่งแปลว่าแท่นนั้นมีความหมายคล้ายกับคำว่าไถ (台) ซึ่งแปลว่าเวที วัดนี้จึงถูกเรียกว่าวัดเจี้ยไถ
ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ที่อี้ซิน (奕䜣) มาพำนักอยู่เป็นเวลา ๑๐ ปี ตั้งแต่ปี 1884 ถึง 1894
อี้ซิน หรือที่เรียกว่าองค์ชายกง (恭王) นั้นเป็นเจ้าของ
ตำหนักองค์ชายกง (恭王府, กงหวางฝู่)
ที่เคยเล่าถึงไปใน
https://phyblas.hinaboshi.com/20120427
อี้ซินเป็นลูกของจักรพรรดิเต้ากวาง (道光, ปี 1820 - 1850) และเป็นน้องชายของจักรพรรดิเสียนเฟิง (咸丰, ปี 1850 - 1861) เขาเป็นคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ช่วงปลายยุคราชวงศ์ชิง เช่นในปี 1861 เป็นผู้ที่ร่วมมือกับซูสีไทเฮาในการทำการปฏิวัติที่ทำให้ซูสีไทเฮามีอำนาจขึ้นมา
เขามาอยู่ที่วัดเจี้ยไถนี้ตั้งแต่ปี 1884 หลังจากที่เขานำทัพไปแพ้สงครามจีน-ฝรั่งเศส (中法战争) และถูกซูสีไทเฮาสั่งปลดออกจากตำแหน่ง จนถึงปี 1894 จึงกลับมาและรับตำแหน่งต่อจนถึงปี 1898 จีงเสียชีวิตลง
วัดเจี้ยไถอยู่ทางตะวันตกของเมืองปักกิ่ง การไปจะต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่
สถานีผิงกั่วหยวน (苹果园站)
แล้วจึงนั่งรถเมล์ต่อเพื่อจะไปถึง
แผนผังรถไฟฟ้า ถ่ายที่สถานีผิงกั่วหยวน ตรงจุดที่ถูกชี้สีแดงทางปลายซ้ายสุดคือสถานีผิงกั่วหยวน
เมื่อก่อนทางไปวัดเจี้ยไถกับวัดถานเจ้อนั้นเป็นทางเดียวกัน โดยถ้านั่งรถเมล์ไปจะผ่านวัดเจี้ยไถก่อนแล้วจึงไปถึงวัดถานเจ้อ แต่ว่าต่อมามีการขุดอุโมงค์ทำให้การเดินทางไปวัดถานเจ้อง่ายขึ้น ไม่ต้องผ่านวัดเจี้ยไถแล้ว
แต่เราไม่ได้หาข้อมูลตรงนี้ไว้ คิดว่ายังเหมือนเดิมอยู่ ตอนที่ไปถึงป้ายรถเมล์แล้วพบว่ารถเมล์สาย 931 ที่ไปวัดถานเจ้อนั้นไม่ได้ผ่านวัดเจี้ยไถแล้วจึงเริ่มงงว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วจึงมาเจอทีหลังว่าสำหรับต้องนั่งสาย 948 จึงจะไปวัดเจี้ยไถได้ เราจึงไปรออยู่ที่ป้ายรถเมล์สาย 948 ระหว่างรอก็เห็นพวกคนขับรถรับจ้างซึ่งมาตื๊อนักท่องเที่ยวให้นั่งรถเขา เพราะรถเมล์ที่นี่น้อยจริงๆบางทีคนก็ขี้เกียจรอนานต้องยอมจ่ายแพงเพื่อนั่งไป
ตรงที่รอนั้นมีรถเมล์อีกสายคือ 892 ซึ่งสามารถไปยัง
หมู่บ้านชว่านตี่เซี่ย (爨底下村)
ซึ่งเราเคยไปมาแล้ว
https://phyblas.hinaboshi.com/20131102
เรารอนานประมาณครึ่งชั่วโมงจนเห็นว่ารถสาย 892 ผ่านมา ๒ คันแล้วแต่ 948 กลับยังไม่มาสักทีก็เลยสงสัยแล้วถามคนขับรถที่อยู่ตรงนั้นดูก็ได้ความว่า 948 มีวันละ ๕ เที่ยวเท่านั้น ถ้าจะรอก็รอบต่อไปมีตอนเที่ยงครึ่งโน่น ซึ่งมันอีกตั้งนาน เท่ากับว่าที่มารออยู่นี่รอเก้อ
นี่เป็นปัญหาอย่างหนึ่งของรถเมล์จีน คือข้อมูลที่ป้ายไม่ได้บอกว่ารถเมล์สายไหนมีจำนวนเที่ยวมากแค่ไหน หรือแม้แต่ในเว็บเองก็ไม่ได้เขียนบอก ต้องถามจากคนที่รู้เอาเองเท่านั้น ไม่งั้นก็ต้องค้นจากบันทึกของคนที่เคยไปมา ซึ่งบางทีก็หาไม่ง่าย และข้อมูลก็อาจไม่เป็นปัจจุบันแล้ว
ครั้งนี้ต้องยอมรับว่าพลาดที่ไม่ยอมถามคนแถวนั้นก่อนตั้งแต่ตอนแรกๆที่มาเริ่มรอ กลับรออยู่ตั้งนานจึงค่อยเริ่มรู้สึกผิดสังเกต ก็เลยเสียเวลาไปเฉยๆเยอะเลย
พอรู้ว่ารอไปยังไงรถก็ไม่มีวันมาจึงได้หันเข้าหารถรับจ้าง เจอรถคันนึงที่กำลังจะไปส่งนักท่องเที่ยวที่จะไปวัดถานเจ้อ ซึ่งเป็นทางเดียวกับวัดเจี้ยไถ พวกคนที่ไปวัดถานเจ้อมี ๓ คน เขาจึงคิดค่าโดยสารคนละ ๒๐ แต่เขาคิดเรา ๔๐ ค่าไปวัดเจี้ยไถ
เขาไปส่งเราถึงที่วัดเจี้ยไถก่อนแล้วจึงค่อยไปส่งนักท่องเที่ยวอีก ๓ คนที่เหลือไปวัดถานเจ้อ ตอนลงจากรถคนขับทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ของเขาไว้ให้ เผื่อว่าตอนกลับหารถกลับไม่ได้ เพราะว่าที่นี่มีแต่รถเมล์สาย 948 ซึ่งมีวันละ ๕ เที่ยว ถ้ารอไม่ตรงจังหวะก็จะไม่มีรถกลับ ดังนั้นไปถึงให้ถามคนแถวนั้นไว้ก่อนเลยว่ารถเมล์มาเมื่อไหร่
รถใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึง เราถ่ายรูปรถที่มาส่งเก็บเอาไว้สักหน่อย ดูจากทะเบียนแล้วเห็นได้ว่ารถคันนี้มาจากมณฑลเหอเป่ย์
เมื่อมาถึงที่ขณะนั้นเวลาเที่ยงกว่า เราถามป้าคนที่ขายธูปอยู่แถวนั้นดูว่ารถเมล์มาประมาณกี่โมง เขาก็บอกว่าประมาณบ่ายโมงยี่สิบ นั่นทำให้เราต้องเร่งรีบพอสมควรในการเที่ยววัด เพราะเท่ากับมีเวลาแค่ประมาณชั่วโมงเดียวเท่านั้นถ้าอยากจะนั่งรถเมล์กลับ
ที่ที่คนขับรถมาส่งถึงนั้นเป็นบริเวณที่จอดรถ จากตรงนี้ยังต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยจึงจะถึงตัววัด
แผนที่วัด ที่นี่กว้างพอสมควรอยู่ แต่ไม่ได้กว้างเท่าวัดถานเจ้อ ประตูหน้าวัดหันไปทางตะวันออก
ซื้อบัตรเข้าช ราคาเต็มคือ ๔๕ หยวน แต่เราใช้บัตรนักเรียนลดเหลือ ๒๒ หยวน
ประตูทางเข้าวัด
เมื่อผ่านประตูทางเข้าเข้ามามาทางแยกไปสองทาง ไปทางไหนก่อนก็ได้ ตรงนี้คือทางแยกไปทางขวาซึ่งจะไปอ้อมบริเวณด้านข้าง
แต่เราไม่ได้ไปทางนั้น เดินตรงมาตามทางด้านหน้าเลย ผ่านอาคารประตูทางเข้าด้านหน้าสุดของวัด เรียกว่าซานเหมินเตี้ยน (山门殿)
ข้างในมียักษ์ผู้เฝ้าประตู
ผ่านประตูเข้ามาจะเจอกับอาคารเทียนหวางเตี้ยน (天王殿)
ตอนอยู่บนรถคนขับรถบอกว่าวัดนี้คนเขาไม่ค่อยจะมาเที่ยวกันเท่าไหร่หรอก เขามีแต่ไปวัดถานเจ้อกันหมด แต่พอเข้ามาก็กลับพบว่านักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรทั้งๆที่เป็นวันธรรมดา
บริเวณตรงนี้มีหอกลองอยู่ทางซ้าย
และหอระฆังอยู่ทางขวา หอระฆังนี้ถูกสร้างในปี 1447
ในบริเวณตรงนี้มีต้นสนใหญ่อยู่ ๒ ต้น อายุหลายร้อยปี ถูกตั้งชื่อว่าเฟิ่งซง (凤松) แปลว่าสนมังกร และหลงซง (龙松) แปลว่าสนมังกร
เต้าปี้ซี่ (赑屃) แบกแผ่นหิน
เสาหินสลักลายมังกรสวยงาม
เดินผ่านอาคารเทียนหวางเตี้ยน
ในนี้มีรูปปั้นยักษ์ผู้เฝ้าอยู่ ๔ ตน
ผ่านมาถึงตรงนี้ก็จะเจออาคารต้าสยงเป่าเตี้ยน (大雄宝殿)เป็นอาคารหลักใจกลางวัดที่มีพระศากยมุนีอยู่ข้างใน
พระศากยมุนีข้างใน
ศาสนิกเขาซื้อทั้งธูปทั้งเทียนมาไหว้ ส่วนคนนอกศาสนาอย่างเราก็เดินดุ่มๆถือกล้องถ่ายรูปแทนธูป แต่ยังไงก็ตามต้องสำรวมเข้าไว้และไม่รบกวนคนอื่นที่เขากำลังไหว้อยู่ เรื่องนี้สำคัญไม่ว่าจะไปเที่ยววัดหรือโบสถ์หรือมัสยิดอะไรที่ไหนก็ตาม
เดินขึ้นต่อไปอีก
ก็เจอกับอาคารเชียนฝัวเก๋อ (千佛阁) แปลว่าตำหนักพระพุทธรูปพันองค์ ซึ่งเดิมทีเหลือแต่ซากแต่ตอนนี้เขากำลังจะสร้างมันขึ้นใหม่ก็เลยอยู่ในสภาพนี้ตอนนี้
ด้านหน้ามีกล่องใส่เงินบริจาค
จากตรงนี้เลี้ยวไปทางขวาเจอสนที่ชื่อว่าว่อหลงซง (卧龙松) แปลว่าสนมังกรหลับ
จากตรงนี้มีทางแยกว่าจะตรงไปหรือว่าเลี้ยวขวา เราเริ่มจากไปทางขวาก่อน
พอเดินมาตรงนี้แล้วเจอหอคอยอยู่ด้านล่างหน้าตาเหมือนกัน ๒ หอ นี่คือหอคอยเหลียวถ่า (辽塔)
ข้างล่างเป็นสวนดอกไม้
แต่ยังไม่ค่อยเห็นดอกไม้บานมากนัก
หอคอยเหลียวถ่า มองจากด้านล่าง
กลับขึ้นมาด้านบนเดินต่อจะเจออาคารที่ชื่อหมิงหวางเตี้ยน (明王殿) เป็นประตูหน้าทางเข้าสู่เจี้ยไถ สร้างในสมัยราชวงศ์เหลียว เดิมชื่อโยวปัวหลีเตี้ยน (尤波离殿) ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบันในสมัยราชวงศ์ชิง
ข้างๆกันนั้นมีเสาศิลาจารีกซึ่งตั้งไว้ตั้งแต่ปี 1369
ถัดไปตรงนั้นคืออาคารชื่ออู๋เสี่ยนไฉเสินเตี้ยน (五显财神殿) เป็นที่บูชาเทพแห่งความมั่งคั่งทั้ง ๕
จากด้านข้างหมิงหวางเตี้ยนเดินเลี้ยวซ้ายผ่านประตูไปต่อ
ก็จะเจอกับอาคารที่เป็นส่วนสำคัญของที่นี่ นั่นคืออาคารเจี้ยไถเตี้ยน (戒台殿) หรือเจี้ยถานเตี้ยน (戒坛殿) เป็นที่ที่มีเจี้ยถานอยู่ข้างใน
เจี้ยถานที่อยู่ด้านใน
จากนั้นถัดไปอาคารข้างๆขนาบอยู่สองฝั่งคืออู๋ไป่หลัวฮ่านถาง (五百罗汉堂) แปลว่าหอพระอรหันต์ห้าร้อยองค์ เป็นอาคารยาวมีอยู่สองหลังทางซ้ายและขวาของเจี้ยไถเตี้ยน
ข้างในมีพระพุทธรูปหิน
แล้วก็เดินมาสุดทาง อาคารด้านในสุดชื่อต้าเปย์เตี้ยน (大悲殿) แปลว่าอาคารแห่งความโศกเศร้าเหลือคณา
จากนั้นตรงส่วนนั้นก็สุดทางแค่นั้น เดินย้อนกลับมายังเชียนฝัวเก๋อ
แล้วเดินตรงต่อไป จะเจอทางเลี้ยวขวาอีก
ซึ่งจะเจอกับอาคารชื่อเจินอู่เตี้ยน (真武殿) เจินอู่นั้นเป็นเทพแห่งทิศเหนือในความเชื่อของลัทธิเต๋า มีที่มาจากเสวียนอู่ (玄武) ซึ่งเป็น ๑ ในอสูรปกครองทั้ง ๔
ด้านหลังอาคารนี้ยังมีทางขึ้นไปต่อ
นี่เป็นทางเดินด้านในสุดของตัววัด เดินต่อจากตรงนี้ไปก็คืออ้อมออกไปลงอีกทาง
จากตรงนี้มองลงไปเห็นอาคารเจี้ยไถเตี้ยนที่เดินผ่านมาก่อนจากมุมสูงได้
จากนั้นลงมาหน่อยก็เจออาคารชื่อจิ่วเซียนเตี้ยน (九仙殿) ใช้บูชาเซียนทั้ง ๙
มองลงไปตรงนี้มีอาคาร ตามแผนที่บอกว่าเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิม แต่เราไม่ได้ลงไปดูเพราะว่าต้องรีบแล้ว
ทางเชื่อมไปยังสวนด้านข้างวัดเปิดจากตรงข้างๆจิ่วเซียนเตี้ยน
ออกไปก็เจอสนามเทนนิส
ที่เหลือก็แค่เดินลงไปเรื่อยๆแล้ว
ยังมีผ่านอาคารอีกเล็กน้อย ตรงนี้คือกวานกงเตี้ยน (关公殿) คืออาคารที่บูชากวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์
อีกฝั่งตรงด้านใต้ระหว่างทางลงมีอาคารที่เคยใช้เป็นหอพักของพระ มีอยู่สองหลัง หลังบนเรียกว่าซ่างย่วน (上院) หลังล่างเรียกว่าเซี่ยย่วน (下院) ปัจจุบันใช้เป็นโรงแรมให้นักท่องเที่ยวพักได้
ถัดมาก็ยังเจอหมู่อาคารอีกหลายหลังแต่สถาพดูเหมือนกำลังอยู่ระหว่างซ่อมเลยไม่ได้เข้าไปดูใกล้ๆ
หลังจากเดินลงมาเรื่อยๆก็ถึงด้านล่างสุดตรงทางออกวัด
ตอนที่มาถึงนี่ก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ป้าคนขายธูปบอกว่ารถเมล์จะมาตอนบ่ายโมงยี่สิบ ก็เลยรีบวิ่งออกไปเพราะควรเผื่อเวลา
เรารีบถามคนตรงนั้นว่าป้ายรถเมล์อยู่ตรงไหนแล้วก็รีบวิ่งออกไป กว่าจะถึงป้ายรถเมล์ต้องเดินออกไปอีกระยะทางไกลพอสมควรเหมือนกัน
แม้จะกังลังรีบอยู่แต่ก็ยังมีอารมณ์ถ่ายบรรยากาศตามทางเพราะสวยดี
ถึงประตูทางออกวัดแล้ว เวลาตอนนั้นเกือบจะบ่ายโมงสิบ
หน้าประตูทางเข้าวัด เห็นคนอื่นก็มารอรถเมล์อยู่เช่นเดียวกัน ที่นี่ไม่มีป้ายรถเมล์บอกแต่ถามคนที่อยู่ตรงนั้นเขาบอกว่ารถเมล์จะมาจอดตรงนี้แหละไม่ผิดแน่
คนแถวนั้นเขาบอกว่ารถเมล์ที่จะกลับน่ะมาบ่ายโมงสี่สิบ ไม่ใช่บ่ายโมงยี่สิบ เราก็เลยอ้าวทำไมป้าคนขายธูปบอกแบบนั้นล่ะ เขาก็บอกว่าบ่ายโมงยี่สิบนั่นมันรถเมล์ที่จะเลยขึ้นเขาต่อ ส่วนรถเมล์กลับลงจากเขานั่นมาบ่ายโมงสี่สิบ สรุปก็คือเข้าใจผิดนั่นเอง กลายเป็นว่าเราไม่รู้จะรีบไปทำไม เหลือเวลาอีกตั้งเยอะ แทนที่จะได้เดินชมตัววัดช้าๆสบายใจกว่านี้สักหน่อยกลับต้องมารีบแล้วก็ต้องมารอรถนาน แต่ก็ช่วยไม่ได้ยังไงเร็วไว้ก่อนก็ปลอดภัยกว่า
ตรงบริเวณนี้มีคนขับรถรอหาลูกค้าผู้โดยสารที่จะกลับตัวเมืองหรือไปวัดถานเจ้อต่ออยู่ด้วย แต่ก็ไม่เห็นมีใครขึ้น ทุกคนก็คงรู้กันว่ารออีกไม่นานนักรถเมล์ก็จะมา
ข้างๆมีร้านอาหาร แต่ก็มีเวลาไม่ได้มากก่อนรถจะมาก็เลยไม่ได้เข้าไปนั่งกิน ยังไงรออยู่ตรงป้ายให้พร้อมไว้ตลอดดีกว่า
มองออกไปแถวนี้ก็ไม่มีอะไร
หลังจากนั้นรอจนถึงบ่ายโมงสี่สิบรถเมล์สาย 948 ที่รออยู่ก็ยังไม่มา จนคนที่รออยู่ก็เริ่มกระวนกระวายเหมือนกัน แต่แล้วรอต่อไปสักพักรถเมล์ก็มาถึงตอนบ่ายโมงห้าสิบกว่า ช้าไปพอสมควร รถเมล์ที่จีนเวลามันไม่แน่นอนสักเท่าไหร่ได้แค่กะประมาณ จะให้เที่ยงตรงแบบที่ญี่ปุ่นคงยาก
ปัญหาก็คือคนแน่นจนตอนแรกเกือบจะขึ้นรถเมล์ไม่ได้ ยังดีที่พออัดเข้าไปไหวไม่งั้นคงแย่
เนื่องจากคนแน่นมากทำให้เราต้องยืนอยู่ด้านหน้าสุดของคันรถ ก็เลยสามารถถ่ายภาพระหว่างทางได้ ก็ได้ภาพสวยๆมาหน่อย
ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบชั่วโมงในที่สุดก็กลับถึงสถานีรถไฟฟ้าผิงกั่วหยวน จากนั้นก็นั่งรถไฟฟ้ากลับเข้าตัวเมือง การเดินทางห่างไกลนอกตัวเมืองเพื่อเที่ยววัดก็จบลงเท่านี้
{{s.chue}}
〇
✖
ทวีต
-----------------------------------------
囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧囧
ดูสถิติของหน้านี้
หมวดหมู่
--
ท่องเที่ยว
>>
ศาสนสถาน
>>
วัด
--
ประเทศจีน
>>
จีนแผ่นดินใหญ่
>>
ปักกิ่ง
ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาของบทความไปลงที่อื่นโดยไม่ได้ขออนุญาตโดยเด็ดขาด หากต้องการนำบางส่วนไปลงสามารถทำได้โดยต้องไม่ใช่การก๊อปแปะแต่ให้เปลี่ยนคำพูดเป็นของตัวเอง หรือไม่ก็เขียนในลักษณะการยกข้อความอ้างอิง และไม่ว่ากรณีไหนก็ตาม ต้องให้เครดิตพร้อมใส่ลิงก์ของทุกบทความที่มีการใช้เนื้อหาเสมอ
三
~ เกี่ยวกับเรา ~
สารบัญ
รวมคำแปลวลีเด็ดจากญี่ปุ่น
ภาษา python
มอดูลต่างๆ
-- numpy
-- matplotlib
-- pandas
-- manim
-- opencv
-- pyqt
-- pytorch
การเรียนรู้ของเครื่อง
-- โครงข่าย
ประสาทเทียม
ภาษา javascript
ภาษา mongol
ภาษาศาสตร์
maya
ความน่าจะเป็น
บันทึกในญี่ปุ่น
บันทึกในจีน
-- บันทึกในปักกิ่ง
-- บันทึกในฮ่องกง
-- บันทึกในมาเก๊า
บันทึกในไต้หวัน
บันทึกในยุโรปเหนือ
บันทึกในประเทศอื่นๆ
qiita
บทความอื่นๆ
บทความแบ่งตามหมวด
==เลือกหมวด==
ดาราศาสตร์
คณิตศาสตร์
-ความน่าจะเป็น
คอมพิวเตอร์
-เขียนโปรแกรม
--python
---numpy
---scipy
---matplotlib
---pandas
---manim
---pyqt
---sklearn
---pytorch
---mayapython
--ruby
--javascript
--dart
--MATLAB
--SQL
--regex
--opencv
-shell
-3D
--maya
--MMD
-microsoft_office
-pdf
-ปัญญาประดิษฐ์
--โครงข่ายประสาทเทียม
--สเตเบิลดิฟฟิวชัน
---comfyui
-การสุ่ม
ภาษาศาสตร์
-ตัวอักษร
-เรียนภาษา
-หลักเกณฑ์การทับศัพท์
-ภาษาจีน
--ภาษาจีนกลาง
-ภาษาญี่ปุ่น
-ภาษามองโกล
-ภาษาลาว
-ภาษาเขมร
ประวัติศาสตร์
-ประวัติศาสตร์จีน
-ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
ปรัชญา
ประเทศจีน
-จีนแผ่นดินใหญ่
--ปักกิ่ง
--เทียนจิน
--เหลียวหนิง
--เหอเป่ย์
--เหอหนาน
--ซานตง
--ซานซี
--อานฮุย
--เจ้อเจียง
--หูเป่ย์
--หูหนาน
--ฝูเจี้ยน
--กวางตุ้ง
---แต้จิ๋ว
--ยูนนาน
--ซินเจียง
-ฮ่องกง
-มาเก๊า
-ไต้หวัน
--ไทเป
--จีหลง
--เถาหยวน
--ซินจู๋
--เหมียวลี่
--ไถจง
--จางฮว่า
--หยวินหลิน
--เจียอี้
--ไถหนาน
--เกาสยง
--ผิงตง
--อี๋หลาน
ประเทศญี่ปุ่น
-ฮกไกโด
-อาโอโมริ
-อิวาเตะ
-มิยางิ
-อากิตะ
-ยามางาตะ
-ฟุกุชิมะ
-อิบารากิ
-โทจิงิ
-กุมมะ
-ไซตามะ
-จิบะ
-โตเกียว
-คานางาวะ
-นีงาตะ
-โทยามะ
-อิชิกาวะ
-ฟุกุอิ
-ยามานาชิ
-นางาโนะ
-กิฟุ
-ชิซึโอกะ
-ไอจิ
-มิเอะ
-ชิงะ
-เกียวโต
-โอซากะ
-เฮียวโงะ
-นาระ
-วากายามะ
-โอกายามะ
-ฮิโรชิมะ
-ยามางุจิ
-ฟุกุโอกะ
-ซางะ
-นางาซากิ
-คุมาโมโตะ
-โออิตะ
ต่างแดน
-อุษาคเนย์
--กัมพูชา
--พม่า
--สิงคโปร์
-ยุโรป
--สวีเดน
--เดนมาร์ก
--ฟินแลนด์
-ออสเตรเลีย
ท่องเที่ยว
-มหาวิทยาลัย
-พิพิธภัณฑ์
--พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
--หอศิลป์
-สวนสัตว์
--พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
-ท้องฟ้าจำลอง
-ตึกระฟ้า
-ปราสาท☑
--ปราสาทญี่ปุ่น
--ปราสาทขอม
--ปราสาทยุโรป
-ศาสนสถาน
--วัด
--ศาลเจ้า
--โบสถ์
--มัสยิด
-สุสาน
-มรดกโลก
-ทะเล
-ทะเลสาบ
-ภูเขา
-ภูเขาไฟ
-หิมะ
-ดอกซากุระ
-แมว
-รถไฟ
-เรือ
-ตลาดกลางคืน
-งานเทศกาล
-ที่ระลึกภัยพิบัติ
-ตามรอย
บันเทิง
-เกม
--อาเตอลีเย
--โปเกมอน
--caligula
--vn
-อนิเมะ
-มังงะ
-นิยาย
-เพลง
--เพลงอนิเมะ
--เพลงเกม
เรื่องแต่ง
บันทึก
ติดตามอัปเดตของบล็อกได้ที่แฟนเพจ
ค้นหาบทความ
บทความล่าสุด
นั่งเรือข้ามทะเลอาริอาเกะจากคุมาโมโตะไปยังเมืองชิมาบาระจังหวัดนางาซากิ
ซากุระโนะบาบะ โจวไซเอง ย่านร้านค้าชิโมโตริ ซากุระมาจิคุมาโมโตะ
ชมปราสาทคุมาโมโตะที่ยังเต็มไปด้วยรอยแผลจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่
นั่งรถไฟไปตามสายหลักโฮวฮิจากอาโสะมุ่งสู่เมืองคุมาโมโตะ ระหว่างทางแวะที่สถานีฮิโงะโอซึ กินคุมาโมโตะราเมง
ชมปากปล่องภูเขาไฟอาโสะที่คุกรุ่น แต่อยู่ได้ไม่นานเพราะไม่ดีต่อสุขภาพ
บทความแนะนำ
ตัวอักษรกรีกและเปรียบเทียบการใช้งานในภาษากรีกโบราณและกรีกสมัยใหม่
ที่มาของอักษรไทยและความเกี่ยวพันกับอักษรอื่นๆในตระกูลอักษรพราหมี
การสร้างแบบจำลองสามมิติเป็นไฟล์ .obj วิธีการอย่างง่ายที่ไม่ว่าใครก็ลองทำได้ทันที
รวมรายชื่อนักร้องเพลงกวางตุ้ง
ภาษาจีนแบ่งเป็นสำเนียงอะไรบ้าง มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยจากประวัติศาสตร์ความเป็นมา
เรียนรู้วิธีการใช้ regular expression (regex)
การใช้ unix shell เบื้องต้น ใน linux และ mac
g ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียง "ก" หรือ "ง" กันแน่
ทำความรู้จักกับปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง
ค้นพบระบบดาวเคราะห์ ๘ ดวง เบื้องหลังความสำเร็จคือปัญญาประดิษฐ์ (AI)
หอดูดาวโบราณปักกิ่ง ตอนที่ ๑: แท่นสังเกตการณ์และสวนดอกไม้
พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมโบราณปักกิ่ง
เที่ยวเมืองตานตง ล่องเรือในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
ตระเวนเที่ยวตามรอยฉากของอนิเมะในญี่ปุ่น
เที่ยวชมหอดูดาวที่ฐานสังเกตการณ์ซิงหลง
ทำไมจึงไม่ควรเขียนวรรณยุกต์เวลาทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ
บทความแต่ละเดือน
2024年
1月
2月
3月
4月
5月
6月
7月
8月
9月
10月
11月
12月
2023年
1月
2月
3月
4月
5月
6月
7月
8月
9月
10月
11月
12月
2022年
1月
2月
3月
4月
5月
6月
7月
8月
9月
10月
11月
12月
2021年
1月
2月
3月
4月
5月
6月
7月
8月
9月
10月
11月
12月
2020年
1月
2月
3月
4月
5月
6月
7月
8月
9月
10月
11月
12月
ค้นบทความเก่ากว่านั้น
ไทย
日本語
中文